Group Blog
 
 
เมษายน 2551
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
5 เมษายน 2551
 
All Blogs
 
บันทึกรัก Love Diary

บทที่ 1 : เมื่อเราพบกัน

เขิลจัง จริงๆ ไม่อยากใช้คำว่าบันทึกรักหรอกค่ะ มันฟังดูติดเรตยังไงไม่รู้ แต่ก็หาคำอื่นสวยงามกว่านี้ยังไม่ได้ ใช้ๆ ไปก่อนละกัน

ตั้งใจว่าจะพยายามเขียนเรื่องราวระหว่างเรากับ "เค้า" ไปเรื่อยๆ ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเริ่มต้นและกลายเป็นความรักหรือเปล่า ถ้าจะเปรียบไป ก็คงเหมือนกับตอนนี้เราเพิ่งจะหยอดเมล็ดพันธุ์ลงในกระถางต้นไม้ รดน้ำ พรวนดิน แล้วก็รอดูมันเติบโตขึ้น จริงๆ เป็นคนมือร้อนนะ ปลูกต้นไม้ตายหมด ไม่รู้ปลูกต้นรักจะรอดหรือเปล่า เหอเหอ

เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 29 มิ.ย. ได้รับคำสั่งสายฟ้าแลบว่าตอนเที่ยงจะต้องไปพรีเซ้นต์งานให้กับว่าที่นักบินกลุ่มหนึ่ง แย่ล่ะสิ 11 โมงวันเดียวกันก็นัดเก็บเอกสารกับว่าที่นักบินอีกกลุ่มหนึ่งเหมือนกัน เลยต้องแบ่งทีมออกเป็น 2 ส่วน แล้วยืมมือรุ่นพี่อีกคนมาช่วยอีกแรง

กว่าเรากับเจ้านายจะเดินทางไปถึงก็เกือบเที่ยง ทีมงานกลุ่มแรกที่เดินทางไปก่อนเก็บเอกสารเรียบร้อยมานั่งรออยู่แล้ว พอได้เวลาปุ๊บพวกเราก็เดินเข้าห้องเรียนของว่าที่นักบินกลุ่มนั้น จัดแจงติดตั้งโปรเจคเตอร์ เตรียมแจกเอกสารทันที

ระหว่างที่เจ้านายเราพรีเซนต์งานไป เราก็แอบสังเกตการณ์สมาชิกที่นั่งฟังกันอยู่ว่าสนใจกันดีหรือไม่ ก็มองไปรอบๆ ห้องแล้วสายตาก็ไปสบเข้ากับสายตาอีกคู่หนึ่งที่มองมา เค้านั่งอยู่โต๊ะหน้าสุดทางซ้ายมือของห้อง ส่วนเรายืนอยู่ด้านขวาสุดของห้อง

ด้วยความเขิลเราก็เลยมองไปที่เจ้านายที่ยืนอยู่หน้าห้องซะงั้น แต่ก็แอบมองเค้าด้วยหางตาเหมือนกัน เห็นเค้ามองๆ มาอยู่หลายทีเลยแหล่ะ พอตอนที่เจ้านายเราพรีเซนต์จบ เราก็เริ่มแจกเอกสารอีกส่วนพร้อมๆ กับนามบัตร พอเราเดินไปที่โต๊ะเค้า ก็นึกว่าเค้าคงจะมองสบตาเรา แต่ที่ไหนได้เค้ากลับทำเป็นไม่สนใจ

เราก็เลยบอกกับตัวเองว่า "อืม .. เราคงคิดมากไปเอง" ว่าแล้วเราก็เลิกสนใจมองเค้า แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป พอเสร็จสิ้นการพรีเซ้นต์เรากับทีมงานก็กลับออกมา ไปทานข้าวแล้วกลับเข้าออฟฟิศ

พอมาถึงออฟฟิศ ก็มีการแบ่งรายชื่อว่าที่นักบินกลุ่มนั้นเพื่อการตามงาน ในทีมเรามี 3 คน (ไม่รวมเจ้านาย) ก็แบ่งได้คนละ 5 รายชื่อพอดี

