หากวันนี้คือกรวดทรายที่ไร้ค่า แต่วันข้างหน้าจะเจียระไนให้ได้มาซึ่งเพชรแก้ว
ให้แวววาวกระจ่างตา พร่างพราวกระจ่างใจ และแข็งแกร่งยากนักจะทำลาย

Love Stories เรื่องรักซีรี่ย์แรก ตอนที่ 2



ซีรี่ย์แรก ...รักบทใหม่กับหัวใจดวงเดิม



2.




“เพื่อนเราที่จะมาทำงานกับพี่ชื่ออะไรนะเล็ก ..ใช่ที่เป็นฝาแฝดหรือเปล่า”


อนันต์เอ่ยถามน้องสาวขึ้นในระหว่างทางขณะที่กำลังขับรถไปทำงาน จำได้ว่าอนุชมีเพื่อนเป็นฝาแฝดซึ่งเขาเคยเจอตอนที่เธอพาสองสาวนั้นไปเที่ยวที่บ้าน


“ไม่ใช่ยัยฝาแฝดหรอกค่ะ สองคนนั่นเขาเรียนคนละคณะกับเล็ก เพื่อนที่จะไปฝึกงานด้วยกันนี่เขาชื่อนิ.. นิศากร สิตานนท์ ..พี่กลางยังไม่เคยเจอนิเลยสินะ ..เมื่อก่อนตอนอยู่ม.ปลาย นิเขาก็เคยไปบ้านเรา แต่ตอนนั้นพี่กลางก็ไปเรียนอยู่เมืองนอก พอเข้ามหา’ลัย แล้ว นิเขาก็ไม่ค่อยได้ไป” ..ซึ่งก็ตั้งแต่เหตุการณ์ที่ทำให้นิศากรกลายเป็นคนเงียบขรึมลงคราวนั้นที่ทำให้เพื่อนของเธอแทบจะตัดขาดกับทุกสิ่ง ยกเว้นเรื่องเรียนและเพื่อนสนิทกลุ่มนี้ ..ไม่ใช่ว่านิศากรรู้สึกไม่ดีกับครอบครัวของอนุช เพียงแต่ว่าอดที่จะรู้สึกอิจฉาความสัมพันธ์ของพี่น้องของบ้านธนพรชัยเจริญไม่ได้เมื่อสำนึกว่าตนเองต้องสูญเสียบางสิ่งที่คล้ายคลึงนี้ไป


“อ้าว ไม่ได้สนิทกันหรอกหรือ เพื่อนเราคนนี้น่ะ” อนันต์ค่อนข้างจะแปลกใจ


“สนิทกันสิคะ สนิทกันมากๆ ด้วย นิเขาเป็นเพื่อนที่ดีมาก แถมยังคอยดูแลเหมือนเป็นพี่สาวของพวกเราคนหนึ่งเลย บางครั้งเล็กยังอยากให้นิเขากลายมาเป็นพี่สาวเล็กจริงๆ เลย ..แต่ที่ตอนหลังนิเขาไม่ค่อยจะได้ไปเที่ยวบ้านเราเหมือนยัยฝาแฝดก็เพราะว่าเขาต้องทำงานพิเศษน่ะ ก็เลยไม่ค่อยมีเวลาว่างเท่าไหร่.. แล้วนี่มาฝึกงานเขาก็ต้องลาออกจากงานพาร์ทไทม์ที่ทำด้วย ถ้ายังไงจบการฝึกงานครั้งนี้แล้ว พี่กลางก็รับนิเข้าทำงานที่บริษัทเราเลยนะ” อนุชรู้ดีว่าที่เพื่อนสาวต้องทำงานพิเศษนอกเวลาเรียนนั้นก็เพราะใช้ในการเป็นข้ออ้างที่จะไม่ต้องกลับไปบ้านตัวเองในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือหยุดระหว่างภาคเรียน รวมถึงจะได้ไม่ต้องมีเวลาว่างมากเกินในการที่จะทำให้ตัวเองคิดฟุ้งซ่านไปกับเรื่องบางเรื่อง ..และที่สำคัญนอกจากนี้ นิศากรยังต้องการที่จะมีเงินเก็บสักก้อนเพื่อที่ตัวเองจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเองไม่ต้องกลับไปพึ่งพาทางบ้านอีกหลังจากที่เรียนจบ ดังนั้นหนทางหนึ่งที่หญิงสาวพอจะทำได้ก็คือหาทางช่วยให้เพื่อนรักได้งานทำทันทีที่เรียนจบนั่นเอง


