...คิดว่ายังมีความหวัง ตราบที่ยังมีลมหายใจ...
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2550
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
28 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 
ขับรถเที่ยวก่อนเหี่ยวตาย

เรื่องเล่าจากอดีต


รถยนต์กระบะคันแรกในชีวิต เคยถูกชนแต่รอดมาได้

จดหมายฉบับนี้ เคยตีพิมพ์ ในช่อการะเกด ปี ๒๕๔๐

ชื่อเรื่อง ๕ วัน ๑๘๐๐ กิโลเมตรบนเส้นทาง ชุมพร – เชียงใหม่

เขียนวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2540
แต่เพิ่งจะได้ส่ง 6 มีนาคม 2540
เรียน คุณสุชาติสวัสดิ์ศรี

ผมกลับจากเชียงใหม่เช้าวันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ โดยแวะเที่ยวไปเรื่อย ๆ ตามเส้นทางผ่าน ถึงปะทิวคืนวันที่ 9 ก.พ. 2540

การไป เมืองเหนือ ของผมครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตไม่เคยไปมาก่อน เป็นการเดินทางแบบ อิสระเสรี คือ ค่ำไหนนอนนั่น กะไว้ว่าถ้าโรงแรมเต็มหรือแพงเกินไปจะจอดที่ปั๊มน้ำมันแล้วนอนในรถ เพราะรถผมเป็นแวนนอนได้ ผมเดินทางตามแผนที่โดยให้ลูกชายทำหน้าที่กางแผนที่ทางหลวงว่าจากจุดไหนจะไปทางไหน ซ้ายหรือขวา กลับมาแล้วก็ยังติดใจอยากไปอีก

ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยไปเชียงใหม่ ปีที่แล้วผมไปอีสานก็ไปแบบนี้เหมือนกันคือไม่เคยไป ขับรถยนต์ไปกับลูกและหลานไปนอนที่บ้านคุณโชติ ศรีสุวรรณ และบ้านคุณสังคม เภสัชมาลา นักเขียนบัวใหญ่และชัยภูมิแห่งละคืน

ขามาเชียงใหม่ผมออกจากปะทิว 6 โมงเช้า 30 นาที ก่อนออกเดินทางผมใจหาย ๆ หวิว ๆ วิตกกังวล วิตกว่าจะขับรถไหวหรือ? ระยะทางตั้งไกลและจะไปนอนที่ไหน? หน้าตาเชียงใหม่เป็นอย่างไร? ก็ไม่เคยรู้เคยเห็น ดีไม่ดีอาจจะเอาศพไปทิ้งไว้ระหว่างทาง ก็วาดภาพไปต่าง ๆ นานา ใจหนึ่งกลัว แต่ใจหนึ่งอยากลอง...

ถ้าไปมีอุบัติเหตุหรือไปเจ็บป่วยระหว่างทางจะทำอย่างไร ? ลูกชายก็ขับรถไม่แข็ง แต่คิดไปคิดมาจักรยานถีบ สามล้อถีบ จักรยานยนต์ ฯลฯ เขายังถีบจากเชียงรายถึงนราธิวาส จากประเทศไทยถีบไปถึงอเมริกา คนพิการก็เคยนั่งโยกรถผ่านเหนือสุดใต้ วิ่งก็ยังมีคนวิ่งเชียงใหม่ - สุราษฎร์ มาแล้ว เรารถยนต์จะไปกลัวอะไร? หมดแรงที่ไหนนอนนั่นก็แล้วกัน

ว่าแล้วก็ไปซื้อแผนที่ทางหลวงฉบับปี 2540 มา 1 เล่ม จากปะทิวถึง กทม.ไม่มีปัญหาเพราะมาบ่อย แต่ผมไม่เข้ากรุงเทพฯมาทางสุพรรณ กะจะเยี่ยมวงเดือน ทองเจียว นักเขียนที่อู่ทองด้วย

