|
การถวายผ้าไตรแก่พระภิกษุนั้น จัดเป็นทานที่ได้อนิสงส์มาก มาแต่พุทธกาลเพราะผ้าหายากค่ะ พระพุทธเจ้าจึงได้ทรงอนุญาตให้พระรับผ้าจากโยมที่นำมาถวายได้
การถวายผ้าไตรแก่พระภิกษุ ถ้าเราพิจารณาดูราคาจะเห็นว่ามีเนื้อผ้าหลายราคามาก กระทั่งผ้ามัสลินเองที่ว่าเป็นผ้าเนื้อดีที่ใส่สบายนั้นยังมีแบบมัสลินแท้หรือเทียม ถ้ามัสลินแท้ จะต้องเป็นผ้าที่นุ่งห่มแล้วไม่ร้อน คลายความร้อนจากร่างกายได้เร็ว ในขณะเดียวกันต้องเก็บความเย็นเข้าไว้ในผ้าได้ด้วย
วิธีสังเกตุคือให้จับเนื้อผ้า ผ้าต้องมีลักษณะเนื้อนุ่มเบาสบายมือ ไม่ลื่น ผ้าไหมสวยแต่ลื่น ครองลำบากค่ะ บางครั้งถ้าเราซื้อผ้าโทเรหรือผ้าที่ราคาถูก พระไม่ได้ใช้หรอกค่ะ ท่านครองไม่ไหว เราเองแค่นุ่งเสื้อตัวกางเกงตัว ยังร้อนตับแทบแลบแล้วพระหล่ะค่ะ ใจพระก็ใจเรานะคะ ต้องเลือกผ้าที่เนื้อดีๆ ผ้ามัสลินเองยังแบ่งเป็นหลายราคา แต่มัสลินแท้จะอยู่ราคาสองพันขึ้น ร้านนี้ไม่แพงค่ะ ขาดสิบบาทสองพัน ก็ถือว่าโอเค
ราคาของผ้าที่ต่างกันเนื่องจากขันธ์ของผ้าค่ะ ขันธ์คือผ้าที่นำมาเย็บต่อกันในแนวดิ่ง ถ้าขันธ์มากก็แพงเนื่องจากต้องนำผ้าเก้าชิ้นมาเย็บต่อกัน อันนี้ต่างกับผ้าปูที่นอนไร้รอยต่อ ที่ถ้าไร้รอยต่อก็แพงเพราะใช้ผ้าผืนเดียว ผ้ามีรอยต่อก็ถูกหน่อย ผ้าไตรรอยต่อยิ่งมากยิ่งแพง ทำใมเป็นเช่นนั้น เนื่องจากสมัยพุทธกาล พระนุ่งห่มผ้า ผ้านั้นหาลำบากค่ะ ต้องรับจากโยมบ้าง นำผ้าห่อศพมาซักย้อมบ้าง ซึ่งเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ต้องนำมาเย็บต่อกันจึงจะได้ผ้าครองไม่อุดจาด ดังนั้น ธรรมเนียมนี้จึงยึดถือในพระสายป่าค่ะ นิยมผ้าขันธ์ ๙ คือผ้า ๙ ชิ้นต่อกัน ถ้ามัสลินขันธ์ ๙ จะแพงอยู่ราวสามพันค่ะ เนื่องจากค่าแรงในการเย็บนั่นเอง
สำหรับที่นัทประจำเป็นขันธ์ ๕ คือใช้ผ้าห้าชิ้นต่อกันค่ะ ราคาจะถูกกว่าเพราะรอยต่อน้อยกว่า พระที่มิใช่สายพระป่าไม่จำเป็นต้องใช้ขันธ์ ๙ ดังนั้น การเลือกผ้ามัสลินจะเลือก ขันธ์ ๕ ๗ ๙ มีผลในราคาด้วยค่ะ ถ้าจ่ายราคาถูก พระไม่ครอง ไม่มีประโยชน์เหมือนเอาตังค์ไปทิ้ง ถ้าจ่ายแพงโดยไม่จำเป็น ก็ไม่เกิดประโยชน์เสียเงินเปล่า เวลาซื้อผ้าต้องขอเขาจับเนื้อผ้านะคะ เอามือสอดลงไปใต้ผ้า ต้องไม่อ้าว ไม่ร้อนค่ะ ถ้าเขาแพคใส่พลาสติกไม่ให้เราจับไม่ต้องซื้อค่ะ เพราะเรา สวยเลือกได้ (เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย) 5555 เอวังผ้าไตรครองก็มีด้วยประการฉะนี้ สาธุ
ขอบคุณบทความจาก : natjar2001
| |