...คิดว่ายังมีความหวัง ตราบที่ยังมีลมหายใจ...
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
25 ธันวาคม 2553
 
All Blogs
 
การเกิดพายุไต้ฝุ่น “เกย์”

เรื่อง (ค้นคว้า รวบรวม เรียบเรียง) โดยคุณครสุนีย์ จุนเจือ
โรงเรียนวัดหาดพันไกร อ.เมืองชุมพร


ภาพ คุณครูกิตติพงศ์ พันธ์เมือง (ลูกชายตาบูลย์)


(ตราประจำเมืองชุมพร)

วันอาทิตย์ต่อมา…
“คุณตาคะ เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว ที่เราได้ไปเที่ยวที่คลองในหลวง ไปดูแก้มลิงหรือหนองใหญ่ มีเรื่องที่หนูอยากจะรู้อีกเรื่องคือ เรื่องที่ชุมพรโดนพายุไต้ฝุ่นเกย์ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๒ ตอนนั้นหนูยังไม่เกิดมาดูโลก หนูอยากจะรู้ว่า มันรุนแรงขนาดไหนอย่างไรบ้างคะ?” โสภีถามคุณตาเกื้อบุญ


“ตอนที่เกิดพายุไต้ฝุ่นเกย์ ที่นี่พายุมาถึงแต่ไม่รุนแรงมาก เพราะศูนย์กลางของพายุอยู่ที่อำเภอปะทิว กับอำเภอท่าแซะ และตอนล่างของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่ตามีบันทึกของครูคนหนึ่งที่อำเภอปะทิว เขาเขียนลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ เป็นตอน ๆ ตายังเก็บไว้ถ้าหนูอยากรู้ตาจะเอามาให้อ่าน” คุณตาเกื้อบุญพูด

“ค่ะ คุณตาเอามาให้หนูอ่านเองก็ได้” โสภีพูด สีมาไม่เคยรู้ว่านานตั้ง ๒๐ ปีแล้วแต่คุณตายังรักษาหนังสือพิมพ์นั้นไว้ จึงรู้สึกดีใจที่จะได้อ่านด้วย
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ตีพิมพ์อักษรตัวโต ๆ ไว้ในกรอบ ๆ หนึ่งในหน้าที่ ๑ ว่า
“บันทึกเลือดและน้ำตา”


ส่วนเนื้อความในบันทึกมีว่า

เช้าวันเสาร์ ที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๓๒ อากาศตอนเช้ากำลังชื่นฉ่ำเย็นสบาย เพราะตั้งแต่เย็นวานถึงตอนดึก มีฝนพรำหนักบ้างเบาบ้างมาตลอดวัน ซึ่งผมและใคร ๆ ต่างไม่คิดว่า อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า มหันตภัยอันร้ายแรงที่สุดในชีวิต ที่หลาย ๆ คนไม่เคยพบ จะทำให้ทุก ๆ คนที่สร้างตัวสร้างชีวิต จากศูนย์มาถึงสิบ ถึงร้อย จะต้องกลับลงไปอยู่ที่ศูนย์เท่า ๆ กันเหมือนเดิม


เช้านั้น ทุก ๆ คนต่างออกจากบ้านไปประกอบอาชีพกันตามปรกติ แทบไม่มีใครสักคนที่จะสนใจประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา ที่ประกาศผ่านวิทยุและโทรทัศน์ทุกช่องว่า ให้ระวังภัยจากพายุและน้ำท่วม ซึ่งมีการประกาศล่วงหน้ามาแล้วกว่า ๓ วัน ส่วนข้าพเจ้ารู้ว่า จะมีลมพายุโซนร้อน “เกย์” เข้าถล่มแหลมตะลุมพุก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ข้าพเจ้านึกเป็นห่วงพี่น้องชาวนครฯ ไม่คิดว่ามันจะมาเข้ามาที่อำเภอปะทิว




แม้แต่ครู ๆ ในกลุ่มโรงเรียนของข้าพเจ้า คืนวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๓๒ ยังจัดงานเลี้ยงสังสรรค์กันที่โรงเรียนบ้านหินกบ ทั้ง ๆ ที่ตลอดวันที่ ๓ พฤศจิกายน มีฝนตกหนักบ้าง เบาบ้าง ตลอดวัน และกรมอุตุนิยมวิทยาก็ประกาศว่า พายุได้เบี่ยงเบนจากแหลมตะลุมพุก มุ่งหน้ามาทางประจวบคีรีขันธ์หรือชุมพรแล้ว


ข้าพเจ้าไม่อยากจะไปในงานเลี้ยง แต่ก็ขัดครูใหญ่ไม่ได้จึงต้องไป ก็ยังนับว่าโชคดี ที่พายุไต้ฝุ่นเกย์ ยังไม่ขึ้นฝั่งในคืนนั้น ไม่เช่นนั้นข้าพเจ้าก็คงจะไม่ได้มาเขียนบันทึกนี้ และเพราะคืนนั้น มีผู้ไปร่วมงานเลี้ยงไม่ถึงครึ่งของจำนวนครูทั้งหมด ข้าพเจ้าจึงฉวยโอกาสหนีกลับมาก่อน ข้าพเจ้ากลับมาถึงบ้านท่ามกลางสายฝนที่พรมพรำ ถึงบ้านสี่ทุ่มเศษ คำแรกของข้าพเจ้าเมื่อโผล่หน้าเข้าบ้าน คือ


“เปิดฟังข่าวพยากรณ์อากาศกันบ้างหรือเปล่า พายุจะเข้าที่ไหนแน่?”
เมียนิ่ง ลูก ๆ ตอบว่า “ไม่รู้ ตอนหัวค่ำไม่ได้เปิด เพิ่งเปิดตอนมีละครเมียหลวง”
พอดีละครจบ ลูกสาวจะปิดโทรทัศน์ ข้าพเจ้ารู้สึกโกรธและตะเพิดว่าอย่าปิด พลางจ้องดูจอโทรทัศน์ ช่องเจ็ดสี มีสัญลักษณ์ของพายุหมุนสีแดง กำลังหมุนทวนเข็มนาฬิกาวับๆ พร้อมข่าวที่ประกาศออกมา ว่า


“พายุโซนร้อน “เกย์” ได้ทวีกำลังขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่น “เกย์” แล้ว และเปลี่ยนเป้าหมายจากแหลมตะลุมพุก มาขึ้นฝั่งระหว่างชุมพรและประจวบคีรีขันธ์ พายุนี้จะกระหน่ำจากเช้าไปถึงเย็น ก่อนจะลงสู่ทะเลอันดามัน”
ข้าพเจ้าบอกภรรยาและลูก ๆ ว่า “พายุไต้ฝุ่นจะเข้าสู่ชุมพรวันพรุ่งนี้ เราน่าจะเก็บของจากบ้านหลังล่างขึ้นมาไว้บนนี้” แต่ทุกคนทำเฉยและพากันเข้านอน

