เปิดสวนไข "ปริศนาในสวนลับ"
หลังจากแปลเสร็จไปหลายเดือน พี่ บ.ก. ก็โทรมาแจ้งว่าหนังสือเล่มใหม่ออกแล้ว ตามประสาคนแปลไส้แห้ง ได้ข่าวแล้วก็ดีใจหาใดปาน เพราะจะได้เอาเรื่องสนุกๆ มาบอกเล่าให้เพื่อนฝูงได้ทราบตามประสาคนขี้เห่อที่กลั้นไว้นาน และในอีกทางหนึ่ง...นั่นก็หมายความว่าเงินค่าแปลก็กำลังจะตามมาในไม่ช้า เป็นของขวัญปีใหม่โดยแท้ (ฮิปๆ ฮูเร)
ชื่อหนังสือ ปริศนาสวนลับ The Forgotten Garden ผู้แต่ง/ผู้แปล Kate Morton/ศศมาภา สำนักพิมพ์ แพรว วรรณกรรม นวนิยายออสเตรเลีย ราคา 395 บาท
เรื่องราวของหนังสือเล่มนี้ร้อยสลับชีวิตของผู้หญิงสามคน ดำเนินไปคู่ขนานกันระหว่างสามยุคสมัย โดยตัดสลับไปมา แรกๆ ผู้อ่านอาจจะต้องตั้งใจสังเกตชื่อบทให้ดีสักหน่อย เพราะเป็นสิ่งเดียวที่จะบอกให้เรารู้ว่าอยู่ในยุคสมัยของใคร แต่สักพัก ความเข้าใจก็จะเกิดขึ้นเองโดยบริบทของชื่อคนและสิ่งแวดล้อม อันเป็นธรรมชาติในการอ่าน และการเรียงลำดับเช่นนี้ ก็มีเหตุผลอันดีของมัน
เริ่มจากเด็กหญิงคนหนึ่งหลงคว้างอยู่ในเรือที่แล่นออกจากอังกฤษมุ่งหน้าไปออสเตรเลียตามลำพัง มีความทรงจำลางเลือนถึงนักเขียนหญิงที่สัญญาว่าจะกลับมาหา แต่ก็ไม่ได้มา
สิบกว่าปีผ่านไป เนลล์ โอคอนเนอร์ ได้ล่วงรู้ความลับที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดชีวิต อีกหลายสิบปีหลังจากนั้น เธอได้ออกเดินทางเพื่อค้นหาความลับแห่งชีวิตและได้ถูกชักนำให้ไปยังชายฝั่งของคอร์นวอลล์...สู่คฤหาสน์สวยงามและพิลึกพิลั่น แบล็กเฮิร์สต์ ซึ่งเคยเป็นของครอบครัวขุนนางในสกุลเมาน์ทราเชต
ในวันที่เนลล์เสียชีวิต แคสซันดรา หลานยาย ได้รับมรดกที่เธอไม่คาดฝัน กระท่อมริมผาและสวนลับหลังกระท่อม มรดกในคอร์นวอลล์ที่เธอไม่เคยล่วงรู้ มรดกที่ชาวคอร์นวอลล์ลือกันให้ทั่วเรื่องความลับต่างๆ ที่อยู่เบื้องหลังชะตากรรมของครอบครัวเมาน์ทราเชตและเด็กในอุปการะที่ชื่อเอไลซา เมกพีซ นักเขียนเืทพนิยายหม่นเศร้าในยุควิกตอเรีย และเป็นเธอนี่เองที่ไขปริศนาอายุร้อยปีของเด็กหญิงที่หลงอยู่ในเรือคนนั้น
จากเทพนิยายเรื่องแรกสู่เทพนิยายเรื่องสุดท้าย เคต มอร์ตัน ได้ร้อยเรื่องราวการเดินทางกลับ ‘บ้าน’ ของผู้หญิงสามคนในสามยุคสมัย เอไลซา ผู้ใช้เทพนิยายเป็นเครื่องหลีกลี้หนีจากชีวิตที่ขาดและพร่อง เนลล์ ผู้ใช้เทพนิยายเป็นเข็มทิศในการติดตามเสาะหาอดีตที่ขาดหาย และแคสซันดรา ผู้ใช้เทพนิยายเป็นแรงดลใจ สานต่อสิ่งภารกิจของบุคคลที่เธอรัก และคลายปมเงื่อนในใจของตนระหว่างการแกะรอยและคลี่ไขปริศนาแห่งอดีตเหล่านั้น
สำหรับฉัน หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้ว นอกจากความสนุกสนานที่พึงคาดหวังในการอ่านหนังสือดีๆสักเล่ม สารหนึ่งที่ยังคงสั่นสะเทือนอยู่ในใจจากการเดินทางที่เหมือนจะไม่ถึงปลายทางของเอไลซาและเนลล์ ก็คือ ชีวิตทุกชีวิตย่อมดิ้นรนแสวงหา "ที่ทาง" ของตน และชีวิตที่เติบโตอย่างแปลกแยกในดินแดนไกลบ้านก็ย่อมตะเกียกตะกาย ดิ้นรนหาทางกลับบ้าน ทว่า "บ้าน" - ปลายทางหรือคำตอบ - อาจไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด เพราะจุดหมายไหนเลยจะสำคัญเท่าคนรอบข้าง ‘บ้าน’ หรือจะสำคัญเท่า ‘คนในครอบครัว’ เราจะดิ้นรนหาบ้านไปทำไม ถ้าหากว่าเรามีคนหนึ่งซึ่งเป็นทั้งจุดหมายและปลายทางของเราอยู่ข้างๆ และการตระหนักรับรู้ถึงสายใยผูกพันเช่นนั้นย่อมมีค่ากว่าใดอื่น