ที่ไหนได้ผมมาถึงอู่ทองบ้านของวงเดือนแค่บ่ายโมงเศษ ๆ เท่านั้น โทร.เข้าไปที่บ้านวงเดือน มีคนรับแต่ไม่ใช่วงเดือน เขาตอบว่า..วงเดือนจะกลับเข้าบ้านตอน 5-6 โมงเย็น แต่ผมยังเหลือระยะทางอีกตั้งไกลและเวลาก็เหลืออีกเกือบครึ่งวัน ตัดสินใจสั่งคนที่รับโทรศัพท์ให้บอกวงเดือนว่าไม่แวะ จากนั้นก็ขับรถมาเรื่อย ๆ

ก่อนออกจากปะทิวผมกดปุ่มวัดระยะทางไว้ที่เลข 0 พอตัวเลขขึ้นเป็น 800 กิโลเมตร นึกไม่ถึงว่าจะมาได้ไกลถึงนครสวรรค์ ถ้าไม่ค่ำเสียก่อนผมคงขับต่อ พอดีผมไม่ค่อยชอบขับรถกลางคืนบนถนนที่ไม่คุ้นเคย วนหาโรงแรมอยู่หลายรอบจึงพบโรงแรม “เป็นหนึ่ง” ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิง ค่าที่พักไม่แพงเมื่อเทียบกับความสะดวกสบาย ผมจึงมีความสุขมากกับการเดินทางมาครั้งนี้

ผมอยากจะมาอีกหลาย ๆ ครั้ง เพราะคราวนี้เคยมารู้จักทางแล้ว จะใช้เวลาประมาณ 10-15 วันลุยให้ทั่วภาคเหนือ ตอนนี้ผมไม่มีความหวั่นกลัวอะไรอีกแล้ว ผมมั่นใจว่าผมสามารถขับรถด้วยตนเองเที่ยวได้ทั่วไทย

ขาออกจากนครสวรรค์มาเชียงใหม่ผมแวะเที่ยวตลอดทาง ตรงไหนน่าแวะก็แวะ ทำให้ได้ภาพถ่ายสวย ๆ ไปเยอะ การไปภาคเหนือหนนี้ผมแปลกใจเมื่อย่างเข้าเขตจังหวัดลำปาง ทำไมตลอดทางในเขตจังหวัดนี้จึงมีร้านขายกระจกรถยนต์ขึ้นป้ายโฆษณาราวกับว่าเป็นสินค้าประจำจังหวัด ซึ่งผมไม่เคยพบที่ใดเป็นแบบนี้มาก่อน นอกนั้นผมยังพบกับอุบัติการณ์ซึ่งเกิดขึ้นซึ่ง ๆ หน้า

รถเก๋งที่วิ่งนำหน้าผมโดนหินซึ่งมาจากไหนไม่รู้กระจกแตกเป็นชิ้นเล็ก ๆ หินก้อนหนึ่งกระเด็นมาโดนรถผมด้วยแต่ไม่โดนกระจกทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า เป็นอุบัติเหตุหรือผลงานแฝงเร้นของธุรกิจขายกระจกรถยนต์ เพราะขึ้นป้ายขายกระจกกันอึกกระทึกครึกโครมสองข้างทาง(ซึ่งที่บ้านอื่นเมืองอื่นไม่มี)

ขากลับพอถึงบริเวณย่านขายกระจกผมจึงต้องระวังมาก โชคดีที่รอดปลอดภัยมาได้ พร้อมกับได้บทเรียนในการมาครั้งต่อ ๆ ไปว่ามาเชียงใหม่ให้เตรียมเงินค่ากระจกรถยนต์มาด้วย เพื่อนนักเขียนที่อยู่แถบนี้โปรดช่วยหาข้อมูลมาบอกเล่าเก้าสิบกันบ้าง

