ชีวิตคนเรา ยิ่งกว่านิยาย
...ทุกอย่างเหล่านี้โนรีมองเห็นได้แจ่มแจ้ง เหมือนกับว่าตัวเองได้ยืนอยู่ ณ ที่นั้น ด้วยโนรีมิได้สนใจที่จะคิดว่าคนอื่นๆจะมีความรู้สึก มีญาณบางอย่างเช่นตนหรือไม่ และโนรีก็มิได้ใส่ใจว่า ความฝัน ความสามารถพิเศษที่จะใช้จิตวาดภาพบางอย่างให้ดูเหมือนของจริงมีชีวิตจิตใจนั้น เป็นพรพิเศษที่น้อยคนนักจะมี ถ้าหากโนรีรู้เสียแต่แรกว่าปรากฏการณ์ต่างๆเหล่านี้เป็นพรพิเศษของนักเขียนนักประพันธ์ และพรพิเศษนั้นเองจะนำมาซึ่งความลำบากลุ่มๆดอนๆซึ่งเกิดจากความไม่สามารถจะปรับระดับของชีวิตในห้วงนึกคิดของของตนให้เข้ากับระดับชีวิตธรรมดาสามัญ บางทีโนรีก็จะสลัดความรู้สึกนึกคิดและความฝันอันน่าอภิรมย์เหล่านั้นทิ้ง เหมือนกับว่ามันเป็นของร้อน หรือของโสโครกที่พึงรังเกียจ และพยายามทำตัวให้คุ้นกับสิ่งธรรมดาสามัญ พยายามผูกจิตใจไว้กับหลักที่หยาบและมั่นคงแห่งชีวิต คือการแสวงหาเงินและผลประโยชน์ที่จะบำบัดความต้องการของร่างกาย อันเป็นวัตถุที่หยาบหนา ถ้าหากโนรีทำได้ดังนั้น บางทีชีวิตของโนรีก็อาจจะเปลี่ยนไปอีกรูปหนึ่ง และโนรีอาจได้รับความสุขอย่างคนทั่วไปปรารถนา แต่บางทีธาตุทั้งหลายที่มาประกอบกันขึ้นเป็นตัวโนรีอาจละเอียดอ่อนเกินไป จะเป็นด้วยเหตุผลกลใดก็ตามที โนรีจึงปล่อยตัวเข้าสู่สภาวะที่มีสีสันอันประหลาด มีแสงสว่างอันเรืองรองแต่ปราศจากวัตถุธาตุอันใดที่จะยึดเหนี่ยวได้เป็นแก่นสาร โนรีมีความสุขในความฝัน แต่บางครั้งความฝันนั้นเองก็บันดาลให้เกิดทุกข์บีบรัดหัวใจจนสุดที่จะทนทาน หากความทุกข์ที่เกิดขึ้นจากความฝันนั้นเป็นความทุกข์ที่ทั้งหวานทั้งขม เพียงแต่ได้รับความทุกข์เช่นนั้นโนรีก็เกิดความพอใจอันเต็มเปรี่ยม ยากที่จะหาสิ่งใดมาเทียบได้
คัดลอกบางส่วนจากเรื่อง โนรี จาก หลายชีวิต โดย ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช
ผมมีโอกาสได้อ่าน "หลายชีวิต" ของท่าน ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมท เมื่อช่วงปีที่แล้ว ทำเอาผมเป็นบ้าเป็นหลังไปพักใหญ่ๆ และยิ่งหลงรักงานเขียนของท่านคึกฤทธิ์เข้าไปอีก คงไม่เป็นถึงขนาดนี้ หากท่านไม่เขียนอะไรที่สะกิดหัวใจได้บ่อยครั้งถึงเพียงนี้ และโดยเฉพาะในหลายชีวิต ผมอ่านเล่มนี้ไป ผมก็จะมีสมุดบันทึกอยู่ข้างๆ คอยจดวรรคทอง ประโยคเพชร นั้นลงสมุดบันทึก
โดยเฉพาะจากเรื่อง "โนรี" ที่เป็นวรรคที่ยาวที่สุด และผมประทับใจที่สุด
ผมยังไม่ได้เป็นนักเขียน แม้ผมจะชอบๆขีดๆเขียนๆ แน่นอนงานที่ผมเขียนก็ไม่ได้ดีเด่นอะไรเลย แต่อุปนิสัยของโนรี ที่ท่านคึกฤทธิ์บรรยายออกมานั้น ประหนึ่งว่าท่านได้เข้ามานั่งอยู่ในหัวใจของผมและเขียนมันออกมา แต่ในความจริงแล้ว ท่านคงจะบรรยายออกมาจากจากตัวตนของท่าน หรือใครๆก็อาจจะพูดว่า จากของฉันด้วยเช่นกัน
หลายครั้งที่ผมจิตตก หรือติดหล่มอารมณ์ตัวเอง ผมก็จะนึกสมเพชตัวเองที่มีชะตากรรมอย่างนี้ พี่ชายที่อยู่แดนไกลคนหนึ่งของผม บอกว่าผมเหมือนตัวละครตัวหนึ่งในหลายชีวิต ควรจะปรับตัวเองใหม่ ไม่งั้นชะตากรรมก็อาจจะลงเอยเช่นเดียวกับตัวละครที่น่าเวทนานี้
วาดหวังเอาไว้ว่า จะเอาชนะชะตากรรมของตัวเองในข้อนี้ให้จงได้ และแปรเปลี่ยนขุมทรัพย์หรือขุมนรกนี้มาเป็นพลังงานในการสร้างสรรค์งาน ซึ่งแน่นอน คงทำไม่ได้ในวันนี้ หรือพรุ่งนี้ แม้จะไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าจะทำได้ แต่ก็พร่ำบอกตัวเองว่า "ฉันจะต้องทำได้" แค่ได้บอกตัวเอง เรียวแรงก็ถูกเติมจนเกือบเต็มแล้ว
วารีไม่ค่อยท่า วันเวลาไม่คอยใคร แต่ขอแค่มีสักคนที่คอยผม เวลาผมล้ม ดิ่งจมและติดหล่มอารมณ์ของตัวเอง จะมีใครยื่นมือมาดึงผมขึ้นมา ไม่ต้องเดินเคียงข้างผมก็ได้ เดินนำหน้าไปตามหาฝันของคุณ แต่แค่หันมามองผมบ้างบ่อยๆ เพียงเท่านี้เอง ที่ผมอยากได้สำหรับวันนี้ สำหรับหัวใจที่แห้งโหย
|
ถึงรู้ว่าไม่ได้ช่วยอะไรก็เหอะ
จริงๆแล้วพระเจ้าก็คือตัวเราเอง ถ้าจะยืน จะล้ม ก็ตัวเราเอง
มีคนบอกคิสมางั้นอะนะ
ปล.คิสไม่เคยได้อ่านงานของท่านมาก่อนเลยคะ น่าสนใจจัง