...คิดว่ายังมีความหวัง ตราบที่ยังมีลมหายใจ...
Group Blog
 
<<
มกราคม 2554
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
3 มกราคม 2554
 
All Blogs
 

แม่ทองร่อน

ตอนที่ ๖
แม่ทองร่อน

เรื่อง คุณครูสุนีย์ จุนเจือ
โรงเรียนวัดหาดพันไกร อำเภอเมือง ชุมพร


ภาพ คุณครูกิตติพงศ์ พันธ์เมือง อู๊ดอาร์ทแกลเลอร์รี่ แหลมพันวา ภูเก็ต

สีมาเหลือบดูนาฬิกา เวลาเพิ่งจะ ๑๐ โมง เธอเองก็อยากจะฟังเรื่องที่คุณตาของเธอเล่า เพราะเป็นความรู้ใหม่ที่เธอไม่ค่อยจะได้ฟังเท่าใดนัก และที่ผ่าน ๆ มาเธอก็ไม่เคยมีโอกาส เพราะไม่เคยมีใครสนใจมาขอให้คุณตาเล่าให้ฟัง เธอจึงอยากจะฟัง สีมาจึงพูดว่า


“ฟังต่อนะโส วันนี้เราเพิ่งได้ฟังเรื่องเดียวเอง ตอนฟังประวัติศาสตร์เมืองชุมพรเราเกือบหลับ แต่ถ้าจะให้สนุกฟังได้ไม่หลับต้องเรื่องแม่ทองร่อน เรื่องบ้านสามแก้ว บางคนว่าสามแก้วเคยเป็นเมืองโบราณของชุมพร เพราะขุดได้ทองคำ ลูกปัด และของมีค่าต่าง ๆ มากมาย จนปัจจุบันก็ยังขุดได้อยู่”



“ข้อนี้ต้องแล้วแต่เธอกับคุณตา เธอเป็นเจ้าของบ้านฉันเป็นแขกมาเยี่ยม ถ้าหากว่าไม่เป็นการรบกวนคุณตามากเกินไป ฉันก็อยากจะฟังทุก ๆ เรื่อง ตะกี๊เรื่องประวัติศาสตร์เมืองชุมพรฉันก็ฟังโดยไม่รู้สึกง่วงหรือหลับ วิธีที่จะไม่ให้ง่วงหรือหลับ เธอลองเอาสมุดมาจนบันทึกอย่างที่ฉันกำลังทำซี”
“จะรีบไปไหนเล่าหลานโสภี” คุณยายสะอาดพูดมาจากในครัว “เดี๋ยวกินข้าวเที่ยงด้วยกัน ยายจะทำกับข้าว “ผัดหอยราก” พอดีหลานที่ทำงานเป็นพนักงานอยู่ที่โรงแรมชุมพรคาบาน่า นำทั้งหอยรากแล้วก็ “ข้าวเหลืองปะทิว” มาให้ ตอนนี้ยายกำลังหุงอยู่ ประเดี๋ยวได้กินร้อน ๆ”


“ขอบคุณค่ะยาย แหมขอบคุณมาก ๆ ตกลงนี่หลานไม่ได้มารบกวนตาอย่างเดียว แต่รบกวนยายด้วย ยายจะให้หนูช่วยอะไรมั่งคะ”
“ไม่ต้องกังวลหรอกหลาน หอยรากเขาผัดทั้งเปลือก ไม่ได้ปอกเปลือกอย่างหอยแครงหรือหอยแมลงพู่ ทำแป๊บเดียวก็เสร็จ” คุณตาเกื้อบุญพูดมาอีกคน


ขณะที่โสภีเพิ่งจะมารู้จักหอยรากเอาที่ชุมพรเป็นครั้งแรก โดยเพื่อนบ้านนำมาให้และสอนให้แม่ของเธอผัดด้วยน้ำมันพืช ใส่ใบกะเพราะและพริกสด รสชาติอร่อยมาก แต่หอยรากมีเนื้อน้อย ลักษณะคล้ายหอยแมลงพู่ แต่เปลือกบางมีสองฝาประกบกัน มีรากงอกออกมาดูเผิน ๆ คล้ายลูกเหรียง บางคนเลยเรียกลูกเหรียงทะเล เวลารับประทานใช้ปากกัดดูดเนื้อหอยและใช้ลิ้นดุนเปลือกออกทิ้ง




คุณตาเกื้อบุญจึงเริ่มต้นเล่าเรื่อง “เมืองสามแก้วและแม่ทองร่อน” ว่า
“ที่ตำบลนาชะอัง มีภูเขาลูกหนึ่งซึ่งไม่สูงมากชื่อเขาสามแก้ว ในอดีตเคยเป็นชุมชนหรือเมืองโบราณก่อนจะมีเมืองชุมพร ที่หน้าภูเขาเป็นอ่าวมีเรือเข้ามาจอดเทียบท่า เรื่องเล่าว่า มีเศรษฐีเมืองสามแก้วคนหนึ่งชื่อใดไม่ปรากฏ แต่มีลูกสาวชื่อ "แม่ทองร่อน" แม่ทองร่อนสวยมากจึงมีคนอยากจะได้ไปเป็นภรรยา แต่คนที่จะมาสู่ขอแม่ทองร่อนเป็นภรรยานั้นมีอยู่ ๓ คน คือผู้ชายสามัญชนคนธรรมดาคนหนึ่ง ส่วนอีก ๒ คนคือเศรษฐีชาวนากับเศรษฐีพ่อค้าเรือสำเภา


เศรษฐีชาวนาคงจะมีนามากจึงได้ชื่อว่าเป็นเศรษฐี เศรษฐีคนนี้มีบ้านและนาไร่อยู่ที่คลองหวายฝาด(อยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองชุมพรปัจจุบัน) ส่วนเศรษฐีสำเภาเป็นชาวต่างเมือง ทั้ง ๓ คนมาชอบพอแม่ทองร่อน และมาสู่ขอแม่ทองร่อนในวันเดียวกัน เวลาเดียวกัน พ่อแม่ของแม่ทองร่อนก็ต้อนรับขับสู้และรับขันหมากทั้ง ๓ คน แต่การตัดสินใจจะเอาใครยกให้เป็นหน้าที่ของแม่ทองร่อน


แม่ทองร่อนกลุ้มใจไม่รู้จะเลือกใครจึงถามชายทั้ง ๓ คนว่า ถ้าเธอตายลงตอนนี้ ทั้ง ๓ คนจะทำอย่างไร ชายสามัญชนตอบว่า เขาจะกระโดดเข้ากองไฟตายตามแม่ทองร่อนไปเพื่อครองคู่กันในปรโลก ส่วนเศรษฐีทั้ง ๒ บอกว่าเขาจะตกแต่งโลงศพแม่ทองร่อนด้วยเพชร พลอย ทองคำ และอัญมณีที่มีค่าราคาแพงที่สุดและให้สวยงามที่สุด แม่ทองร่อนจึงกลั้นใจตาย


เศรษฐีทั้งสองจึงทำที่พูดไว้คือตกแต่งโลงศพแม่ทองร่อนด้วยเพชรพลอย ทองคำ อัญมณีที่สวยงามและมีราคาแพงที่สุด แต่สำหรับชายสามัญชนคนยากจน เมื่อกำลังเผาศพแม่ทองร่อนได้กระโดดเข้ากองไฟตายด้วย


(ภาพข้างบนฝีมือลุงบูลย์-ครูอู๊ดวาดมาไม่ครบ)


เศรษฐีชาวนาคลองหวายฝาด และเศรษฐีเรือสำเภาจึงเก็บกระดูกไปคนละ ๒ ชิ้น แล้วรีบนำไปให้พระฤาษีที่เขานาชะอังให้พระฤาษีชุบชีวิตของแม่ทองร่อนขึ้นใหม่ พระฤาษีนำกระดูกไปทำพิธีชุบชีวิตที่บนเขาแห่งหนึ่งหลังสถานีรถไฟหนองเนียน แต่เพราะกระดูกของแม่ทองร่อนกับกระทาชายปะปนกันอยู่ไม่รู้ของใครเป็นของใคร เศรษฐีทั้งสองได้หยิบเอากระดูกของชายคนจนปะปนไปด้วย เมื่อพระฤาษีชุบขึ้นมา นอกจากแม่ทองร่อน ชายคนจนก็คืนชีวิตขึ้นมาด้วย ทำให้กลายเป็นปัญหารักสามเส้าขึ้นมาอีก เศรษฐีทั้งสองโกรธพระฤาษีมาก จึงไล่ทุบตีพระฤาษีหาว่ากลั่นแกล้ง


