นับถอยหลัง 1,365 วัน ปั้นลูกน้อยสู่มหัศจรรย์แห่งพัฒนาการ “สมองมนุษย์พัฒนาถึง 80% ในช่วงตั้งครรภ์ถึง 3 ขวบปีแรก” คุณพ่อคุณแม่จึงมีเวลา 1,365 วัน เท่านั้น กับโอกาสทองของมหัศจรรย์แห่งพัฒนาการลูกน้อย เรามานับถอยหลังกันดูว่า ในช่วงวัยของลูกน้อยตั้งแต่ อยู่ในครรภ์จนถึงวัย 3-6 ขวบ คุณพ่อคุณแม่มีโอกาสปั้นลูกน้อยสู่พัฒนาการที่สมบูรณ์แบบได้อย่างไร และไม่ว่า ขณะนี้ลูกน้อยของคุณจะอยู่ในวัยใดก็ตาม คุณพ่อคุณแม่ยังมีโอกาสที่จะลงมือสร้างสิ่งมหัศจรรย์์แห่งพัฒนาการ ให้เกิดขึ้นได้เสมอค่ะ ช่วงตั้งครรภ์ (วันที่ 0-270) อวัยวะแรกที่ถูกสร้างขึ้น คือ “หัวใจ” สัญญาณบ่งบอกถึงการอุบัติขึ้นของอีกชีวิตหนึ่ง สมองก็จะมีการแบ่งตัว และสร้างเซลล์ประสาทนับล้านๆ เซลล์ อวัยวะอื่นๆ จะถูกสร้างตามมาจนสมบูรณ์ในเดือนที่ 9 อัลตร้าซาวนด์ดีไหม? อัลตร้าซาวนด์ คือ คลื่นความถี่สูงที่นำมาใช้ทางการแพทย์ เพื่อตรวจหาความผิดปกติของลูกในครรภ์ โดยเฉพาะ โครงสร้างหลัก เช่น กะโหลกศีรษะ สมอง หัวใจ แขนขาและอวัยวะภายในอื่นๆ ทำให้คุณแม่ได้เห็นรูปร่างหน้าตา ลูกขณะเคลื่อนไหวในครรภ์ด้วย เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับการดูแลครรภ์ในช่วงใกล้คลอดป้องกันความเสี่ยง ต่างๆได้ คุณแม่สามารถตรวจได้ตลอดการตั้งครรภ์ โดยไม่จำกัดจำนวนครั้งค่ะ พัฒนาการ | รายละเอียดของพัฒนาการ | หัวใจเริ่มเต้น | ในสัปดาห์ที่ 3 หัวใจเริ่มเต้น ลูกน้อยอยู่ในช่วงเริ่มสร้างอวัยวะสำคัญทั้งหมด | แขน-ขาเริ่มขยับ | ในสัปดาห์ที่ 10 อวัยวะสำคัญถูกสร้างจนครบ มีซี่โครงและกระดูก แคลเซียมเริ่มสะสมตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดเป็นกระดูกแข็ง อวัยวะเพศแยกได้ชัดเจน | ตาเริ่มตอบสนองต่อแสง | ในสัปดาห์ที่ 14 เริ่มรับรู้ถึงแสงสว่างจากภายนอก จำนวนของเซลล์ประสาทจะพัฒนาและเพิ่มขึ้นเท่ากับของผู้ใหญ่ มีการเชื่อมต่อระหว่างประสาทและกล้ามเนื้อ | เริ่มได้ยินเสียง | สัปดาห์ที่ 18 เริ่มได้ยินเสียงของแม่ และหัวใจของแม่ เสียงที่ได้ยินคล้ายเสียงในน้ำ คือเสียงจะค่อนข้างอื้อๆ ก้องๆ | เริ่มเรียนรู้ และจดจำ | สัปดาห์ที่ 28 เซลล์สมองที่ทำหน้าที่จดจำเริ่มทำงานได้ ลูกจึงเริ่มเรียนรู้ และจำเสียงที่พูดกับเขาบ่อย ๆ ได้ทั้งพ่อและแม่ | ระบบประสาท และสมอง พัฒนาเต็มที่ | สัปดาห์ที่ 36 เซลล์สมองและเส้นใยประสาทของทารกขยายใหญ่ ร่องสมองกำลังหยักตัวเป็นร่อง เพื่อเป็นแหล่งเก็บสะสมข้อมูล ยิ่งเซลล์สมองมีขนาดใหญ่ มีเส้นใยมาก