Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
29 กรกฏาคม 2555
 
All Blogs
 
ดุ เด็ด เผ็ด กลิ่น…หนูกินได้

อาหาร

อย่าเพิ่งจินตนาการไปไกลว่าอะไรหว่า ดุ เด็ด เผ็ด แถมมีกลิ่นด้วย เพราะแม่ลออกำลังจะพูดถึงผักค่ะ ผักที่มีกลิ่น และมีรสเผ็ดนิดๆ ไปจนถึงเผ็ดมากที่เราคุ้นๆ กันอยู่ก็ได้แก่ ต้นหอม ผักชี กุยช่าย ขึ้นฉ่าย หอมแดง หอมใหญ่ กระเทียม พริกหวาน พริกตุ้ม พริกหยวก พริกไท ไชเท้า ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด โหระพา กะเพรา สะระแหน่  ผักเหล่านี้สำหรับผู้ใหญ่แล้วมีประโยชน์หลายอย่างค่ะ ช่วยให้อาหารย่อยง่าย ขับลม ช่วยดับกลิ่นคาวของอาหาร ลดคอเลสเตอรอล ช่วยระบาย และเป็นเครื่องชูรสจากธรรมชาติที่ทำให้ให้อาหารอร่อยขึ้น

แต่ถ้าเป็นเจ้าตัวเล็ก ลำพังแค่ผักธรรมดา ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส หลายๆ คนก็ไม่ยอมกิน เอาแต่เขี่ยออกท่าเดียว จนคุณพ่อคุณแม่ต้องหาเทคนิคกันสุดฤทธิ์เพื่อให้ลูกกินผัก ยิ่งถ้าเป็นผักรสฉุนและมีกลิ่นแบบนี้ด้วย เจ้าตัวเล็กมีรึจะยอมกินง่ายๆ  แต่แม่ลออขอท้าค่ะ ลองใช้วิธีต่อไปนี้ดู รับรองเจ้าตัวเล็กมีแต่วิ่งเข้าหาเท่านั้น

1. ต้มจนสุกเปื่อย ผักที่มีกลิ่นฉุนอย่าง ต้นหอม ขึ้นฉ่าย กุยช่าย หอมแดง หอมใหญ่ ไชเท้า ต้องต้มจนสุกมากๆ ค่ะ รสชาติจะเปลี่ยนเป็นหวาน นิ่ม และกินง่าย ลองต้มกับน้ำซุปหรือแกงจืดก็ได้ จะได้น้ำซุปที่มีรสหวานตามธรรมชาติ และพอผักพวกนี้เปื่อยก็จะทำให้กินง่ายขึ้น ไม่เหนียว ย่อยง่าย

2. ปั่นๆ นำผักไปต้มให้สุกเลยนะคะ หรือปั่นละเอียดก็ได้ ทีนี้ไม่ว่าเราจะนำไปใส่ในอาหารอะไร เจ้าตัวเล็กก็ต้องกินบ้างไม่มากก็น้อย แต่มีข้อแม้ว่า อย่าเพิ่งใส่เยอะค่ะ ใส่ทีละนิดๆ เพราะผักพวกนี้กลิ่นแรง จมูกของเด็กไวต่อการรับรู้ บางทีผู้ใหญ่อาจไม่รู้สึก แต่เด็กรู้สึก และความจำดี ลูกอาจจะไม่ยอมกินอาหารที่มีผักฉุนอีกเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นเริ่มทีละนิดนะคะ

3. ผักที่มีรสเผ็ดน้อยๆ อย่าง กระเทียม ควรเริ่มเมื่อลูกเลยขวบไปแล้ว นำไปทำให้สุก ความเผ็ดก็จะหายไป

4. ถ้าเป็นเด็กทารก ควรเริ่มที่หอมใหญ่ ไชเท้า โดยต้มให้สุกใส่ในแกงจืด หรือนำไปทำเป็นน้ำสต็อก ก็จะได้รสชาติหวานอ่อนๆ แถมกินง่ายด้วยค่ะ ถ้าลูกโตหน่อย อาจจะนำไปชุปแป้งทอด จะได้รสชาติอร่อยไปอีกแบบนะคะ