วันที่แรกมาถึงเชียงใหม่ผมมุ่งไปที่ มช. ก่อนอื่น อาศัยที่ลูกชายเคยมา มช. จึงสะดวกในการขับรถไม่สะเปะสะปะ วนหาห้องสมุดที่จัดงานสัมมนาช่อการะเกดอยู่พักใหญ่ โชคดีที่ขับรถยนต์ไปไม่งั้นผมคงต้องยอมแพ้กับการเดินหา เพราะขาผมพิการเดินหาไม่ไหวแน่ เมื่อพบป้ายว่า“ช่อการะเกด” เข้าไปพบแต่พวกสำนักพิมพ์ที่มาขายหนังสือ เดินต่อเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ในห้องสมุด เขาบอกให้ไปที่บ้านอาจารย์เทพศิริ สุขโสภา

หาจนพบซอยวัดอุโมงค์ เข้าไปในซอยมีป้ายติดอยู่หน้าบ้านว่า “ที่พักนักเขียนช่อการะเกด” ผมขับรถเข้าไปจอดในลานบ้าน ลูกชายผมศรัทธาอาจารย์ เทพศิริ มากเพราะเป็นศิลปินพวกเดียวกัน ผมเดินเข้าไปชะโงกมองที่ประตูห้องโถงเห็นเสื่อปูไว้ 2 แถว เป็นแนวยาว มีนักเขียนที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดหลับอยู่ 4-5 คน ไม่กล้ารบกวนจึงมานั่งนอนคอยในรถ

คอยอยู่ประมาณชั่วโมงทราบว่าเจ้าของบ้านไม่อยู่ สักครู่รถของคุณเจน สงสมพันธ์ ก็ขับเข้ามาอีกคัน(รู้ทีหลังว่าเป็นคุณเจน) ในลานบ้านมีรถยนต์กระบะสีแดงกับมีรถตู้จอดอยู่ รถตู้ป้ายมหาสารคามคุณเจนบอกว่าเป็นของคุณไพฑูรย์ ธัญญา ตอนนั้นอยู่ที่เรือนรับรอง กับคุณวัฒน์ วรรลยางศ์กูล แต่ผมไม่กล้าเข้าไปเพราะไม่รู้จะแนะนำตนเองว่าอย่างไรดี เนื่องจากระดับชั้นความเป็นนักเขียนของผมยังห่างไกลกับทั้งสองท่านมาก

ชายหนุ่มร่างสูง(ทราบภายหลังว่าชื่อคุณพินิจ นิลรัตน์)ที่มากับรถคุณเจนเห็นป้าย “ผกายฟ้า ประกาศิต”(ชื่อที่ผมใช้เขียนนวนิยาย) เขาก็ถามขึ้นว่าพี่ ไพบูลย์ พันธ์เมือง ใช่ไหม? ผมดีใจที่มีคนในวงการนักเขียนรู้จัก รีบตอบว่าใช่ครับ แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากเพราะคุณเจนมาสักครู่ก็ขับรถออกไปผมเลยออกไปด้วย

ตอนแรกกะว่ากินข้าวกินปลาเสร็จจะกลับไปที่บ้านอาจารย์เทพศิริอีก แต่ลูกชายมีธุระหาเพื่อนที่ “ไนท์บาซ่า” เป็นเพื่อนศิลปินนักวาดที่เคยเรียนศิลปากรมาด้วยกัน ทำมาหากินอยู่ที่นั่น ส่วนผมวนหาตู้ เอ ที เอ็ม เพื่อกดเงิน ขณะวนหาตู้ เอ ที เอ็ม บังเอิญพบโรงแรมช้างเผือก ลองเข้าไปสอบถามราคาดูเล่น ๆ (เผื่อไม่มีที่พักจะได้พัก)เพราะเขาว่าค่าโรงแรมในเชียงใหม่คืนหนึ่งเป็น 1000 ไม่กล้าขับรถเข้าไป(กลัวแพง)แล้วขับรถออกอายเขา

