อ้อมค้อม....


ในสมัยเรียนอยู่ น่าจะช่วงมหาลัยปีต้นๆ (แต่ไม่ใช่ปี1)

ช่วงนั้น สมัยนั้นคอมพิวเตอร์ยังราคาแพงอยู่
คือรุ่นระดับกลางๆ สมัยนั้น ไม่ถึงกับล่าสุด แต่ก็ไม่ตกรุ่น ยังต้องราคา 40,000+

..ช่วงนั้นจำได้ว่าอยากได้เครื่องคอมฯ มากๆ

ขอที่บ้านซื้อ ไม่ถึงกับตื้ออยากได้มากนัก เพราะเราเองก็พอรู้ว่ามันแพง คงจะขอได้ยาก
สุดท้ายก็ไม่ได้ตามตามคาด..


แต่ใจก็ยังอยากได้เครื่องคอมฯ อยู่ ..

ทำยังไงที่จะได้คอมพิวเตอร์ โดยที่ไม่ต้องเสียเงินสิ้นเปลือง
ความคิดอ้อมค้อมคือ หาเงินมาซื้อสิ แล้วจะหายังไงหล่ะ?

สุดท้าย สายเลือดพ่อค้ามันอยู่ในตัว
ตัดสินใจเอาเงินเก็บตัวเองส่วนหนึ่ง ยืมเงินแม่อีกส่วนหนึ่ง
พร้อมทั้งขอยืมสินค้าที่บ้าน (เสื้อผ้าโหล) ไปเช่าที่ขายของริมถนนสีลม(ขายตอนกลางคืน)


เช่าที่ต้องมัดจำล่วงหน้า 2-3 เดือน
ต้องเอาเงินอีกส่วนไปจ้างเค้าต่อโครงร้าน เพื่อประกอบตั้งเป็นร้านค้า

เสียเงินเพื่อเริ่มต้นร้านค้า ไปราวๆ 30,000 บาท+-
นี่ยังไม่หักของที่บ้าน ที่เอามาลงก่อนยังไม่ได้จ่ายเงิน อีกจำนวนหนึ่ง


ขายของอยู่ได้น่าจะราวๆ 1-2 เทอมการศึกษา
ปรากฎว่าผลการเรียนดร๊อปลง จากปกติที่ออกแนวคาบเส้นอยู่แล้ว

สุดท้ายก็เลิกกิจการไป ..
..อ้างเหตุผลว่าการเรียนตก(มันก็ตกจริงๆ นิ)


เงินทุนที่ลงไป ของที่เอาไปขาย ไม่แน่ใจ นำไม่ได้แล้วว่า จ่ายคืนที่บ้านหรือเปล่า
แต่เงินที่ยืมแม่มา อาจจะ 1-2 หมื่น คงไม่ได้คืน

แต่ถ้าจำไม่ผิด ระหว่าง 1-2 เทอมนั้น ไม่ได้ขอเงินค่าขนมแม่เลย
หรือถ้าขอก็น้อยมาก (ถ้าไม่ได้ขายของ ตอนนั้นน่าจะได้ค่าขนมรายสัปดาห์)


สรุป ว่า ขายของ เงินได้มาใช้กินหมด ไม่เหลือเก็บซื้อเครื่องคอมฯ
เงินที่ลงทุนไปก็หายเปล่าทั้งหมด.. (มองแง่ดี ก็คือ เอาเงินก้อนไปใช้ แทนที่จะขอทุกสัปดาห์)

..อ้อมค้อม..




*************




อันที่จริง เปิดแผงขายของที่สีลม ไม่ใช่การค้าครั้งแรก
เพราะตั้งแต่ สมัยเรียน ปวช. ก็เคยไปขายของแบกะดินอยู่พักใหญ่ๆ แล้ว

ตอนนั้น อยู่ ปวช. ปี 3 เทอม 2
อีกเทอมเดียวก็จะจบการศึกษาแล้ว ผลการเรียนไม่มีปัญหา ปวช. เอกชน จบไม่ยาก
นิสัยก็ไม่ได้เกมะเรกเกเร , ก็ซนๆ ไปตามประสาของคนที่มีความเป้นเด็กอยุ่ในตัวมากกว่าวัยสักหน่อย

แต่ถูกพักการเรียนด้วยเรื่องที่ไม่ใช่ผลการเรียน และไม่ใช่การประพฤติ


ยุคนั้น นักร้องคนหนึ่งดังมาก ออกอัลบัมมา พร้อมด้วยสัญลักษณ์ แว่นรูปทรงทันสมัย
ผมก็ไปรับของที่สะพานเหล็ก มาแบกระดินขายที่ริมคลองหลอด (สมัยนั้น ริมคลองหลอดเหมือนเป็นคลองถมตอนกลางคืน)




อันนี้ก็น่าจะเป็น ..อ้อมค้อม.. อันหนึ่งเหมือนกัน..