5. ทอดกรอบ ผักที่กินยากหรือมีกลิ่นฉุน อย่างเช่น โหระพา กะเพรา ใบมะกรูด ลองนำไปทอดกรอบดูสิคะ จะทำให้กินง่ายขึ้น แต่ไม่ต้องทอดเยอะนะคะ เพราะเด็กๆ ยังเคี้ยวได้ช้า

6. พริก เป็นแหล่งวิตามินซี แต่ว่าไม่เหมาะกับเด็กๆ เท่าไหร่ ถ้าจะเริ่มควรจะเริ่มที่พริกเม็ดใหญ่ อย่างพริกตุ้ม พริกหวาน และเริ่มต้นให้ลูกกินเมื่อลูกอายุ 5- 6 ขวบไปแล้วค่ะ

…………………………………………

อย่าฝืนใจหนู

ครั้งแรกถ้าเจ้าตัวเล็กไม่ยอมกินก็ไม่เป็นไรค่ะ อีก 2-3 วันค่อยตื้อลูกใหม่ ลองไปเรื่อยๆ ถ้าลูกไม่กินจริงๆ ก็หยุดค่ะ เพราะบางทีผักก็เป็นเรื่องความชอบส่วนตัวด้วย ผู้ใหญ่อย่างเราๆ ก็มีผักตั้งหลายชนิดที่ไม่อยากกิน และไม่ยอมกินทั้งๆ ที่รู้ว่ามีประโยชน์ จริงมั้ยคะ

ไม่กินได้มั้ย?

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ข้องใจว่าผักพวกนี้ถ้าไม่กินเลยจะได้หรือเปล่า ตอบว่าได้ค่ะ ไม่เป็นไร เพราะเราสามารถหาคุณประโยชน์ทดแทนจากผักชนิดอื่นได้ เช่น พริก มีวิตามินซีมาก แต่ถ้าเราไม่ชอบเผ็ดก็ควรกินส้ม ฝรั่ง ก็จะได้วิตามินซีเหมือนกัน  แต่การกินผักที่มีกลิ่นและรสเผ็ดนี้ เมื่อเด็กโตขึ้นจะทำให้กินอาหารได้หลากหลาย และไม่ต้องคอยมานั่งเขี่ยออก อีกทั้งได้รับคุณค่าทางอาหารที่หลากหลายมากขึ้นด้วยเช่นกัน

สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือถ้าอยากให้ลูกกิน คุณอย่าลืมเป็นต้นแบบที่ดีนะคะ พ่อแม่กิน ลูกเห็นก็กินตาม แต่ถ้าบอกให้ลูกกินแต่คุณไม่กิน รับรองเลยว่า เด็กก็คงไม่อยากกินเป็นแน่ค่ะ

*  ผักที่จะให้ลูกกินเป็นครั้งแรกสำคัญนะคะ ควรเลือกผักที่ไม่มีรส ไม่มีกลิ่น อย่างผักกาดขาว เพราะกินง่าย ซึ่งจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับการกินผักของลูกค่ะ

โดย: แม่ลออ

เรียบเรียงจากการสัมภาษณ์คุณกัญชลี ทิมาภรณ์ นักโภชนาการ
ขอขอบคุณ นิตยสาร รักลูก




Create Date : 29 กรกฎาคม 2555
Last Update : 29 กรกฎาคม 2555 21:12:12 น. 0 comments
Counter : 891 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ลูกน้ำกว๊าน
Location :
พะเยา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ยินดีต้อนรับทุกท่าน นะคะ




อยากมีและอยากรู้จัก เพื่อนที่มีที่มาต่างกัน และอยากร่วมแชร์ ประสบการณ์ให้คนอื่น ได้รับรู้บ้าง เพื่อนๆชาว บลอคแกงค์เป็นอะไรที่ ใช่เลย ที่คอยอยู่ด้วยกัน ตลอดเวลา พอเรา เปิดดูครั้งใดก็จะมีคน นั่งเขียนบลอก นั่งอยู่ที่ หน้าจอ คอยเป็นเพื่อน กันเสมอ รัก ทุกคนใน บลอกแกงค์ ค่ะ
: Users Online
Friends' blogs
[Add ลูกน้ำกว๊าน's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.