หลังเที่ยงคืนฝนหาย อากาศฉ่ำชื่นสบาย แต่ข้าพเจ้านอนไม่ค่อยหลับเพราะจิตกังวล





บ้านของข้าพเจ้าแยกเป็นสองหลัง หลังแรกคือกระท่อมปีกไม้ ที่สร้างขึ้นพอเป็นที่ได้อาศัยกับค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนจะสร้างบ้านถาวร ส่วนหลังใหม่ถมดินสูงแต่ยังสร้างไม่เสร็จดี เราจึงใช้บ้านกระท่อมเป็นครัว แต่ที่หลับที่นอนคือบ้านหลังใหม่


ข้าพเจ้ามีภรรยาและลูก ๓ คน ลูกสาวคนโตเรียนเพาะช่างอยู่กรุงเทพฯ แต่ช่วงนั้นกลับมาบ้าน ลูกสาวคนเล็กยังเรียนอยู่โรงเรียนปะทิววิทยา คงมีแต่ลูกชายคนรองที่ไปเรียนวิชาศิลปะอยู่ที่ วิทยาลัยศิลปะนครศรีธรรมราช



ตอนเช้าของวันที่ ๔ พฤศจิกายน ข้าพเจ้ากับลูกสาวคนเล็กจึงอยู่บนบ้านหลังใหม่ ส่วนภรรยากับลูกสาวคนโตลงไปที่บ้านหลังเก่า เพื่อเตรียมประกอบอาหารเช้า ลูกสาวตั้งหม้อหุงข้าวไฟฟ้า หม้อข้าวไม่ทันสุก มีลมกระโชกมาและไฟฟ้าดับพรึบ


ประมาณ ๘ นาฬิกา ฝนเริ่มตกลงมาปรอย ๆ บ้านหลังใหม่ของข้าพเจ้าหน้าต่างทุกช่องเป็นบานกระจก จึงสามารถมองเห็นเหตุการณ์ได้รอบด้าน ลมพัดมาจากด้านตะวันตกเฉียงเหนือ ข้าพเจ้ารีบปิดหน้าต่างลงกลอน แต่ปิดไม่ทันหมด ลมแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนจับบานหน้าต่างไม่อยู่ ลมเริ่มแรงขึ้นและแรงมากชนิดที่ เกิดมาในชีวิตไม่เคยพบเคยเห็น ต้นมะมุด(พืชในตระกูลมะม่วง) ลำต้นโต ๒ คนโอบ หน้าบ้านพี่สาวคนรองค่อย ๆ เอนตัวลงนอนราบกับดิน ปลายกิ่งของมันฟาดลงบนต้นชมพู่เพชรของข้าพเจ้าแหลกละเอียด ต่อมาต้นมะม่วงคันต้นใหญ่กว่าสองคนโอบ ที่หน้ากระท่อมของข้าพเจ้าก็ค่อย ๆ เอนลงตาม


รากมะม่วงงัดเอาพื้นปูนและดินหน้ากระท่อมยกขึ้นทั้งกระบิ โชคดีที่มันล้มลงไปคนละด้านกับกระท่อม ไม่เช่นนั้นลูกสาวคนโตและภรรยาของข้าพเจ้าคงไม่รอด แล้วตอนนี้เองที่ทั้งสองคนต่างกระเสือกกระสน วิ่งขึ้นมาหลบพายุบนบ้านหลังใหม่ และมารวมตัวกันอยู่ใต้หลังคาปูน ซึ่งทำเป็นดาดฟ้าไว้ที่ส่วนหน้าของบ้าน ยังไม่กล้าเข้ามาในบ้าน


ส่วนข้าพเจ้ายังยืนมองการพัดของพายุอยู่ในห้องโถงที่ใช้รับแขก เพราะสามารถมองผ่านหน้าต่างกระจกได้เกือบรอบทิศ ทว่าต้องหยุดมองและรีบหลบเข้ากำบังฝาผนังปูน เพราะกระเบื้องหลังคาบ้านของพี่สาวคนรอง พุ่งมาชนหน้าต่างกระจกบ้านของข้าพเจ้าดังปัง ๆ ทำให้หน้าต่างทุกช่องที่อยู่ด้านตะวันตกแตกหมดสิ้น เศษกระเบื้องผ่านกระจกและเหล็กดัดเข้ามา กองอยู่ในบ้านของข้าพเจ้าเต็มไปหมด


พร้อมกันนั้น ข้าพเจ้าได้ยินกระเบื้องบนหลังคาบ้านของข้าพเจ้า หลุดไปจากโครงหลังคาดังกราว ๆ และสียงพายุดังหวีดหวิว เหมือนเสียงของเครื่องบินไอพ่นตอนที่จะขึ้นจากสนาม ผสมกับเสียงเหมือนรถไฟสักสิบขบวน แล่นเข้าสู่สถานีพร้อม ๆ กัน


ข้าพเจ้ารีบออกจากตัวบ้านมายืนรวมกับลูกเมียที่หน้าบ้าน ทำให้ได้เห็นต้นมะพร้าว เห็นต้นยางสูงใหญ่หลายคนโอบ ที่อยู่ริมถนนค่อย ๆ ล้ม เห็นผู้คนฝั่งตรงข้ามจูงลูกจูงเมีย หนีออกจากบ้านหกลุกหกล้ม ผ้าผ่อนหลุดลุ่ย พลิกคว่ำคะมำหงาย บางคนเหลือแต่กางเกงในตัวเดียววิ่งโทง ๆ อยู่บนถนน เพราะไม่รู้จะไปหลบที่ไหนดี


เด็กชายวัยรุ่นบ้านอยู่ตรงข้ามกับบ้านของข้าพเจ้า กำลังเรียนชั้น ม.ปลายที่โรงเรียนปะทิววิทยา คลานข้ามถนนมากอดต้นมะพร้าวเล็กเพิ่งตั้งโคน ที่หน้าบ้านของพี่สาวคนโตของภรรยาของข้าพเจ้า เขานอนราบกับพื้นและหันหน้าสู้ลม ข้าพเจ้ากวักมือและเรียกให้มาหลบที่บ้านด้วยกัน แต่เขาไม่ได้ยินหรือไม่ก็ เขาคงกลัวว่าบ้านของข้าพเจ้าจะพัง



อีกครู่ใหญ่ ๆ ต่อมา เมื่อกระจกหน้าต่างบ้านของข้าพเจ้าแตกหมด ลมเข้ามากวาดทำลายสิ่งของในบ้านที่อยู่บนหลังตู้ โต๊ะ ทำให้ข้าพเจ้าต้องรีบกลับเข้าไปในบ้าน เพื่อยกสิ่งของ เช่น ทีวี วีดีโอ เครื่องพิมพ์ดีด ยัดเข้าซอกมุม กระดาษพิมพ์เอาเข้ายัดในตู้ ของบางชิ้นก็เอาผืนพลาสติกเท่าที่จะคว้ามาได้คลุมและทับไว้ ความว้าวุ่นที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ทำให้ข้าพเจ้าไม่ได้สนใจภาพจากภายนอกอีกเลย แต่ได้ยินเสียงพายุฉีกและทำลายบ้านไม้ชั้นบน หลังของพี่สาวคนรองของภรรยาที่อยู่ติดกัน ดังเกรียวกราวโครมคราม หวีดหวิว เหมือนเปรตร้องทวงวิญญาณ ข้าพเจ้า ภรรยาและลูกไม่คิดหนีออกจากบ้าน