“อะไรกัน ยังไม่ทันจะเริ่มงานเราก็จะให้พี่รับเขาเข้าทำงานประจำที่บริษัทซะแล้ว พี่ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเพื่อนเราคนนี้จะทำงานดีไม่ดีแค่ไหน จะขยันมากน้อยแค่ไหนก็ไม่รู้ ..อีกอย่างพี่ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้ตัดสินรับใครทำงานเสียหน่อย ต้องให้แผนกบุคคลเขาเป็นคนจัดการนู้น ..ไม่ทันไรจะเล่นเส้นซะแล้วหรือจ๊ะ น้องสาวพี่” เขาว่าพลางโยกศีรษะน้องสาวเบาๆ ให้กับดวงตาที่ติดจะอ้อนวอนคู่นั้น


“เล็กไม่ได้จะใช้เส้นซะหน่อย แค่ถ้าพี่กลางช่วยรับรอง มันก็ทำให้นิเขาได้งานเร็วขึ้นก็เท่านั้น ส่วนเรื่องทำงานดีไม่ดี อันนี้เล็กรับประกันได้เลยว่าพี่กลางไม่ผิดหวังแน่ๆ เพื่อนของเล็กคนนี้น่ะทั้งขยัน ทั้งเรียนเก่ง รับรองได้เลยว่างานทุกชิ้นที่นิเขาได้รับมอบหมายให้ทำ จะต้องเสร็จลุล่วงตามกำหนด แล้วก็ออกมาดีอย่างไม่มีที่ติแน่ แล้วอย่างนี้ถ้าไม่พิจารณาเพื่อนเล็ก ก็น่าเสียดายตายเลย”


“โฆษณาจริงนะ เอาเถอะ ถ้าเพื่อนเราเขาดีจริงอย่างที่เราว่า พี่ก็จะลองคิดดูแล้วกัน แต่ไม่ใช่ว่าเพื่อนเราเขาอยากจะไปทำงานที่อื่นนะ” ชายหนุ่มรับคำอย่างไม่ค่อยจะใส่ใจเท่าใดนัก เขาเห็นว่าเด็กจบใหม่หลายคนต้องการที่จะหาประสบการณ์การทำงานจากหลายๆ แห่งมากกว่าที่จะมาจมปลักอยู่กับที่ใดที่หนึ่งนานๆ ..โดยเฉพาะแหล่งฝึกของตัวเองเพราะมันเหมือนทางผ่านเสียมากกว่า


“ไม่หรอกค่ะ นิเขาอยากได้งานทำเร็วๆ จะตาย ถ้าเขาได้งานที่นี่เลย เขาจะได้ไม่ต้องไปดิ้นรนหางานที่อื่น ..สมัยนี้จบแค่ปริญญาตรีไม่ได้หางานทำง่ายๆ หรอกนะพี่กลาง” หญิงสาวยังยืนยันเจตนาเดิมที่จะให้เพื่อนรักทำงานกับพี่ชายของตนเอง


“ถ้าอย่างนั้นก็เรียนต่อสิ อย่างน้อยๆ ถ้าจบโทก็จะได้มีทางเลือกมากขึ้น เล็กเองก็จะไปเรียนต่ออยู่แล้ว เราก็ชวนเพื่อนไปด้วยกันสิ เลือกเรียนที่รัฐเดียวกัน มีเพื่อนอยู่ด้วยจะได้ไม่เหงา..” อนันต์เสนอทางเลือกแบบง่ายๆ ตามความคิดของตนว่าเพื่อนน้องสาวเขาก็คงไม่จนความสามารถที่จะไปศึกษาต่อยังต่างประเทศได้


