หลายปีก่อนได้มีโอกาสไปเที่ยวสเปนไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้กลับไปเยือนอีก เพราะส่วนมากเราไม่ค่อยจะไปไหนซ้ำ ๆเหมือนชาวยุโรปส่วนมากที่บางครั้งจองที่พักสำหรับพักร้อนที่เดิม ๆ เป็นสิบ ๆ หนเหมือนเพื่อน
ของมิเชล...
เพื่อนของมิเชล..คนละคนกับคนที่ไปพักที่เดิมๆ เชิญเราไปพักที่บ้านที่เมือง San Fulgencio เมืองชายทะเลเล็ก ๆ ห่างจากเมืองใหญ่ Alicante ประมาณ 30 กิโลเมตรหากเปิดดูในกูเกิ้ล จะไม่มีคำอธิบายอะไรน่าสนใจมาก เพราะเป็นเมืองเล็ก ๆที่มีประชากรแบบผสม คือ ทั้งที่มาจากอังกฤษ ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์เพราะบ้านเรือนที่นี่ราคาไม่แพงมากผู้ที่เกษียณอายุจึงนิยมมาซื้อบ้านพักราคาไม่แพงไม่ไกลจากชายทะเลไว้เป็นที่พักร้อนอีกทั้งค่าครองชีพในสเปนไม่ได้สูงมากเหมือนที่อื่น ๆ ที่ว่ามาเมืองนี้เป็นกลายเป็นเมืองคนแก่...โดยปริยาย
เพื่อนของมิเชล...อายุกว่าหกสิบห้าแน่นอนเนาะมันก็ต้องวัยเดียวกันสิ เป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยยังเป็นวัยรุ่นไม่ได้เจอกันมานานกว่า สี่สิบปี..วันหนึ่งมิเชลเกิดอาการอยากตามหาเพื่อนเลยควานหาทาง FB แล้วก็ได้เจอกันจริง ๆ เลยเขียน จม.น้อยถึงกันเพื่อนซึ่งพึ่งจะหย่าร้างกับสามีคนที่สาม เลยชวนไปเที่ยวที่บ้านความเป็นมาเป็นเช่นนี้เอง
เราเดินทางกันเช้าวันเสาร์เช้าที่ว่าคือตื่นตั้งแต่ตีสองครึ่ง ออกจากบ้านตีสามขับรถไปจอดไว้ที่จอดรถหน้าบ้านเพื่อนชาวอิตาเลียน เพราะใกล้ป้ายจอดรถที่สุดแล้วก้เดินผ่าลมหนาวพร้อมกระเป๋าใบน้อยไปรอรถบัส ที่จองไว้ทางอินเทอร์เน็ตว่าจะมารับ 03.30 am เราไปรอไม่นาน รถก็มารับตรงเวลาราวกับนาฬิกาสวิส ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงก็มาถึงสนามบินด้วยวิธีนี้เราประหยัดค่าที่จอดรถสี่วัน เกินกว่าร้อยยูโรที่สนามบิน ค่ารถบัสคนละ11 euros แค่นั้น ราคาต่างกันราวฟ้ากับดิน แต่ที่ลำบากนิดหน่อยก็แค่ตื่นแต่เช้าเท่านั้นเอง...
เครื่องบินออก 6.30 am ใช้เวลาเดินทาง 2.30 hrsเราหลับบนเครื่องจนไปถึงสนามบิน Alicante เพื่อนของมิเชลมารอรับพร้อมหมาตัวน้อยหญิงสาวอายุมากมีแววว่าสวยมากเมื่อตอนสาว ๆแต่กับวัยที่ร่วงโรยตอนนี้...กับความผกผันของชีวิต ที่แต่งงานมาแล้วสามหน ล่าสุด..ผู้ชายที่อยู่ด้วยกันมาแปดเดือน..มีเรื่องราวต้องแยกกันอีกทำให้เธอคิดมาก สูบบุหรี่จัดมือไม้สั่นเป็นเจ้าเข้าเวลาอยากบุหรี่..เพราะชีวิตที่ไม่เคยทำงานสามีเลี้ยงมาโดยตลอด ราวกับเจ้าหญิง อยากไปไหน ซื้ออะไร ได้ทุกอย่างพอต้องมาอยู่คนเดียวเลยเกิดอาการกลัว...เพราะทำอะไรไม่เป็นดีที่ยังมีลูกชายคอยเป็นกำลังใจ
บ้านของนาดีน..ชื่อเพื่อนของมิเชลตั้งอยู่ในท่ามกลางบ้านเรือนมากมายที่ปลูกคล้าย ๆ กันเหมือนหมู่บ้านในเมืองไทยซึ่งหากเมาแล้วอาจจะเข้าบ้านผิด..เธอขายบ้านที่เบลเยียม ตัดสินใจมาอยู่ที่เมืองนี้ลำบากนะ..เพราะอายุมากแล้วและต้องมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ทั้งหมดที่นี่เรียนรู้ภาษาใหม่ ปรับตัวให้เข้ากับสังคมใหม่ ข้าง ๆ บ้านที่มีทั้งชาวสเปน อังกฤษเนเธอร์แลนด์ ตกลงต้องใช้ภาษาสเปนเป็นหลัก และพูดภาษาอังกฤษ ...กับเพื่อนบ้าน นี่เรียกว่ายิ่งแย่กว่าแม่บุญตอนมาอยู่ที่เบลเยี่ยมเสียอีก ...แถมอายุมากแล้วด้วยเปิดภาคเรียนเธอต้องไปเรียนภาษาสเปนนิช...