มีการเชื่อมโยงประสานของเส้นใย จะทำให้การเรียนรู้และรับรู้ข้อมูลต่างๆ เป็นไปด้วยดี | เคล็ดลับส่งเสริมมหัศจรรย์แห่งพัฒนาการของลูกน้อยในท้อง โภชนาการ นอกจากอาหารครบ 5 หมู่ แล้ว คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องได้รับสารอาหารอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อลูกในครรภ์เพิ่มเติม เช่น DHA โคลีน แคลเซียม โฟเลต ธาตุเหล็ก เป็นต้น สิ่งแวดล้อม เปิดเพลงเบาๆ ทำนองนุ่มๆ ให้ลูกฟัง สัมผัสหน้าท้องพร้อมพูดคุยกับลูกบ่อยๆ อ่านหนังสือให้ลูกฟัง ขณะอยู่ในท้องอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการที่ดีได้ วัย 0-3 เดือน (วันที่ 271-361) ลูกน้อยจะเริ่มเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว และมีพัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทุกด้าน แสดงออกทางอารมณ์ ให้รับรู้ได้มากขึ้น โดยจะเริ่มแสดงสีหน้าที่มีความสุข จะเริ่มเห็นรอยยิ้มอย่างมีความหมายของลูกได้ (Social Smile) ในช่วงวัยนี้ ยังต้องดูแลเรื่องอาหารให้เหมาะสมด้วย ที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อย คือ น้ำนมแม่ เพราะอุดมด้วยสารอาหาร สำคัญครบถ้วน เช่น DHA โคลีน และไซอะลิคแอซิค ซึ่งสารอาหารเหล่านี้มีประโยชน์ที่แตกต่างกัน สำหรับเสริมสร้าง พัฒนาการสมองและระบบต่างๆ ของลูกน้อยให้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ พัฒนาการ | รายละเอียดของพัฒนาการ | ควบคุมการเคลื่อนไหวได้ดี | ลูกจะเริ่มชันคอ โดยยกศีรษะและอกได้ ถ้าจับนอนหงายจะพลิกตัวตะแคงได้ พยุงศรีษะตัวเองได้เล็กน้อย | มองเห็นชัดเจนขึ้น | มองเห็นสีและสิ่งของที่อยู่ใกล้ได้ชัดขึ้น เด็กจะชอบมองสิ่งของที่ตัดกัน เช่น ตารางสีขาว-ดำ รวมทั้งใบหน้าของคนได้ | หันหาที่มาของเสียง | ระบบประสาทเกี่ยวกับการได้ยิน และการมองเห็นเริ่มมีการทำงานสอดคล้องกัน (coordination) ลูกจะหยุดฟังเสียงที่คุ้นเคย | ใช้ภาษาท่าทางสื่อสาร ตามความต้องการได้ | เด็กจะใช้ภาษาท่าทางสื่อสารได้ เช่น ร้องไห้ หรือยิ้มให้คนที่คุ้นเคย เลียนเสียงที่ได้ยิน โดยการส่งเสียงอือ อาในลำคอ | ชอบให้คนมาเล่นหรือพูดคุยด้วย | เริ่มจะจำหน้าคนที่คุ้นเคย ฟังและจำเสียงของแม่ได้แล้ว และตอบสนองต่อเสียงที่คุ้นเคยได้อย่างดี | เคล็ดลับส่งเสริมมหัศจรรย์แห่งพัฒนาการของลูกน้อยวัย 0-3 เดือน โภชนาการ อาหารที่ดีที่สุดของลูกวัยนี้ คือ “นมแม่” ซึ่งมีสารอาหารที่ช่วยพัฒนาสมองของลูก ได้แก่ DHA และ ARA โคลีน ไซอะลิคแอซิด ปริมาณ DHA และ ARA ที่มีผลวิจัยพิสูจน์ว่าช่วยส่งเสริมระดับสติปัญญาของทารก คือ DHA 17 มก และ ARA 34 มก/100 กิโลแคลอรี สิ่งแวดล้อม การชวนลูกเล่น ด้วยการมองโมบายที่เคลื่อนไหวไปมา เพื่อฝึกการมอง ร้องเพลงกล่อมลูก สัมผัสเนื้อตัวลูก พร้อมพูดคุยไปด้วย เปิดดนตรีให้ลูกฟังล้วนมีส่วนช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทั้งสิ้น วัย 3-6 เดือน (วันที่ 362-452) เผลอแป๊บเดียวก็ผ่านมาหนึ่งไตรมาสแล้ว เดือนนี้คุณแม่กับลูกน้อยคงคุ้นเคยกันดี เด็กวัยนี้จะมีการเรียนรู้ภาษา ท่าทางมากขึ้น จะพยายามแสดงท่าทางสื่อสารความต้องการให้คุณแม่รู้ และพอจะเดาออกแล้วว่า เวลาที่ลูกร้องไห้ หรือแสดงท่าทางแบบนี้ หมายถึงอะไร ลูกจะมีความสุขกับทุกกิจกรรมที่ทำให้ได้ยืดเส้นยืดสาย หากคุณแม่ช่วย สนับสนุนให้ลูกได้ออกกำลังกายขา ช่วยให้กล้ามเนื้อขาของลูกแข็งแรงและมีพัฒนาการที่ดีขึ้นแล้ว ยังเป็นการช่วย เตรียมความพร้อมสำหรับพัฒนาการขั้นต่อไป ก็คือ การคลานด้วย พัฒนาการ | รายละเอียดของพัฒนาการ | ควบคุมกล้ามเนื้อได้ดีขึ้น | กล้ามเนื้อลำตัวและหลังแข็งแรงขึ้น เวลาอุ้มในท่ายืนจะเอาเท้ายันพื้น และกระโดดไปมา สามารถพลิกคว่ำพลิกหงาย และคืบได้ | มือและตาทำงานประสานกันได้ดี | ลูกจะเริ่มใช้มือร่วมกับสายตาที่มองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น จะคว้าจับสิ่งของที่อยู่ใกล้ได้แม่นยำขึ้น และเริ่มถ่ายของจากมือหนึ่งไปยังอีกมือหนึ่งได้ | รับอาหารเสริมได้ | ระบบการย่อยอาหารของลูก พัฒนาจนสามารถย่อยอาหารอื่นที่นอกเหนือจากนมได้ | มีปฏิกิริยาตอบรับเสียงพูดและผู้คน | ลูกจะแสดงท่าทางดีใจเมื่อเห็นผู้คน และอยากเล่นกับผู้คนมากขึ้น แสดงความดีใจเมื่อเห็นคนที่ชอบและคุ้นเคย ชอบที่จะทำเสียงเลียนเสียงคนอื่น | ออกเสียงง่ายๆ ได้ | เริ่มออกเสียงคำง่ายๆ ได้ เช่น มา ปา สามารถแยกแยะชนิดของเสียงได้ เช่น เสียงคุณแม่ เสียงดนตรี | เคล็ดลับส่งเสริมมหัศจรรย์แห่งพัฒนาการของลูกน้อยวัย 3-6 เดือน โภชนาการ ลูกวัยนี้รับอาหารเสริมที่นอกเหนือจากน้ำนมได้แล้ว คุณพ่อคุณแม่จึงต้องให้ความสำคัญกับการให้ลูกได้ทานอาหารที่อุดมด้วยสารอาหารที่ดีต่อสมอง ได้แก่ DHA และ ARA โคลีน ไซอะลิคแอซิด ปริมาณ DHA และ ARA ที่มีผลวิจัยพิสูจน์ว่าช่วยส่งเสริมระดับสติปัญญาของทารก คือ DHA 17 มก และ ARA 34 มก/100 กิโลแคลอรี สิ่งแวดล้อม คุณพ่อคุณแม่ควรจัดสภาพแวดล้อมที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านต่างๆ ของลูก เช่น ชวนลูกนั่งเล่นบ่อยๆ เพื่อให้ลูกได้พัฒนากล้ามเนื้อส่วนหลัง การร้องเพลงกล่อมลูก การอ่านหนังสือให้ลูกฟัง การเปิดเพลงทำนองสนุกๆ เล่นกับลูก วัย 6-9 เดือน (วันที่ 453-543) เจ้าตัวเล็กจะมีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ลูกจะเริ่มคลาน เกาะยืนและ เมื่อกล้ามเนื้อแขนขาแข็งแรงขึ้น ก็จะเริ่มพาตัวเองไปยังที่ที่ต้องการไปโดยเร็ว จึงอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย คุณพ่อคุณแม่และคนในครอบครัวคงต้องดูแลอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ พัฒนาการทางภาษาก็ดีขึ้นตามลำดับ เริ่มออกเสียงและเรียนรู้ความหมายจากสิ่งที่ได้ยิน พัฒนาการ | รายละเอียดของพัฒนาการ | นิ้วมือและตาทำงานร่วมกันได้ดี | การมองเห็น การใช้มือ และนิ้วเล็กๆ จะเริ่มดีขึ้น เมื่อมองเห็นของชิ้นเล็กๆ บนพื้นสามารถใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้หยิบของนั้นขึ้นมาได้ | เริ่มเข้าใจการ “มีอยู่” และ “หายไป” | เมื่อของหล่นจะมองหาที่พื้น ไม่ใช่มองในจุดที่ของเคยอยู่เหมือนเดือนก่อนๆ เข้าใจแล้วว่าสิ่งของที่หายไปจากสายตายังคงมีอยู่ แม้เขาไม่เห็นมัน | ทำเสียงพยางค์ซ้ำๆ ได้ | จะเริ่มมีการออกเสียงที่พอฟังได้ ถ้าเราจะเข้าใจเขา เช่น การเรียก “มะ,t” อาจหมายถึง “หม่ำ” แต่สิ่งสำคัญคือ ลูกจะเข้าใจ “ความหมาย” ในสิ่งที่คุณพูดกับเขาได้มากขึ้น | ชอบเล่นกับเงาในกระจก | ลูกแยกแยะตัวเองและเงาที่เห็นในกระจกได้แล้ว จึงตี ยิ้ม หรือจูบภาพเงาในกระจก | รู้จักชื่อตัวเอง | หากพ่อแม่เรียกชื่อเขาบ่อยๆ เด็กวัยนี้จะรู้จักชื่อตัวเองแล้ว | เคล็ดลับส่งเสริมมหัศจรรย์แห่งพัฒนาการของลูกน้อยวัย 6-9 เดือน โภชนาการ คุณพ่อคุณแม่จึงต้องให้ความสำคัญกับการให้ลูกได้ทานอาหาร หรือนมที่อุดมด้วยสารอาหารที่ช่วยพัฒนาสมองของลูก ได้แก่ DHA และ ARA โคลีน ไซอะลิคแอซิด ปริมาณ DHA และ ARA ที่มีผลวิจัยพสูจน์ว่าช่วยส่งเสริมระดับสติปัญญาของทารก คือ DHA 17 มก และ ARA 34 มก/100 กิโลแคลอรี สิ่งแวดล้อม การจัดสภาพแวดล้อม และการดูแลลูกที่เหมาะสมจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านต่างๆ ของลูกเป็นอย่างดี เช่น ชวนลูกเล่นเพื่อกระตุ้นให้ลูกคลาน อุ้มลูกดูกระจกด้วยกัน แล้วชี้อวัยวะส่วนต่างๆ ให้ลูกรู้จัก หรือซ่อนของเล่นเพื่อให้ลูกหาของที่ซ่อน หรือร้องเพลงและปรบมือเข้ากับจังหวะ ให้ลูกได้เคลื่อนไหว และฟังเสียงไปพร้อมๆ กัน วัย 