ประมาณเที่ยง ลมจึงหยุดพัด ฝนขาดเม็ด ท้องฟ้าสว่างขึ้นอีกครั้ง ข้าพเจ้าภรรยาและลูกพากันลงจากบ้านใหม่ ลงมาดูบ้านกระท่อมที่เกือบแบนราบ แต่ที่ยังไม่แบนเพราะหลังคาลงไปขี่อยู่บนหลังตู้เย็น บนรถจักรยานยนต์ เตาแก๊ส โต๊ะ และชั้นวางของ แต่น้ำป่าเริ่มไหลมาท่วมถึงครึ่งแข้ง - - -


ข้าพเจ้าหันไปมองบ้านที่อยู่รอบ ๆ เห็นบ้านก่ออิฐชั้นเดียวของพี่สาวคนโต ที่อยู่ด้านตะวันออกที่เหลือแต่กองอิฐ บ้านตึกครึ่งไม้ของพี่สาวคนรอง ที่อยู่ติดกันด้านตะวันตก ชั้นบนเหลือแต่เสาสองสามต้นไม่มีกระดานฝา ชั้นล่างยังพออาศัยได้ ต้นมะพร้าวทุกต้นที่อยู่ทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน นอนเกยก่ายกันเกะกะเต็มสนาม ไม่มีทางให้เดินเข้าออก


ภรรยาของข้าพเจ้าร้องไห้ เพราะคิดว่าพี่สาว พี่เขย และลูกตายกันหมดแล้ว ข้าพเจ้าปลอบว่า “อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ เราลองหาดูให้พบก่อน” แล้วเราก็ยิ้มออก เมื่อพี่สาวพี่เขยและลูก ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านก่ออิฐชั้นเดียว คลานออกมาจากหลังจอมปลวกใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ บ้านแก


ข้าพเจ้ามองไปยังบ้านของเพื่อนบ้านที่อยู่ฟากตรงข้าม และที่อยู่ถัดไปสองฟากถนน ทุก ๆ ที่มองเห็นเตียนโล่ง ไม่มีบ้าน ไม่มีต้นไม้เขียว ๆ ที่เคยเห็น บ้านครึ่งตึกครึ่งไม้ เหลือแต่ซากปูนชั้นล่าง ส่วนที่เป็นบ้านไม้ชั้นบนหายไปหมดทั้งหลัง แต่ข้าพเจ้าโชคดีกว่าใคร ที่บ้านหลังที่ข้าพเจ้าอาศัย เสียหายแต่กระเบื้องที่ใช้มุงหลังคา กับกระจกหน้าต่าง ฝาผนังทุกด้านไม่แตกร้าว เราลุยน้ำจะไปรื้อข้าวของในซากกระท่อมออกมา แต่ - - -


เสียงคึก ๆ ครืนโครม วู่ ๆ หวิว ๆ ดังมาอีกแล้ว คราวนี้ดังมาจากทิศตะวันออกเฉียงใต้ ข้าพเจ้าชวนลูกเมียเข้าบ้าน ปิดประตูลงกลอน แต่ก่อนจะปิดประตูเห็นสายรับสัญญาณโทรทัศน์ที่เสาหักเลื้อยยาวอยู่ตามพื้น จึงดึงติดมือเข้าบ้านมาด้วย ข้าพเจ้าใช้มันแทนเชือกมัดหูจับบานหน้าต่างในบ้านให้ติดกับเหล็กดัด แต่มัดได้แค่สองช่อง ที่เหลือมัดไม่ทันเพราะพายุระลอกสองมาแรงกว่าระลอกแรก แล้วเสียงครืนโครมปึงปังอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช ก็ดังระงมขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้เราต่างหวาดกลัวว่าบ้านจะพัง เพราะบานหน้าต่างที่มัดไม่ทันถูกลมพัดกระชากจนหลุดออกจากกรอบ


ตอนนั้นพี่สาว พี่เขย ขอเข้ามาหลบพายุอยู่ในบ้านของข้าพเจ้าด้วย ขณะที่พายุกำลังพัดแรง ข้าพเจ้ายกมือขึ้นพนมอธิษฐาน ขอบุญบารมีที่ไม่เคยคดโกงฉ้อ และไม่เคยเบียดเบียนใคร ขอให้กรรมดีนี้จงช่วยปกป้องชีวิตของข้าพเจ้าและครอบครัวให้รอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งนี้ด้วยเถิด


ข้าพเจ้ายืนหลบอยู่ที่มุมเสา ภรรยาลูก ๆ และทุกคนเข้านั่งแอบชิดติดผนังบ้าน ต่างใช้เฟรมผ้าใบที่เป็นกรอบและรูปวาดสีน้ำมัน ซึ่งมีเก็บอยู่ในบ้านหลายรูป ยกขึ้นปิดบังศีรษะกันน้ำฝน และเศษกระเบื้องที่จะหล่นลงมาโดนศีรษะ

คราวนี้มันมาทั้งพายุและฝน บ้านหลังที่สองข้าพเจ้าถมดิน สูงขึ้นมาจากพื้นดินเดิม ๒ เมตร คิดว่าน้ำคงไม่ท่วมถึง แต่ตอนที่ข้าพเจ้าแข็งใจชะเง้อมองผ่านหน้าต่างบ้านออกไป เห็นนอกบ้านมีแต่พื้นน้ำขาวโพลน ทั้ง ๆ ที่แถวบ้านข้าพเจ้าน้ำไม่เคยท่วม ฝนตกหนัก ๆ อย่างมากก็แค่พอมิดหลังเท้า แต่คราวนี้มันท่วมสูงเลยขอบหน้าต่างชั้นล่าง(ที่ชั้นบนพังลงมาหมดแล้ว)ของบ้านพี่สาวหลังที่อยู่ถัดไป และน้ำไหลลอดเข้ามาใต้ประตูบ้านของข้าพเจ้าที่ปิดอยู่ จึงได้รู้ว่าน้ำท่วมสูงถึง ๒ เมตร


เครื่องรับโทรทัศน์จอภาพ ๒๖ นิ้ว วางไว้มุมบ้าน ม้วนวิดีโอประมาณ ๑๐๐ ม้วน หนังสือและเสื้อผ้าที่เก็บซุกไว้ในตู้ น้ำเข้าไปได้ทำให้เปียกและเสียหายหมดสิ้น

ข้าพเจ้าไม่หวังและไม่ต้องการสิ่งใด ๆ อีกแล้วตอนนั้น นอกจากทำอย่างไรให้ตนเอง ภรรยา และลูก ๆ มีรอดชีวิตไปได้