วันจันทร์ 2 ก.ค. เราโทรหาทั้ง 5 คนจากลิสต์ในมือ ปรากฎว่ามีเพียงคนเดียวที่รับสายและได้คุยกัน สรุปได้ว่าเค้าให้เราไปรับเอกสารจากเค้าได้ในวันอังคารอีก 1 สัปดาห์ให้หลัง ก็คุยดีเชียวแหล่ะ เราก็แอบๆ ภาวนาในใจนิดนึงว่า ขอให้เป็นเค้าคนนั้นเถอะนะ

บทที่ 2 : ฝันไปหรือเปล่า

9 ก.ค. ประมาณบ่ายสามโมงครึ่ง เราก็โทรคอนเฟิร์มกับเค้า เรื่องเอกสารที่จะไปรับวันพรุ่งนี้ และย้ำกับเค้าเรื่องเอกสารอีกใบที่อยู่กับเค้า ให้ถือติดมือมาด้วย เราถามเค้าไปว่าเอกสารยังอยู่ใช่ไม๊ เค้าก็บอกว่าใช่ครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมหยิบไปด้วย

วันนี้เราหนีกลับบ้านเร็วกว่าปกติเพราะมีออร์เดอร์บลูเบอรี่ชีสพายจากพี่ๆ ที่ออฟฟิศเก่า กลับถึงบ้านก็โทรหาลูกค้าเพิ่มอีก 3 คน เสร็จแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวจะไปอาบน้ำ ตอนนั้นประมาณ 5 โมงครึ่งได้ ก็ได้รับโทรศัพท์จากเค้า

เค้า "คุณมี่ครับ พรุ่งนี้ช่วยติดเอกสาร... มาให้ด้วยนะครับ ผมหาไม่เจอแล้วว่าเก็บไว้ที่ไหน"

เรา "อ๋อ ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา คุณ... เตรียมเอกสารประกอบที่ต้องยื่นเพิ่มเติมมาด้วยนะคะ"

เค้า "ครับผม" (ฟังดูเหมือนยิ้มๆ นะ)

เรา "ค่ะ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เจอกันที่ออฟฟิศคุณ... นะคะ มี่คงไปถึงเที่ยงๆ คุณ... จะไปถึงประมาณกี่โมงคะ"

เค้า "น่าจะประมาณเที่ยงครับ แต่บ่ายสองต้องเข้าห้องเรียน ก็น่าจะได้ตั้งแต่เที่ยงถึงบ่ายครึ่ง"

เรา "ได้ค่ะ ยังไงมี่โทรหาอีกทีนะคะ ชั้น 4 นะคะ"

เค้า "ครับ"

แล้วก็วางสายกันไป ตอนที่คุยกัน เรารู้สึกเหมือนว่าเค้ายิ้มตลอดเวลาที่คุยเลยนะ ไม่รู้คิดไปเองป่าว แต่มันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ส่วนเราเองก็ตะหงิดๆ ว่าเค้าจะเป็นคนๆ เดียวกับที่เราสบตาด้วยเมื่อวันก่อน แต่ก็ไม่อยากจะคิดหวังอะไรมากมายหรอก

เช้าวันที่ 10 ก.ค. เราแวะเอาขนมไปส่งก่อนไปออฟฟิศ เคลียร์งานเล็กน้อย เตรียมเอกสารที่ต้องหยิบไปให้เค้าด้วย เราออกจากออฟฟิศประมาณ 11 โมง เดินไปขึ้นรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานีพหลโยธินแล้วต่อแท็กซี่ไปที่ออฟฟิศของเค้า ไม่หลงด้วย

เที่ยงตรงเราก็ถึงออฟฟิศของเค้า พอไปถึงเราก็โทรหาเค้า ปรากฎว่าเค้าติดธุระอยู่กับครูก็เลยบอกให้เรารอซัก 20 นาที เราก็นั่งรออยู่ตรงล็อบบี้ กดโทรศัพท์เม้าท์กับเพื่อนไปพลางๆ หิวก็หิว เง้อออ จะแว๊บไปกินข้าวก็กลัวเค้าจะมาซะก่อน

