Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2554
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
3 สิงหาคม 2554
 
All Blogs
 
แบกเป้ ลุยเดี่ยวฯ วันที่ 57 Heijo Palace เมืองนารา

วันที่ 2 พฤษภาคม

ตื่นมาสายๆไม่เจอเพื่อนร่วมห้องแล้ว ทุกคนออกกันแต่เช้า อาบน้ำเก็บของเสร็จ จะลงไปเช็คเอ้าท์ข้างล่างเจอแผ่นโน๊ต แปะไว้ที่ประตู บอกว่าขอบคุณ สนุกมากที่ได้เจอกันเมื่อวาน

ลงมาเช็คเอ้าท์และฝากเป้ไว้ที่ห้องเก็บของก่อน

เจ้าของที่นี่เป็นผู้หญิงยังสาวอยู่ อายุไม่น่าเกิน 35 บอกว่าถ้ากลับมาก่อนบ่ายโมงแล้วเปิดประตูเข้ามาไมได้ให้กดกริ่งเรียก

เดินไปสถานีรถไฟ แวะซื้อข้าวปั้นที่ร้านสะดวกซื้อข้างสถานี

วันนี้ตั้งใจไป Heijo Palace ช่วงนั้นมีการจัดพิธีเปิดโถงซึ่งบูรณะขึ้นมาใหม่ เพื่อฉลองเมืองนารามีอายุ 1300 ปี

เขาจัดรถบัสไปที่นี่ฟรีค่ะ เห็นแก่ของฟรี เลยแห่ตามคนญี่ปุ่นเขาไป

คิวรอรถยาวมากๆ แต่เขาจัดรถรับส่งเยอะ รอนานพอประมาณก็ได้ขึ้นรถ

ทางเข้าค่ะ คนไม่เยอะเท่าไหร่




เข้าไปข้างใน คนเพียบค่ะ




มีเต้นท์ขายอาหาร หลายเต้นท์ ดิฉันก็หาอาหารเที่ยงกินที่นี่แหละค่ะ ไม่แพง

ด้านนอกเต้นท์เขาจัดโต๊ะพลาสติกไว้ให้นั่งกินกัน กินไป อาบแดดไปด้วย อุ่นกำลังดี

มีขบวนพาเหรดเดินรอบงาน มีเวลาแจ้งว่าแต่ละรอบจะเดินตอนกี่โมงรอบแรกดิฉันพลาด ไม่ทัน

ดูแผนที่ที่เขาแจกให้ว่าขบวนจะผ่านตรงไหนบ้าง แล้วไปดักรอ แต่มันดันไม่ผ่านตรงจุดนั้น ดิฉันไปรอผิดที่ ห่างกันไม่ไกลหรอก แต่เขาเดินกันเร็วมาก

เดินไล่ตามแทบแย่ แล้วก็ไม่ทันอีกแล้ว ไปไล่ทันตอบเขาเลิกเดินพอดี เดินไล่ตามจนเมื่อยเลย



เดินไปด้านในที่ขบวนพาเหรดเข้าไป เลยเจอเวทีแสดงโอเปร่า
นักร้องเสียงดี ได้ฟังดนตรีบรรเลงสดๆนี่เพราะดีจัง แถมลมเย็น นั่งฟังแล้วเคลิ้มน่าหลับมาก



อีกด้านนึงมีจัดแข่งหรือโชว์ยูโดก็ไม่ทราบ เห็นเด็กๆแต่งชุดยูโดมากันเต็ม




โถงที่เปิดใหม่เห็นมีคนเดินด้านนอกเยอะ คงเปิดให้เข้าชมได้




แต่ดิฉันเดินไม่ไหวแล้ว ดันไปหลงผิด เดินไล่ตามขบวนพาเหรดจนปวดขา อีกอย่างขี้เกียจไปเบียดคนด้วย

ขากลับคนเยอะมาก แถมต้องไปรอให้รถไฟผ่านไปก่อนอีก เลยยืนคอยกันนานมาก




นั่งรถบัสฟรีกลับมาลงสถานี กลับไปเอาเป้ที่เกสท์เฮ้าท์ ได้ยินเสียงากำลังดูดฝุ่นทำความสะอาดอยู่เลย

กดกริ่งให้เขาเปิดประตูให้ เจ้าของเขาทำความสะอาดเกสท์เฮ้าท์เองด้วย ทำเองหมดทุกอย่างคนเดียว ท่าทางจะยุ่งเหมือนกัน

นั่งรถจากสถานีนาราไปลงสถานีเกียวโต แล้วต่อชินคันเซนไปนาโกย่า จากนั้นนั่ง JR Chuo-line ไปลงสถานีถัดไป ที่สถานี Kanayama

ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาทีถึง ที่พักชื่อ Hostel Ann ที่นี่เป็นบ้านเก่าที่ดัดแปลงเอามาทำที่พัก

หอพักหญิงเป็นเตียง 2 ชั้น 2 เตียงเหมือนที่อื่น แต่ออกจะทึมๆไปหน่อย ไฟไม่ค่อยสว่าง



