หมา มอง เครื่อง บิน
คิด ถึง นาง ฟ้า
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2549
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
1 พฤษภาคม 2549
 
All Blogs
 
นัก เรียน (ดู) หนัง คาบ 2

NARRATIVE FUNCTION : หน้าที่เล่าเรื่องของภาพยนตร์
หากเราแบ่งหน้าที่ตามสไตล์ระดับความสมจริงของหนัง

1.REALIST : มุ่งเล่าเรื่องใช้ความจริงเป็นส่วนใหญ่ การใช้เทคนิคเข้ามาปรุงแต่งน้อย อาทิ สารคดี

2.DRAMA : เน้นการสื่ออารมณ์ มีการปรุงแต่งด้วยเทคนิคเพื่อการเร้าอารมณ์และการดำเนินเรื่องให้เป็นไปได้ด้วยดี (ภาพยนตร์ส่วนใหญ่อยู่ในข่ายนี้)

3.SUREALIST : มีการปรุงแต่งในทุกๆด้านมาก หลุดโลก เน้นสัญลักษณ์



วิธีการดำเนินเรื่อง โครงสร้างของการดำเนินเรื่องแบบ drama

1.THEME

2.PLOT : โครงเรื่องคร่าวๆอันประกอบด้วย

2.1 INCIDENT : เหตุการณ์ ซึ่งแบ่งออกเป็น
. . . . .2.1.1 MAIN PLOT
. . . . .2.1.2 SUB PLOT

2.2 CHARACTER โดยแบ่งชนิดของตัวละครออกมาเป็น
. . . . .2.2.1 TYPE CHARACTER ตัวละครที่มีขั้วขาว ดำชัดเจน ไม่มีมิติทางอารมณ์
. . . . .2.2.2 ROUND CHARACTER ตัวละครที่มีดีเลวปนกันใน1คน โดยแบ่งย่อยมาอีกเป็น
. . . . . .*PROTAGONIST : ตัวละครที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้ชมเอาใจช่วย
. . . . . .*ANTIGONIST : ตัวละครที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเหมือนตัวร้าย โดยการเพิ่มความเลวร้ายเข้าไป หรือสร้างขึ้นมาให้ไม่เห็นด้วยกับโครงเรื่อง

2.3 ACTION การกระทำของตัวละคร ใคร ทำอะไร ...bla bla

3. STORY DEVELOPMENT : การพัฒนาเนื้อเรื่อง (นี่เป็นเพียงวิธีการคร่าวๆ นักทำหน้งพึงคิดไว้ว่า ถ้าคิดไม่ออกค่อยใช้สูตร ลองคิดดูสิ ถ้าทำหนังตามนี้กันทุกคน วงการนี้ก็จะไม่มีอะไรแปลกใหม่ออกมาเลย ..นะจ๊ะ!)

3.1 EXPOSITION : การเปิดเรื่อง อาทิ บอกยุคสมัย พื้นเพตัวละคร บอกสภาพเหตุการณ์ในขณะนั้น

3.2 INCITING MOMENT : สถาณการณ์ที่เริ่มส่งเค้าถึงความเปลี่ยนแปลง สิ่งที่ส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งจะนำไปสู่ (หัวข้อต่อไป)

3.3 TURNING POINT : จุดหักเหการตัดสินใจของตัวละคร เรียกได้อีกอย่างว่า "CONFLICT"

3.4 FALLING ACTION : การลดการกระทำของตัวละครลงเพื่อให้คนดูพักจากการตื่นเต้นจาก TURNING POINT

3.5 CRISIS : สถาณการณ์ที่คับขันและตึงเครียด

3.6 CLIMAX : จุดหรือวินาทีที่ตัวละครเอกสะสาง CRISIS ให้ลุล่วง

3.7 CONCLUSION : จุดคลี่คลายได้พุทธิปัญญา ได้การเปลี่ยนแปลงขึ้น


4.DICTION : ภาษาบทพูด แบ่งออกเป็น
-RHETORIC : บทพุดที่มีลักษณธเป็นบทกลอน เป็นบทกวี ซึ่งเป็นการนำเอามาจากวรรณกรรม (ซึ่งเป็นวิธีเดียวกันกับละคร ภาพยนตร์ได้รับอิทธิพลจากละครค่อนข้างมาก)
-CONVERSATION : บทสนทนาแบบทั่วๆไป

สิ่งที่บทสนทนาควรจะต้องมี (หลักง่ายๆ แบบไม่ลงลึกในการเขียนบท)

4.1 WIT : (ความฉลาดเฉลียว) สถาณการณ์นั้นๆต้องสื่อความต้องการของตัวละคร หรือแฝงปรัชญา แง่คิด

4.2 CHARM : (สเน่ห์) มีการเล่นคำ มีการต่อปากต่อคำ โต้ตอบไปมาระหว่างตัวละคร

4.3 HUMOR : (อารมณ์ขัน) แฝงลูกเล่น อารมณ์ขัน


(อยากจะยก ตย.หนัง มาวิเคราะห์ใจจะขาด แต่นี่ 4 คาบ เราเพิ่งมาพิมพ์ อะนะ)


PLOT DEVICE : เครื่องมือการคิด plot หรือ ตัวอย่างสูตรสำเร็จแบบคร่าว (จริงๆแยะกว่านี้)

