1 2 3 4
5 6 7 8 9 10 11
12 13 14 15 16 17 18
19 20 21 22 23 24 25
26 27 28 29 30
4 เมษายน 2552
เรียงความเรื่อง สุขภาวะสร้างได้
...เรียงความเคยส่งประกวด แต่ไม่ได้รางวัล แค่อยากเผยแพร่... สิ่งที่ทุกๆคนอยากได้ อยากมี อยากเห็น ก็คือสังคมที่เป็นสุข การได้อยู่ในสังคมที่เป็นสุขไม่ใช่สังคมที่เจริญมั่งคั่งด้วยวัตถุเพียงด้านเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสมาชิกในสังคมจะต้องมีสุขภาวะด้วย สุขภาวะเป็นคำที่คุ้นเคยกันในกลุ่มนักวิชาการหรือคนทำงานพัฒนาสังคม แต่สำหรับคนทั่วไปแล้ว จะเรียกว่าเป็นคำใหม่ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนก็ว่าได้ เพราะเดิมรู้จักแต่คำว่า สุขภาพ แต่ทั้งสองคำนี้มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน องค์การอนามัยโลก (WHO : World Health Organization) ได้ให้ความหมายของสุขภาพไว้ในธรรมนูญขององค์การอนามัยโลกเมื่อปี พ.ศ. 2481 (ค.ศ.1948) ไว้ว่า สุขภาพ หมายถึง สภาวะแห่งความสมบูรณ์ของร่างกายและจิตใจ รวมถึงการดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข และมิได้หมายความเฉพาะเพียงแต่การปราศจากโรคและทุพพลภาพเท่านั้น จากความหมายนี้ เกิดคำถามขึ้นว่าแล้วเพราะเหตุใด จึงไม่ใช้คำว่า สุขภาพ เพียงคำเดียวต่อไป ทั้งที่ความหมายข้างต้นก็น่าจะครอบคลุมความอยู่ดีมีสุขในสังคมแล้ว ตามมโนภาพของคนทั่วไป เมื่อพูดถึงสุขภาพต่างก็นึกถึงแต่เรื่องของโรคภัยไข้เจ็บ สุขอนามัย ความแข็งแรงสมบูรณ์ของร่างกายและจิตใจเท่านั้น ไม่ได้มองว่าสุขภาพจะเชื่อมโยงไปยังองค์รวมของสังคมได้อย่างไร สุขภาพจึงกลายเป็นพียงเรื่องที่ไม่สำคัญ และไม่เห็นเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้สังคมเป็นสุขได้ ทำให้ในที่ประชุมสมัชชาองค์การอนามัยโลกเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2541 (ค.ศ.1998) ได้มีมติให้เพิ่มคำว่า Spirit well-being หรือสุขภาวะทางจิตวิญญาณเข้าไปในคำจำกัดความของสุขภาพเพิ่มเติม ฉะนั้น คำว่าสุขภาวะ (well-being) จึงเข้ามาแทนที่นัยยะเดิมของคำว่าสุขภาพ (Health) เพื่อให้คนทั่วไปเข้าใจตรงกันมากยิ่งขึ้น การเพิ่มคำว่า Spirit well-being ซึ่งหมายถึง สุขภาวะทางจิตวิญญาณหรือสุขภาวะทางปัญญาเข้ามาด้วยนั้น ทำให้สุขภาวะเป็นคำที่เชื่อมโยงการดำรงชีวิตของสมาชิกในสังคมมากขึ้น และครอบคลุมปัจจัยที่จะก่อให้เกิดสังคมที่เป็นสุขขึ้นได้ แล้วเราจะสร้างสุขภาวะเพื่อภาวะสังคมที่เป็นสุขได้อย่างไร การทำงานใดๆก็ตามไม่ว่ายากหรือง่าย เล็กหรือใหญ่ ทำเพื่อตัวเองหรือเพื่อส่วนรวม หรือแม้แต่การใช้ชีวิตประจำวันของคนเรา ก็ต้องเริ่มต้นจากสุขภาวะทางจิตเป็นเบื้องต้นก่อน การมีอารมณ์ที่สดชื่น แจ่มใส ไม่ขุ่นมัว ไม่เครียด มองโลกในแง่ดี เปิดรับแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในจิตใจ ก็จะส่งผลให้เรามีสมาธิในการเริ่มต้นทำงานอย่างราบรื่นต่อไป หรืออย่างน้อยก็มีสติที่จะคิดแก้ไขปัญหาได้ดีขึ้น หากเรามีอารมณ์แจ่มใส จิตใจสงบ เบิกบาน ทำให้เรามีความต้องการที่จะอยู่บนโลกนี้อย่างมีความสุขไปอีกนาน และหันมาให้ความสำคัญกับสภาพร่างกายของตนเองมากขึ้น เพื่อความแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ จึงแสวงหาโภชนาการและสิ่งแวดล้อมดีๆ ที่พอเหมาะพอดีกับร่างกาย ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รักษาอาการเจ็บป่วย ป้องกันอุบัติภัยต่างๆ หลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต จะได้มีเรี่ยวแรงสู้กับอุปสรรคต่างๆ หรือมีอายุยืนขึ้น ซึ่งหมายถึง สุขภาวะทางกายที่สมบูรณ์ สิ่งที่เห็นได้ชัดจากสุขภาวะทางใจและกาย ก็คือ ชีวิตที่มีความสุขมากขึ้น ไม่ต้องเข้าออกโรงพยาบาล ไม่สิ้นเปลืองค่ารักษาพยาบาล มีพลังทำงานอย่างเต็มที่ มีเงินใช้อย่างเพียงพอ เหลือไว้เก็บออมมากขึ้น และที่ได้มากกว่านั้นก็คือ การมีเวลาที่จะหันมาใส่ใจดูแลคนอื่นๆ รอบข้าง รวมทั้งสังคมส่วนรวมเพิ่มมากขึ้น ในฐานะที่เราเป็นสมาชิกของสังคม การเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันจึงเป็นเรื่องสำคัญ สุขภาวะทางจิตวิญญาณหรือสุขภาวะทางปัญญาจะเกิดขึ้นเมื่อเรามีความพอเพียงแล้ว ใช้ชีวิตโดยไม่เดือดร้อน นั่นก็หมายถึงเราไม่ไปเบียดเบียนใคร และไม่ให้ใครมาเบียดเบียน ไม่เห็นแก่ตัว รู้จักการให้ คือให้เท่าที่จำเป็น และเท่าที่เราพอจะมี ขณะเดียวกันก็ต้องรู้จักการรับ หากเราต้องการความช่วยเหลือด้วย ไม่ใช่แค่คนมั่งมีเท่านั้นที่มีความพร้อมที่จะช่วยเหลือแบ่งปัน เอื้อเฟื้อเกื้อกูลแก่ส่วนรวมได้ แต่ใครๆ ก็ทำเช่นนี้ได้เท่าที่มีกำลัง และกำลังนี้เองที่จะก่อให้เกิดพลังที่จะสร้างสุขภาวะทางสังคมในการอยู่ร่วมกันด้วยดี ทั้งในระดับครอบครัว เพื่อน ที่ทำงาน ประเทศ และโลก เพราะแต่ละคนจะเห็นความสำคัญของกันและกัน คนที่มีความสุขแล้วก็อยากเห็นคนอื่นๆมีความสุขด้วย สังคมก็จะดำรงอยู่ด้วยความเข้มแข็ง ปรองดอง ยุติธรรม สันติอย่างที่ปรารถนา จะเห็นได้ว่า สุขภาวะทั้งสี่ด้านเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน ซึ่งเป็นหนทางไปสู่ภาวะสังคมที่เป็นสุข และทุกคนสามารถสร้างสุขภาวะนั้นได้โดยไม่ต้องลงทุน อีกทั้งยังมีผลกำไรกลับมาอย่างมากมายมหาศาล เพียงแค่เริ่มต้นที่ตนเองก่อน.
Create Date : 04 เมษายน 2552
Last Update : 3 มิถุนายน 2553 20:46:12 น.
17 comments
Counter : 8466 Pageviews.
โดย: อ้อม IP: 118.174.137.32 วันที่: 19 มิถุนายน 2552 เวลา:0:15:07 น.
โดย: ท้องฟ้า IP: 192.168.212.170, 117.47.44.214 วันที่: 21 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:11:11 น.
โดย: นักเกรียนปั่นงาน IP: 202.176.101.42 วันที่: 14 กันยายน 2552 เวลา:3:37:05 น.
โดย: สุขใจ IP: 118.174.22.138 วันที่: 14 กันยายน 2552 เวลา:22:13:19 น.
โดย: รอดแล้ว IP: 113.53.128.58 วันที่: 28 กันยายน 2552 เวลา:23:20:55 น.
โดย: อาร์ต IP: 125.26.89.112 วันที่: 29 กันยายน 2552 เวลา:18:56:31 น.
โดย: สุนิตา จาบสันเทียะ IP: 180.183.48.118 วันที่: 24 ธันวาคม 2552 เวลา:18:56:38 น.
โดย: ส้ม IP: 180.183.48.118 วันที่: 24 ธันวาคม 2552 เวลา:18:58:11 น.
โดย: เอ้ IP: 192.168.1.109, 61.7.235.171 วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:14:23:52 น.
โดย: ไอริน IP: 180.183.236.22 วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:13:54:29 น.
โดย: ยานน IP: 183.89.186.205 วันที่: 3 มิถุนายน 2553 เวลา:20:19:05 น.
โดย: กทม. 10520 IP: 124.122.128.241 วันที่: 29 มิถุนายน 2553 เวลา:16:56:03 น.
โดย: สรารัชน์ ประสพ IP: 118.173.238.141 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2553 เวลา:14:05:43 น.
โดย: หลิง.........เเดงจี๊ดIP.3538769670 IP: 118.173.238.141 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2553 เวลา:14:22:04 น.
โดย: พีพี IP: 122.155.44.119 วันที่: 29 กรกฎาคม 2556 เวลา:22:07:46 น.
Alex on the rock
Location :
มหาสารคาม Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [? ]
Blog นี้เป็นพื้นที่ส่วนตัว เป็นความเห็นส่วนตัว ผู้อ่านอาจจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับข้อเขียนใน Blog กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยความสุภาพและเคารพสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญของเจ้าของ Blog ด้วย หากผู้อ่านที่แสดงความคิดเห็นไม่อาจจะปฏิบัติตามนี้ได้ เจ้าของ Blog สามารถลบความคิดเห็นของท่านโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