คราวนี้ดีว่าดิฉันมาเป็นคนแรกเลยได้นอนเตียงล่างกับเขาบ้าง เลือกเตียงริมหน้าต่าง

ห้องน้ำรวมมี 2 ห้อง ห้องน้ำด้านบนเป็นแบบโบราณ ต้องนั่งยองๆ กลิ่นไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ แต่ห้องข้างล่างทันสมัย สะอาด

ห้องอาบน้ำที่นี่เป็นแบบโบราณ มีถังไม้ให้ตักอาบเหมือนออนเซ็น มีอ่างให้แช่ด้วย

ห้องพักอยู่ชั้น 2 ชั้นล่าง เป็นประชาสัมพันธ์ ห้องรับแขก ห้องครัวและห้องอาบน้ำ

ด้านนอกห้องนอนจะมีอ่างล้างหน้าให้ใช้ ล้างหน้าแปรงฟัน ลดปัญหาคนคอยคิวกันใช้ห้องน้ำ




เก็บของเข้าที่พักแล้วก็ออกไปหาอาหารเย็นกิน เข้าไปถามเจ้าหน้าที่ Tourist Information เขาให้คู่มือท่องเที่ยวและแนะนำที่กินมาเล่มนึง

ถามเขาถึงอาหารแนะนำของที่นี่เขาแนะนำ Hisumabushi Unagi กับปีกไก่นาโกย่า

แต่ร้านแถวนี้ไม่มีขาย ต้องนั่งรถไฟสถานีนาโกย่าถึงจะมี

ดิฉันก็เลยนั่งรถไปลงสถานีนาโกย่า ที่ชั้นใต้ดินของสถานีมีร้านอาหารเยอะ เลือกได้ร้านนึงที่ดูน่านั่งหน่อย

มื้อเย็นวันนี้ ข้าวหน้าปลาไหล Hisumabushi Unagi




มีปีกไก่นาโกย่าด้วย แต่กินหมดไปแล้ว ลืมถ่าย ปีกไก่อร่อยมาก

ทางร้านเขียนวิธีกิน Hisumabushi Unagi เป็นภาษาอังกฤษไว้บนโต๊ะด้วย มีวิธีกิน 3 แบบ

แบบแรกกินแบบธรรมดา เวลากินให้ตักจากโถข้าวแบ่งใส่ถ้วยเล็ก

แบบที่ 2 กินแบบเติมเครื่องโรยหน้า สาหร่าย ต้นหอมและวาซาบิ

แบบที่ 3 เติมเครื่องโรยหน้า วาซาบิและน้ำซุปในกาที่เขาเสริฟมาให้

ข้าวหน้าปลาไหลแบบนี้ก็อร่อย แต่ดิฉันชอบแบบย่างซีอิ๊วธรรมดามากกว่า

อิ่มแล้วแวะซุปเปอร์ซื้อขนมตุนอีก ของกินที่นี่น่ากินทั้งนั้น เดินแล้วเกิดกิเลส

กลับที่พัก อาบน้ำ ซักพักเพื่อนร่วมห้องก็มาเพิ่มอีก 2 คน เป็นสาวอเมริกัน คนนึงหน้าฝรั่งชื่อ Leah อีกคนหน้าจีนชื่อ Jennifer

ทั้ง 2 สาวอัธยาศัยดีมาก เขามาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่นี่ได้ 2 ปีแล้ว เดือนสิงหาก็ครบสัญญาต้องกลับบ้าน แต่เขาชอบญี่ปุ่นกันมาก พูดภาษาญี่ปุ่นเก่งด้วย

2 คนนี้อยู่คนละเมือง แต่วันหยุดก็จะนัดกันเที่ยวบ้าง

ที่นี่มีอินเตอร์เน็ทด้วย วันนี้เลยเมล์จองโรงแรมที่สิงคโปร์ชื่อ Betel Box 4 คืนและจองรถมารับที่สนามบินด้วย

ตอนแรกว่าจะนอนที่สนามบิน รอรถเที่ยวแรก แต่ในเว็บเขาบอกไว้ว่าถ้าต้องการรถมารับให้เมล์แจ้ง ไปที่ bookings@beesybus.com

เขาคิดราคาแค่ 8 s$ เท่านั้นเอง ถึงแม้จะเลยเที่ยงคืนไปแล้วและเดินทางคนเดียว ก็เลยลองดู

หลังจากจองรถแล้วก็จะได้เมล์แจ้ง จุดนัดเจอกัน เมื่อดิฉันไปถึงสนามบินแล้ว และให้เบอร์โทรไว้ติดต่อด้วยถ้ามีปัญหา

เงินก็ไม่ต้องจ่ายล่วงหน้า ให้จ่ายกับคนขับวันมารับได้เลย สะดวกดีแฮะ

ค่าใช้จ่ายวันที่ 57 : ค่าอาหาร 990 บาท, โรงแรม 780 บาท รวมเป็นเงิน 1770 บาท

ยอดรวมทั้งหมด 122,168 บาท


Create Date : 03 สิงหาคม 2554
Last Update : 3 สิงหาคม 2554 20:06:45 น. 0 comments
Counter : 2113 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

luvreise
Location :
Norway

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




ONLINE COUNTER

VISITOR COUNTER

New Comments
Friends' blogs
[Add luvreise's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.