เกือบบ่ายโมงเรากำลังเม้าท์กับเพื่อนอย่างเมามันส์ พอประตูอัตโนมัติหน้าออฟฟิศเปิด เราก็หันไปมอง ปรากฎว่าเห็นเค้าคนที่เราสบตาด้วยวันนั้นเดินเข้ามา แอบดีใจ อิอิ แต่ที่ช็อคคือเค้าเดินเข้ามาหาเรา แล้วบอกว่า "ขอโทษนะครับคุณมี่ให้รอนานเลย" เราก็ตามมารยาท "ไม่เป็นไรค่ะ" เค้าก็ถามต่อ "ทานข้าวหรือยังครับ" ตอนนั้นนะแบบหมั่นเขี้ยวมากอยากหยิกจริงๆ ให้ตรูรอตั้งนานยังจะมาถามอีก แต่ต้องยิ้มหวานตอบไปว่า "ยังค่ะ เดี๋ยวรอเสร็จธุระก่อนแล้วค่อยไปทานก็ได้"

เค้าพาเราขึ้นไปที่ชั้น 4 ซึ่งเป็นชั้นที่เค้าต้องเข้าเรียนในวันนี้ เดินไปถึงตรงส่วนนั่งเล่นก็ปรากฎว่ามีคนนั่งอยู่เยอะแยะไปหมด ส่วนใหญ่ก็เป็นเจ้าหน้าที่หนุ่มๆ ทั้งนั้น สายตาทุกคู่ก็เลยจับจ้องมาที่อ้ายมี่ทันที หุหุ

ระหว่างที่เค้านั่งกรอกรายละเอียดในเอกสาร ก็มีนั่งคุยกันเล็กๆ น้อยๆ เราแอบมองมือของเค้า (ชอบผู้ชายมือสวยอ่ะค่ะ) อืม .. ไม่สวยแฮะ มองดูท่าจับปากกาก็เหมือนเด็กๆ เลยอ่ะ แถมลายมือยังเป็นผู้ช้ายยยผู้ชายอีกตะหาก อ่านแทบมะออก อ้อ.. เห็นเค้าซื้อขนม Puff & Pie มาด้วยแหล่ะ แอบนึกนินทาในใจ "ผู้ชายอะไรกินหนมฟระ แมนป่าวเนี่ย"

พอรับเอกสารเรียบร้อยเราก็ไปหม่ำข้าวหลังออฟฟิศเค้า แล้วก็นั่งแท็กซี่กลับออฟฟิศอย่างสบายใจ ระหว่างทางนึกครึ้มใจส่ง sms ขอบคุณเค้าซักหน่อยดีกว่า

Thank you for your time today. Should you have any queries or need further assistance, pls feel free to contact me. ^ ^

ที่ไหนได้ พอกลับถึงออฟฟิศเพิ่งจะเห็นว่าเค้าให้เอกสารไม่ครบ กรำ เลยต้องส่ง sms ไปอีกที "K. ... I'm sorry to bother you but pls let me know when you are free. There's something I forgot to get from you ka. ;p " แต่เค้าก็เงียบหายไปเลย

จากเอกสารของเค้า ทำให้เราได้รู้ว่าเค้าเลือดกรุ๊ปเดียวกับเรา เกิดในภาคเดียวกับเรา อายุน้อยกว่าเราตั้ง 5 ปี แล้วก็ส่วนสูงไม่ถึงเกณฑ์ผู้ชายในฝันของเรา แหะแหะ (ตัวเองสูงตายยยยย)

เลิกงานเราก็กลับบ้าน กินข้าว กินขนม อาบน้ำ แล้วมานั่งหน้าจอคอม แชท MSN กับเพื่อนๆ นึกในใจว่าถ้ายังไงพรุ่งนี้คงต้องโทรหาเค้าอีกแน่ๆ เฮ้อ.. เกรงใจเหมือนกันแฮะ ไม่รู้โทรไปจะติดเวลาเรียนของเค้าหรือเปล่า แต่..เหมือนเค้าจะรู้ว่าเราแอบคิดถึง หุหุ

