...คิดว่ายังมีความหวัง ตราบที่ยังมีลมหายใจ...
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
15 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 
นักวาดการ์ตูน(กระจอก)

ที่มาของการ์ตูนนิยายภาพ...


ชีวิตคน เรื่องกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ แต่จะไปหวังกำลังใจจากคนอื่นเป็นเรื่องยาก จึงหลายครั้งที่ผมตกทุกข์ลำบาก ผมจะพยายามต่อสู้และหาโอกาสมาให้ตนเอง แม้ว่าบางครั้งธรรมชาติ ข้อจำกัดหรือฝีมือผมอาจจะไม่เท่าเทียมกับผู้อื่นก็ตาม

ช่วงหนึ่งผมเดือดร้อนเรื่องเงินมาก บ้านต้องเช่า ข้าวต้องซื้อ และมีลูกหญิงชาย ๒ คนต้องเลี้ยงดู ผมเป็นครูสอนชั้นประถม ส่วนภรรยาอยู่กับบ้านเลี้ยงลูก

ที่โรงเรียนวัดควรนิยม อำเภอตะกั่วป่ามีครูนักเขียนเรื่องสั้น ชื่อคุณครูประสิทธิ์ ศรีหะรัญ ชอบอ่านนิยตสาร “วิทยาสาร” ของสำนักพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช ในนิตยสารฉบับนี้มีคอลัมน์การ์ตูน โดยนักเขียนการ์ตูนชื่อ อรุณ วัชระสวัสดิ์ คุณอรุณ วัชระสวัสดิ์ จะเขียนการ์ตูนล้อเลียนเหตุการณ์บ้านเมืองทุก ๆ ฉบับ แต่วันหนึ่งมีครูจากจังหวัดภาคอีสาน เขียนการ์ตูนแบบสมัครเล่นมาลง คุณอรุณ เจ้าของคอลัมน์ก็เอาลงให้ คุณครูประสิทธิ์เอามาให้ผมดูและพูดว่า

“ผมว่าพี่ก็จะวาดได้ พี่น่าจะลองวาดไปลงบ้าง”

ที่สำคัญ มันทำให้ผมค้นพบศักยภาพของตัวเอง ว่าผมก็พอจะทำในสิ่งนี้ได้ ผมจึงเขียนส่งให้นิตยสารวิทยาสาร บางเดือนได้ถึง ๒ ฉบับได้เงิน ๘๐ บาทก็มี จากนั้น ผมเกิดความใฝ่ฝันว่า ถ้าผมจะลองเขียนการ์ตูน ส่งไปให้หนังสือการ์ตูนที่เขาพิมพ์ขายอยู่ในท้องตลาด ถ้าเขารับผมจะมีเงินใช้ไม่ขาดตอน ผมจึงไปที่ร้านขายหนังสือการ์ตูนในตลาดตะกั่วป่า ก็ไปพบการ์ตูนขายขำ ของสำนักพิมพ์สุภา รูปเล่มขนาด ๘ หน้ายก มีแต่ขำขันทั้งเล่ม ในเล่มมีประกาศรับนักเขียน ให้ค่าตอบแทนภาพละ ๒๐ บาท ส่งได้ไม่จำกัดจำนวน
ผมนึกในใจว่า ถึงจะให้ถูกกว่าที่วิทยาสาร แต่ที่นี่รับทีละมาก ๆ ถ้าเราเขียนไปได้ลง ๑๐-๒๐ ภาพ ก็ได้เงิน ๒๐๐-๔๐๐ บาท เงินสองร้อยบาท(ใน พ.ศ.๒๕๑๕) กินใช้ในครอบครัวได้เป็นเดือน

แรก ๆ ผมไม่รู้ว่าเขาใช้ปากกาอะไรวาด ผมจึงใช้ปากกาคอแร้งกับหมึกดำอินเดียอิงค์ วาดในกระดาษวาดเขียน ๑๐๐ ปอนด์ วาดส่งไปประมาณ ๒๐ ภาพ ๑ เดือนผ่านไปผมได้รับธนาณัติเงิน ๓๐๐ บาท แสดงว่าได้ลง ๑๕ ภาพ ผมมีความสุขที่สุด
ต่อจากนั้นผมได้เงินจากสำนักพิมพ์สุภา ไม่ต่ำกว่าเดือนละ ๒๐๐ บาททุกเดือนส่วนวิทยาสารก็ยังมีลงให้บ่อย ๆ ทำให้ความเดือดร้อนของผมค่อย ๆ บางเบาลงไป

ผมวาดการ์ตูนตลกไปรวมเล่มกับคนอื่น ในสำนักพิมพสุภาอยู่นานเกือบปี วันหนึ่งมีจดหมายจาก เจ้าของสำนักพิมพ์เขียนมาว่าอยากให้ผมลองวาดเป็นเรื่อง ๆ จนจบเรื่องแล้วให้ส่งไป จะได้ออกเป็นเล่มคนเดียว ผมดีใจมาก จึงเขียนนิยายการ์ตูนเล่มแรกในชีวิต เรื่อง “หนูน้อยระลึกชาติ” อันเป็นข่าวดังทางหนังสือพิมพ์เสียงอ่างทอง เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๓ มาเขียน