ประมาณบ่ายสองโมงกว่า ๆ พายุจึงสงบ ระดับน้ำลดลงจากพื้นบนตัวบ้าน เหลือแค่ระดับพื้นที่เทปูนไว้รอบ ๆ ตัวบ้าน รองเท้าทุกคู่ที่ถอดวางไว้บนพื้นหน้าประตู ถูกน้ำพาไปหมด ประตูหลังบ้านเปิดไม่ได้เพราะมีต้นมะพร้าวใหญ่จากบ้านพี่สาวคนรอง ล้มลงมาอัดแน่นอยู่ ต้นมะพร้าวต้นนี้ดูทิศทางน่าจะฟาดลงมาบนหลังคา แต่มันกลับเบี่ยงออกข้าพเจ้าต้องขอบใจบุญกุศลที่ช่วยให้แคล้วคลาด





ที่ลานหน้าบ้านของข้าพเจ้า เต็มไปด้วยขอนมะพร้าวที่ล้มแล้วลอยน้ำมาติด มันมาติดอยู่ที่ซากกระท่อม เพราะตรงนั้นดินไม่ได้ถมเป็นที่ต่ำ ทำให้เดินเข้าออกลำบาก นี่คือโทษภัยที่เราสร้างขึ้นเอง ที่พอปลูกบ้านเราชอบถมดิน กลายเป็นขวางทางน้ำ


ภาระต่อไปของเราที่ต้องผจญคือความหิว เพราะเราไม่ได้กินข้าวกันเลยตั้งแต่เช้า ภรรยาของข้าพเจ้าไปรื้อค้นซากกระท่อม ได้บะหมี่มาม่า มา ๔ - ๕ ถุง อยู่ในตู้กระจกที่เอามาไว้ขายในกระท่อมร้านค้า แต่ก็โดนกระจกบาดมือเอาจนได้เลือด ข้าพเจ้ากับทุกคนในครอบครัวจึงได้กินอาหาร คือบะหมี่มาม่า เป็นอาหารมื้อแรกโดยไม่ต้องต้ม และความหิวทำให้มันมีรสชาติราวกับอาหารฮ่องเต้


มืดลง เราต้องหาที่นอนกันอย่างจำเป็น เพื่อบรรเทาความเหนื่อยล้าที่ต้องต่อสู้กับภัยธรรมชาติมาตลอดวัน คืนนี้พระเจ้าคงปรานีที่ทำให้ฝนหาย แม้พื้นบ้านจะเปียกแฉะแต่ฝนไม่เทลงมาทำให้เรานอนได้ เพียงปัดกวาดเศษซาก ที่กองอยู่บนพื้นบ้าน อันเป็นกระเบื้องปูพื้นออก แล้วใช้ผ้าพลาสติกปูลงไปรองนอน อีกผืนคลุมข้างบนกันน้ำฝนที่ยังขังอยู่บนเพดาน และหยดลงมาดังเปาะแปะ เป็นจังหวะดนตรีขับกล่อมให้หลับไหลจนรุ่งเช้า


(ข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ ๗ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๒ และ หนังสือ “เหตุเกิดที่ชุมพร” จัดพิมพ์เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๓)-( ส่วนบันทึกนี้รายงานโดยนายไพบูลย์ พันธ์เมือง อาจารย์ ๒ ระดับ ๖ โรงเรียนบ้านดอนทราย)-(ในปีนั้น)



“เป็นไง อ่านแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง แต่นั่นมันเป็นเพียงแง่มุมหนึ่งของคนที่เขียนที่อยู่ในเหตุการณ์นะ ทีนี้มาลองอ่านบทความที่เป็นวิชาการดูบ้าง” คุณตาเกื้อบุญส่งหนังสืออีกเล่มที่มีผู้รวบรวมเกี่ยวกับการเกิดพายุไต้ฝุ่นไว้ โดยเก็บความมาจากหนังสือต่าง ๆ รวมทั้งหนังสือพิมพ์รายวันดังนี้
“พายุไต้ฝุ่น"เกย์"ถล่มใต้ ตาย ๔๔๖” เป็นข้อความที่หน้าปก ส่วนด้านในมีเนื้อความดังนี้


นับจากพายุโซนร้อน "แฮเรียต" พัดถล่มแหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ไปในปี พ.ศ. ๒๕๐๕ มีผู้เสียชีวิตสูงถึง ๑,๐๐๐ คน โดยก่อนหน้านี้ภาคใต้ไม่เคยพบกับพายุรุนแรง ส่วนใหญ่จะลดระดับลงเป็นดีเปรสชั่นเสียก่อน

จากวันนั้นมาถึงวันนี้ ๒๗ ปี พายุไต้ฝุ่น "เกย์" ได้สร้างประวัติศาสตร์ไต้ฝุ่นลูกแรกที่รุนแรงที่สุดในรอบ ๓๕ ปี พัดผ่านอ่าวไทยเข้าสู่ภาคใต้ตอนบนด้วยความเร็วลม ๑๑๘ กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อเวลา ๐๘.๐๐ น. ของวันที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๒ โดยพัดถล่มอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นาน ๑ ชั่วโมง ก่อนเคลื่อนตัวลงมาที่ อำเภอท่าแซะและอำเภอปะทิว จังหวัดชุมพรอย่างรุนแรงนาน ๔ ชั่วโมง ความแรงของพายุทำให้เกิดคลื่นสูงในทะเลประมาณ ๕-๑๐ เมตร เมื่อซัดเข้าฝั่งสูง ๑-๕ เมตร


หลังจากพายุสงบ อำเภอปะทิว และอำเภอท่าแซะ เป็นจุดที่วิกฤตที่สุด ที่ว่าการอำเภอ บ้านเรือน สถานที่ราชการ โรงพยาบาล เรือกสวนไร่นา ถูกพายุทำลายพินาศสิ้น นับเป็นความเสียหายครั้งใหญ่ของภาคใต้ มียอดผู้เสียชีวิต ๔๔๖ คน บาดเจ็บประมาณ ๑๕๔ คน บ้านเรือนเสียหาย ๓๘,๐๐๒ หลัง ประชาชนเดือดร้อน ๑๕๓,๔๗๒ คน เรือล่ม ๓๙๑ ถนนเสียหาย ๕๗๙ สายสะพาน ๑๓๑ แห่ง โรงเรียนพัง ๑๖๐ โรงเรียน วัด ๙๓ แห่ง มัสยิด ๖ แห่ง พื้นที่การเกษตร ๙๐,๙๐๐๑๐๕ ไร่ สัตว์เลี้ยงตาย ๘๓,๔๙๐ ตัว ประเมินความเสียหาย ๑๑,๒๕๗,๒๖๕,๒๖๕ บาท (หนึ่งหมื่นหนึ่งพันสองร้อยห้าสิบเจ็ดล้านสองแสนหกหมื่นห้าพันสองร้อยหกสิบห้าบาท)


พายุไต้ฝุ่น "เกย์" จึงเป็นภัยธรรมชาติครั้งร้ายแรงที่สุดของประเทศไทย(รองจากสึนามิ) เป็นพายุไต้ฝุ่นลูกแรกที่พัดเข้าสู่ประเทศไทย โดยเริ่มก่อตัวขึ้นเป็นพายุดีเปรสชั่นในอ่าวไทยตอนล่าง โดยใช้เวลาเพียงแค่ ๓ วัน จากวันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๒ ถึงวันที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๒ เวลา ๐๘.๐๐ น. ก็กลายจากดีเปรสชั่นเป็นพายุไต้ฝุ่น พัดถล่มใน ๔ อำเภอดังกล่าว

จากนั้นก็พัดออกสู่ทะเลอันดามัน และอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน พอถึงวันที่ ๖ พฤศจิกายน ก็ทวีกำลังขึ้นใหม่อีกครั้ง พัดถล่มหมู่เกาะอันดามัน ก่อนพัดเข้าสู่ชายฝั่งประเทศอินเดียในวันที่ ๘ พฤศจิกายน ด้วยความรุนแรงสูงสุด สูงกว่า ๒๕๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสลายตัวไปในวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๓๒


“คุณตาคะ หนูสงสัยว่าทำไมชื่อพายุจึงไม่เหมือนกันทุกครั้ง เช่นแหลมตะลุมพุกชื่อแฮเรียต พอมาที่ชุมพรชื่อ เกย์ แล้วที่ทำให้เกิดน้ำท่วมชื่อ ซีต้าและลินดา ทำไมชื่อไม่เหมือนกัน มันมีที่มาอย่างไรคะ” โสภีถามอีก


ตุณตาเกื้อบุญตอบว่า “เรื่องของพายุนักอุตุนิยมวิทยาเป็นผู้กำหนด ขั้นแรกเรียกพายุตามขนาดของความแรงหรือความเร็วของลม เช่น พายุดีเปรสชั่น ความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางไม่เกิน ๖๑ กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุโซนร้อนความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางระหว่าง ๗๐ ถึง ๑๒๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุไต้ฝุ่นความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางตั้งแต่ ๑๒๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป”
“ส่วนการเรียกชื่อพายุนั้นเรียกต่างๆ กันตามบริเวณที่เกิด เช่น ถ้าพายุเกิดในอ่าวเบงกอลและมหาสมุทรอินเดีย เรียกว่า พายุไซโคลน ถ้าพายุเกิดในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ทะเลแคริเบียน อ่าวเม็กซิโก เรียกว่า พายุเฮอริเคน ถ้าพายุเกิดในออสเตรเลีย เรียกว่า พายุวิลลี-วิลลี. ถ้าพายุเกิดในมหาสมุทรแปซิฟิก และทะเลจีน เรียกว่า พายุไต้ฝุ่น ส่วนพายุทอร์นาโดหรือลมงวงช้าง มีลักษณะหมุนเป็นเกลียว หอบฝุ่นละอองเป็นลำ พุ่งขึ้นสู่บรรยากาศ คล้ายมีงวงหรือปล่องยื่นลงมา เป็นไงคราวนี้จำได้ เข้าใจหรือยัง?” คุณตาบุญเกื้อถามยิ้ม ๆ

“จำได้บ้างค่ะ แต่ถ้าจะให้ดีต้องจด เอ้อ แล้วพายุที่มีชื่อเพราะ ๆ ละคะ มีที่มายังไง?”

“ทราบว่ามาจากคณะกรรมการอุตุนิยมวิทยาหลาย ๆ ประเทศเขาประชุมกันแล้วตั้งชื่อพายุที่เกิดในช่วงฤดูเดือนต่าง ๆ ไว้ โดยให้นักอุตุนิยมของแต่ละประเทศช่วยกันตั้งชื่อ ซึ่งมีทุกชาติ ทั้งฝรั่ง ไทย ลาว เขมร มาเลเซีย อินโดนีเซีย

ที่ตั้งชื่อไทย เช่น พิรุณ รามสูร เมฆขลา ขนาดว่าชื่อมังคุดก็ยังมีเลย ส่วนของฝรั่งอเมริกา เช่น มาเรีย อูตอร์ ฟิลิปปินส์ก็ ซิมารอน ดานัส ลาวก็ ปลาบึก(ปาบึก) ฟ้าใส เขมรก็ กองเรย์ ซอนติง…ยังมีอีกเยอะ อยากรู้มากกว่านี้ต้องไปเปิดหนังสือดู” คุณตาบูลย์ เอ๊ย- ตาเกื้อบุญ สรุป

วันนี้ลุงบูลย์ลงข้อมูลให้ยาว เผ่ื่อลูกหลานชาวชุมพรรุ่นหลัง ๆ จะได้ศึกษา เสียดายช่วงที่ ทีวีมาสัมภาษณ์ลุงบูลย์เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ออกอากาศวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ทาง NBT สุราษฎร์ อันเป็นวันครบอายุ ๒๐ ปีพายุเกย์ ลุงลืมเอาเรื่องนี้ลงบล็อก




Create Date : 25 ธันวาคม 2553
Last Update : 26 ธันวาคม 2553 16:18:07 น. 36 comments
Counter : 14293 Pageviews.

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คุณลุงคะ MERRY X'MAS ค่ะ ขอให้มีความสุขนะคะเดี๋ยวเล็กว่างแล้วจะแวะมาอ่านนะคะ


โดย: หญิงแก่น วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:10:52:57 น.  

 
ทักทายตอนเที่ยง เนื้อหายาวนะคะ ต้องขอเวลาอ่านอีกที่ หนูจะมาเม้นท์อีกที่ช่วงดึก


โดย: คุณแอน (seton ) วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:11:19:45 น.  

 
เสียดายกลอน หลายวันแล้วไม่มีอารมณ์เขียนกลอน(ขาดสิ่งบันดาลใจ) มาวันนี้เกิดแรงใจประหลาด จึงเขียนกลอนบทนี้ไว้ที่บล็อกคุณอัยย์ ดังนี้ครับ


วังน้ำเขียว เขียวล้วน มวลแมกไม้
แต่อย่าให้ เขียวเครื่องแบบ มันแสบสันต์
แบบพม่า คร่าวิถี ปิดชีวัน
คนชาตินั้น ถูกฝั่งสิทธิ์ ปิดเสรี

วังน้ำเขียว เขียวสวย ด้วยใบไม้
อีกดอกหลาย เหลืองแดง แข่งเฉดสี
ม่วงขาวคราม น้ำเงิน ก็เพลินดี
แต่เขียวปี๋ เผด็จการ ซาตานเมือง


(อย่าให้มีเลย)


โดย: จขบ. (pantamuang ) วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:11:22:09 น.  

 
โว้วๆๆ

ชอบการใช้สีของเขามากเลย

ลุงคะ มาจองไว้ก่อน กำลังจะรีบออกข้างนอกพอดี

แล้วค่อยมาใหม่นะคะ


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:11:35:58 น.  

 
ขอบคุณค่ะที่นำมาย้อนรำลึกและถ่ายทอดให้กันอีกครั้ง

สวัสดีปีใหม่ด้วยค่ะ


โดย: buraneemeo วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:12:15:48 น.  

 

ภาพทหารไทยในอดีต



โดย: จขบ. (pantamuang ) วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:12:19:05 น.  

 













โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:13:23:43 น.  

 
สวัสดีจร้าชื่อหนิงน่ะจ๊ะ


โดย: ning.ple วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:13:43:53 น.  