พระฤาษีตกใจวิ่งหนีลงจากเขาดินไถลลื่นเป็นทางปรากฏอยู่บนเขา ภาษาใต้เรียกอาการไถลลื่นว่า "หราด" เขาลูกนั้นจึงชื่อว่า "เขาหราด" มาจนปัจจุบัน และรอยไถลลื่นเป็นทางหรือ "หราด" นั้นก็เห็นอยู่
เมื่อแม่ทองร่อนฟื้นขึ้นก็บอกให้เศรษฐีเรือสำเภารอ เพื่อนางจะพิจารณาตัดสินใจว่า ควรจะเลือกใครเป็นคู่ชีวิต ใครคือผู้ที่รักนางมากที่สุด เศรษฐีสำเภาจึงไปรออยู่ ณ ที่ที่ปัจจุบันเรียกกันว่า "บ้านหูรอ"






ในที่สุดแม่ทองร่อนก็พิจารณาว่ากระทาชายคนจน ที่กระโดดเข้ากองไฟตายตามนางเป็นผู้ที่รักนางมากที่สุด จึงไปอยู่กินกับกระทาชายนายคนจน ทำให้เศรษฐีชาวนากับเศรษฐีเรือสำเภา กลายเป็น "ลงเรือสำเภาลำเดียวกัน" พาเรือแล่นออกไปที่ทุ่งวัวแล่นและเรือได้จมลงในทะเล
ชื่อบ้านนามเมืองเกี่ยวกับนิทานเรื่องนี้ มีหลายสถานที่ เช่น
อู่ตะเภา เป็นสถานที่เศรษฐีคนที่หนึ่งนำเรือสำเภาบรรทุกเพชรนิลจินดาที่ใช้ตกแต่งหีบ ศพ บรรดาสิ่งของมีค่าดังกล่าวมาจอด และทรัพย์สินนั้นมีจำนวนมหาศาล จึงตกหล่นหายไปตามพื้นดิน พื้นน้ำ ภายหลังชาวบ้านมักขุดค้นพบตามเชิงเขาตะเภา


บ่อน้ำข้าว เป็นสถานที่เศรษฐีคนที่สองจัดหุงข้าวเลี้ยงแขกเหรื่อในวันมาสู่ขอนางทองร่อน
เขาซอกโศก เป็นสถานที่นางทองร่อนนั่งโศกเศร้า ไม่ทราบว่าจะตัดสินใจเลือกชายใด




บ้านหูรอ เป็นสถานที่เศรษฐีหนุ่มคนที่หนึ่งและคนที่สองไปนั่งรอฟังคำตอบจากนางทองร่อนว่าจะตกลงปลงใจอย่างไร คราวนี้จบแล้วนะ ตาว่าเราไปกินข้าวผัดหอยรากกันเถอะ เสียงยายเรียกแล้ว” คุณตาเกื้อบุญพูด


บ้านหูรอและอ่าวพนังตัก
“เอ้า กินข้าวกันอิ่มแล้ว พวกเธออยากจะฟังเรื่องเล่าจากตำนานต่ออีกไหมล่ะ เรื่องจากตำนานเก่า ๆ นี่ตาถนัดนักละ” คุณตาเกื้อบุญพูดอย่างคนอารมณ์ดี


“เล่าเลยคะ ๆ กำลังสนุกจากเรื่องแม่ทองร่อนอยู่พอดี สีจะเอาไปเล่าให้เพื่อนๆ ที่โรงเรียนฟังต่อ เรื่องต่อไปตามใจตาก็แล้วกัน” สีมาหลานของคุณตาเกื้อบุญพูดเอง
“งั้นเอางี้ จากตำนานเรื่องนางทองร่อน ขอต่อด้วยตำนานอ่าวพนังตักและบ้านหูรออีกสำนวนหนึ่ง สถานที่ทั้งสองนี้อยู่ในเขตอำเภอเมือง เรื่องมีว่า