ห้องที่เราได้พักตลอดเวลาสี่วัน อยู่บนชั้นสองเดินไต่กระไดไปหน่อย ห้องกว้างพอสมควร ห้องน้ำเล็ก ๆ ตรงบันได ที่เจ้าของบ้านให้เราใช้แค่สองคน ส่วนเธอกับน้องสาวใช้ห้องน้ำใหญ่ข้างล่าง ผ้าปูที่นอนเป็นชุดที่พึ่งถอยออกมาใหม่ สีม่วงเข้มลายดอกไม้สีขาวสวยมากจากนั้นก็เป็นการเดินชมเมืองเล็ก ๆ นี้ ใช้เวลายี่สิบนาทีก็เดินทั่วบอกแล้วไงว่ามันไม่มีอะไร
จากนั้นก็ไปร่วมกิน Paellaที่บริษัทขายบ้านจัดเลี้ยงลูกค้า เราสองคนได้รับเชิญด้วย มีการแสดงระบำฟลามิงโก้ให้ดูอีกด้วยPaellaกระทะมหึมาที่ตั้งอยู่บนเตาไฟที่กำลังลุกเพื่อให้ข้าวและไก่...กระดูกเยอะมาก สุกเครื่องดื่มไม่อั้น เราเลยได้ชิม Paella กันคนละจานเป็นการเรียกน้ำย่อยฝน..ที่ตามมาจากเบลเยี่ยมเกิดตกปรอย ๆ พร้อมลมหนาวจากทะเล เข้ากันราวปี่กับกลองตกลงเลยเผ่นกลับบ้านไปตั้งหลักกันใหม่...
ก่อนอาหารเย็นประเดิมกันด้วยเหล้า...Sangria ที่มีผลไม้หั่นชิ้นเล็กลงไปผสมด้วยเรียกอารมณ์ครึกครื้น กับตำนานเล่าขานของสองเฒ่าสมัยเป็นหนุ่มเป็นสาวกับการออกเดทกัน จูบแรกที่หญิงชรา...คิดว่าเธอจะต้องตั้งท้องแน่นอนเพราะจูบนั้นเล่นเอาวงเหล้าเล็ก ๆ ของเราออกรสชาติทีเดียวจากนั้นก็เป็นตำนานความรักระหว่างประเทศของสาวไทยคือแม่บุญ กับหนุ่มใหญ่ ...มิเชลที่แทบจะกลายเป็นเรื่องนิยายโรแมนติค..ติดอันดับขายดี วุ้ย..อะไรจะขนาดนั้น
น้องสาวของนาดีน...ฟรองซัวส์ คอยป้อนคำถามมากมายให้ตอบมิเชลเองก็ต้อนสองหญิงเรียกเสียงฮาไม่ขาดระยะ..เราจบการสนทนากันที่ร้านอาหารอิตาเลี่ยน เชื้อชาติสเปนเพราะพ่อครัวเป็นคนสเปนนิชรสชาติไม่เลว ..ตามด้วยทิรามิสุ เป็นของหวานตบท้าย
เช้าวันอาทิตย์
นาดีนกับฟรองซัวส์...พาไปเดินตลาดนัด..รถติดเหมือนจตุจักรตลาดใหญ่เหมือนจตุจักรเช่นกัน แต่ข้าวของดูไม่เร้าใจเท่าบ้านเราอาหารสดมีขายบ้างเป็นพวกผัก ผลไม้ ที่เราซื้อกลับมาทำสลัดในมื้อเย็นมื้อเที่ยง...
เกือบบ่ายสองกลุ่มเราเลือกที่นั่งในร้านอาหารทีต้องแย่งเก้าอี้ราวกับเก้าอี้ดนตรีแม่บุญ...เท้าไว ตาไวเหลือบเห็นที่นั่งที่มีคนกำลังจะลุก เลยรีบไปยืนจองไว้ก่อนไม่งั้นคงต้องซื้อกลับไปกินที่บ้านแน่นอน อาหารเที่ยงประเภทปิ้ง ย่างเราสั่งซี่โครงหมูย่างของนาดีนกับน้อง ไก่ครึ่งตัวย่างสำหรับแม่บุญ มิเชลกินเนื้อบาบีคิวไม้ใหญ่ จิบไวน์แดงไปด้วยอากาศไม่ได้ร้อนอบอ้าวมากเพราะลมทะเลพัดผ่านมาเป็นระยะ ๆทำให้อาหารที่สั่งมาหมดไปอย่างรวดเร็ว ...
จากนั้นก็แวะไปนั่งดื่มกาแฟริมทะเลคุยกันน้ำลายฟุ้ง...แล้วก็บิ๊กบ้าน มิ้อเย็นกินเพียงสลัดที่ซื้อมาใส่ผลไม้ลงไปด้วย มีไส้กรอกสเปนแบบเผ็ด มะกอกดอง ชีส..หั่นชิ้นมื้อเย็นไปผ่านไปด้วยดี ...
Paella กระทะใหญ่กินได้ทั้งหมู่บ้านเลยนะคะ
เริ่มเรียนภาษาตอนอายุหกสิบไปแล้วก็ดีเหมือนกันนะคะ
เหมือนได้ฝึกสมอง จะได้สมองเสื่อมช้าลงน่ะค่ะ