 
สวัสดีค่ะลุงบูลย์
+==========================+

สุขสันต์วันคริสต์มาส
ร่วมยินดีในงานเฉลิมฉลองทุกเทศกาลของทุกชนชาติค่ะ
(แบบว่า.. คนไทยใจกว้างกว่ามหาสมุทร อะคึ่ ๆ)


ขอบคุณมากค่ะ สำหรับบทกวี ณ บ้านนอก
อ่านแล้วซาบซึ้งตรึงใจในทุกถ้อยคำ..
ที่สำคัญคือ เพิ่งรู้จักคำว่า "เผดียง"
(แต่ไม่เข้าใจความหมาย.. วานครูบูลย์ช่วยชี้แนะ)


ขอบคุณอีกครั้งสำหรับเรื่องเล่า "พายุเกย์"
เมื่อได้อ่านเนื้อหา "พายุเกย์" ที่ลุงบูลย์เขียนบันทึกไว้
ยิ่งทำให้เห็นภาพความจริงที่น่ากลัวจากภัยธรรมชาติ
แม้ว่าหลายคนอาจจะไม่เคยพบกับเหตุการณ์เช่นนั้น

โดยเฉพาะภัยธรรมชาติ.. เมื่อครั้งล่าสุดที่ "น้ำท่วม" ณ ปากช่อง
ซึ่งไม่เคยคาดคิดจะเกิดขึ้นในดินแดนที่ราบสูงแห่งนี้
เนื่องจากสาวฯ ได้ฟังคำบอกเล่าของคนในพื้นที่
(เจ้าของร้านยา "มิตรภาพเภสัช" อ.ปากช่อง)
เล่าให้ฟังสรุปใจความย่อ ๆ ว่า..
ทางราชการได้ประกาศเตือนไว้ล่วงหน้า
ซึ่งพี่ใหญ่(จข.ร้านยา) ได้เตรียมเก็บของไว้ที่สูง
แล้วยังไปบอกเพื่อนบ้านที่ใกล้เคียง ขนของเก็บไว้ในที่ปลอดภัย
พี่ใหญ่เล่าให้ฟังว่า.. หลายคนที่แนะนำไม่คิดว่าจะน่ากลัวอะไรนัก
ด้วยคิด(ไปเอง) คงไม่ร้ายแรงและคงไม่มีน้ำไหลมาท่วมในตัวเมือง
แต่สำหรับพี่ใหญ่ เขาเตรียมพร้อมโดยคิดว่า.. ขอปลอดภัยไว้ก่อน
(แม้ว่าตัวเมือง อ.ปากช่อง ไม่เคยเหตุการณ์น้ำท่วมรุนแรง)

ในที่สุด... เมื่อฝนตกหนักต่อเนื่องน้ำป่าไหลหลาก
แม่น้ำทุกสายหลายแห่ง ไหลเอ่อล้นทำนบล้นทะลักเข้าท่วมทุกพื้นที่
นับว่าโชคดีบ้านพี่ใหญ่ สิ่งของในบ้านไม่เสียหาย...
แต่บ้านใกล้เรือนเคียง น้ำท่วมเสียหายกันถ้วนหน้า...
ซึ่งพี่ใหญ่เล่าให้ฟังอีกว่า
ได้ใช้รถยนต์ปิคอัพไปช่วยทางราชการลำเลี้ยง
นำอาหารและยา (ในร้านฯ)ไปช่วยเหลือเพื่อนบ้าน
(ซึ่งกลุ่มนี้ไม่ยอมเชื่อข่าวประกาศ และคำเตือนจากพี่ใหญ่)
..........................

นี้เป็นเพียงเรื่องเล่าจากพี่ใหญ่ (อ.ปากช่อง) ที่สรุปให้ฟังค่ะ


ปล. ภาพสัญลักษณ์จังหวัดชุมพรเป็นภาพของ "ผู้หญิงหรือผู้ชาย" คะ
หากเป็น ญ. ไม่แปลกใจ แต่เป็น ช. นมตั้งเต้าดีจังค่ะ อะคึ่ ๆ


โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:13:53:55 น.  

 
สวัสดีครับลุงบูลย์

ผมไม่สุขสันต์วันคิดมากกับลุงบูลย์ดีกว่า เพราะว่ามันไม่ใช่วันของไทยเรา 555

คิดมากทำไมวะ ปวดหัวเปล่าๆ

ผมนั่งอ่านจนจบเลย ศูนย์กลางของพายุ น่าจะเป็นศูนย์นะลุง ไม่ใช่สูญกลาง

เกย์ผ่านไปตั้ง 20 กว่าปีแล้ว ดูเหมือนว่าแผล็บเดียวนะ สึนามิก็เช่นกัน วันพรุ่งนี้ก็จะครบ 6 ปี อีกแล้ว วันเวลามันไวมากจริงๆนะลุง พรุ่งนี้ผมก็ว่าจะย้อนรอยสึนามิสักเรื่องหนึ่ง ลุงอย่าลืมมาอ่านนะ

สวัสดีครับ


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:15:03:34 น.  

 


กราบสวัสดีคุณลุงบูลย์นะค่ะ

ม๊าขอโทษด้วยที่แอบเข้ามาในบล็อคนี้ตามน้องสีทนเข้ามานะค่ะ

เพราะเห็นว่าเป็นคนชุมพรยิ่งรู้สึกดีใจมากถึงมากที่สุด

เพราะว่าม๊าเ้ป็นคนประจวบฯค่ะ แต่ตอนนี้เข้ามาอยู่ภูเก็ต

เป็นเพื่อนลูกสาวให้ได้เรียนหนังสือ ที่ราชภัฏฯภูเก็ตนี้ล่ะค่ะ

ยังไง ก็ต้องขออนุญาตแอดริงค์ของคุณลุงบูลย์ไว้ด้วยนะค่ะ


โดย: นางมารร้ายจีจี้ วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:15:07:05 น.  

 
เผดียง แปลว่า บอกให้รู้ คล้าย ๆ กับเป็นวิทยากรชาวบ้าน.....

....แต่ถ้า "สาวเป็นพระ" ก็อาจจะแปลว่า นิมนต์.... อามิตตาพุทธ

ขอบคุณค่ะลุงบูลย์
สำหรับความหมาย และคำอธิบายข้างเคียงฯ
(แบบปัจจุบันทันใจวัยรุ่น หุ หุ)


ปล. ขอตัวไปรดน้ำต้นไม้ใบหญ้า ณ สวัสดีกาแฟสดก่อนนะค๊า


โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:16:01:11 น.  

 
ชอบตราประจำจังหวัดชุมพรครับ

พายุเกย์ เหมือนเกิดไม่นามมานี้ ไม่น่าเชื่อว่า 20 ปีแล้ว

เฟรมผ้าใบนอกจากใช้วาดรูปแล้ว ยังช่วยปกป้องให้คนในบ้าน
ได้พ้นภัย สมาชิคต้องของคุณจิตกรที่ขยันวาดรูปครับ

การรับข่าวสารในช่วงนั้น เข้าใจว่านักข่าวยังเข้าไม่ถึงชาวบ้าน
อย่างสมัยนี้ที่เจาะลึกกันถึงก้นครัว รู้สึกและคิดแทนชาวบ้าน
นักข่าวไปถึงไหน คนรับข่าวสารก็อินไปกับข่าวนั้น

น่าเห็นใจคนพัทลุง (ต.นาโหนด)ไม่ค่อบเป็นข่าว น้ำท่วมมาเป็นเดือนแล้ว แต่ความช่วยเหลือยังไปไม่ถึงครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:19:25:02 น.  