“หญิงสาวชื่อนางตักกำพร้าพ่อแม่ นางมีความสัมพันธ์กับทหารนายหนึ่งซึ่งเป็นชาวปะทิว นางรอคอยคนรักอยู่นานปี เมื่อเห็นไร้วี่แวว นางจึงเดินทางรอนแรมไปพบฤาษีตนหนึ่งและขอความช่วยเหลือ ฤาษีแนะนำนางตักว่าให้ไปถือศีลภาวนาที่เกาะพร้าว พร้อมกับตั้งสัตย์อธิษฐานให้คนรักเดินทางไปพบนางที่เกาะดังกล่าว



ทุกวันนางเฝ้ามองเรือที่ผ่านมาในอ่าวและคอยเอาหูฟังเสียงเรือ ครั้นนานวันมีผู้คนเดินทางมาอาศัยที่เกาะพร้าวมากขึ้น และปรากฏว่าฤาษีตนนั้นและนางตักหายสาบสูญไป มีเพียงชื่ออ่าวว่า "อ่าวนางตัก" ต่อมาเสียงเพี้ยนเป็น "อ่าวพนังตัก" ส่วนหมู่บ้านที่ตั้งใหม่มีชื่อว่า "บ้านหูรอ" มาจนทุกวันนี้



“เรื่องนี้สั้นนิดเดียว ฟังไม่ทันสนุกจบแล้ว งั้นเอาอีก ๆ คะตา” สีมาพูด



วัดพระขวาง
“งั้นเอาเรื่องพระกินคนที่วัดพระขวาง เรื่องนี้สนุกแน่ๆ” คุณตาเกื้อบุญพูด ส่วนโสภีตั้งหน้าตั้งตาจดบันทึกอย่างเดียว ตรงไหนสนุกก็ยิ้ม ตรงไหนตลกก็หัวเราะ คุณตาจึงเล่าว่า


“วัดพระขวางเป็นวัดที่ตั้งอยู่ ณ ตำบลขุนกระทิง อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร มีพระพุทธรูปปางมาริชัยประดิษฐานอยู่ ตามตำนานที่เล่าสืบต่อกันมา คือ พระพุทธรูปองค์นี้ลอยตามน้ำมาจากเขมรมาติดขวางอยู่หน้าวัดร้าง ที่เป็นวัดพระขวางเดี๋ยวนี้นี่แหละ ชาวบ้านจึงใช้เชือกลากเพื่อนำไปไว้ในวัดแต่ลากไม่ขึ้น ทำอย่างไรก็ไม่ขึ้น



“ตกกลางคืนพระองค์นี้ได้ไปเข้าฝันชาวบ้านว่าให้สร้างที่อยู่ให้เรียบร้อยและเอาสายสิญจน์เจ็ดเส้นพันรอบองค์พระแล้วจะขึ้นมาเอง วันรุ่งขึ้นจึงมีการปฏิบัติตามและสามารถนำพระขึ้นมาประดิษฐานได้ จึงมีการขนานนามพระพุทธรูปองค์นี้ว่า "พระขวาง" และเป็นที่มาของชื่อวัดด้วย
“เมื่อพระขวางเป็นพระพุทธรูปประจำวัดแล้ว ก็ปรากฎเหตุการณ์ประหลาด คือ พระและสามเณรในวัดค่อย ๆ หายไปทีละรูปสองรูป สร้างความประหลาดใจให้แก่ชาวบ้านและพระภิกษุในวัดเป็นอย่างยิ่ง


“จนตกกลางคืน ๆ หนึ่งมีชาวบ้านมาแอบดูพระพุทธรูปองค์นี้ และพบเห็นพระกินเด็กและสามเณร จึงนำความไปแจ้งต่อเจ้าอาวาส เจ้าอาวาสจึงใช้ยันต์ปิดไว้และได้นำ "ปรอท" ซึ่งบรรจุอยู่ในองค์พระออก นับแต่นั้นเป็นต้นมา ก็ไม่ปรากฏว่ามีใครหายไปอีกเลย


“อย่างไรก็ตาม "พระขวาง" ยังคงเป็นพระพุทธรูปสำคัญองค์หนึ่งของจังหวัดชุมพร ในฐานะที่เป็นสัญญลักษณ์แทนพระพุทธเจ้า ซึ่งทุกปีจะมีการทำบุญปิดทองและเทศน์มหาชาติเป็นประจำที่วัดพระขวาง


หมายเหตุ ภาพในหน้านี้มีทั้งหมด ๙ รูป ไม่นับภาพซ้ำ ๑ ภาพ มีฝีมือลุงบูลย์อยู่ ๔ ภาพ เพราะครูอู๊ดวาดให้ลูกค้าไม่ทัน ถามว่าภาพใดที่เป็นฝีมือลุงบูลย์ ตอบถูกมีรางวัลเมนท์กลอนให้ถึงบล็อก ๑ บท




 

Create Date : 03 มกราคม 2554
30 comments
Last Update : 3 มกราคม 2554 13:12:55 น.
Counter : 14511 Pageviews.