9-12 เดือน (วันที่ 544-635) ช่วงวัยใกล้ขวบ 2-3 เดือนสุดท้ายนี้ จะมีเรื่องราวและกิจกรรมน่าตื่นเต้นมากมาย เพราะลูกกำลังหัดเดิน แม้ว่าจะยัง เดินได้ไม่คล่องแคล่วนัก การยืนและลุกขึ้นก้าวเดินจะกลายเป็นเรื่องน่าสนุกสุดท้าทายของทั้งคุณแม่และหนูน้อย กระบวนการเรียนรู้ของลูกในวัยนี้ จะเริ่มจากการเลียนแบบและจดจำ เพราะในสมองจะมีเซลล์สมองที่เรียกว่า MIRROR NEURON ซึ่งเป็นระบบของสมองที่ดูพฤติกรรมของผู้อื่นและเลียนแบบโดยอัตโนมัติ เช่น เห็นแม่แลบลิ้น ก็จะทำท่าแลบลิ้นตามด้วยความอยากรู้อยากเห็น ซึ่งเป็นสัญชาตญาณทั่วไปของมนุษย์ ช่วงเวลานี้ จึงเป็นโอกาสที่ดี ที่คุณพ่อคุณแม่จะหมั่นพูดคุยและสอนบอกให้ลูกเข้าใจถึงความหมายและเริ่มสอนเรื่องราวต่างๆ ที่ใกล้ตัวลูกค่ะ พัฒนาการ | รายละเอียดของพัฒนาการ | กล้ามเนื้อมือพัฒนามากขึ้น | มือข้างหนึ่งถือของ ขณะอีกข้างทำอย่างอื่นได้ หรือจับของในมือทั้งสองกระทบกันได้ | รู้จักความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ | รู้จักความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่อง เช่น เห็นนกก็ร้องจิ๊บจิ๊บ เวลาเห็นดอกไม้ก็จับมาดม เล่นตะกร้าเก็บของ เอาของชิ้นเล็กใส่ถ้วย ฯลฯ | เริ่มเรียนรู้ และสำรวจสิ่งรอบตัวด้วยมือ | ลูกชอบใช้มือสำรวจสิ่งรอบตัว และชอบใช้นิ้วแหย่ตามร่อง รู ที่เห็นตามพื้น กำแพง หรือปลั๊กไฟ | รู้จักชื่อเรียกอวัยวะ | วัยนี้ หากผู้ใหญ่สอนเขาบ่อยๆ เด็กจะรู้จักชื่อเรียกอวัยวะต่างๆ ของร่างกายประมาณ 5 แห่ง | ชอบเลียนแบบ | ลูกวัยนี้ชอบเลียนแบบท่าทางของผู้ใหญ่ เวลาที่คุณแม่ตักอาหารป้อนเขา เขาก็จะหยิบหรือตักมาป้อนให้คุณบ้าง หากเรายอมกินตามที่เขาป้อน เขาจะดีใจ | เคล็ดลับส่งเสริมมหัศจรรย์แห่งพัฒนาการของลูกน้อยวัย 9-12 เดือน โภชนาการ เด็กวัยนี้ทานอาหารได้หลากหลายขึ้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรให้ความสำคัญกับการเลือกอาหาร หรือนมที่อุดมด้วยสารอาหารที่ช่วยพัฒนาสมองของลูก ได้แก่ DHA และ ARA โคลีน ไซอะลิคแอซิด ปริมาณ DHA และ ARA ที่มีผลวิจัยพสูจน์ว่าช่วยส่งเสริมระดับสติปัญญาของทารก คือ DHA 17 มก และ ARA 34 มก/100 กิโลแคลอรี สิ่งแวดล้อม สภาพแวดล้อมที่ดีและการดูแลลูกที่เหมาะสมจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านต่างๆ ของลูกได้อย่าง เต็มศักยภาพ เช่น ยื่นของเล่นให้ลูกเห็นแล้วกระตุ้นให้ลูกลุกขึ้นยืนและก้าวเดิน อ่านหนังสือ หรือดูรูปภาพในหนังสือ กับลูก