 
คุณลุงค่ะก่อนอื่นเล็กขอน้อมรับคำอวยพรแทนน้องส้มด้วยนะคะ เป็นคำอวยพรที่มีค่ามากค่ะจากคุณครูผู้ทรงคุณวุฒิที่มอบคำกลอนที่ผู้รับอ่านแล้วมีความสุขกายสุขใจ เล็กก็ขอให้คุณลุงที่เล็กเพิ่งรู้จักแต่รู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่แวะมาเยี่ยมชมผลงาน วันนี้อ่านเรื่องพายุเกย์แล้วเห็นภาพความน่ากลัวขนาดเวลาฝนตกที่ว่าหนักแล้วที่บ้านที่ชลบุรี มีเสียงฟ้าร้องกึกก้องเรายังว่าน่ากลัวจัง แต่จากคำบรรยายภาพที่ได้อ่านแล้วมันช่างน่ากลัวยิ่งกว่า วินาทีนั้นเราคงกลอดกันกลมพร้อมทั้งเฝ้าสวดมนต์ภาวนาให้เราทั้งครอบครัวแคล้วคลาดปลอดภัย ให้พายุผ่านพ้นไปโดยพลันทันทีมากกว่ามัวห่วงทรัพย์สินในบ้านนะคะคุณลุง.....


โดย: หญิงแก่น วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:20:17:26 น.  

 
สวัสดีอีกครั้งช่วงใกล้ดึก กลับมาอ่านเรื่องราวของ
“บันทึกเลือดและน้ำตา” น่ากลัวไม่อยากให้มีเหตุการณ์แบบเกิดขึ้นกันประเทศของเราหรือที่ไหนๆๆของโลก จำได้ว่าดูข่าวในทีวีน่ากลัวเหลือเกิน แต่ก็เลือนลางมากเพราะยังเด็กเหลือเกิน
พอได้อ่านบทความของอาจาร์ย ทำให้มองเห็นภาพนะคะ
ยังได้ความรู้ใหม่ๆๆ สำหรับเด็กดอยอย่างหนู


โดย: คุณแอน (seton ) วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:21:54:50 น.  

 


โดย: deeplove วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:22:14:03 น.  

 


Merry Christmas & Happy new year ค่า



Jingle bells, jingle bells Jingle all the way,
Oh what fun it is to ride In a one-horse open sleigh.......

ภาพสีสวย ขนาดสีม่วงยังดูเย็นตาเลยค่ะ
ขอบคุณนะคะ ที่นำมาให้ชม


โดย: jamaica วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:23:21:19 น.  

 
สวัสดีครับลุง

ไม่ได้อ่านตอนนี้ แต่เดี๋ยวมีเวลาจะมาย้อนอ่านครับ

ชอบกลอนวังน้ำเขียวลุงครับ


โดย: ดอกหญ้า บนทางดิน วันที่: 26 ธันวาคม 2553 เวลา:11:40:56 น.  

 
สวัสดีคุณ im คุณบอกว่าชอบตราชุมพร ผมสงสัยว่าตรานี้ลูกชายจะค้นหาจากของเก่าในอินเทอร์เน็ตมาวาด ซึ่งเป็นรูปเทพอุทุมพร ประทับยืนบนแท่นระหว่างต้นมะเดื่อชุมพร ๒ ต้น ใช้เป็นตรายางประทับประจำหน่วยสำนักงานจังหวัดมานานแล้ว

ทีนี้ถ้าจำไม่ผิด ประมาณ ปีพ.ศ.๒๕๒๖ ผมย้ายมาจากพังงา พอดีเจ้านายเก่าที่เป็นปลัดจังหวัดพังงา ย้ายมาเป็นรองผู้ว่าฯ จังหวัดชุมพร ท่านเรียกผมไปพบบอกว่า

"บูลย์ช่วยออกแบบตราชุมพรใหม่ให้ที เอาให้สวย ๆ หน่อยนะ"

แล้วตราชุมพรที่ผมวาดจึงมาเป็นแบบนี้
นี่คือฝีมือของผมที่วาดให้พวกครูไปครับ

ส่วนของลูกชายน่าจะไปลอกมาจากของเก่าในอินเทอร์เน็ต จึงโป๊ไปหน่อย อิ ๆ



โดย: จขบ. (pantamuang ) วันที่: 26 ธันวาคม 2553 เวลา:12:32:13 น.  

 


กราบขอบคุณลุงบูลย์นะค่ะ ที่เอื้อเฟือนะค่ะ

ม๊านะเป็นคนประจวบฯ แต่ว่าได้สมรสแล้วติดตามครอบครัว

เข้ามาอยู่ที่พังงาหลายปีจนลูกสาวโต 20 ปีแล้ว

คุณพ่อของลูกก็ไปมีครอบครัวใหม่ ทำให้เราสองคนแม่ลูก

ต้องออกจากตระกูลของเขาแล้วย้ายมาอยู่เป็นเพื่อนลูก

ให้ลูกได้เรียนหนังสือจนจบที่ภูเก็ตนี้ล่ะค่ะ

คุณลุงบูลย์ถือได้ว่าเป็นปูยชนีย์บุคคลที่มีค่ามากๆเลยค่ะ

ม๊าขอชมเชยค่ะ ดีว่าได้ติดตามน้องแอน(Seton) เข้ามาชมค่ะ

ถึงได้เห็นลุงบูลย์


โดย: นางมารร้ายจีจี้ วันที่: 26 ธันวาคม 2553 เวลา:14:17:59 น.  

 
เห็นภาพวาดตราประจำจังหวัดฝีมือคุณลุงบูลย์แล้วขนลุกครับ

ของแท้ต้นฉบับงามสุดจะบรรยาย การออกแบบตราต่างๆ

ต้องมีพรสวรรค์เฉพาะตัวครับ

ขอบคุณคุณลุงบูลย์ที่ไปเขียนประสบการณ์การเป็นครู ชอบมากครับ

เด็กที่เอากล้วยมาห่อของขวัญ เขายังมีแก่ใจร่วมสนุกแม้จะขัดสนก็ตาม

ผมเอง หลังจากพลาดการจับสลากครั้งนั้นแล้ว ไม่เคยมีโอกาสจับ

สลากแลกของขวัญอีกเลยจนกระทั่งเรียนจบมหาวิทยาลัย

มีโอกาสร่วมจับสลากอีกทีก็ทำงานแล้วครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 26 ธันวาคม 2553 เวลา:16:47:33 น.  