 

สวัสดีปีใหม่อีกครั้งครับลุงบูลย์

กลอนที่นำไปฝากในบล็อก ความหมายดีมากครับ

วันนี้มาอ่านเรื่อง รวดเดียวจบเลย แหม..สงสัยผมต้องตั้งชื่อสวนยางบนเขาที่บางเนียงว่า "เขาหราด" บ้างแล้วละ เพราะจำได้ว่าเคยเดินเก็บยาง หิ้วน้ำยางลงเขา ไปเรื่อยๆตามร่องยางที่เป็นเนิน

แล้ว "หราด" ใบยางแห้ง ป้าดเดียวน้ำยางหกหมดทั้งถังเลย ถ้าเป็นสมัยนี้คงนั่งร้องไห้ซิกๆ เพราะว่ายางพาราราคาแพงมากนะสิครับ

ปีใหม่..สุขภาพแข็งแรงนะครับคุณครู

 

โดย: ปลายแป้นพิมพ์ 3 มกราคม 2554 13:41:01 น.  

 

สายัณห์สวัสดีปีใหม่ค่ะลุงูบลย์
+==========================+

ขอบพระคุณมากค่ะ
สำหรับ "บทกวีอวยพรปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๔" ณ บ้านนอก

ไม่พูดพล่ามฮัมเพลงขอทำนายทายทัก อะกึ๊ย!
ขอเล่นเกมส์ทายภาพ "ฝีมือวาดรูปของครูบูลย์" ดังนี้

แอน

แอ่น

แอ้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

ภาพที่ 3, 7, 8, 9 ค่ะ


สาวฯ ยังไม่อ่านเอาเรื่อง
ขอเล่นเกมส์เอารางวัล(บทกลอน) ก่อนนะค๊า อะคึ่ ๆ


ปล. Fw mail ที่ลุงบูลย์ส่งต่อให้อ่าน
อุบัติเหตุรถเก่งเฉียวชนรถตู้บนทางด่วน... (ข่าวในทีวี)
คนขับรถเก่ง (ลูกนายตำรวจ)
เข้าข่าย "อาญชญากร" ที่ต้องชดใช้กรรมในชาตินี้ค่ะ

 

โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น 3 มกราคม 2554 15:27:42 น.  

 



กราบสวัสดีปีใหม่ค่ะคุณลุงบูลย์

ม๊ากับลูกสาวต้องขอขอบพระคุณคำอวยพรปีใหม่ของคุณลุง

เป็นอย่างสูงนะค่ะ

วันนี้ได้เข้ามาอ่านทั้งนิทานและเรื่องราวนี้ถือว่าดีมากๆเลยนะค่ะ

ยังมีอะไรอีกมากมายที่เรายังไม่รู้นี้เป็นเรื่องจริงนะค่ะ

 

โดย: นางมารร้ายจีจี้ 3 มกราคม 2554 15:53:49 น.  

 

ลป. "อาชญากร" คำที่ถูกต้อง
ขออภัยพิมพ์ผิดในครั้งแรกค่ะ
(ซึ่งเป็นความผิดโดยไม่เจตนา)

 

โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น 3 มกราคม 2554 17:55:07 น.  

 

ขอทายว่าฝีมือลุงบูลย์หมายเลข 3,7,8,9 ครับ (ไม่ได้ลอกคุณสาวฯ แต่ใจตรงกัน)

คุณลุงบูลย์ได้เล่านิยายพื้นบ้านประกอบ ยิ่งทำให้อยากไปเห็นเมืองสามแก้วครับ

"บางคนว่าสามแก้วเคยเป็นเมืองโบราณของชุมพร เพราะขุดได้ทองคำ ลูกปัด และของมีค่าต่าง ๆ มากมาย จนปัจจุบันก็ยังขุดได้อยู่"

