|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ตกลงใจจะเป็นแฟน (Life & Family)
โดย : ปราณ ปรารถนา
เมื่อศรรักปักอก...ให้สาวเจ้าริจะมีแฟนก่อนวัยอันสมควร
"เริ่มแต่วันที่เราพบกันคล้ายเพื่อน แต่ดูเหมือนมีสิ่งเร้าใจไหวหวั่น ดั่งไฟรุมสุมทรวงนานวัน เปลี่ยนเป็นฉันรักเธอ" เพลงของพี่อัสนีเพลงนี้ พี่ปราณชอบนักล่ะ ก็มันจริงนี่นา
ตอนแรก ๆ ก็คบกันเป็นเพื่อน ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย ไปไหนไปกันเป็นกลุ่ม แซวกันไปเชียร์กันมา ชอบใจก็ทุบถองเข้าให้ ตบหลังตบไหล่เป็นเกลอ แต่พอคบกันไปนาน ๆ ในที่สุดมีเธออยู่คนเดียวที่โผล่มานั่งอยู่ในใจได้ทุกวี่วัน ทำอะไร คิดอะไรก็แวบไปหาเธอเรื่อยเลยไม่เคยเผยความในใจ แต่วันใดเผยใจกลัวเก้อเฝ้าคอยแต่หลงละเมอ ยามเมื่อเธอห่างไกล พี่อัสนีเขารู้ใจ มันเป็นอย่างนั้นเสียจริง ๆ
เอาเถอะในฐานะ พี่อาบน้ำร้อนมาก่อนเจ้า จะขอเล่าแจ้งแถลงไขให้น้องๆเข้าใจว่าไอ้อาการแบบพี่อัสนีนั้นน่ะ มันมีที่ไปที่มาอย่างไร ใช่ว่าเราจะเอาแต่อารมณ์หวานไหวริก ๆ แล้วก็เคลิบเคลิ้มจนสติสตังค์ไม่อยู่ใน กระเป๋า...เอ๊ย...ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เรา...คนรุ่นใหม่วัยวาบหวาม จะอินเลิฟทั้งทีต้องมีทั้งอารมณ์และความคิดไปร่วมกัน
ส่วนใหญ่ความสนใจระหว่างวัยรุ่นต่างเพศ มันก็เริ่มกันมาจากการเป็นเพื่อน ค่อย ๆ ทำความรู้จักกัน ชอบนิสัยใจคอกัน จากนั้นมันจึงค่อย ๆ พัฒนา แต่ก็ไม่ใช่ว่าความเป็นเพื่อนจะต้องกลายเป็นความรักไปได้หมดนะครับ กับเพื่อนต่างเพศบางคนเราจะเก็บเขาไว้เป็นเพื่อน ที่เรายอมรับ เราใกล้ชิดสนิทสนม เป็นเพื่อนรักที่เราไว้ใจ ไม่จำเป็นต้องเป็นแฟนเสมอไป
ความสัมพันธ์แบบนี้สิครับมีค่า ควรแก่การรักษามิตรภาพไว้ให้ยาวนาน
ทีนี้พอเริ่มจะมีความสนใจกันขึ้นมา ก็อยากจะบอกให้น้องรู้ว่า ส่วนใหญ่ในตอนเป็นสาวเป็นหนุ่มใหม่ ๆ ก็ราว 13-14 นั้นน่ะ ความสนใจเพื่อนต่างเพศแบบจะเป็นแฟนกันนั้น ยังไม่หนักแน่นหรอก แค่เป็นลมพัดวูบ ๆ วาบ ๆ เท่านั้นเอง เดือนนี้แหววคนนั้น อีกเดือนเปลี่ยนใจไปเล็งอีกคนแล้ว ยิ่งถ้าเขาไม่มาสบตาปิ๊งปั๊งเข้าด้วยละก็ วันสองวันลืมไปเลยก็มี นั่นเป็นอาการทั่วไป คนแก่(ขี้อิจฉา)เขาถึงเรียกว่าเป็น ความรักแบบลูกหมา -puppy love