ความยาว ๓๒ หน้า วาดปกเองโดยใช้สีน้ำผสมด้วยสีโปสเตอร์ ส่งไปประมาณ ๑ เดือน สำนักพิมพ์สุภาก็พิมพ์เป็นเล่ม ห่อส่งมาให้ ๓๐ เล่มพร้อมเงินค่าเรื่อง ๔๕๐ บาทและทางสำนักพิมพ์ยังเขียนแนะนำว่า ต่อไปให้ผมวาดในกระดาษอาร์ต หรือกระดาษไขลอกลาย เส้นรูปให้ใช้พู่กันวาด ตัวหนังสือให้ใช้ปากกาตัดเส้นเล็ก เป็นปากคาคอแร้งอันเล็ก ๆ บางคนเรียกปากกาเขียนแผนที่ บอกยี่ห้อของพู่กันและหมึกชนิดดีมาเสร็จ แต่ที่ตะกั่วป่าอย่าว่าแต่พู่กันและหมึก กระดาษอาร์ตก็ไม่มีขาย
ผมต้องนั่งรถเข้ากรุงเทพฯ และแวะไปคุยกับเจ้าของสำนักพิมพ์ ที่โรงพิมพ์สุภาถนนผ่านฟ้า ผมซื้อพู่กันยี่ห้อวินเซอร์เบอร์ ๖ และหมึกอินเดียนอิงค์ ยี่ห้อเพ็นลิแกนที่ร้านขายเครื่องเขียน ซึ่งอยู่ที่หน้าโรงเรียนเพาะช่าง พู่กันราคาด้ามละ ๑๕๐ บาท ส่วนหมึกราคาขวดละ ๕๐ บาท
นับว่าแพงมากในปี พ.ศ. ๒๕๑๕ ส่วนกระดาษทางสำนักพิมพ์แนะนำให้ไปซื้อกระดาษอาร์ทหรือกระดาษมันที่เขาใช้พิมพ์ข้อความและรูปภาพแล้วด้านหนึ่ง แต่อีกด้านสามารถนำมาใช้เขียนการ์ตูนได้
กระดาษใช้แล้วขายเป็นกิโลฯ ราคาถูกกว่ากระดาษใหม่หลายเท่า นักเขียนการ์ตูนในสำนักพิมพ์ใช้กระดาษแบบนี้วาด จากที่คุณสุภาหยิบมาให้ผมดู
พอกระดาษหมด ผมเที่ยวหากระดาษปฏิทินรายเดือน โดยเที่ยวไปถามและไปขอเขาตามบ้านเพื่อนหรือคนรู้จัก เป็นปฏิทินรายเดือนที่ใช้สิ้นปีไปแล้วมาพลิกเอาด้านหลัง ที่ไม่มีภาพหรือตัวหนังสือ วาดการ์ตูน


เนื่องจากกระดาษที่ใช้พิมพ์ปฏิทินมักเป็นกระดาษขาวมันหรือกระดาษอาร์ต วาดหรือเขียนหมึกลงไปหมึกไม่ซึมเข้าเนื้อกระดาษ ทำให้เส้นวาดออกมาสวย ทำให้ผมกลายเป็นนักเขียนนิยายการ์ตูน และคลั่งไคล้นิยายการ์ตูน จนหมดความคิดเรื่องการรับจ้างวาดรูปอื่น ๆ ไปตั้งแต่บัดนั้น
แต่เมื่อเทียบกับฝีมือนักวาดการ์ตูนขั้นเทพ ผมว่าผมยังด้อยกว่าเขาหลายขุม แต่ช่างเถอะ ผมเป็นแค่คนบ้านนอกแต่ได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ แทนที่จะไปนั่งเล่นไพ่หรือคิดหาเลขเด็ดแทงหวย ให้จนยากหนักเข้าไปอีก ผมก็ภูมิใจแล้ว


นี่เป็นภาพปก ๆ แรก ๆ ที่ผมวาดเองดูเฉิ่มและเชยมาก


(เนื้อเรื่อง ๑)


(เนื้อเรื่อง ๒)


(เนื้อเรื่อง๓)

(เนื้อเรื่อง๔)
(แก้ไขเพิ่มเติม บังเอิญค้นหาภาพเก่าเจอครับ)

(เนื้อเรื่อง ๕)

(เนื้อเรื่อง ๖)



(เนื้อเรื่อง๗)

(เนื้อเรื่อง๘)



(เนื้อเรื่อง๙)

(เนื้อเรื่อง๑๐)


(เนื้อเรื่อง ๑๒)



(เนื้อเรื่อง ๑๓)

(เนื้อเรื่อง๑๔)


(เนื้อเรื่อง ๑๕)


(เนื้อเรื่อง ๑๖)


(เนื้อเรื่อง ๑๗)


(เนื้อเรื่อง ๑๘)

(เนื้อเรื่อง ๒๐)


(เนื้อเรื่อง ๒๑)





(เนื้อเรื่อง ๒๒)

(เนื้อเรื่อง ๒๓)


(เนื้อเรือง ๒๔)

(เนื้อเรื่อง ๒๕)



(เนื้อเรื่อง ๒๖)

(เนื้อเรื่อง ๒๗)