จากคำบอกเล่านี้ ผมเข้าใจว่าสามแก้วน่าจะมีโบราณวัตถุให้ศึกษาจำนวนมาก บางทีอาจเทียบชั้นกับเมืองทางตะวันตกอย่างอำเภอคลองท่อม จ. กระบี่ก็เป็นได้

ในฐานะที่ชุมพรเป็นเมืองชายทะเล ที่มีการติดต่อค้าขายมาแต่โบราณ ทางจังหวัดน่าจะหาข้อมูลทางโบราณคดีย้อนไปพันถึงสองพันปี เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการท่องเที่ยว เพราะยุคต่อไปการท่องเที่ยวจะต้องมีประวัติศาสตร์ควบคู่ไปด้วยครับ







 

โดย: Insignia_Museum 3 มกราคม 2554 19:13:19 น.  

 

ขอบคุณครับคุณลุงบูลย์ที่เข้ามาอ่านเรื่อง "น้องวิว"

เป็นภาพสะท้องเล็กๆของสังคมที่พวกเขาพยายามเอาตัวรอด

ภาพการหาผักตามข้างถนนหรือที่ว่างในกทม. พบเห็นกันประจำ

อย่างที่ว่างปากซอยบ้านผม ช่วงหน้าฝนต้นไม้จะงามมาก พวกตำลึง

กระถิน...มีคนมาเก็บไปทำกับข้าว...ช่วยให้รอดไปมื้อหนึ่งครับ

 

โดย: Insignia_Museum 3 มกราคม 2554 19:39:41 น.  

 

ลุงยังไม่เฉลยนะครับสาวบ้านนอกและคุณ im

บล็อกคุณ im ระยะนี้สื่อสารแต่เนื้อหาสาระที่ดีเยี่ย่ม ไม่มีลูกเล่นอะไรมาก ทำให้นึกถึงหนังสือของคุณผาดที่ขายแต่เนื้อหาสาระ ไม่ได้ขายปกหุ้มหรือสิ่งประดับ เป็นแนวปรัชญาที่น่าคิดมาก ๆ

สงสัยลุงจะต้องเอาอย่างบ้างแล้ว

 

โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) 4 มกราคม 2554 10:34:51 น.  

 



2 6 5 และภาพสุดท้ายค่ะ

 

โดย: jamaica 4 มกราคม 2554 12:41:28 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณลุง ขอบคุณสำหรับคำกลอนอวยพรปีใหม่นะคะ ไม่ทราบว่าร่างกาย แข็งแรงดีขึ้นหรือยังค่ะ
อ่านเนื้อเรื่องเสร็จแล้ว เล็กขอทายว่า ฝีมือคุณลุง คือ ภาพ ที่ 3,6,7,8 ค่ะ หนูมั่นใจ เพราะดูจากอะไร ไม่บอก ถ้าถูกหนูจะบอกคุณลุงอีกทีนะคะ

 

โดย: หญิงแก่น 4 มกราคม 2554 13:56:47 น.  

 

3,7,8,9 ค่ะคุณลุง เมื่อกี้เล็กใช้นับแบบไม่รวมภาพซ้ำ

 

โดย: หญิงแก่น 4 มกราคม 2554 14:01:10 น.  

 

3 รูปฤษีกับแม่ทองร่อน
7 รูปนางตักกับทหาร
8 รูปนางตักถือศีลที่เกาะพร้าว
9 รูปฤษีกับนางตัก

 

โดย: หญิงแก่น 4 มกราคม 2554 14:05:57 น.  

 

อันดับแรกเล็กดูจากภาพ ของคุณลุงรูปจะออกแนวการ์ตูนค่ะ 2 เนื้อกระดาษที่ใช้วาดค่ะ เล็กเรียกไม่ถูกแต่เนื้อกระดาษของลูกชายจะมีลายนูน แต่เล็กชอบรูปนางตักถือศีลที่เกาะพร้าวของคุณลุงสวยที่สุดอ่ะ ชอบต้นมะพร้าว3ต้น สวยดีค่ะ

 

โดย: หญิงแก่น 4 มกราคม 2554 15:43:46 น.  