ตอนเดินเข้าไปลูกชายมองเห็นฝรั่งทั้งนั้นไม่มีคนไทยเลย ลูกชายบอกว่า “ถอยเถอะพ่อ ค่าที่พักคืนหลายพันแน่ ลงว่าฝรั่งเต็มอย่างนี้” แต่พอดีผมเห็นเขาโฆษณาขึ้นป้าย “ลดพิเศษสำหรับสมาชิกคุรุสภา” เข้าไปถามกลายเป็นว่าถูกกว่าโรงแรมที่ผมพักที่นครสวรรค์

ก็ไม่ได้คิดว่าจะพักยังอยากจะกลับไปที่บ้านอาจารย์เทพศิริ แต่ทว่ามัวเสียเวลาเที่ยววนหาไนท์บาซ่าอยู่เป็นชั่วโมง เที่ยวสอบถามหากันจนเหนื่อยกว่าจะพบ พบแล้วหาที่จอดรถยากอีก กว่าจะกินข้าวกินปลาเสร็จผมรู้สึกเพลีย ๆ อยากจะพักผ่อน เพราะเครียดที่ขับรถมาไกลแล้วยังมาวนผิด ๆ ถูกๆ อีก หลงเข้าทางวันเวย์ ตำรวจจะจับเอาก็หลายครั้ง เห็นเหนื่อยนักผมจึงกลับไปที่ “โรงแรมช้างเผือก” อีก

ผมเช่าโรงแรมช้างเผือกนอน 2 คืน คืนวันศุกร์ และเสาร์ ถ้าไปเชียงใหม่อีกผมคงต้องไปพักที่นี่อีก ผมไม่ทราบว่าในเชียงใหม่จะมีโรงแรมไหนอีกที่สะดวกสบาย และอาหารไม่แพง เหมือนที่นี่

ตอนเช้าผมหลับสบายเพลินไปจึงไปถึงที่สัมมนาช่างวรรณกรรมเอาเมื่อเวลา 10 โมง เขาบรรยายกันไปชั่วโมงหนึ่งแล้ว ขอขอบพระคุณคุณสุชาติและคุณเรืองเดช ที่ให้ความเป็นกันเองกับผม เพราะนอกจากคุณทั้งสองก็มีนักเขียนอีก 2-3 คน ที่เข้ามาทักทายพูดคุยด้วยเช่น คุณโดม วุฒิชัย , คุณเปลว คุณยศยิ่ง(นักกลอน) และนักเขียนภาพปก ทองทัช เทพารักษ์ (รู้จักโดยการแนะนำของคุณสุชาติ)

นอกนั้นผมไม่กล้าทักทายใคร เพราะเขาเป็นนักเขียนระดับซีไรท์ ระดับรางวัลใหญ่ ๆ กันทั้งนั้น ผมไม่กล้าไปตีสนิท


เปลว คุณยศยิ่ง ทองธัช เทพารักษ์ ไพบูลย์พันธ์เมือง

วันนั้นพอออกจาก ม.ช. ลูกชายชวนขับรถขึ้นดอยสุเทพ ขึ้นไปจนถึงหมู่บ้านแม้วที่ดอยปุย เลยได้ทั้งภาพและวัตถุดิบมามากมาย

ผมกลับลงจากดอยปุยและภูพิงค์มืด จึงหาอาหารกินก่อนแล้วค่อยไปวนหาที่สังสรรค์นักเขียน เอาอีกแล้วผมหาไม่พบอีก เกือบจะกลับไปนอนที่โรงแรมอยู่แล้ว พอดีพบป้ายชื่อ “ข่วงลานเดือนเด่นฟ้า” ตอนประมาณสองทุ่มกว่า จอดรถไว้ริมถนนแล้วเข้าไป เห็นนักเขียนนั่งกับพื้น(คงจะมีเลี้ยงแบบขันโตก) แต่ผมหมดสิทธิ์ถ้าเจองานประเภทนี้เพราะขาเสียนั่งพับขาไม่ได้ นั่งเก้าอี้ได้อย่างเดียว เลยเลี่ยงไปหาบริเวณที่มีม้าหิน