(เนื้อเรื่อง ๒๘)

(เนื้อเรื่อง ๒๙)

(เนื้อเรื่อง ๓๐)

(เนื้อเรื่อง ๓๑)

(เนื้อเรื่อง ๓๒)

(เนื้อเรื่อง ๓๓)

(เนื้อเรื่อง ๓๔)

(เนื้อเรื่อง ๓๕)

(เนื้อเรื่อง ๓๖)

(เนื้อเรื่อง ๓๗)

(เนื้อเรื่อง ๓๘)

การ์ตูนเรื่องนี้ ผมเขียนลงใน "วารสารพังงา" รายเดือน และตอนหลังเอามาปรับแต่งแก้ไขเพื่อรวมเล่ม ภาพที่ขาดหายเพราะต้นฉบับอยู่ที่สำนักพิมพ์ ส่วนที่เอามาลงนี้คือส่วนที่ปรับให้เข้ากับไซต์ของสำนักพิมพ์ไม่ได้

ขอต่ออีกนิด ยังขาดสถานที่สำคัญอีก ๓ ที่ที่เกี่ยวกับเขาช้าง ใครไปที่พังงาจะพบภูเขารูปช้างหมอบอยู่หลังศาลากลางเก่า และถ้ำพุงช้างที่เกิดจากช้างถูกแทงไส้ทะลักอยู่กลางภูเขานั่นเอง มีลำธาร(เลือดช้าง)ไหลออกมาด้วย

ส่วนอีกเขาตรงข้ามคือ เขางุ้ม หรือตางุ้มเจ้าของช้างนั่งตายอยู่ฝังเขาตรงข้ามกับ เขาช้าง ในปัจจุบัน ครับ





Create Date : 15 ตุลาคม 2553
Last Update : 18 ตุลาคม 2553 11:30:08 น. 30 comments
Counter : 4254 Pageviews.

 
-ดวงดาวบนฟ้าก็สอยได้ ถ้ารู้จักต่อด้ามฝันให้ยาวพอ-
อาจารย์ เก่งมากคะ นักวาดการ์ตูน(กระจอก) ไม่อยากให้ใช้คำนี้เลย คำว่ากระจอก ไม่คู่ควรกับ นักวาดการ์ตูนอย่างเรา อยากให้ใช้คำว่า นักวาดการ์ตูนไทย (มีแต่ กำไร และกำไร) เพราะเราสามารถกำหนดราคาชิ้นงานของงานเราได้ อยากให้อาจารย์ช่วยเขียนให้กำลังใจ เพื่อนร่วมอาชีพของเราหน่อย เชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ท้อ ต้องการกำลังใจเพราะกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ
-ชีวิตก็คือนวนิยายเรื่องหนึ่ง ที่เราเป็นผู้เขียนและกำกับ-
ชอบประโยดนี้มากคะ


โดย: seton วันที่: 16 ตุลาคม 2553 เวลา:3:56:15 น.  

 
อ่านประวัติชองคุณลุงบูลย์แล้วเกิดกำลังใจ
การต่อสู้และการเอาชนะอุปสรรค์ที่ต้องใช้มากกว่า
ยังสามารถยืนหยัดได้อย่างน่าภาคภูมิใจ
เป็นการรับรองว่าโอกาสของคนในแผ่นดินนี้เปิดให้ทุกขั้นชน
หนทางการต่อสู่ คนที่ขวนขวายย่อมเห็นทางที่สว่างไสว
อยากให้เยาชนเข้ามาอ่านกันมากๆ

เรื่องเทคนิค การใช้วัสดุ มักจะปิดเป็นความลับกัน
การเปิดเผยของคุณลุงบูลย์ถือความรู้ที่หาไม่ได้
ผมมีเพื่อนรุ่นพี่ที่เขียนการ์ตูนชั้นแนวหน้าคนหนึ่ง
แตเสียชีวิตแล้ว เขาบอกเคล็ดลับผมมาอย่างหนึ่งว่า
หากบีบมะนาวในหมึกที่ข้นๆ จะช่วยให้วาดภาพได้ดีขึ้น

ลายมือในการ์ตูนของคุณลุงบูลย์สายมาก ลีลาการตะหวัดพู่กัน
หนักเบา พริ้วไหว สั่งได้อย่างที่ต้องการ สนุกครับ
การควบคุมพู่กันได้ตามใจปรารถนาต้องผ่านการฝึกมาอย่างช่ำชอง
ผลงานของคุณลงบูลย์คงไม่แพ้การ์ตูนแนวหน้าในสมัยนั้น
เพราะความเข้าใจในชีวิตชนบทที่สอดแทรกไบในภาพ
อย่างเช่น ดวงตาซื่อๆของตัวละคร ใครจะสู้ได้ครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 16 ตุลาคม 2553 เวลา:9:21:53 น.  