 
วันครบรอบหกปีสึนามิ

มาอ่านพายุเกย์ ก็ได้อารมณ์ใกล้เคียงค่ะ

ชอบทั้งเรื่องและรูป ถือเป็นจารึกประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่ง

นักล่าฯว่า การละเลงสีของลูกชสยลุง เขากล้าดีค่ะ

ภาพคลื่นสีน้ำเงินนั่น อย่างเมามันเลย

ภาพทหารไทบในอดีตของลุงก็สวย

ส่วนภาพตราจังหวัด คุณอิมชมไปแว้ว คงมะต้องชมซ้ำ


โดย: นักล่าน้ำตก IP: 27.130.206.126 วันที่: 26 ธันวาคม 2553 เวลา:22:23:04 น.  

 
สวัสดีครับลุงบูลย์

ผมขอบคุณมาก ที่เอาเม้นท์ดีๆไปร่วมแจมในบล็อกซะยาวเชียว มีอีกก็เอามาอีกได้เลยนะครับ ชอบ ๆ ๆ

ว่าแต่หลังสึนามิผ่านไปไม่นาน ทราบว่าหลายหน่วยงานจัดประกวดเรื่องสั้นเกี่ยวกับสึนามิ แต่จนแล้วจนรอดผมไม่เคยเห็นมีงานเขียนที่ว่าตีพิมพ์ออกมาสักเล่มเลยนะครับ


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 27 ธันวาคม 2553 เวลา:9:44:48 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: หญิงแก่น วันที่: 27 ธันวาคม 2553 เวลา:12:13:57 น.  

 
สวัสดีครับคุณลุง
ขอให้คุณลุงมีสุขภาพดีมีความสุขต้อนรับปีใหม่ที่จะถึงนี้นะครับ
จะคอยติดตามผลงานของคุณลุงตลอดเรื่อยไปด้วยนะครับ


โดย: ทีแปลง วันที่: 28 ธันวาคม 2553 เวลา:0:01:26 น.  

 
แวะมาส่งความสุขสดชื่นค่ะ



โดย: jamaica วันที่: 28 ธันวาคม 2553 เวลา:10:21:14 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: หญิงแก่น วันที่: 28 ธันวาคม 2553 เวลา:11:57:59 น.  

 
ลุงบูลย์จ๋า

มาชวนไปกินส้มตำกลางทะเลจร้า

รับรองอร่อยจริงๆ ไมีมีพลิกล็อกหักมุมอะไรค่ะ


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 28 ธันวาคม 2553 เวลา:15:13:49 น.  

 
นึกว่าคุณลุงหนีไปพักร้อนที่ไหนเสียอีกเห็นเงียบไปเลย ปีใหม่ไม่ไปเที่ยวไหนเหรอคะ ส่วนเล็กอยู่เที่ยวแถวเนี้ยแหละค่ะ ไม่มีโปรแกรมไปไหนนอกจากรวมตัวกินข้าวพบปะในหมู่พี่น้องที่พัทยา นับเวลาถอยหลังและดูพลุอันสวยงามเหมือนทุกปี ค่ะ และสุดท้ายอันที่ซุกหัวนอนจะเล็กใหญ่ไม่สำคัญ สำคัญที่อยู่แล้วร่มเย็นเป็นสุขไม่เดือดร้อนกายใจ ถ้าบ้านหลังใหญ่โตแต่อยู่แล้วไม่มีความสุขก็เท่านั้นสู้อยู่บ้านหลังเล็กแต่พรั่งพร้อมด้วยความสุขจะดีกว่า บ้านของเล็กก็ไม่ได้หลังใหญ่โตมากมาย เนื้อที่บ้านประมาณ 64 ตรว. เพียงแต่เล็กเล่นระดับแยกสัดส่วนการใช้งาน มันเลยดูกว้างขวาง เพราะมันเป็นบ้านชั้นครึ่งอ่ะคะ
คุณลุงไม่ต้องห่วงถ้าเล็กได้มีโอกาสได้แวะเวียนไปชุมพร เล็กต้องระลึกถึงคุณลุงก่อนเป็นอันดับแรกแน่นอนค่ะ ชอบที่พักฟรีเป็นที่สุดอิอิ ให้กางเต้นท์หน้าบ้านได้ใช่ไหมคะ
สุขสันต์วันปีใหม่นะคะ เล็กจะแวะมาหาทุกวัน ช่วยกันนับเวลาถอยหลังเริ่มเดือนใหม่ปีใหม่ แต่สภาวะเศรษฐกิจบ้านเมืองยังเหมือนเดิม ข้าวของแพงขึ้นทุกวัน แต่เงินในมือไม่ค่อยสะพัดเลยค่ะ


โดย: หญิงแก่น วันที่: 28 ธันวาคม 2553 เวลา:18:22:06 น.  

 
มาทักทายอีกรอบ

ช่วงปีใหม่ ลุงไปเที่ยว พักผ่อนบ้างนะคะ

เรื่องหาเงิน เพลาๆมั่ง...พักสักสามสี่วัน ค่อยหาต่อ



โดย: นักล่าน้ำตก IP: 27.130.202.63 วันที่: 28 ธันวาคม 2553 เวลา:20:13:04 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: หญิงแก่น วันที่: 29 ธันวาคม 2553 เวลา:10:50:42 น.  

 
มีสาวๆแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนเพียบเลยนะฮับ


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 29 ธันวาคม 2553 เวลา:15:55:23 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

ขายได้ถูกมากจริงๆเลยค่ะ น่าจะได้มากกว่านั้นนิ ลืมบอกให้คุณลุงมาขายแถวบ้านเล็ก ราคาน่าจะดีกว่านั้น อิอิ คุ้้มไม๊เนี่ย....


โดย: หญิงแก่น วันที่: 29 ธันวาคม 2553 เวลา:20:04:02 น.  

 
กลอนที่ฝากไว้ในบล็อกผม แหล่มมาก ชอบมากเลย ฮิ ฮิ


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 29 ธันวาคม 2553 เวลา:23:33:37 น.  

 
Happy New Year 2011

ขอให้คุณลุงมีสุขภาพแข็งแรงนะคะ

"jamaica:Bloggang"



โดย: jamaica วันที่: 29 ธันวาคม 2553 เวลา:23:57:44 น.  

 
อ่านบทความแล้ว. น่ากลัวจังครับ😱😰


โดย: Pan IP: 171.97.38.193 วันที่: 15 สิงหาคม 2555 เวลา:19:30:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pantamuang
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




ไม่อยู่อย่างอยาก แต่ยังอยากจะอยู่
อยู่อย่างไม่ลำบาก เวลาที่เหลือน้อยรีบสอยรีบคว้า
ก่อนจะหมดเวลาให้สอย

ดวงดาวบนฟ้าก็สอยได้ ถ้ารู้จักต่อด้ามฝันให้ยาวพอ

ฝันถึงไหนก็ได้ มีสิทธิ์ฝัน แต่จะเป็นจริงหรือไม่ช่างฝัน
เพราะสิ่งที่ฝันคือนวนิยาย..

ชีวิตก็คือนวนิยายเรื่องหนึ่ง ที่เราเป็นผู้เขียนและกำกับ.

เริ่ม 9 กันยายน 2550

Friends' blogs
[Add pantamuang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.