ในขั้นนี้ ถ้าจะว่าไปก็เป็นความสนใจเป็นพิเศษเท่านั้นเอง ยังไม่ถึงความรักอีกนั่นแหละ เพราะฉะนั้น เรื่องสำคัญที่เราต้องระวังก็คือ เป็นขั้นของการทำความรู้จักกันอย่าคาดหวังว่าถ้าเรารักกันตอนนี้แล้วจะได้ ครองสุขอยู่ด้วยกันตราบชั่วฟ้าดินสลาย นั่นมันเป็นตอนจบของเรื่องซินเดอเรลล่า หรือสโนว์ไวท์นะครับ ไม่ใช่ชีวิตจริง ดังนั้น ถ้าเกิดไม่สมหวังขึ้นมา เราสนเขา เขาไม่สนเรา หรือเขาสนเรา เราไม่สนเขา ก็อย่าไปคิดเตลิดเปิดเปิงถึงขั้นว่าจะเป็นจะตายอะไร เราไม่สนเขา เขาก็ไม่ตาย เขาไม่สนเรา เราก็ไม่ตายเหมือนกัน ขนาดจะใช้คำว่า อกหัก พี่ปราณยังคิดว่ามากไป อย่างมากก็แค่ อกถลอกเท่านั้นเอง ทาทิงเจอร์หรือเบตาดีนฆ่าเชื้อโรควันสองวัน แผลก็แห้งแล้วน้องเอ๋ย
พอเริ่มขึ้นวัย 16-17 ขึ้นไปนั่นแหละครับที่ความสนใจเป็นพิเศษ อาจจะพัฒนาเป็นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้น แต่น้องไม่ว่าน้องชายน้องสาวก็ไม่ควรหลับหูหลับตาเอาความรักที่ยังไม่ทัน กลั่นกรองขึ้นหน้า โปรดจำไว้ว่า ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้นนี้ จะต้องเกิดมี ความรับผิดชอบ ตามมาด้วย...ย้ำ...เป็นสิ่งที่จะต้องไปควบคู่กัน พูดง่าย ๆ คิดจะมีแฟน ต้องรู้ไว้เลยว่า นั่นหมายถึงความพร้อมที่จะรับผิดชอบต่อกัน
แค่นี้...ถามจริง ๆ เถอะครับ...พร้อมหรือยังประเภทรักแต่ไม่รับผิดชอบน่ะ ไม่มีใครเขาเอาด้วยหรอกนะครับ คนที่คิดจะมีแฟน ควรที่จะรู้ว่า การมีคนรักนั้นจำเป็นต้องมีกติกา ที่เป็นพันธะสัญญาระหว่างกัน ถ้าน้องคิดจะมี อ่านตรงนี้ให้ดี ๆ ครับ และถ้าอ่านดี คิดดี ตัดสินใจแล้ว ก็เอากติกาของการมีคนรัก ที่พี่ปราณนำเสนอต่อไปนี้ ไปคุยกันให้เข้าใจว่า รับได้หรือเปล่า
กติกาของการมีคนรัก
ถึงฉันจะรักเธอ และเธอจะรักฉัน แต่เราต่างมีสิทธิของตัวเอง ดังต่อไปนี้...