 
สวัสดีคุณ seton ขอบคุณมากที่มาเมนท์ไว้

ที่ผมเรียกตัวเองว่านักวาดการ์ตูนกระจอก
เพราะผมอยู่บ้านนอกไม่มีใครรู้จัก

ผมเคยติดตามอ่านคอลัมน์การ์ตูนที่เขียนในคอลัมน์ "โลกการ์ตูน"(ไทย) ใน นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ตั้งแต่ที่คุณจุก เบี้ยวสกุล ยังเขียนคอลัมน์อยู่ ไม่เคยมีชื่อผมเลย

จึงอยากประชดตัวเอง

สมัยใหม่การเขียนง่ายขึ้นมากนะครับ ใช้โปรมคอม แต่ลุงทำไม่เป็นครับ ไม่เคยศึกษา


สววัสดีคุณอิม
คน ๆ นั้นน่าจะเป็นจุก เบี้ยวสกุล ผมเคยไปนั่งดื่มกินอาหารในงานเปิดตัวหนังสือของคุณนิรันศักดิ์ บุญจันทร์ คุยกันมากมายแต่แกไม่รู้เลยว่าผมก็เขียนการ์ตูนขายมาตั้งแต่ปี ๒๕๑๕ และมาเลิกในปี ๒๕๒๕ เพราะการ์ตูนไทยถูกการ์ตูนญี่ปุ่นทับแบน

เรื่องละเอียดของเรื่องนี้จะมีในหนังสือ ครูไพบูลย์ ๒ ที่ผมส่งให้ บ.นานมีไปแล่้ว ไม่รู้เขาจะพิมพ์หรือไม่ ถ้าพิมพ์จะมีเรื่องชีวิตตอนเขียนการ์ตูนส่งตัวเองเรียนมหาลัยอีกตอนครับ ขอบคุณที่ยังไปมาหาสู่สม่ำเสมอ

เมื่อใดละครับที่จะเปิดตัวให้ผมได้รู้จักท่านมากกว่านี้ แนะนำตัวทางอีเมล์ของผม pantamuang@hotmail.com ก็ได้นะครับ


โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) วันที่: 16 ตุลาคม 2553 เวลา:9:59:22 น.  

 
ยินดีครับคณลุงบูลย์ เดี๋ยวผมจะส่งเมล์ไป


โดย: Insignia_Museum วันที่: 16 ตุลาคม 2553 เวลา:10:35:08 น.  

 
เมนท์ของหนูทำให้อาจารย์รู้สึกไม่ดีหรือเปล่าคะ
สำหรับหนูแล้ว อาจารย์เป็นนักสู้ชีวิตที่น่านับถือ
ถึงเราจะมีอาชีพเป็นนักวาดการ์ตูน แต่อยู่ต่างกันคนละช่วงเวลา
เวลาผ่านไปหนูอยากให้การ์ตูนที่เป็นของเรายังคงอยู่และพัฒนาต่อไปตามยุดสมัย ขอบคุณนะคะที่ตอบเมนท์ของหนู



โดย: seton วันที่: 16 ตุลาคม 2553 เวลา:12:10:50 น.  

 
อ่านทั้งเรื่องทั้งเมนท์ ชอบมาก ๆ ค่ะ

ถ้าไม่เคยดูรายการพินิศนคร คงไม่รู้จักบ้านพุมเรียงค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 16 ตุลาคม 2553 เวลา:17:04:02 น.  

 
ขอบคุณที่ลุงไปต่อกลอนให้นะคะ

ชอบมากค่ะ...

ว้าว บล็อกวันนี้ ไม่ค่อยเห็นลุงวาดการ์ตูนขาวดำ

สวยจริงๆ สไตล์คล้ายๆกับน้องชายที่เคยวาดรูปเล่นสมัยเด็ก

แต่ของลุงโปรกว่าเยอะตามประสามืออาชีพ

ชอบนะคะ ดูคลาสสิกดี

ชักชอบภาพขาวดำของลุงมากกว่าภาพสีแล้วซี ลายเส้นงามมากค่ะ


โดย: นักล่าน้ำตก IP: 183.89.79.3 วันที่: 16 ตุลาคม 2553 เวลา:21:03:26 น.  

 
สายัณห์สวัสดีค่ะลุงบูลย์
+====================+

ตะกี้แวะไปบ้านปลายแป้นพิมพ์ ที่ภูเก็ตค่ะ
โหย! มีภาพและเรื่องเล่าสาวไส้ทะลัก อะกึ๊ย!
หวาดเสียวเจี้ยวจ๊าวแบบเลือดท่วมตัวเยย

สาวฯ รีบแวะมาที่ชุมพรเข้าบ้านลุงบูลย์
อะว้าว! เรื่องเล่ายาวเป็นกิโลเมตรอีกแล้ว หุ หุ

ชอบตัวหนังสือ(คน)เขียนตัวหนังสือในการ์ตูนค่ะ
เป็นลายมือใช่ไหมคะ (ยุคนั้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ได้หรือยังคะ)

ทึ่งมากกว่าคือ ภาพวาดการ์ตูน ลายเส้นละเอียดยิบ
เพียงภาพขาวดำ หากภาพวาดนั้นช่วยให้จินตนาการได้ทะลุมิติเชียวค่ะ
เดียวนี้ไม่มีภาพวาดการ์ตูนแบบนี้ให้ดูประกอบกับเรื่องเล่า
ภาพปกการ์ตูนมีสีสัน... หากเก็บใส่กรอบไว้
ดู "คลาสสิก" มากเลยค่ะ