21.54 น. เสียงโทรศัพท์มือถือเราดังขึ้น หน้าจอกระพริบเป็นชื่อเค้าอยู่ เราแอบยิ้มก่อนกดรับสาย "สวัสดีค่ะ"

เค้า "สวัสดีครับคุณมี่ ผม... (ชื่อเล่น) ... (ชื่อจริง) ครับ"

เรา "ค่ะ คุณ... (เราเรียกชื่อจริงของเค้าตลอด) อย่าบอกนะคะว่าเพิ่งเลิกเรียน"

เค้า "ใช่ครับ"

เรา "โหยยยย ทำไมน่าสงสารอย่างนี้"

เค้า "(หัวเราะ) อย่างนี้แหล่ะครับ เป็นช่วงเข้าซิม"

แล้วเค้าเล่าให้ฟังว่าทำอะไรยังไงบ้าง ก่อนเข้าซิมเค้าต้องใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงคุยกับกัปตันที่เป็นครู แล้วหลังจากนั้นจนถึงสามทุ่มก็เป็นการบิน มีเวลาพักทานข้าวแป๊บเดียว ซึ่งก็ไม่ได้ออกมาทานข้าวหรอก แต่มีขนมไว้ทาน (ที่แท้ก็ซื้อขนมมาตุนไว้นี่เอง น่าฉงฉานอ่า)

เรา "มี่ขอโทษนะคะที่รบกวน แต่ว่ามี่ลืมทวง...."

เราก็คุยเรื่องเอกสารที่ขาดอยู่กับเค้า มีแอบแซวออฟฟิศตัวเองกับเจ้านายเล็กน้อยให้เค้าได้หัวเราะ ชอบเสียงหัวเราะเค้าจังเลยอ่ะ สรุปว่าเราให้เค้าช่วยฝากเอกสารไว้กับว่าที่นักบินอีกห้องหนึ่งที่เราจะได้เจอวันพฤหัส

ก่อนวางสายเราก็บอกเค้าว่า "พักผ่อนเยอะๆ นะคะ" ด้วยน้ำเสียงจริงใจและแสดงความเป็นห่วงเป็นใยสุดฤทธิ์ เหอเหอ

อีกประมาณครั้งชั่วโมงถัดมาเราก็ส่ง sms ไปอีกว่า

Thank you so much for calling back ka. Take good care and have a sweet dream naka Captain to be. ^ ^

ตอนนี้ไม่กล้าคิด ไม่กล้าฝันอะไรไปมากมายกว่านี้หรอก เอาเป็นว่า(แอบ)มียาใจอย่างนี้ไว้เป็นกำลังใจในการทำงานต่อไปก็แค่นั้น ส่วนอนาคตจะได้เป็นอะไรมากกว่านั้นไม๊ คงต้องลุ้นต่อ

ป.ล. ใครมีหนังสือจีบผู้ชายแนะนำบ้างคร้า คริคริ~




Create Date : 05 เมษายน 2551
Last Update : 5 เมษายน 2551 13:33:30 น. 0 comments
Counter : 293 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

luvammie
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ช่างฝัน ฝันเพ้อเจ้อไปเรื่อย ไม่รู้จักโต ชอบอ่านหนังสือจินตนิยาย เอาแต่ใจตัวเอง คลั่งไคล้สีชมพู สีม่วง สีฟ้า และเฮลโลคิตตี้เป็นที่สุด ชอบฟังเพลงร็อค พังค์ โดดๆ ในคอนเสิร์ต รักการทำขนมและเดินทางท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ ตอนนี้ได้โลโก้และชื่อแบรนด์เป็นของตัวเองแล้ว อิอิ "The Baker Witch" แม่มดคนนี้ทำขนมไม่เก่ง แต่รักที่จะทำ ยังไงก็ฝากตัวด้วยนาคะ


Friends' blogs
[Add luvammie's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.