1.สิทธิที่จะเป็นตัวของตัวเอง (ของทั้งฉันและเธอ)
1.1 ฉัน(และเธอ)มีสิทธิที่จะมีความคิดเห็นต่อเรื่องต่างๆ ไม่จำเป็นว่ารักกันแล้วจะต้องเห็นตามกันไปหมดทุกอย่าง
1.2 ฉัน(และเธอ)มีสิทธิที่จะพูดและแสดงออกในสิ่งที่ฉันคิดอย่างสร้างสรรค์
1.3 ฉัน(และเธอ)มีสิทธิที่จะผูกพันเอาใจใส่พ่อแม่พี่น้องและครอบครัวเช่นที่เคยเป็นมา
1.4 ฉัน(และเธอ)มีสิทธิที่จะคบเพื่อนตามความเห็นของฉัน
1.5 ฉัน(และเธอ)มีสิทธิที่จะอยู่ตามลำพังก็ได้ ไม่ได้มัดติดกับเธอตลอดเวลา
1.6 ฉัน(และเธอ)มีสิทธิที่จะมีความสุขตามแบบของฉันที่ไม่กระทบกระเทือนความสัมพันธ์ของเรา
1.7 ฉัน(และเธอ)มีสิทธิที่จะปฏิเสธในสิ่งที่ฉันไม่ชอบ หรือไม่เห็นด้วย
2.สิทธิที่ต่อตัวเธอ
2.1 ฉันมีสิทธิที่จะรักเธอ
2.2 ฉันมีสิทธิที่จะได้รับความไว้วางใจจากเธอ
2.3 ฉันมีสิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยจากเธอ (คบกันแล้วเป็นอันตราย ไม่คบซะดีกว่า)
2.4 ฉันมีสิทธิที่จะขอความช่วยเหลือจากเธอ
3.สิทธิและหน้าที่ต่อกันและกัน
3.1 เรามีสิทธิและหน้าที่จะสนับสนุนช่วยเหลือกันให้ไปในทางที่ดีงาม เช่น สนับสนุนทางด้านการเรียน
3.2 เรามีสิทธิและหน้าที่ต้องฟังความเห็นของกันและกัน
3.3 เรามีสิทธิและหน้าที่ที่จะเอาใจใส่กันและกัน
3.4 เรามีสิทธิและหน้าที่ที่จะซื่อสัตย์ต่อกัน
3.5 เรามีสิทธิและหน้าที่ที่จะต้องอดทนต่อกัน
3.6 เรามีสิทธิและหน้าที่ที่จะต้องเคารพกันและกัน
เห็นไหมครับ ไม่ง่ายเลยที่จะมีแฟนกับเขาสักคน ไอ้ตอนหาก็ยากนะครับ หาเจอแล้วกว่าจะผูกใจกันได้ก็ต้องฝ่าด่านอรหันต์ไม่รู้กี่ด่าน แล้วยังมาเจอกติกานี่เข้าอีก น้องอาจถามว่าจำเป็นแค่ไหนที่จะต้องยึดถือกติกาเหล่านี้ พี่ปราณบอกว่า...จำเป็นมากถ้าน้องอยากมีช่วงชีวิตการมีคนรักที่ดี พูดง่าย ๆ น้องเคยเห็นไหมละครับ ที่เขาเป็นคู่รักกัน แต่เต็มไปด้วยปัญหา หึงหวงกันมั่ง ทำร้ายร่างกายตบตีกันมั่ง เป็นแฟนกันแล้วมีแต่ถอยหลัง เพื่อนฝูงก็ไม่มี เรียนหนังสือก็แย่ลง กับพ่อแม่พี่น้องก็เข้าหน้ากันไม่ติด...ฯลฯ เหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาของการที่มีคนรักแบบไม่มีกติกาทั้งนั้นแหละครับ
พี่ปราณว่าการมีแฟนมันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายเสียทั้งหมด มันขึ้นอยู่กับว่าน้องมีความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร ถ้าน้องจัดการความสัมพันธ์ได้ดีอย่างที่พี่ปราณเสนอมาข้างต้น ก็ไม่เสียหายนี่ครับ หลายคู่ที่รักกันแล้วทำให้ต่างคนต่างก้าวหน้าขึ้น เรียนดีขึ้น ช่วยกันในการเรียน ในการมีเพื่อน ในการเรียนรู้สิ่งดีต่าง ๆ แบบนี้ การมีแฟนก็เป็นคุณพ่อแม่ผู้ใหญ่เขาก็คลายกังวล
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อยากฝากไว้กับน้อง ๆ อีกอย่างก็คือ ถ้าเราคบกันไปหน่อยแล้วไม่ได้เรื่อง เช่น เขาไม่เป็นอย่างที่เรามองไว้แต่ต้น เข้ากันไม่ได้ หรือดูแล้วไม่มีประโยชน์ที่จะคบกัน ถ้าจะเลิกรากัน ก็ไม่เสียหายนะครับ ก็อย่างที่เขาว่ากัน "อกหักไม่ยักกะตาย" หรือไม่ก็อย่างที่พี่บอก...แค่อกถลอกเท่านั้นเอง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก นิตยสาร Life & Family
Create Date : 24 กันยายน 2553 |
Last Update : 24 กันยายน 2553 19:22:19 น. |
|
0 comments
|
Counter : 560 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|