 

อ้อ..ลืมตอบคำถามอีก 1 ข้อ ลูกสาว 8 พค.นี้ครบ 9 ขวบค่ะ คนพี่ 24 พค.ครบ 11 ขวบ เกิดเดือนเดียวกัน วันพุธเหมือนกัน เวลาเกิดห่างกัน 2 วิ ช่วงบ่ายเหมือนกัน อย่างกับสั่งได้แนะค่ะ เดือนหน้าขอให้คุณลุงรีบรักษา และหายเจ็บหายป่วยโดยพลันนะคะ สวัสดีค่ะ

 

โดย: หญิงแก่น 4 มกราคม 2554 15:48:00 น.  

 



กราบสวัสดีคุณลุงบูลย์ค่ะ

คุณลุงป่วยเป็นอะไรค่ะ เผื่อม๊าพอจะช่วยได้บ้างนะค่ะ

สำหรับชีวิตของม๊า ก็เป็นคู่้ร้างนั้นล่ะค่ะ

 

โดย: นางมารร้ายจีจี้ 4 มกราคม 2554 16:06:45 น.  

 

สวัสดีปีใหม่กันอีกครั้งครับลุง

ผมพยายามระมัดระวังเรื่องคำผิด ก็พลาดจนได้ ตอนพิมพ์ก็ทะแม่งๆเหมือนกันนะ คราวนี้รู้เลยว่าภาษาไทยยากจริง เดี๋ยวจะเข้าไปแก้ครับ

ถ้าชีวิตนี้มีงานเขียนชุดสึนามิได้รวมเล่มกับเขาบ้างก็ดีนะสิ ลุงพอมีทางแนะนำสำนักพิมพ์ที่รู้จักมาทางเมลล์บ้างไหมครับ เพราะที่เคยติดต่อไปเห็นเงียบหายตลอด

 

โดย: ปลายแป้นพิมพ์ 4 มกราคม 2554 17:15:34 น.  

 

สวัสดีปีใหม่ครับลุง

 

โดย: ดอกหญ้า บนทางดิน 5 มกราคม 2554 11:03:30 น.  

 

สวัสดีครับลุงบูลย์

ขอขอบคุณในคำแนะนำ

ผมเคยเห็นหนังสือทำมือ เกี่ยวกับกลอน ฝากขายในร้านเส้งโห เล่มบางๆ 50 บาท ผมเคยคิดทำเองเหมือนกัน แต่ไม่มีปัญญา (ไม่ได้หมายถึงค่าจ้างนะลุง เพราะว่าทำรูปเล่มเองไม่เป็น)

แต่ถ้าจ้างเขาไม่มีปัญหา อยากรวมเล่มเก็บไว้มากๆ ฝันว่าวันหนึ่งอาจมีสำนักพิมพ์สนใจ

เรื่องสั้นเกี่ยวกับสึนามิ (วิญญาณ) แม้นว่ามันจะผ่านมานาน แต่ผมว่ามันบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ได้สบายๆ

กลุ่มนักเขียนภูเก็ต ไม่รู้จักใครเลยครับ เคยได้ยินแต่ชื่อเสียงเรียงนามเท่านั้น

 

โดย: ปลายแป้นพิมพ์ 5 มกราคม 2554 16:06:31 น.  

 

อ๊ะ...ภาพชุดใหม่ สวยกว่าเดิม

แต่แว้บมาบอกลุงก่อนว่ามีของฝากลุง

ที่บ้านนักล่าฯนะคะ

 

โดย: นักล่าน้ำตก 5 มกราคม 2554 16:20:54 น.  

 

วันนั้นไปกันหลายคน

ว่าจะโทรบอกให้ลุงเลี้ยงข้าวก็เกรงใจค่ะ อิอิ

ผ่านหน้าบ้านคล้ายๆบ้านลุงด้วย ไม่รู้ใช่หรือเปล่า

บล็อกนี้พรุ่งนี้มาเมนต์นะคะ ตอนนี้ยังอ่านผ่านๆอยู่

 

โดย: นักล่าน้ำตก IP: 27.130.208.56 5 มกราคม 2554 20:49:39 น.  

 

ตอนเขาจัดอบรมสัมมนาวรรณกรรมสึนามิ ผมไม่ทราบเลยว่าตอนนั้นผมทำอะไรอยู่ คงมั่วๆอยู่กับชีวิตนะครับลุง ตอนนี้แผ่วๆแล้ว เลยนึกอยากเอาผลงานที่ตัวเองเขียนไว้ตั้งมาก มาปัดฝุ่น แค่นั้นเอง

เผื่อโชคดี นอกจากได้เงินใช้แล้ว ยังได้ความสุขใจอีกด้วย

ผมมีบล็อกใหม่อีกนะลุง

 

โดย: ปลายแป้นพิมพ์ 6 มกราคม 2554 11:57:27 น.  