ถึงแม้ว่าเอลิซาและเนลล์จะไปไม่ถึงปลายทาง แต่เธอทั้งสองก็พบความหมายของชีวิตที่เติมเต็มและยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน ฉันเขียนไว้ในคำนำผู้แปลว่า "เมื่อเรื่องราวอันสะท้านสะเทือนใจยิ่งนี้ถักถ้อยร้อยผ่านคำบรรยายอันละเมียดละไมและการใช้ภาษางดงามกินใจของผู้เขียน ผู้แปลจึงเชื่อเหลือเกินว่า Forgotten Garden จะเป็นหนังสือแห่งความประทับใจอีกเล่มหนึ่งที่วางไม่ลงและยากจะลืม" และก็ยังคงยืนยันเช่นนั้นไว้ในบล็อกนี้
เคต มอร์ตัน เป็นนักเขียนอายุน้อย (แหะๆ กว่าฉัน) ที่มีจังหวะจะโคนและมีพล็อตเรื่องที่สะท้านสะเทือนหัวใจคนหนึ่ง นวนิยายเล่มนี้เป็นผลงานเล่มที่สองของเธอ ถ้าอยากอ่านเบื้องหลัง ที่มาที่ไปของนวนิยายเรื่องนี้ แนะนำให้ตามลิงก์เข้าไปที่เว็บของเธอได้เลยค่ะ //www.katemorton.com/overview/forgotten-garden
สำหรับคนที่เคยอ่านผลงานเล่มแรก คฤหาสน์แห่งริเวอร์ตัน ขอกระซิบว่าอย่าได้คาดหวังจะพบอะไรที่เหมือนเดิม ไม่โดยสิ้นเชิง ถึงแม้หนังสือเล่มนี้เป็นคนละแนวกับเล่มก่อน จึงเทียบกันยาก แต่โดยภาพรวมก็น่าจะถือได้ว่ามีโทนที่สนุก ผ่อนคลาย และเบิกบานกว่า เพราะเป็นกึ่งๆการผจญภัย กึ่งๆการไขความลับแห่งอดีต มีตรงนั้นตรงนี้ให้ร่วมเดา ร่วมลุ้น ไปด้วย แล้วก็มีนิทานสนุกๆ ให้อ่านแทรกไปพลางๆ ไม่เป็นความรู้สึกหนักหน่วงถ่วงอึ้งแบบคุณยายเกรซที่เก็บงำอดีตเอาไว้แน่นหัวอก ที่สำคัญ มีพระเอกด้วยล่ะ :)
ในฐานะที่เป็นคนแปล ที่ปลุกปล้ำรบราด้วยความรักกับต้นฉบับอยู่หลายเดือน ก็อยากชวนให้อ่านค่ะ แม้จะไม่เชื่อมั่นว่าตัวเองถอดความออกมาได้ดีเท่าต้นฉบับ แต่ก็เชื่อมั่นในต้นฉบับว่าจะช่วยส่งพลังของเรื่องให้นำหน้าพลังของถ้อยคำได้อย่างแน่นอน ปริศนาสวนลับ เป็นหนังสือที่อ่านสนุก ประทับใจ น่าจะคุ้มกับเวลาและราคาที่จ่าย (ขอออกตัวก่อนว่า ไม่ได้เขียนถึงหนังสือทุกเล่มที่แปลหรือมีส่วนเกี่ยวข้องนะคะ เลือกเฉพาะเล่มที่ตัวเองประทับใจจริงๆมาแนะนำเท่านั้น) แต่ถ้าใครคิดว่าราคาแพง เพราะหนังสือหนามากจริงๆ อดใจรอไว้งานหนังสือเืดือนมีนาคม ก็น่าจะได้ลดอีกนิดหน่อย หรือถ้าไม่ไหวจริงๆ อีกสามปีข้างหน้า ก็คงถูกถีบตกไปอยู่ชั้นหนังสือลดครึ่งราคาแล้วค่ะ (อันนี้ไม่ได้ประชดผู้อ่าน ประชดสำนักพิมพ์ เอ๊ย...ไม่ใช่)
[คราวนี้ไม่ได้ขอบคุณ บ.ก. และทีมงานให้คนอ่านรู้สึกซ้ำซากไปด้วย แต่ก็อยากจะบอกว่าไม่ลืม ในฐานะนักแปลน้อยๆ ความซาบซึ้งและขอบคุณในโอกาส น้ำใจ และความช่วยเหลือ มีอยู่เสมอ]
แล้วอ่านจบ คิดเห็นยังไง ก็บอกเล่ากันบ้างนะคะ
Create Date : 23 ธันวาคม 2552 |
|
12 comments |
Last Update : 14 มกราคม 2553 21:22:30 น. |
Counter : 2265 Pageviews. |
|
|
|
ปีหน้ากลับไปไทยเมื่อไหร่ จดไว้ในลิสต์เลยพี่