อืม! เหมือนเคยอ่านเจอเม้นท์ของนักล่าฯ (เมื่อไม่นานนี้)
แนะนำให้ลุงบูลย์เก็บไว้ใส่กรอบ เฉพาะปกหนังสือ
เป็นของเก่าที่มีคุณค่าในการศึกษา
ถึงวิวัฒนาการการ์ตูนไทยในยุคเก่า..ถึงปัจจุบัน
หรือไม่... เก็บไว้เป็นอนุสรณ์ดอนเจดีย์ อะกึ๊ย!
อนุสรณ์สำหรับการวาดภาพของลุงบูลย์
ให้ลูก-หลานได้ศึกษาและเรียนรู้กันตลอดไปค่ะ

อ้าว! จะเม้นท์สั้น ๆ ไงยาวเป็นเมตรเยยย อะคึ่ ๆ


โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น วันที่: 16 ตุลาคม 2553 เวลา:21:13:19 น.  

 
สวัสดีครับลุงบูลย์

วันนี้วันสุดท้ายแล้ว ผมไปทำพิธีโก้ยห่านเสร็จ ค่ำๆก็กลับบ้านเลย ไม่ได้อยู่จนถึงเที่ยงคืนส่งพระ เพราะดึกมาหลายคืนติดต่อกัน ร่างกายล้า เดี๋ยว 4 ทุ่มกว่าๆก็จะนอนแล้วละ

การไต่บันไดมีด และการลุยไฟ ยังมีนะครับ โดยเฉพาะการลุยไฟของปีนี้ ฝนตกพรำๆ แต่คนเยอะมาก ทั้งสองอย่างมันเป็นตอนกลางคืน ผมไม่ค่อยได้อยู่ดูเหมือนตอนกลางวัน จะถ่ายภาพอะไรก็ง่ายกว่า และผมว่า 2 สิ่งนี้เคยสัมผัสมาตั้งแต่เด็กๆ ตอนอยู่ตะกั่วป่า ตื่นเต้นมาก ได้ไปดูที่โรงพระในสวน ตะกั่วป่า จนถึงบัดนี้ก็ไม่พัฒนา ซ้ำแบบเดิมๆ ไม่เหมือนการแทงไปตามแก้มที่ช่างสรรหาวัสดุแปลกๆมาแข่งขันกันทุกๆปี

ส่วนบล็อกของลุง พรุ่งนี้มาอ่านแน่นอนครับ


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 16 ตุลาคม 2553 เวลา:21:57:31 น.  

 
ตอบข้อสงสัยของ นักล่าน้ำตก และ สาวบ้านนอก

การวาดลายเส้นแบบนี้ปัจจุบันลุงวาดยากเสียแล้ว ปัญหาคือ พอไม่ได้วาดนาน ๆ มือก็ล้า ที่สำคัญไม่มีที่ให้ออก ที่มีวางขายค่าต้นฉบับก็ถูกมาก ประมาณเท่าเดิมคือ ต้นฉบับราคาเล่มละ ๕๐๐-๖๐๐ บาทเหมือนเดิม

งานเก่า ๆ ของลุงลูกของเจ้าของสำนักพิมพ์ยังแอบเอามาพิมพ์ขายอยู่บ่อย ๆ แต่ควบเล่มกับคนอื่นในราคา ๑๐ บาท

ให้ลูกชายคนจบศิลปากรไปทวงถามค่าลิขสิทธิ์เขาบอกว่า ให้ได้แค่เรื่องละ ๓๐๐ บาท ลูกชายเลยไม่เอา

ตัวหนังสือในเล่มเขียนด้วยลายมือครับ ใช้ปากกาคอแร้งจุ้มหมึกอินเดียอิงค์เขียน สมัยนั้นยังบ่มีคอมพิวเตอร์ แต่ถ้าลายมือของใครไม่ได้เรื่อง สนพ.จะลงทุนพิมพ์อักษรไปแปะในต้นฉบับ ก่อนถ่ายทำเพลส ยุคแรก ๆ ของลุงก็เขาเคยทำให้ ถ้าหาเจอจะเอามาให้ดู

(ว่าแต่ของเขายาว ทีของตนเองยกพงศาวดารทั้งเล่มมาลง ฮ่า ๆ ๆ)



โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) วันที่: 17 ตุลาคม 2553 เวลา:9:56:59 น.  

 
กระจอกตรงไหน เยี่ยมไปเลยครับ

ผมเองก็ชอบอ่านการ์ตูนแบบนี้อยู่นะครับ

เราคนไทย อ่าน การ์ตูนไทยกันดีกว่าครับ หนุกหนาน


โดย: ทีแปลง วันที่: 17 ตุลาคม 2553 เวลา:16:15:54 น.  

 
สายัณห์สวัสดีค่ะลุงบูลย์
+======================+

แวะมาขำ ขำ อะคึ่ ๆ
แหม! สาวฯ แค่ Copy เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับบล๊อกฯ
เพื่อให้มิตรรักฯ ได้รู้จัก "รากเหง้า" ของบ้านเมืองนะค่ะ
ซึ่งจะได้เข้าใจถึงวัฒนธรรมประเพณีเก่าแก่ที่มีมาแต่โบราณ

และที่สำคัญสาวฯ ก็ถือโอกาสทบทวนวิชาประวัติศาสตร์ด้วยค่ะ หุ หุ


โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น วันที่: 17 ตุลาคม 2553 เวลา:18:56:39 น.  