ก็ไปนั่งคุยกับคุณเจน สงสมพันธ์ และคุณวีระศักดิ์ ยอดระบำ นอกนั้นก็มีคุณไพลิน รุ้งรัตน์ หรือคุณชมัยพร แสงกระจ่าง ได้คุยกันไม่กี่คำ งานนี้ผมแปลกแยกเพราะความจำเป็นในด้านสังขาร หวังว่าโอกาสหน้า(หากมีโอกาสอีก) ผมคงจะได้สนทนาคบคุ้นกับนักเขียนที่ยังไม่เคยคุ้นกันได้มากกว่านี้แม้จะไม่ใช่ที่เชียงใหม่ ถ้าไปทางใต้ผมยินดีต้อนรับนักเขียนทุกคนขอให้ไปถึงบ้าน แต่ผมค่อนข้างจะมีปัญหาเมื่อพบกันที่อื่นเพราะผมไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี

ขากลับผมแวะเที่ยวตลอดทาง แวะลำพูน ลำปาง เขื่อนภูมิพล เกือบจะนอนที่เขื่อนเพื่อให้ลูกชายวาดภาพ (ถ้าไม่ห่วงว่าลาโรงเรียนมาแค่ 3 วัน พุธ-ศุกร์) ผมแวะหาสถานที่จะให้ลูกชายวาดภาพสีน้ำมันแต่ไม่มีที่ที่ถูกใจเลย แวะเข้าป่าข้างทางที่“แค้มป์แม่วัง”ก็พบแต่ความแห้งแล้ง เชียงใหม่ตอนนั้นก็เริ่มแห้ง มีเขียวสดอยู่ก็ที่ดอยสุเทพ ภูพิงค์

จากเชียงใหม่ผมมานอนที่ตาก เช้าประมาณ 8 โมง จึงออกจากตากมานครสวรรค์ ผมแวะร้านขายหนังสือชื่อ“เมืองหนังสือ”ที่อำเภอพยุหะคีรี ซึ่งมีเนื้อที่เป็นไร่ ๆ ขายแต่หนังสืออย่างเดียว มีหนังสือเก่าราคาถูก ๆ วางเกลื่อน เล่มละ 100 บาท เหลือ 10 บาทเสียเวลาอยู่ที่นี่กว่าชั่วโมง ผมว่าถ้าหนังสือทุกเล่มที่พิมพ์ ออกมามีโอกาสได้วางขายตลอดปีหนังสือทุกเล่มจะขายได้มากกว่าที่เป็นอยู่ วันนั้นผมจึงซื้อหนังสือเก่ามาหอบใหญ่

เพื่อลัดให้ลัดระยะทางและเวลาตอนขากลับผมตัดเข้าอุทัยธานี เข้าห้วยคตไปออกท่าม่วงกาญจนบุรี ออกถนนเอเซีย 4 ที่ราชบุรี กะจะนอนที่เพชรแต่กลัว สตรอเบอรี่ ที่เพื่อนฝากซื้อจากเชียงใหม่จะเน่าเลยบึ่งต่อ พอดีถนนสายเอเซีย 4 ผมคุ้นเคยจึงไปถึงปะทิวเวลา 5 ทุ่ม 45 นาที

ผมขอจบรายงานการเดินทางไว้แค่ 4 หน้ากระดาษ LETTER ของเครื่องคอมพิวเตอร์ อ้อ- วันนั้นผมกะจะไปคารวะทักทายคุณ“ศรีดาวเรือง”ด้วย ดูเหมือนผมจะเห็นคุณศรีดาวเรืองตอนผมกำลังจะเดินเข้าห้องประชุม อยากจะไปคารวะ แต่พอผมออกมาตอนพักเที่ยงไม่ทราบว่าคุณแกไปไหนเสียแล้ว ต้องขออภัยไว้ตรงนี้ด้วย
ด้วยความนับถือยิ่ง

(ไพบูลย์ พันธ์เมือง)



Create Date : 28 สิงหาคม 2550
Last Update : 28 สิงหาคม 2550 20:42:28 น. 11 comments
Counter : 1937 Pageviews.