“โธ่.. พี่กลาง ไปเรียนต่อเมืองนอกใช้เงินไม่น้อยนะคะ ถ้าเรื่องสอบขอทุนไปเรียนต่อ นิเขาคงทำได้ไม่ยากเท่าไหร่หรอก แต่ค่าใช้จ่ายอื่นๆ นะสิที่น่าจะมีปัญหา หรือถ้าจะเรียนต่อโทในบ้านเราเองก็เถอะ มันก็ใช้เงินมากพอควรเหมือนกัน ต่อให้ที่บ้านนิเขาจะส่งให้เรียน เพื่อนเล็กเขาก็คงไม่เอาหรอก นิเขาไม่ต้องการเป็นภาระทางบ้านของเขาอีกหรอก ทุกวันนี้เขาก็แทบจะไม่รบกวนทางบ้านด้วยซ้ำ ค่าเล่าเรียนนี่ก็ได้ทุนเรียนฟรี ค่าใช้จ่ายเขาก็ทำงานเอา ..เรื่องที่เล็กขอให้พี่กลางรับนิเข้าทำงานเขาก็ไม่ได้ขอร้องเล็กหรอก เล็กเองที่อยากให้เขาได้ทำงานที่นี่เลย..”


คำบอกเล่าของน้องสาวทำให้อนันต์อดที่จะคิดถึงลักษณะของเธอคนนั้นไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดทำไมอนุชถึงอยากให้เพื่อนคนนี้เข้าทำงานที่นี่นัก เพราะถ้าเป็นจริงอย่างที่น้องเล็กของเขาว่า หญิงสาวผู้นี้คงค่อนข้างจะมีปัญหากับทางบ้าน หรือไม่ก็เป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเองพอสมควร ทำให้ต้องการดิ้นรนกระเสือกกระสนไม่ให้เป็นภาระแก่ครอบครัวของตนเช่นนี้ ..แต่ถ้าไม่จริง เธอคนนั้นก็คงมีวาทศิลป์ดีในการหว่านล้อมให้น้องสาวเขาหลงเชื่อ ทำให้ดูเป็นคนน่าสงสารเกินจริงแน่ๆ ..ชายหนุ่มอดที่จะคิดถึงคนที่ไม่เคยเห็นหน้าในแง่ร้ายไม่ได้ แต่เขาก็เลิกสนใจที่จะพูดเรื่องเพื่อนของน้องสาวต่อ เปลี่ยนเรื่องสนทนาไปแทน


“ช่างเรื่องของต่อไปในอนาคตเถอะ มาเรื่องของเราดีกว่า คิดยังไงถึงไปช่วยงานพี่ใหญ่ ไม่เปลี่ยนใจมาทำฝ่ายตลาดกับพี่แทนแน่นะ มาอยู่กับเพื่อนเราหรือให้เขาย้ายไปทำกับพี่ใหญ่แทน ไม่แน่เขาอาจจะได้งานทำง่ายกว่าที่อยู่กับพี่ก็ได้ ลองถ้าได้ประธานบริษัทรับรองเอง..” เขาอดที่จะประชดเล็กๆ ไม่ได้ เมื่อเกิดอคติขึ้นกับอีกฝ่ายแล้ว แต่อนุชก็ไม่ได้เล็งเห็นอะไรในน้ำเสียงของพี่ชายกลับบอกออกไปเพียงแค่ว่า


“โอ้ย!.. ให้นิเขาอยู่ฝ่ายตลาดน่ะดีแล้ว เขาเอกทางนี้โดยตรง น่าจะช่วยพี่กลางได้มากกว่าเล็ก แล้วอีกอย่างเล็กขี้เกียจไปเป็นก้างขวางคอสาวๆ ของพี่กลาง เดี๋ยวเล็กก็ได้วีนแตกไล่กระเจิงไป พี่กลางจะมาโทษว่าเล็กเป็นตัวการทำให้กำลังใจในการทำงานของพี่กลางหายหมดไม่ได้นะ ..เพื่อนเล็กก็เหมือนกัน พี่กลางก็ห้ามยุ่งด้วย คนนี้เล็กขอสงวนไว้ให้คนดีๆ คนเจ้าชู้ประตูดินอย่างพี่กลางไม่เหมาะกับเขาหรอก” หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะกัดพี่ชายกลางในเรื่องความประพฤติส่วนตัว