 
ขอบคุณครับ ที่เล่าให้ฟัง มีประโยชน์มากทั้งในปัจจุบันและอนาคต


โดย: แมวหง่าว (chaiwatmsu ) วันที่: 18 ตุลาคม 2553 เวลา:8:31:23 น.  

 
เพิ่งหาภาพเก่าเจอ ท่านที่มาแล้วมาอ่านได้ใหม่อีกครั้งครับ กำลังแก้ไขอยู่


โดย: ลุงบูลย์ อีกครั้ง (pantamuang ) วันที่: 18 ตุลาคม 2553 เวลา:10:13:31 น.  

 
สวัสดีตอนบ่ายครับลุง

ผมยังพอทันได้อ่านการ์ตูนแนวนี้นะครับ สมัยตอนเด็กๆ


โดย: ดอกหญ้า บนทางดิน วันที่: 18 ตุลาคม 2553 เวลา:16:11:57 น.  

 
สวัสดีครับลุง

นั่งทำบล็อกกินผักตอนสองได้ 95 เปอร์เซ็นต์แล้ว เหลือสำรวจความเรียบร้อย พรุ่งนี้ได้อ่านแน่ครับลุง เลยเข้ามาอ่านงานของลุงช้าไปหน่อย ไม่ว่ากันนะ

มันเป็นงานเขียนการ์ตูนยุคเก่าที่ยอดเยี่ยมจริงๆ คนสมัยก่อนก็ช่างผูกโยงให้เกิดสถานที่นั่นนี่ได้ข้ามจังหวัด ปัญญาล้ำเลิศเหลือหลายเลยนะ


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 18 ตุลาคม 2553 เวลา:17:13:07 น.  

 
ผมอ่านเรื่องราวของคุณพี่แล้วนึกถึงตัวเองเมื่อเรียนจบใหม่ ๆ ประมาณปี 2520 ที่กระโจนเข้าสู่อาชีพนักวาดนิยายภาพ และอาชีพครูไปพร้อม ๆ กัน คิดแล้วมันเหมือนเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ทั้งที่เวลาผ่านไป 30 กว่าปีแล้ว บัดนี้อาชีพทั้ง 2 นี้ผมก็ทิ้งมันไว้ข้างหลังเรียบร้อยไปแล้วหลายสิบปี แต่คุณพี่ยังดีที่มีลูกชายเรียนศิลปากรสืบทอดงานด้านศิลปเอาไว้ แต่ผมไม่มี


โดย: ลำดวน ลืมดง IP: 223.206.137.250 วันที่: 18 ตุลาคม 2553 เวลา:19:17:17 น.  

 
หนูเป็นคนหนึ่งที่โตมาในยุคการ์ตูนญี่ปุ่นบูมแล้วค่ะ (แถมยังติดวาดแบบญี่ปุ่นด้วย)
แต่ก็มีโอกาสได้อ่านการ์ตูนไทยรุ่นเก่าๆ ที่ทางบ้านเก็บไว้บ้าง
รู้สึกเนื้อเรื่องสนุก มีรายละเอียดน่าสนใจเยอะ คล้ายๆ การ์ตูนของลุงนี่แหละค่ะ แต่ได้อ่านการ์ตูนไทยยุคหลังๆ แล้วรู้สึกว่าไม่สนุกเท่าของรุ่นก่อนๆ เลยไม่ค่อยได้อ่านของใหม่มากนัก

ไม่นานมานี้พยายามหยิบการ์ตูนไทยตามร้านค้ามาดูแว้บๆ บางทีก็ซื้อมาดูว่าการ์ตูนไทยแบบเก่านี่มันไปถึงไหนกันแล้ว ก็รู้สึกว่าเริ่มมีการพัฒนาแนวเรื่องใหม่ๆ ขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน

แถมยังมีโอกาสได้คุยกับรุ่นพี่ๆ ที่ชอบวาดการ์ตูนลายเส้นไทยๆ แบบนี้อยู่ หลายคนก็ยังสนับสนุน และพยายามพัฒนาเนื้อเรื่องให้เป็นที่ยอมรับของคนรุ่นใหม่มากขึ้น หนูเองก็คิดอยู่เหมือนกันว่า ถ้ามีสำนักพิมพ์ช่วยหนุน ในอนาคตการ์ตูนลายเส้นไทยๆ แบบนี้อาจกลับมาอีกก็ได้ เพราะยังมีคนรุ่นใหม่ที่พยายามสืบทอดอยู่

แต่ก็นั่นแหละค่ะ พวกพี่ๆ เขาก็บ่นเหมือนคุณลุง ว่าค่าต้นฉบับน้อย ทำแล้วไม่ค่อยคุ้มทุน ทั้งที่หนูคิดว่าการ์ตูนที่พวกเขาเขียนนี่น่าจะอยู่ในระดับขายคนไทยรุ่นใหม่ได้ เพราะยังมีคนอีกเยอะที่ไม่ชอบอ่านการ์ตูนญี่ปุ่น บางคน บ่นว่าอ่านยากหรือไม่รู้เรื่อง และก็มีหลายคนที่ชอบอ่านเรื่องใกล้ตัวมากกว่าเรื่อง วัฒนธรรมต่างชาติซึ่งเขาไม่คุ้นเคย

หนูไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับการบริหารงานของธุรกิจของสำนักพิมพ์มากนัก เลยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี แต่ก็หวังว่าคงจะมีคนรุ่นใหม่ๆ คิดทางออกที่ดีเกี่ยวกับการตลาด ซึ่งจะทำให้ทั้งสำนักพิมพ์และนักเขียนสามารถมีรายได้เลี้ยงชีพได้โดยไม่มีฝ่ายใดเสียเปรียบ

พูดโน่นพูดนี่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากเลย แต่ก็เป็นกำลังใจให้สำหรับนักเขียนการ์ตูนไทยทั้งรุ่นเก่า รุ่นใหม่ค่ะ


โดย: Solsikke วันที่: 18 ตุลาคม 2553 เวลา:22:46:51 น.  

 
ไม่รู้ลุงนอนรึยัง

ไงก็ดูแลสุขภาพบ้างนะคะ

มาส่งเข้านอน ไปแระ...ราตรีสวัสดิ์ค่า


โดย: นักล่าน้ำตก IP: 183.89.111.199 วันที่: 18 ตุลาคม 2553 เวลา:23:38:39 น.  

 
คลิ๊กหาไปเรื่อยเปื่อยครับ พอเข้าบล็อคคุณ Insignia_Museum เห็นข้อความของอาจารย์ เลยตามมาดูถึงบ้านเลย

ขอบคุณครับที่ทำให้นึกถึงบรรยากาศสมัยเด็ก


โดย: แมวหง่าว (chaiwatmsu ) วันที่: 18 ตุลาคม 2553 เวลา:23:39:06 น.  

 
สวัสดีครับคุณ Solsikke

สงสัยจะยังอัพไม่เสร็จผมเข้าบล็อกคุณไม่ได้ เวบฟ้องว่าไม่มีบล็อกนี้

เรื่องสำนักพิมพ์นั้นลุงบังเอิญจริง ๆ ที่ได้ปฏิสัมพันธฺกันตั้งหลายปี อย่างน้อยก็ช่วยให้มีเงินเรียนปริญญาตรี แต่พอจบปริญญาไปทำงานอยู สนง.สปจ.ไม่ได้เขียนส่ง ๓ ปี เขาตัดเลย พอดีกับสถาการณ์การ์ตูนไทยตกต่ำ

ตอนนี้ลุงยังอยากจะเขียนนะถ้าได้ค่าเรื่องดี ๆ อย่างเมื่อก่อนนี้ ปิดเทอมภาคปลายลุงเขียนได้ค่าเรื่องซื้อมอไซค์ได้เกือบคัน หรือพูดง่าย ๆ ว่าเขียนเสร็จไปจองรถได้เลย

บล็อกเสร็จเมื่อใดบอกด้วยนะครับ จะไปคุยด้วย


โดย: pantamuang วันที่: 19 ตุลาคม 2553 เวลา:10:16:10 น.  

 
ผมอ่านเรื่องราวของคุณพี่แล้วนึกถึงตัวเองเมื่อเรียนจบใหม่ ๆ ประมาณปี 2520 ที่กระโจนเข้าสู่อาชีพนักวาดนิยายภาพ และอาชีพครูไปพร้อม ๆ กัน คิดแล้วมันเหมือนเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ทั้งที่เวลาผ่านไป 30 กว่าปีแล้ว บัดนี้อาชีพทั้ง 2 นี้ผมก็ทิ้งมันไว้ข้างหลังเรียบร้อยไปแล้วหลายสิบปี แต่คุณพี่ยังดีที่มีลูกชายเรียนศิลปากรสืบทอดงานด้านศิลปเอาไว้ แต่ผมไม่มี

โดย: ลำดวน ลืมดง IP: 223.206.137.250 วันที่: 18 ตุลาคม 2553 เวลา:19:17:17 น.


ตอบคุณลำดวน ลืมดง

ฮ่า ๆ ทำไมจึงลืมดงเสียละครับ ตอนนี้บ้านเมืองวิกฤตเป็นผม ๆ จะกลับเข้าดง แฮ่ ๆ แซวเล่นนะ

ผมมีลูก ๓ คนเรียนศิลปะและยึดอาชีพทางศิลปะหมดเลยครับ คนพี่เปิดบ้านรักศิลปะ คนรองเปิดแกลเลอร์รี่ขายภาพวาด คนสุดท้ายออกแบและเย็บตุ๊กตาการ์ตู "โอปอร์เช่" ผลิตขายไม่ทัน เพราะเป็นงานแฮนด์เมด

เช้าไปดูได้ที่บล็อก บ้านรักศิลปะ และ is_handmade ครับ

การทำงานที่เคยทำแล้วเลิกไปผมว่ามันเสียดายและหงอยเหงานะครับ ผมเองยังทำรับจ้างวาดให้ครูซี ๘ แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนระบบใหม่ผมเลยมาเขียนเรื่องสั้นและนิยายต่อ






โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) วันที่: 19 ตุลาคม 2553 เวลา:10:30:01 น.  