 
เอาเรื่องเก่า ๆ มาโพสต์ เพื่อเล่าจุดเริ่มต้นในการออกท่องเที่ยวโดยรถยนต์ ขับเอง ซึ่งน่าจะเป็นที่สนใจกว่านิยาย การ์ตูนและบทกวี

ตอนนี้นิยายยกไปให้คุณแม่น้องนิกจัดการ ก่อนส่งโรงพิมพ์ เพราะถูกผู้หวังดีที่อยากอ่านเตือนมาแล้ว

เรื่องท่องเที่ยวจะมีมาลงเรื่อย ๆ บางเรื่องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายแต่ไม่ตาย และไม่เข็ดหลาบ


โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:20:47:52 น.  

 
แม้จะเคยอ่านแล้ว
ก็ยังอ่านอีกค่ะ
คืนนี้ไม่คุยยาว
หนอนฯ มีงานรอทำอยู่ค่ะ

หวังว่าอาบูลย์คงสบายอกสบายใจ
เตรียมปั่นงานเขียนเต็มที่แล้ว
(ฮะ ฮ่า แต่ต้องทำงานที่ทำให้ไส้ตึงเสร็จก่อนนะ)


โดย: หนอนเมืองกรุงฯ IP: 58.9.169.149 วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:23:16:38 น.  

 
สวัสดีค่ะลุง

มาทักทายแล้วคงจะหายไปอีก.. ภารกิจ และหน้าที่ สาหัสจริงๆ.. นัดส่งบัญชีวันศุกร์นี้ ไม่รู้จะทันไหม..

งานหน้าร้าน งานบ้าน งานครัว สุมที่ข้าพเจ้าคนเดียว ไม่รู้จะรอดพรรษานี้ไปไหม..เฮ้อ...

แล้วก็มี 13-14-15 ชมรมคาทอลิคเขาเปิดอบรมเกี่ยวกับสื่อสารมวลชน ไม่ว่าจะเป็นการเขียนข่าว..เทคนิคการถ่ายภาพฯ ก็คงจะไปกับเขาอีก.. (ที่สุราษฎร์ฯ)

เก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่เราไม่ได้เรียนในห้องเหมือนคนอื่นๆ เขา เผื่อว่าวันหนึ่งจะนำมาใช้ให้ได้ประโยชน์อย่างมากที่สุดน่ะค่ะ

รายงานตัวแบบเดียวกันกับบล็อกพี่โดม เพราะก็อบกันมาเกือบทั้งหมด.. ฮี่ฮี่..

อ่านข่าวรึยังคะ.. พี่หมี่เป็ดได้ซีไรต์นะ.. โลกในดวงตาของข้าพเจ้า..

ก็ว่ากันไป..


โดย: สีน้ำฟ้า วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:2:13:04 น.  

 

ลุงบูลย์

มาแปะชื่อไว้ก่อนค่ะ เดี๋ยวค่อยมา Print เอาไปอ่าน แบบว่า ยุ่งเหมือนกัน ชะแว๊บก่อนนะคะ


โดย: หทัยชนก (Nok_Noah ) วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:8:12:36 น.  

 
ลุงบูลย์คะ แม่หมอหนอนฯ บอกใช้ความเย็นประคบ หนูพอหายเดี้ยงบ้างแล้วล่ะเนี่ย ดีใจเลิกกลัวตายได้หน่อย

ปกติหนูไม่ค่อยเป็นอะไรไงลุง เป็นทีกลัวตายเอามากๆ
กลัวตายไม่ได้เห็นลูกเรียนจบ กลัวตายทิ้งสมบัติให้เมียใหม่อีตาสามีน่ะลุง..

งกซะเกือบตายเนาะ..