****************




ผมเรียนมหาวิทยาลัย ด้วยเจตน่า ที่จะเรียนสัก 5-6 ปีอยู่แล้ว
(ตั้งใจอยู่แล้วจริงๆ นะ ไม่ใช่ข้ออ้าง) ..แต่ที่คิด ถ้า 5 ปี จบได้ก็ดีเหมือนกัน

ปีการศึกษา น่าจะแถวๆ ที่ 4-5


ตอนนั้นมีไฟอยากเรียน ป. โท มากๆ เลย

แต่เราเอง เรียนมาสายพาณิชย์ วิชา match ในระดับ ปวช. นี่ไม่มีนะ
มีเรียนแต่พวกวิชา บัญชี พวก แมทช์นี่ไม่มีเลย

..วิชาแมทช์อ่อนแล้วหนึ่ง


ไหนจะภาษาอังกฤต ที่ไม่ถูกโฉลกมาตั้งแต่ตอนเล็กๆ
ไม่เคยได้เจอครูสอนอังกฤษ ที่สอนเรารู้เรื่องเลย(จริงๆ ก็โง่เองแหละ 555)

..วิชาภาษาอังกฤษ ก็อ่อน



วิชาพวกนี้ เป็นวิชาสำคัญสุดๆ สำหรับการสมัครไปเรียน ป. โท สายธุรกิจ
..รวมๆ คือ เป็นพวกอยากเรียน ป. โท โดยไม่ได้ดูเงาตัวเอง


ไปเรียนพิเศษมาแล้ว..
ก็ฮึดสู้ , แต่ว่าไม่พอ พื้นฐานภาษาอังกฤษ และ แมทช์ เข้าขั้นไม่มีพื้นฐาน
อยู่บ้าน จะหมกตัวอยู่บนห้อง บอกว่าอ่านหนังสือใครเค้าจะเชื่อ?

ก็เรียนใกล้จะจบอยู่แล้ว จะมาอ่านอะไร แต่เด็กเล็กมาไม่เห็นเคยสนใจเรียนเลย 555 (พูดแล้วอายตัวเอง)
แถมที่บ้าน ก็เป็นร้านค้า ขี้หมูขี้หมา ยังไง อยู่บ้าน ก็ต้องลงมาช่วยกัน มาดูหน้าบ้านก็ยังดี



ทำยังไงดีหว่า? อยากเรียน ป. โท
ความรู้ก็ยังด้อย แต่บรรยากาศ ไม่เอื้อให้เร่งศึกษา

เอาว่ะ ไปอยู่เองดีกว่า..


นึกได้ ที่บ้าน มีบ้านที่คุณพ่อซื้อไว้ แต่ไม่ได้ใช้งาน อยู่ลาดพร้าว 71
เป็นเทาว์เฮ้าสในหมูบ้าน คนยังหยู่ไม่เต็ม แต่ก็พอมี

ที่บ้านมีเครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า ที่ไม่ใช้งานอยู่ (พี่เอากลับมาจากอเมริกา)

ลงทุนไม่เยอะ แต่ต้องติดต่อราชการมากหน่อย
ติดต่อให้เดิน น้ำ ไฟ โทรศัพท์

ปัดกวาด เช็ดถูกบ้านหน่อย ดายหญ้า ดูดฟุ่น ฆ่าปลวก จัดการห้องน้ำ ฯ ให้เป็นบ้านที่อยู่ได้
เพื่อ เอามาเปิดเป็นร้าน ซัก-อบ-รีด



แน่นอน ว่าเจตนาเรา คือ มาอยู่เพื่ออ่านหนังสือ เตรียมตัวสอบ ป. โท
เราคิดว่า เดี๋ยวหาคนมาทำงาน ไม่น่าจะยากนัก

แรกๆ เปิดรับลูกค้าก่อน มีกลยุทธ์ มีโปรโมชั่นเรียบร้อย (เรื่องกล้วยๆ)
ก็มีลูกค้า มาเป็นสมาชิกบ้าง .. แรกๆ ก็ทำเองไปก่อน จะได้รู้งาน สอนงานได้

ระหว่างนั้น ก็ติดใบปลิว หาคนงานด้วย ..
..ทำอยู่หลายเดือน (ยังเรียนไม่จบนะ แต่เหลือเรียนแค่ เทอมละ 1-2 ตัว)
หาคนงานไม่ได้เลย ต้องไปนั่งซักรีดให้คนอื่น
ไปรับขอ ไปส่งของเอง , เรียนก็ยังต้องเรียน

อ่านหนังสือ อย่างที่ตั้งใจว่าเป็นเจตน่าสูงสุดของภาระกิจนี้ ไม่ต้องพูดถึง เพราะแทบไม่ได้อ่านเลย

สุดท้าย มานั่งซักผ้า รีดผ้างกๆ

สุดท้ายก็ต้องเลิกกิจการไป
และก็ยังไม่ได้เรียน โท. จนถึงปัดเดี๋ยวนี้ ..อ้อมค้อม..