“อ้อ นี่เราเห็นพี่เป็นคนเลวร้ายขนาดนั้นเชียว แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ พี่ไม่คิดจะสนเด็กๆ อย่างเพื่อนเราหรอก คบกับผู้ใหญ่ด้วยกันสบายใจกว่าเยอะ ไม่ต้องกลัวปัญหาตามมาด้วย” ..เท่าที่คิดว่าเป็นเพื่อนน้องสาว เขาก็ไม่คิดจะยุ่งด้วยมากกว่าเรื่องงานอยู่แล้ว และยิ่งมาได้ยินได้ฟังเรื่องราวที่ดูจะสลับซับซ้อนของครอบครัวเธอ เขาก็แทบจะมองไม่ออกว่าจะทำใจยอมรับและเอ็นดูเหมือนเป็นน้องคนหนึ่งเช่นเดียวกับเพื่อนฝาแฝดของน้องสาวได้หรือไม่ และยิ่งเริ่มเกิดอคติเพราะเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นพูดจาหว่านล้อมให้ตัวเองดูรันทดเกินจริงอย่างไรก็ไม่ทราบ ..แล้วบทสนทนาระหว่างพี่น้องก็สิ้นสุดลงเมื่ออนันต์เลี้ยวรถเข้าไปจอดภายในเขตรั้วของบริษัท


อธิป ธนพรชัยเจริญ..บิดาของสามพี่น้อง ได้ก่อตั้งบริษัทนำเข้าอะไหล่และชิ้นส่วนรถยนต์มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ..เดิมทีธุรกิจที่สมัยอธิปยังเป็นผู้บริหารก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากนัก ส่วนใหญ่จะเน้นไปในด้านนำเข้าสินค้ามากระจายให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์อื่นในประเทศ ..แต่ ณ ปัจจุบัน บริษัทของพวกเขาไม่เพียงแต่นำเข้าสินค้าเท่านั้นแล้ว อเนกยังเพิ่มแผนกผลิตและส่งออก ขยับขยายธุรกิจจนใหญ่โตมากขึ้นภายใต้การบริหารงานของคนรุ่นลูก


..ภายในเขตรั้วที่อนันต์นำรถส่วนตัวซึ่งเป็นบริเวณที่จอดรถเฉพาะของคณะผู้บริหารนั้น มองไปเห็นตัวอาคารมากกว่าสามหลัง อาคารด้านหน้าคือส่วนของสำนักงานใหญ่ที่ใช้สำหรับติดต่อลูกค้าทั้งในและนอกประเทศ มีคอฟฟี่ช็อปเล็กๆ ชั้นล่าง ส่วนชั้นบนเป็นที่ทำงานของผู้บริหารและพนักงานในแผนกขายและการตลาด รวมไปถึงพนักงานนั่งโต๊ะที่ทำงานเอกสารทั่วๆ ไป ซึ่งก็จะเป็นส่วนที่อนุชและนิศากรเข้าไปเรียนรู้งาน อาคารหลังที่อยู่ถัดออกมาด้านข้างเป็นส่วนของโรงงานผลิต ผู้จัดการฝ่ายผลิตจะมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบส่วนนี้ทั้งหมด ..อีกอาคารด้านหลังจะเป็นส่วนของโรงอาหารสำหรับลูกจ้างและพนักงานในบริษัท พวกที่ไม่ต้องการออกไปหาที่รับประทานอาหารในช่วงพักกลางวันนอกบริษัท ก็จะอาศัยโรงอาหารแห่งนี้แทน นอกจากนี้ก็ยังมีอาคารเล็กๆ อีกหลายหลังซึ่งเป็นสวัสดิการของทางบริษัทที่มีให้ลูกจ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรือนพยาบาล บ้านพักคนงานระดับล่าง อาคารป้องกันอุบัติภัย อาคารรักษาความปลอดภัย (รปภ.) เป็นต้น ..เห็นได้ชัดเลยว่าธุรกิจของครอบครัวธนพรชัยเจริญจัดเป็นธุรกิจที่มั่นคงมากทีเดียว โดยเฉพาะภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ค่อนข้างจะแปรปรวนในปัจจุบัน