สาธุบารมีแม่หมอหนอนฯ มีความเชี่ยวชาญทุกด้านจริงๆ
ถ้าไม่ไปบ่นใส่บล๊อกพี่เขา หนูคงเดี้ยงไปอีกหลายวัน
งานลุงคงไม่ต้องทำกันล่ะ อุตส่าห์มีใจฮึกเหิมนะเนี่ย
นึกว่าตัวเองไม่มีวาสนาได้ทำให้ลุงซะแล้ว


โดย: แม่น้องนิก IP: 4.232.96.182 วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:11:50:46 น.  

 
เพิ่งรู้ (คุณ)ยัยหนอน เป็นหมอไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เอลุงเองกลับไปแนะนำแบบไสยศาสตร์เสียฉิบ มิน่าถึงเขียนเรื่องไสยศาสตร์ ไสยเวช...

สวัสดีหลานหทัยชนก

มาเสมอน่านับถือจริง ๆ ระวังนะ ลุงเข้าไปที่ไหน เห็นแต่ชื่อ นก โนอาฮ์ กับ หทัยชนก ระวังจะกลายเป็นหทัยประชา และถ้าเป็นเมื่อไรรีบลงสมัคร สส.สมัยหน้า และถ้าเขายังให้เลือกแบบ ปาตี้ลิสต์(หรือเปล่านะ ที่คนต่างจังหวัดก็เลือกพรรคนั้น ๆ ได้) ลุงจะเลือกหลานนก หทัยประชา ฮ่า ๆ

ตั้งชื่อให้ใหม่ซะเลย แต่ถ้าหลานนก หทัยประชา ได้เป็น สส.จริง สภาอาจจะปั่นป่วน เพราะบรรดา สส. ทั้งศีรษะงูและศีณษะพญานาค พากันมองมาแต่ที่หลานนก จนลืมเรื่องที่อภิปราย ฮ่า ๆ ๆ

ดูจากรูปในบล็อกน่ะ...

สวัสดีหนอนเป็นคนสุดท้าย หมั่นตรวจอีเมล์ด้วยนะ หมู่นี้มีเรื่องท็อปซีเคร็ท ต้องปรึกษาบ่อย


โดย: ลุงบูลย์ IP: 125.27.234.85 วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:12:51:39 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณลุงไพบูลย์ เข้ามาดูหลายครั้งแล้วแต่ไม่ได้โพตส์ข้อความ วันนี้ถือว่าเป็นกฤษดีนะคะ ตอนนี้สบายดีไหมคะ เพราะว่าไม่ได้ติดต่อกันนานพอสมควร หนังสือวรรณกรรมสุขภาพของลุงขายดีมากค่ะ ตอนนี้จะหมดแล้วคนขอกันเยอะมากค่ะ และก็อยากแจ้งข่าวค่ะ พอดีทางแพร่ซึ่งเป็นพื้นที่งานวิจัยของอีกโครงการเขามีเวบอบร์ดเหมือนกันเลยเอามาให้เผื่ออยากเข้าไปทักทายค่ะ
//www.bbznet.com/scripts/board.php?user=nssphrae&board=3&order=numtopic
วันหลังจะเข้ามาทักทายอีกนะคะ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ


โดย: นู๋ ปู IP: 124.121.31.204 วันที่: 6 กันยายน 2550 เวลา:11:22:55 น.  

 
สวัสดีค่ะ..ลุงบูลย์

เมื่อกี่หนูเข้าไปเว็ปของลุงอีกเว็ปหนึ่ง ว่าแต่ว่าลุงปิดไปแล้วเหรอคะ..เพราะอะไรคะลุง

ลุงออกจะมีแขกมาเยี่ยมมาเยือน เยอะแยะออก..น่าเสียดายนะคะ

แต่จะว่าไปแล้ว ทำบล็อกเดี๋ยวก็ดีเหมือนกัน ลุงไม่ต้องเหนื่อย เหมือนคนมีหลายบ้านวิ่งไปบ้านโน้น ออกบ้านนี้
เผลอชนกันอีก..