**************



จริงๆ ผมยังมีเรื่องอ้อมค้อมอีกหลายเรื่อง

ทั้งเรื่องเล็กๆ ไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆ






เอาเรื่องเล็กๆ อีกเรื่อง..


เมื่อต้นปีนี้เอง.. จะไปตัดแว่นสายตาอันใหม่

ใจเนี่ย ตั้งใจก่อนซื้อ ว่ายังไงก็จะเอาแว่นแบบที่ไม่มีกรอบ
และยังคงชอบทรงกลม หรือเกือบกลมอยู่


ก็ตั้งใจว่าจะไปหา แวงอันที่ว่านี้ให้ได้ (ไปดูมาบ้างแล้ว
แต่รอการวัดสายตาล่าสุดจากโรงพยาบาลก่อน)

หลังจากได้วัดสายตาล่าสุดจากโรงพยาบาลแล้ว
ก็เอาใบที่อาจารย์หมอเขียนให้ ไปเดินหาซื้อแว่น

ปรากฎว่า แว่นที่ดูไว้ ที่ถูกใจทั้งรูปทรง และราคา ร้านนั้นเค้าหมดแล้ว

วันนั้นตั้งใจจะซื้อให้ได้ ก็พยายาม เดินหาทั่วทั้งห้าง ทั่วทั้งย่าน
ดูแต่บ่ายยันค่ำ , ทุดท้าย ไม่รู้อะไรมาดนใจ ไปตัดสินใจซื้อแวน ทรงที่คนเค้านิยมกันตอนนี้
คือออกเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน่อย และก็มีกรอบสีน้ำเงินเข้ม..

จริงๆ แว่นมันก็สวยดีอยู่หรอก ,ใส่ไปแล่วมันก็พอไหวนะ
ถ้าใส่ไปแล้ว มันไม่พอไหว ก็คงไม่ซื้อมา ...



แต่นั่นแหละ เรารู้ว่า ความต้องการจริงๆ เราอยู่ตรงไหน
สุดท้าย ดันอ้อมค้อมไปได้อีกแบบมา มันก็ไม่ได้ถูกใจเราจริงๆ

..ท้ายสุด มันก็เลยเป็นได้แค่ แว่นใส่ดูหนัง เท่านั้นเอง





************





จะว่ายังไงดีหนอ??


สำหรับคนที่รู้ความต้องการของตัวเองเนี่ย
บางทีเผลอเลอไปได้อย่างอื่นมา สุดท้าย มันก็เป็นได้แค่ของที่ไม่ได้ใช้



ถ้าวันนั้น ผมเองเงิน 3 หมื่น อาจจะขอแม่เพิ่ม หรืออาจจะเก็บค่าขนมออีกสัก 2 เดือน
เอาไปซื้อเครื่องคอมฯ เลย ..ก็น่าจะได้คอมพิวเตอร์สมใจตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว


ถ้าวันนั้น ผมดื้อดึงหน่อย บอกที่ว่า ว่าจะตั้งใจเรียน เพื่อสอบเข้า ป. โท
ขอเวลาส่วนตัวเยอะๆ เพื่อที่จะได้อ่านหนังสือ ..ผมก็อาจจะได้เรีย ป. โท ไปแล้ว


ถ้าวันนั้น ผมไม่รีบอยากได้แว่นตา วันนั้นให้ได้
รออีกสัก 1-2 สัปดาห์ , ผมก็อาจจะได้แว่นตาในรูปทรงที่ผมถูกใจจริงๆ





ถ้าพิจารณาตรงนี้ ผมพบว่า ข้อเสียอีกข้อ นอกจาก
ทำอะรอ้อมค้อมแล้ว ก็น่าจะเป็นเรื่องที่เราขาดความอดทนด้วย






จริงๆ การทำอะไร ให้ตรงใจตัวเอง
การทำอะไรตรงไปตรงมา หรือการเดินเข้าสู่เป้าหมายเลยโดยตรงนั้น
เป็นปรัชญาที่ผมยึดถือ ทำเป็นประจำอยู่แล้ว..