 
ลุงครับ

บล็อกเสร็จแล้วนะ ถ้าเข้าชม ผมขอกลอนที่เกี่ยวพันกับอาหารเจนะ ลากเม้าท์ปรู้ดไปที่ด้านล่างได้เลยครับลุงอัจฉริยะ แค่เห็นไข่เจียว มโนภาพก็ผุดพรั่งหลั่งไหล เดี๋ยวก็พิมพ์ไม่ทันแน่ๆ 555


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 20 ตุลาคม 2553 เวลา:12:50:42 น.  

 
บ้านลุงเที่ยวนี้

สาระชีวิตประสบการณ์จากเพื่อนๆเพียบ

เข้ามาอ่านจร้า...การ์ตูนลุงยิ่งดูก็ยิ่งเด็ด

มีความสุขวันนี้นะคะ


โดย: นักล่าน้ำตก IP: 183.89.88.204 วันที่: 22 ตุลาคม 2553 เวลา:9:12:50 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับลุงบูลย์

คุณอิ๊ดยังเล่นบล็อกอยู่หรือเปล่า ไม่ได้ไปหาคุณอิ๊ดเลย ไปหาคุณอิ๊ดดีกว่า


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 22 ตุลาคม 2553 เวลา:10:27:47 น.  

 
อาจารย์ หนูทำบล็อกหน้าใหม่ช่วยไปเจิมหน่อยคะ แต่บอกก่อนห้ามตกใจ เป็นการ์ตูนไทยหัวใจไทยเหมือนเดิม แต่นะนิดหนึ่ง


โดย: seton วันที่: 23 ตุลาคม 2553 เวลา:1:22:20 น.  

 
ไปดูมาแล้ว เยี่ยมครับ
ว่าแต่ทำได้ไง แบบไหน สอนให้บ้างซี ไม่รู้วิธีทำจริง ๆ

การ์ตูนรุ่นลุงนั้น บางรูปผิดสัดผิดส่วน แต่ตอนรีบจะเอาลงหนังสือไม่มีเวลาได้แก้หรอก ผิดจึงเป็นผิดแบบผิดแล้วผิดเลย


โดย: ลุงบุลย์ (pantamuang ) วันที่: 23 ตุลาคม 2553 เวลา:9:05:17 น.  

 
สวัสดีตอนเช้าคะ หนูใช้โปรแกรม CorelDRAW คะ กราฟิกส์เก่งๆบางท่านก็จะใช้ Illustator ซึ่งจะดีกว่าและรองรับการใช้งานร่วมกับโปรแกรม Photoshop ได้มากกว่า ในตลาดก็มีหนังสือIllustator
ให้เราได้ศึกษาเยอะมาก
ส่วนตัวหนูจะชอบโปรแกรมCorelDRAW ส่วนใหญ่แล้วจะศึกษา
ในเน็ตเสียส่วนใหญ่

//www.youtube.com/watch?v=3ugpuqGRgXY
หรือ พิมคำว่า How to CorelDRAW หรือ How to Illustator
ใน Google.com

ส่วนมากจะศึกษาเว็ปของฝรั่งเขาว่าทำยังไง อาศัยทำทุกวัน
หมั่นเรียนรู้ เปิดใจกับเทคนิคใหม่ ๆ ลองทำตาม ฝึกใช้เครื่องมือต่างๆให้คล่อง จำได้ว่าวันแรกที่หัดทำ บอกกับตัวเอง ทำไมไม่ได้
ยังไงก็ทำไม่ได้ แต่ก็พยายามเพราะมันคืออาชีพของเรา
อาจาร์ยลองศึกษาดูนะคะ ถ้าใช้โปรมคล่องแล้วจะจับไม่ปล่อย นั่งทำเป็นวันๆ เลยคะ FIGHTING







โดย: FIGHTING (seton ) วันที่: 23 ตุลาคม 2553 เวลา:9:43:39 น.  

 
สุดยอด อ่านแล้วได้อะไรกับตัวเองขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ สู้ๆ


โดย: PULLPE' วันที่: 5 พฤศจิกายน 2553 เวลา:13:14:17 น.  

 
เยี่ยมเลยค่ะ หนูยั่งวาดเเบบไม่ใช่คนวาด ลุงเก่งมากน่ะค่ะ อ่านเเล้วรู้เรื่องมากค่ะ


โดย: nat IP: 49.230.154.199 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2557 เวลา:15:10:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pantamuang
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




ไม่อยู่อย่างอยาก แต่ยังอยากจะอยู่
อยู่อย่างไม่ลำบาก เวลาที่เหลือน้อยรีบสอยรีบคว้า
ก่อนจะหมดเวลาให้สอย

ดวงดาวบนฟ้าก็สอยได้ ถ้ารู้จักต่อด้ามฝันให้ยาวพอ

ฝันถึงไหนก็ได้ มีสิทธิ์ฝัน แต่จะเป็นจริงหรือไม่ช่างฝัน
เพราะสิ่งที่ฝันคือนวนิยาย..

ชีวิตก็คือนวนิยายเรื่องหนึ่ง ที่เราเป็นผู้เขียนและกำกับ.

เริ่ม 9 กันยายน 2550

Friends' blogs
[Add pantamuang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.