ลุงดูแลสุขภาพตัวเองนะคะ พักผ่อนเยอะๆทานมากๆ
คิดถึงและเป็นห่วงเสมอค่ะ

แม้ลุงจะจำหนูไม่ได้ก็เหอะ.....


โดย: นัยนา IP: 61.7.173.37 วันที่: 6 กันยายน 2550 เวลา:13:06:38 น.  

 
สวัสดี คุณปู
ลุงไม่ได้ตอบเสียนาน ลืมมองไปว่า เวบมาสเตอร์แจมมาลิงค์ไว้กับเวบไซต์ ดีใจที่พ็อกเก็ตบุ๊ค "โจรปล้นหมอ" ขายดี ที่ชุมพรนี่ก็ชมกันมาก

สวัสดี นัยนา
ถ้าบอกอย่างนี้จำได้ ทำไมจะจำไม่ได้ แต่คราวที่แล้วดูเหมือนจะบอกชื่อผิดมา ลุงยังไม่ฟั่นเฟือนหรอก เวบบล็อกลุงตอนนี้ไว้รับขาจร ส่วนขาประจำเขาไปเมาท์กับคนดังหนุกกว่า ไม่ว่ากัน ฮ่า ๆ


โดย: ลุงบูลย์ IP: 125.27.232.197 วันที่: 31 ตุลาคม 2550 เวลา:8:31:16 น.  

 
หายหน้าหายตาไปเป็นหลายปี มีโอกาสผ่านมาเจอ สวัสดีปีใหม่ครับลุงบูลย์ วันหยุดยาวๆเมื่อไรผมจะเที่ยวท่องไปตามที่ต่างๆบางครั้งก็ติดรถน้องๆเขาไปเที่ยว ส่วนใหญ่เร่ร่อนไปนอนเตนท์ตามยอดดอย(ทั้งที่แข้งขาก็ไม่ค่อยดี) อยากจะส่งรูปสวยๆแปลกๆมาให้แต่จนใจไม่รู้จะทำฉันใด ช่วงที่ผ่านมาได้ไป เชียงตุง เมืองลา แม่ฮ่องสอน เมืองปาย ดอยผ้าห่มปก(อันดับ 2 รองจากอินทนนท์) อุทยานแจ้ซ้อน ลำปางฯลฯ


โดย: เปลว คุณยศยิ่ง IP: 203.172.144.186 วันที่: 2 มกราคม 2551 เวลา:15:28:18 น.  

 
สวัสดีคุณเปลว
หายไปนานมาก นึกว่าโกรธผมเรื่องไรเสียอีก สวัสดีปีใหม่ครับ

ระยะนี้ผมหมดความสามารถในการขับรถทางไกลแล้ว ใจจริงยังขับได้ แต่เหนื่อยและค่ำ ๆ มืด ๆ ยิ่งไม่กล้า ที่สำคัญไม่กล้าไปถ้าไม่มีใครนั่งไปด้วย
สายตาของผมหลอกหลอนตัวเองมาก อาสจเกิดเหตุอันตรายได้ถ้ายังขืนขับทางไกล


โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) วันที่: 11 มกราคม 2551 เวลา:9:26:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pantamuang
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




ไม่อยู่อย่างอยาก แต่ยังอยากจะอยู่
อยู่อย่างไม่ลำบาก เวลาที่เหลือน้อยรีบสอยรีบคว้า
ก่อนจะหมดเวลาให้สอย

ดวงดาวบนฟ้าก็สอยได้ ถ้ารู้จักต่อด้ามฝันให้ยาวพอ

ฝันถึงไหนก็ได้ มีสิทธิ์ฝัน แต่จะเป็นจริงหรือไม่ช่างฝัน
เพราะสิ่งที่ฝันคือนวนิยาย..

ชีวิตก็คือนวนิยายเรื่องหนึ่ง ที่เราเป็นผู้เขียนและกำกับ.

เริ่ม 9 กันยายน 2550

Friends' blogs
[Add pantamuang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.