"สิ่งที่เราจะนับได้ว่า เป็นของตนอย่างสมบูรณ์
ก็ต่อเมื่อมันเป็นเครื่อง ก่อความชื่นชมแก่เรา"
- รพินทรนาถ ฐากูร -



แต่บางทีมันก็เผลอ เพราะความใจร้อน..





..แต่เชื่อกันมั้ย?
คนส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ เป็นพวกอ้อมค้อมหล่ะ!!


คนเราทุกคนเกิดมาพร้อมกับความฝันติดตัวมาด้วย
แต่เมื่อเติบโตขึ้น มักถูกความจริงเบียดบัง ..จนความใฝ่ฝันมหลาหายไป

ก็ไม่ใช่เช่นนั้นทั้งหมดหรอก , แต่เห็นได้ว่า มันเป็นส่วนใหญ่



คนส่วนใหญ่ มักตกหลุมพลาง ของ "เงิน" นี่แหละ
อยากจะเดินทางทั่วโลก , แต่ขอเก็บเงินก่อนนะ รู้ตัวอีกที อายุ 50 ไปแล้ว
อยากจะทำนู้นทำนี่มากมาย แต่ขอเก็บเงินก่อนนะ มารู้ตัวอีกที จะ 60 แล้ว



ผมชื่นชม คนที่ริเริ่มทำสิ่งที่ใจปราถนา ตั้งแต่ยังมีไฟอยู่
คนที่ผมรู้จักบางคน ทำสำเร็จนะ เก่งจริงๆ ทั้งอิจฉา และชื่นชม

แต่อีกหลายคนที่ผมรู้จักเหมือนกัน ก็ละทิ้งที่เคยยับดัน หรือสิ่งที่ตนเองเคยใฝ่ฝันไปแล้ว
..ก็ไม่ได้เสียหายอะไรนะ บางคนละทิ้งโดยรู้ตัว
และค้นพบว่ามีสิ่งอื่นที่มีคุณค่ามากกว่าความใฝ่ฝันวัยเยาว์

แต่บางคนละทิ้งความฝันใฝ่ ด้วยเหตุผลข้อจำกัดของความกลัว
กลัวไม่มีเงินใช้บ้าง กลัวไม่มีคนรักบ้าง กลัวไม่ได้รับการยอมรับ ฯ
..คนที่ละทิ้งความใฝ่ฝันเพราะความกลัว จะไม่ค่อยพอใจในชีวิต และจะโหยหาความฝันอยู่เนืองๆ





ผมก็เป็นคนหนึ่ง ที่ต่อสู้กับความใฝ่ฝัน..

ปัญหาของผม ไม่ใช่เป็นเรื่องของการฝืนใจต้อน ทิ้งความฝันใฝ่ที่ตนเองมี
ปัญหาของผม มักเป็นเรื่องที่ "ต้องรอ" รอจังหวะโอกาสที่จะได้กระทำ



จริงๆ งานผม ก็เป็นงานที่อาศัย "การรอโอกาส" เหมือนกัน..





เรื่อง "ความอ้อมค้อม" เป็นเรื่อง ที่ผมพึงเตือนตัวเองเสมอๆ
เพราะเผลอไผลไปทีไร เดี๋ยวมันจะเลี้ยวไปทำอย่างอื่นทุกที

บางเรื่องเลี้ยวไปแล้ว ยังกลับตัวได้..
..แต่บางเรื่องเลี้ยวไปแล้ว มันกลับตัวไม่ได้ หรือกลับได้ยากยิ่ง
เข้าข่ายตกกระไดพลอยโจร..





วันนี้ ก็นึกถึงเรื่องนี้(อีกหน)
และก็เอาเรื่องนี้มาเตือนตัวเอง


ทำอะไรตรงไปตรงมา จริงใจกับตัวเอง
..นี่เป็นสูตรที่ผมใช้เตือนตัวเอง ไม่ให้อ้อมค้อม









Create Date : 08 สิงหาคม 2552
Last Update : 8 สิงหาคม 2552 17:04:26 น. 6 comments
Counter : 559 Pageviews.

 
สู้เค้า ไอ้มดแดง

พี่เพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าเราใส่แว่นด้วย แหะๆ

เป็นกะลังใจห้ายยยยยยยยยยยยย


=@^^@=


โดย: ครูแอน IP: 114.128.13.244 วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:21:19:07 น.  