เรียกชื่อลูกบ่อยๆ เมื่อคุยกับเขา วัย 1-2 ขวบ (วันที่ 636-1,000) เมื่อลูกย่างเข้าขวบปีแล้ว คุณพ่อคุณแม่จะสัมผัสได้ว่า ลูกมีความสามารถมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน การเคลื่อนไหวแขนขาและส่วนต่างๆ ของร่างกายก็ดีขึ้น เริ่มมีความรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง และรู้ว่าตนเองก็เป็นคนๆ หนึ่ง ที่แยกจากแม่ได้ (Sense of self) เขารู้สึกถึงการเป็นตัวตนของเขาการใช้ภาษาและการสื่อความหมายก็พัฒนา ขึ้น จะมีวิธีที่จะบอกคุณพ่อคุณแม่ได้ว่า ชอบ ไม่ชอบ และต้องการอะไร ลูกสามารถพูดเป็นคำๆ ที่มีความหมายได้ พัฒนาการ | รายละเอียดของพัฒนาการ | เดินได้คล่อง | ร่างกายลูกพัฒนามากขึ้นจนสามารถเดินและวิ่งเล่นได้ดี เด็กจะเคลื่อนไหวแขนขาและส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดี โดยเฉพาะการขึ้น-ลงบันได | ใช้มือได้ขึ้น | เริ่มหยิบของเอามาหย่อนใส่ลงกล่องได้ บางคนอาจจะเริ่มลากเส้นดินสอสีในมือ แต่ไม่เป็นรูปร่างอะไรนัก | เข้าใจคำสั่ง 2 ชั้น | ตอบสนองต่อคำสั่งชนิด 2 ชั้นได้ เช่น “มาหาแม่ และหันหลังซิคะ แม่จะทาโลชั่นให้” จะเริ่มเข้าใจสิ่งที่มีลักษณะตรงข้ามกัน เช่น คนสูง-คนเตี้ย หมาตัวใหญ่-หมาตัวเล็ก | พูดคำที่มีความหมายได้ | เริ่มพูดเป็นคำๆ ที่มีความหมายได้ เช่น มามา (แม่) หรือ ยายา ( ยาย หรือย่า) และมีวิธีบอกให้รู้ว่าต้องการอะไร เช่น ดึงเสื้อเมื่อเขาต้องการให้คุณสนใจเขา | เข้าใจเสียงห้าม | เด็กสามารถเข้าใจเสียงห้ามของผู้ใหญ่ อย่างคำว่า “หยุด “ไม่” ได้ | เคล็ดลับส่งเสริมมหัศจรรย์แห่งพัฒนาการของลูกน้อยวัย 1-2 ขวบ โภชนาการ เด็กวัยนี้ทานอาหารได้คล้ายอาหารผู้ใหญ่แล้ว คุณพ่อคุณแม่จึงควรให้ความสำคัญกับการเลือกอาหาร หรือนมที่อุดมด้วยสารอาหารที่ช่วยพัฒนาสมองของลูก ได้แก่ DHA และ ARA โคลีน ไซอะลิคแอซิด เป็นต้น สิ่งแวดล้อม คุณพ่อคุณแม่ควรจัดสภาพแวดล้อมที่ดีให้ลูก จัดกิจกรรมที่จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านต่างๆ ของลูก ได้ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือให้ลูกฟัง พูดคุยถึงเรื่องใกล้ตัวกับลูก เล่นไล่จับ โยนรับลูกบอลกับลูก ร้องเพลงและ โยกตัวตามจังหวะดนตรีไปด้วยกัน ฯลฯ วัย 2-3 ขวบ (วันที่ 1,001-1,365) เด็กในวัย 2 ขวบกว่าไปจนใกล้ 3 ขวบนั้นจะได้รับฉายาจากนักวิชาการฝรั่งว่า Terrible Twos หรือวายร้ายน้อย 2 ขวบ ทั้งนี้เพราะความ “ป่วน” จากวีรกรรมต่างๆ ของลูก เด็กๆ มักจะมีคำถามฮิตติดปากเสมอ ๆ เช่น ทำไม อะไร ที่ไหน เด็กส่วนใหญ่จะจดจำคำศัพท์ต่างๆ และนำออกมาใช้ได้ค่อนข้างดี คุณพ่อคุณแม่จึงควรพูดคุยกับลูกให้มากๆ และหมั่นสอนลูก พร้อมเข้าใจถึงพัฒนาการทางอารมณ์ของเด็กวัยนี้ที่มักจะเปลี่ยนแปลงได้ง่ายด้วย พัฒนาการ | รายละเอียดของพัฒนาการ | สำรวจโลกรอบตัว | เด็กวัยนี้จะอยู่ไม่นิ่ง เพราะเดินได้แล้วจึงชอบเดินหรือวิ่งไปสำรวจสิ่งต่างๆ รอบตัว | ชอบตั้งคำถาม “ทำไม” | ลูกจะมีพัฒนาการด้านต่างๆ มากขึ้น วัยนี้จะเป็นวัยที่อยากรู้อยากเห็นมาก และจะคอยถามคุณตลอดเวลาว่า “ทำไม, ทำไม…” | พูดได้มากขึ้น | พูดประโยคสั้นๆ ที่ประกอบด้วยคำ 2-3 คำได้ เช่น แต่งตัวสวย ไปทะเล หากมีคนพูดด้วยบ่อยๆ พัฒนาการทางภาษาจะรุดหน้ามากขึ้น | รู้จักเพศชาย-หญิง | เด็กจะสามารถเรียกเพศหญิงว่า “ผู้หญิง” เรียกเพศชายว่า “ผู้ชาย” เด็กชายรู้ว่าตัวเองเป็นเด็กผู้ชายและต่างจากแม่ เด็กหญิงรู้ว่าตัวเองเป็นเด็กผู้ญิงและต่างจากพ่อ | เคล็ดลับส่งเสริมมหัศจรรย์แห่งพัฒนาการของลูกน้อยวัย 2-3 ขวบ โภชนาการ เด็กวัยนี้ต้องใช้พลังงานไปกับการเรียนรู้โลกกว้าง สารอาหารที่ช่วยพัฒนาสมองและการเรียนรู้ของลูก จึงเป็นสิ่งจำเป็น คุณพ่อคุณแม่จึงควรให้ความสำคัญกับการเลือกอาหารหรือนมที่อุดมด้วยสารอาหารที่ช่วยพัฒนาสมอง ของลูก ได้แก่ DHA และ ARA โคลีน ไซอะลิคแอซิด เป็นต้น สิ่งแวดล้อม คุณพ่อคุณแม่ควรจัดกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านต่างๆ ของลูกได้ ไม่ว่าจะเป็น การอ่านหนังสือกับลูก ตอบคำถามต่างๆ ของเขา หรือตั้งคำถามเขากลับไปบ้าง ออกไปเล่นกลางแจ้งด้วยกัน เปิดเพลง ที่ลูกชอบแล้วโยกตัวตามจังหวะดนตรีไปด้วยกัน จัดบ้านให้มีบรรยากาศของเสียงดนตรีและการอ่าน ฯลฯ วัย 3-6 ขวบ (ครบ 1,365 วัน) เด็กวัยนี้เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นทั้งร่างกายและจิตใจ มีพละกำลังในการสำรวจสิ่งต่างๆ รอบตัวมากขึ้น ยิ่งเข้าเรียนด้วยแล้ว เขาจะมีเพื่อน ที่เล่นสนุกด้วยกันได้ ชอบเล่นปีนป่าย ชอบเล่นสมมติ เขากำลังเรียนรู้ว่าอะไรเป็นโลกจินตนาการ (Fantasy) หรือโลกแห่งความจริง ชอบทำงานที่ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ร่างกายจะเติบใหญ่กว่าช่วงขวบปีที่ผ่านมาเคลื่อนไหวร่างกาย ได้ดี อวัยวะต่างๆ ทำงานประสานกันได้ดีขึ้น สายตาของเด็กวัยนี้จะพัฒนาขึ้นจนเทียบเท่าผู้ใหญ่ โดยสามารถเปรียบเทียบ ความเหมือนความต่างของวัตถุได้แล้ว พัฒนาการ | รายละเอียดของพัฒนาการ | ใช้มือได้ดี | แม้ว่าเด็กวัยนี้กำลังเจริญเติบโตและเคลื่อนไหวร่างกายได้ดีขึ้น แต่ก็สามารถนั่งเล่นกับที่ได้ เพราะตาและมือทำงานประสานกันมากขึ้น ลูกจึงชอบการเล่นที่ต้องใช้มือและนิ้วมือมาก | ใช้สายตาได้ดี | ความสามารถทางสายตาของลูกวัยนี้พัฒนาขึ้นมาเทียบเท่าผู้ใหญ่ เขาสามารถเปรียบเทียบสิ่งต่าง ๆ ในด้านรูปทรง ขนาด สีสัน ความเหมือนต่าง ระยะใกล้ - ไกล บน - ล่าง ได้ | รู้จักเวลา | เวลาในที่นี้ไม่ได้หมายถึงชั่วโมงหรือนาที แต่หมายถึงแค่ลำดับก่อน - หลัง เดี๋ยวนี้ เช่น “อาบน้ำก่อนกินข้าว” ซึ่งเขาสามารถเข้าใจและทำตามขั้นตอนได้ | พูดประโยคยาวๆ ได้มากขึ้น | พูดประโยคยาว ๆ ได้มากขึ้น เป็นประโยคที่ใช้คำ 4-5 คำ รู้จักเรียงประโยคได้ถูกต้อง มักจะใช้คำ “สมมติว่า…” | ช่างจินตนาการ | วัยนี้เป็นวัยช่างฝัน ช่างจินตนาการ จึงชอบเล่นบทบาทสมมุติ และเริ่มรู้จักเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่คิดขึ้นมาเอง และต้องการเล่าให้พ่อแม่หรือคนอื่น ๆ ฟัง | เคล็ดลับส่งเสริมมหัศจรรย์แห่งพัฒนาการของลูกน้อยวัย 3-6 ขวบ โภชนาการ เด็กวัยนี้ไปโรงเรียนแล้ว เขายิ่งสนุกกับการเรียนรู้เรื่องราวรอบตัว สารอาหารที่ช่วยพัฒนาสมองและการเรียนรู้ ของลูกจึงเป็นสิ่งจำเป็น ควรให้ความสำคัญกับอาหารหรือนมที่อุดมด้วยสารอาหารที่ช่วยพัฒนาสมองของลูก ได้แก่ DHA และ ARA โคลีน ไซอะลิคแอซิด เป็นต้น สิ่งแวดล้อม กิจกรรมที่หลากหลายจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านต่างๆ ของลูกได้ ไม่ว่าจะเป็นการชวนลูกเล่นวาดภาพ ระบายสี ปั้นดินน้ำมัน อ่านหนังสือด้วยกัน เล่มเกมแข่งกันเล่นนิทาน ก่อนลูกเข้านอนก็เปิดเพลงบรรเลงให้ลูกฟัง หากลูกมีแนวโน้ม ชอบเล่นดนตรีชนิดไหน ก็ส่งเสริมลูกให้ได้เรียนกับผู้เชี่ยวชาญ เป็นต้น มอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกของคุณ มหัศจรรย์แห่งพัฒนาการสร้างได้ วันนี้ นอกจากการทำความรู้จักกับการนับถอยหลังมหัศจรรย์แห่งพัฒนาการของลูกน้อย และเคล็ดลับในการส่งเสริม และกระตุ้นพัฒนาการของลูกน้อยจนครบทุกช่วงวัยแล้ว คุณพ่อคุณแม่ยังสามารถนำแนวคิดพัฒนาศักยภาพสมอง เต็มระบบ รหัสอัจฉริยะ Enfa Smart System (Link) มาปฏิบัติอย่างเป็นองค์รวมไปพร้อมๆ กันได้อีกด้วย เพื่อศักยภาพ สมบูรณ์แบบของลูกรักที่คุณพ่อคุณแม่ทุกคนปรารถนา ลงมือเสียตั้งแต่วันนี้ เพราะโอกาสทอง 1,365 วันนั้น ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และไม่อาจเริ่มต้นใหม่ได้นะคะ |