 

สวัสดีปีกระต่ายคะ ไม่รู้ว่าช้าไปหรือเปล่า ขอทายรูปก่อนนะคะ
รูปที่ 3 7 8 9
พอดีพึ่งกลับจากต่างจังหวัดคะ

 

โดย: seton 6 มกราคม 2554 14:54:12 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณลุง สบายดีนะคะ

 

โดย: หญิงแก่น 6 มกราคม 2554 15:15:08 น.  

 

สวัสดีตอนสายๆครับลุง

ขอบคุณสำหรับกลอนที่นำไปฝากนะครับลุง

 

โดย: ดอกหญ้า บนทางดิน 7 มกราคม 2554 9:43:03 น.  

 



ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรงนะคะ

 

โดย: หญิงแก่น 7 มกราคม 2554 12:32:55 น.  

 

แวะมาเยี่ยมยามบ่ายค่ะ

 

โดย: jamaica 7 มกราคม 2554 14:14:03 น.  

 

ได้ชมภาพ พร้อมอ่านตำนาน

สาระและบันเทิงท้องถิ่น หาได้ที่นี่เต็มอิ่ม

ลายเส้นลุงบูลย์ละเอียดกว่า

แต่การลงสีน้ำของลูกชายลุงดูนุ่มนวลกว่านิดนึง

สรุป เก่งทั้งคู่ค่ะ

ป.ล. ลุงเช็กเมลด้วยค่า ส่งเมล์ไปแหละ

 

โดย: นักล่าน้ำตก IP: 115.87.209.175 7 มกราคม 2554 17:20:03 น.  

 

รับซาบ

ตอบกลับแย้วด้วย...อุอุ...

เอาไว้คุยกันอีกนะคะลุง ของดีมีอีกรึ่ม...

 

โดย: นักล่าน้ำตก IP: 183.89.72.45 7 มกราคม 2554 19:50:56 น.  

 

คุณลุงคะตกลง จิตสาธารณะมีนัยยะแอบแฝงอยู่หรือคะ แล้วคำแปลหรูหรายาวเฟื้อยที่ว่ามีคำจำกัดความว่าไงคะ
เอสงสัยเล็กลองค้นหาดูบ้างอ่ะ ตอนแรกอ่านก็รู้สึกแปลกๆ จิตสาธารณะ มันเป็นไงหว่าอิอิ GOODNIGHT ค่ะ

</div

 

โดย: หญิงแก่น 7 มกราคม 2554 21:43:39 น.  

 

สวัสดีก่อนนอนครับลุง

พรุ่งนี้เด็กเขาหนุกหนาน แล้วเราผู้ใหญ่จะหนุกหนานด้วยหรือเปล่าเนี่ย

 

โดย: ปลายแป้นพิมพ์ 7 มกราคม 2554 22:18:25 น.  

 

สวัสดีค่ะ
ภาพเกาะพร้าวสวยมากค่ะถูกใจสุดๆ
ขอบพระคุณค่ะที่มีรูปภาพงามให้ชม
เป็นกำลังใจให้ในการทำงานนะคะ

 

โดย: น้องไหม IP: 223.205.34.139 14 มกราคม 2554 18:14:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


pantamuang
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




ไม่อยู่อย่างอยาก แต่ยังอยากจะอยู่
อยู่อย่างไม่ลำบาก เวลาที่เหลือน้อยรีบสอยรีบคว้า
ก่อนจะหมดเวลาให้สอย

ดวงดาวบนฟ้าก็สอยได้ ถ้ารู้จักต่อด้ามฝันให้ยาวพอ

ฝันถึงไหนก็ได้ มีสิทธิ์ฝัน แต่จะเป็นจริงหรือไม่ช่างฝัน
เพราะสิ่งที่ฝันคือนวนิยาย..

ชีวิตก็คือนวนิยายเรื่องหนึ่ง ที่เราเป็นผู้เขียนและกำกับ.

เริ่ม 9 กันยายน 2550

Friends' blogs
[Add pantamuang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.