 
...โอ้โหชีวิตพี่m&m สนุกจริงๆ เลยค่ะ
ชีวิตทุกชีวิตก็มีเรื่องสนุกๆที่ล้วนแตกต่าง
...ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบไปซะหมดจริงไหมคะ
ทุกสิ่งที่เราทำลงไปแล้วมารู้ทีหลังว่ามันไม่ใช่ ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มีประโยชน์
ถ้าเรานำมาพิจารณา ดู เราอาจจะเห็นสิ่งที่ดีดีซ่อนอยู่ก็ได้ ลองดูอีกสักครั้งคราวหน้าถ้าตั้งใจจะทำอะไรแล้วคิดว่านั่นหนะใช่เลย ก็ ตัดสินใจทำให้ได้ตามที่ฝันเอาไว้สิคะ ไม่ต้องอ้อมค้อม ถ้าเราทำได้ แค่ครั้งหนึ่งต่อไปเรื่องที่เราอยากจะทำอยากจะได้ จริงๆ มันก็จะเริ่มทำได้ง่ายขึ้นจริงๆ นะคะ


โดย: อายาโกะ IP: 222.123.206.156 วันที่: 10 สิงหาคม 2552 เวลา:15:35:48 น.  

 
...ถ้าหนูเจออะไรที่เป็นปัญหา หรือ ต้องการที่จะทำอะไรแล้ว หนู จะหยิบดินสอ ยางลบ และก็กระดาษ ออกมา เขียน แนวทางการจัดการและการดำเนินการ
ว่าอยางไร ถึงจะดีที่สุดและรองลงมาค่ะ
เป็นลักษณะของแผนผังการทำงานคร่าวๆออกมาก่อน จากนั้น เราก็มาดูพิจารณา ทบทวน หาแนวทางการดำเนินงาน และความเป็นไปได้ และภาวะเสี่ยง อื่นๆ ลงมาเทียบเคียงดู ไม่ปักใจดิ่งหรือลงน้ำหนักให้กับการดำเนินงานอย่างใดอย่างหนึ่งจนเกินไป เพื่อว่า หากเราพลาดลำดับที่1... 2 .. 3 อื่นๆ แล้วเราจะมีแผนสำรองการทำงานอย่างไรที่จะทำให้เกิดประโยนช์มากที่สุดค่ะ
อย่างน้อยการที่เรา คิดคำนวนอะไรลงในแผ่นกระดาษแล้ว ถ้าหากเกิดการผิดพลาดเราก็ ยังมียางลบ ที่สามารถลบได้ ...
......ลองดูนะคะ อุปกรณ์ง่ายๆเหล่านี้ จะสามารถทำให้เรา ลดระยะเวลาในการทำงานและลดการสูญเสียโอกาสและอื่นๆ อีกได้เยอะเลยนะคะ เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ


โดย: อายาโกะ IP: 222.123.206.156 วันที่: 10 สิงหาคม 2552 เวลา:15:48:03 น.  

 

หวัดดีแครนอูคนสวยครับ
สยบายดีเน้อครับ ขอบคุณครับผม (เดี๋ยวจะแวะไปทักเนาะ)


ขอบใจจ้าน้องอายาโกะคนสวยเหมือนกัน
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำความคิดเห็นเน้อ

แหมแอบมาโผล่อแถวนี้




ขอบคุณ 2 ทั้งสองสาวครับผม


โดย: บุญทับ วันที่: 11 สิงหาคม 2552 เวลา:10:21:53 น.  

 

อ้าว อันนี้ตอบไปแล้ว อิอิ


โดย: บุญทับ วันที่: 15 สิงหาคม 2552 เวลา:22:44:42 น.  

 

ชวนไปทำแกลเลอรี่ออนไลน์กัน
จะเก็บภาพถ่าย เก็บหนัง เพลงที่ชอบ
เก็บไฟล์ซ่อนไว้ หรือให้เพื่อนดาวน์โหลด
พื้นที่ก็ให้เพียบ แล้วยังเพิ่มได้อีก ยิ่งเล่นเป็นกลุ่ม ก็ได้อีกเพียบ
ดูในบล็อก 360D Gallery คลิกด้านล่างได้เลยจ้า...


โดย: 360D Gallery วันที่: 20 สิงหาคม 2552 เวลา:10:23:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

บุญทับ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




กฎของเราก็คือ
เรามีความสุขสนุกสนาน
ได้มากเท่าที่เราต้องการ
แต่ต้องไม่ทำร้ายจิตใจใคร
..แม้แต่คนเดียว


จากหนังสือ ฟ้ากว้าง..ทางไกล



มวลเมฆ คือเนินเขาทำด้วยไอน้ำ เนินเขา คือมวลเมฆสร้างด้วยศิลา..(รพินทรฯ)
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2552
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
8 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add บุญทับ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.