เมื่ออนันต์ดับเครื่องยนต์สนิทดีแล้ว อนุชก็ผุดออกจากรถทันที ทั้งยังเร่งพี่ชายกลางเพื่อจะได้รีบไปยังตัวอาคารสำนักงานเพราะคาดว่าเพื่อนสาวคงมาถึงแล้ว และก็เป็นจริงอย่างที่คิด นิศากรมารอเพื่อนรักได้สักครู่ใหญ่แล้ว จากนั้นเมื่ออเนกตามมาสมทบ หญิงสาวก็แยกไปกับพี่ชายใหญ่ ปล่อยให้เพื่อนรักตามพี่ชายกลางไปยังฝ่ายตลาดแทน



โปรดติดตามซีรี่ย์รักเรื่องแรกตอนที่ 3 เร็วๆ นี้


Create Date : 22 ตุลาคม 2549
Last Update : 22 ตุลาคม 2549 22:33:56 น. 0 comments
Counter : 339 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Katenipa
Location :
นครปฐม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






(รายละเอียดข้อมูลอัพเดตเจ้าของบล็อกติดตามได้ในหน้า "สมุดเยี่ยม" เลยนะคะ ^ ^)




ชักเริ่มจะเปลี่ยนแนวจากบ้าซีรี่ย์เกาหลี มาเป็นย้อนยุคกลับไปสู่หนังจีนกำลังภายใน และวกกลับมาคลั่งไคล้แดนปลาดิบ ณ บัดนาว ^ ^





ตัวฉัน(มั้ง) ^ ^"


มนุษย์(ธรรมด๊า ธรรมดา)เดินดินกินข้าวแกง(รวมถึงอาหารอื่นๆ )ไปตามประสา แค่บางวันอาจอยากกินก๋วยเตี๋ยวบ้างก็เท่านั้น เพศคงไม่ต้องบอกกันล่ะเนอะ คิดว่าเห็นจากรูปถ่าย + เวลาพูดคุย ก็น่าจะรู้(หรือเปล่า - -') ส่วนอายุ.. ความลับดีก่า กรั่กๆ .. แบบหยุดไว้ที่ 18 ส่วนที่เพิ่มมาฝากธนาคารทั้งนั้น เหอๆ .. สำหรับอาชีพ.. ตอนนี้ไม่วิจัยฝุ่นเพิ่มภาวะภูมิแพ้อากาศให้กะตัวเองและเพื่อนๆ แล้วนะ ..เพราะตอนนี้คือ pharmacist เต็มๆ ตัวแล้ว เพิ่งจะเปลี่ยนงานโดยลาออกจากเภสัชกรโรงพยาบาลไปเป็นที่เรียบร้อย แต่ก็กำลังจะได้งานใหม่ คิดว่าน่าจะสบายขึ้นเล็กน้อยเพราะเลือกทำพาร์ทไทม์ค่ะ แบบอยากหาเวลาว่างในการทำงานอดิเรกที่ชอบ แต่ไหงงานพาร์ทไทม์ที่ได้กลับกลายว่าทำงานอาทิตย์ละ 6 วัน วันละ 8 ชม. ไม่ต่างจากงานประจำเลยง่ะ - -"

แล้วตกลงว่าจะได้ว่างไหมยังไม่แน่ใจเลยนี่ เฮ้อ..


อื่นๆ ก็ไม่รู้จะบอกอะไรอีกแล้วล่ะ ปล่อยๆ ให้มันเป็นไปตามวิถีของมันไปแล้วกันเน้อ.. ^ ^


..........

อัพเดตเพลงใหม่..









ยังไม่มีเพลงติดบล็อกใหม่ๆ ไปฟังเสียงผิวปากของอีวานใน Heaven's tree กันค่ะ (ไม่รู้จะชวนหลับหรือเปล่า ^ ^")






ปล. อัพเดตโปรไฟล์ส่วนตัว 26/10/2006 ค่ะ ^ ^


Guestbook




Group Blog
 
 
ตุลาคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
22 ตุลาคม 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Katenipa's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.