1. Cinderella formula : แบบนังซินน่าสงสาร รันทด เป็นคนดีถูกกลั่นแกล้ง

2. Success formula : ตัวละครที่มีความยึดมั่น ความใฝ่ฝัน ทะเยอทะยาน และพยายามต่อสู้เพื่อฝัน ลักษณะที่เด่นๆคือ มักสร้างให้ตัวละครมีความอ่อนด้อยแต่มีความพยายาม ความอดทน

3. Triangle formula : รักสามเศร้า ไม่สมหวัง

4. Boy meet girl : Boy loose girl : Boy get her back

5. Cats & Dog : โปลิสจับขโมย คือมีฝ่ายโจร โดนไล่ล่าโดยตำรวจ

6. Who done it : ใครเป็นคนทำ ปริศนาฆาตกรรม ตัวละครทุกตัวในเรื่องต้องมีความน่าสงสัยเทียบเท่ากันหมด
แต่มีเรื่องหนึ่งทำให้สูตรนี้กลับตัลปัด
Gosford Park : Who's care who done it ? ใครจะไปสนว่าใครทำ ใครจะไปสนว่าใครตาย แต่สนว่าการตายก่อให้เกิดสิ่งใด ผลกระทบใดขึ้นบ้าง

7. Gothic formula : ปราสาทมืด
มีคฤหาสลึกลับ มีผู้กุมความลับเป็นแม่บ้านแก่ผู้ดูแล นางเอกเข้ามาเพื่อค้นหาความจริง พระเอกหล่อแต่ลึกลับ คือ มุ่งเน้นให้ตัวละครเข้าไปไขความลับ

**จริงๆ มีสูตรดังกล่าวนี้เป็นเล่มใหญ่ทีเดียว เป็น text ภาษาอังกฤษ แต่คิดว่าถ้ามีใจรักจะทำหนัง ก็ขอให้กลั่นกรองออกมาเองเถิด ถ้ามันจะซ้ำก็เป็นเรื่องบังเอิญ แต่ก็ช่วยให้หนังออกมามีความแปลกใหม่เรื่อยๆ วงการจะได้ไม่ย่ำอยู่กับที่ ***


ไว้ต่อคาบ 2.2 นะจ้ะ


Create Date : 01 พฤษภาคม 2549
Last Update : 16 พฤษภาคม 2549 23:07:41 น. 10 comments
Counter : 1004 Pageviews.

 
ว๊าว กระทู้เพื่อความรู้ด้วย


โดย: job IP: 203.118.70.123 วันที่: 16 พฤษภาคม 2549 เวลา:23:34:46 น.  

 


โดย: ... IP: 58.10.155.113 วันที่: 16 พฤษภาคม 2549 เวลา:23:47:11 น.  

 
มาเข้าเรียน


โดย: ต้องบอกด้วยเหรอ วันที่: 17 พฤษภาคม 2549 เวลา:10:02:54 น.  

 


โดย: แ ม ง ป อ วันที่: 17 พฤษภาคม 2549 เวลา:18:24:15 น.  

 
ยากจังค่ะ
คือหนังในความคิดเรามีสองแบบคือ

หนังที่ชอบและหนังที่ไม่ชอบ

บางเรื่องดูครั้งแรกไม่ชอบ ดูอีกทีก็ชอบ
ว่าแล้วฉันก็ย้อนกลับไปอ่านเรื่องที่คุณเขียนซ้ำอีกรอบ
เมื่อแรกฉันนึกไม่ชอบตามวิสัย"นักกระโดดถีบสังคม(แนวๆ)"
อ่านอีกที อืม ฉันพอจะยกตัวอย่างหยังง่ายๆตามลักษณะที่คุณบอกได้แล้ว

เอนทรี่หน้ามาหากันดีกว่าว่าเรื่องอะไรเข้าข่ายแบบไหนบ้าง



โดย: น้าคุณจ๋อม IP: 202.5.87.134 วันที่: 18 พฤษภาคม 2549 เวลา:21:47:25 น.  

 
oh!!
have no idea เรยเรื่องแบบเนี้ย
แวะมาทักทายคับ


โดย: หากผมรักคุณจะผิดมากไหม วันที่: 19 พฤษภาคม 2549 เวลา:13:14:44 น.  

 
นึกถึงตอนเราเรียนเลยแฮะ

เรากับเต้นี้ศิษย์สายตรง อ.แดง กิตติศักดิ์ สุวรรณโภคิณเลยล่ะ


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 23 พฤษภาคม 2549 เวลา:13:51:55 น.  

 
โห... ข้อมูลแน่นปึ้ก โดดดีกว่าคาบนี้
หนูจะดูการ์ตูนอะอาจารย์


โดย: r k i วันที่: 24 พฤษภาคม 2549 เวลา:0:31:28 น.  

 
มาทักทายมาทักทายค่ะ


โดย: เกศินี IP: 203.188.55.10 วันที่: 24 กันยายน 2549 เวลา:13:31:46 น.  

 


โดย: ภาสกรณ์ คำพราว IP: 203.156.37.15 วันที่: 21 มีนาคม 2550 เวลา:10:17:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

LUNATIC SPACE
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




จงภาคภูมิใจในเกียรติภูมิแห่งนักออกแบบโดยถ้วนทั่วกัน






adopt your own virtual pet!

Friends' blogs
[Add LUNATIC SPACE's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.