เพราะหนังสือเปิดตา และการเดินทางเปิดใจ
(ร้าน) หนังสือในฝัน

เพื่อนๆหลายคนคงพอจะรู้ว่าฉันใฝ่ฝันอยากทำห้องสมุดเล็กๆ (ที่ค้างเติ่งมาหลายปีเพราะไม่มีเงิน) และแม้ว่าบัดนี้...เืพื่อนหลายคนนั้นอาจเลิกลุ้นไปแล้ว แต่ฉันยังอินแบบทุรนทุรายลึกๆอยู่ ดังนั้น อารมณ์ของคนฝันค้างจึงละม้ายคล้ายคนแรมทางได้พบกระบอกน้ำเมื่อได้เจอหนังสือ เล่มนี้ ได้อ่าน และได้แปล...หนังสือที่ฉันอยากชวนอ่านในเดือนแห่งความรักเดือนนี้



ชื่อหนังสือ: ปารีส / พำนัก / คน / รัก / หนังสือ /Time Was Soft There
ผู้แต่ง/ผู้แปล: เจเรมี เมอร์เซอร์/ศรรวริศา
สำนักพิมพ์: กำมะหยี่
วรรณกรรม: ความเรียงเชิงบันทึกแคนาดา
ราคา: 275 บาท

ปารีส / พำนัก / คน / รัก / หนังสือ ก็เหมือนชื่อหนังสือสื่อนัย คือเล่าถึงร้านหนังสือที่โด่งดังเป็นตำนานแห่งหนึ่งในปารีส ความพิเศษอยู่ตรงที่ร้านนี้ไม่ได้แค่ขายหนังสือเก่าเท่านั้น แต่ยังเปิดประตูรับเหล่าคนยากให้เข้าพักอาศัยได้ฟรี โดยทำงานแลกที่พักตามสมควร ตามแนวคิดระบบคอมมูนของลัทธิคอมมิวนิสต์ และแน่นอนว่าหนังสือเล่มนี้ต้องเล่าถึงเจ้าของร้านหนังสือหัวรั้นผู้มีความ คิดสุดโต่งไปในทางหนึ่ง รวมทั้งผู้อาศัยและวนเวียนเข้าออกในร้านซึ่งล้วนแต่มีความแตกต่างหลากหลายกันไปคนละแบบ

เมื่อเรื่องนี้เป็นความเรียงเชิงบันทึก จึงเป็นธรรมดาที่จะมองผ่านมุมมองของผู้เขียน - นักเขียนแคนาดาซึ่งมีอะไรบางอย่างในชีวิตทำให้เขาต้องหลบลี้จากบ้านเกิดไปโผล่ในเมืองที่โรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอย่างจนตรอกและสิ้นไร้ และได้ไปอาศัยอยู่ในร้านหนังสือจนทำให้เกิดหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา

จากมุมมองของเขา เราจะได้รู้จักตัวละครที่มีสีสันมากมาย ทั้งเรื่องราวของเขาเองและเรื่องราวของคนในร้านสารพัดแบบ หนุ่มเก๋า สาวเซอร์ กวีเพี้ยน และเหตุการณ์ผิดปกติสารพันเรื่อง แต่ตัวละครที่เป็นแก่นแกนของเรื่องคงไม่พ้นเจ้าของร้านหนังสืออย่างจอร์จ วิตแมน ชายชาวอเมริกันที่มาเปิดร้านหนังสือในปารีสหลังผ่านประสบการณ์ต่างๆมากมาย

ด้วยความเชิดชูบูชาแนวคิดสังคมนิยมอย่างสุดใจ เขาจึงเปิดร้านหนังสือให้เป็นที่พักพิงแก่นักเขียนตกยากและผู้ผ่านทางที่ ประสงค์จะพักใน "โรงแรมดอกหญ้า" ของเขา ที่พักน่ะฟรี แต่ก็ใช่จะสะดวกสบาย และผู้พักอาศัยก็ต้องทำงานแลกเงิน แต่สำหรับคนที่กำลังอยู่ในห้วงทุกข์แล้ว สิ่งเหล่านี้ถือว่าเล็กน้อยมาก และร้านหนังสือเชกสเปียร์แอนด์คัมพานีของจอร์จก็รับ "แขก" ไปแล้วกว่าสี่หมื่นคน ใช่จะมีเท่านี้ บุคลิกเฉพาะของจอร์จมีแง่มุมที่น่าสนใจอีกมากมายหลายด้าน รวมทั้งความลึกลับและเงื่อนงำเรื่องผู้สืบทอดร้านอีกด้วย

ก่อนจะทิ้งเรื่องราวที่เหลือให้ไปติดตามอ่านกันต่อ ขอแย้มนิดนึงว่านอกจากภาพปกซึ่งถ่ายจากสถานที่จริงแล้ว ในเล่มยังมีภาพถ่ายมุมต่างๆของร้านประกอบเพื่อให้ผู้อ่านได้เห็นบรรยากาศในร้านอย่างเต็มที่ ในฐานะคนแปลที่เอาชื่อจริงเป็นประกัน รับรองได้เลยว่าถูกใจคนรักหนังสือ ถึงแม้จะไม่สนุกออกนอกหน้า แต่เชื่อว่าคนอ่านจะมีความสุขแบบซึมลึกตลอดเรื่อง (เหมือนคนแปล) และสุดท้าย...ถึงแม้ว่าในชีวิตจริง จอร์จ วิตแมน จะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ร้านหนังสือของเขายังคงอยู่และจะยังคงเป็นตำนานเรื่องยิ่งใหญ่ในใจของคนรักหนังสือไปอีกแสนนาน



มีเกร็ดอยู่เล็กน้อยว่าด้วยฉบับภาษาอังกฤษ ด้วยเหตุผลอันใดไม่ปรากฏ ต้นฉบับภาษาอังกฤษมีสองชื่อและมีมากมายหลายปก (ซึ่งทำให้ทีมงานงงและเถียงกันมาแล้วว่าซื้อลิขสิทธิ์ผิดหรือเปล่า) ซ้ายสุดเป็นปกอ่อน ตรงกลางเป็นปกแข็ง ใช้ชื่อเดียวกันว่า time was soft there จำหน่ายในสหรัฐฯ แคนาดา และประเทศอื่นๆ ส่วนขวาสุดเป็นปกของฟากอังกฤษ ใช้ชื่อว่า books. baguettes & bedbugs คาดว่าจะทำให้คนอ่านเง็งเล่นเป็นเรื่องสนุก :)


ปารีส / พำนัก / คน / รัก / หนังสือ เป็นหนังสือเล่มแรกในชุด "คนรักหนังสือ" ของสำนักพิมพ์กำมะหยี่ ซึ่งจะมีทั้งหมดสามเล่ม (เนื่องจากฉันหักคอ...เอ๊ย..."ขอ" เจ้าสำนัก "ทำ") กำหนดออกวางแผงปีละเล่มตามประสาคนเดิน เอ๊ย แปลช้า สำหรับเล่มต่อไป Sixpence House: Lost in a Town of Book คงจะออกมาให้อ่านกันปลายๆปีนี้หรือต้นปีหน้า โปรดอดใจรอและติดตามจ้า (ุถ้าขายดิบขายดี เจ้าสำนักจะได้ดีใจ...เปิดไฟเขียวให้ทำอีกหลายๆเล่มนะ หนอนทั้งหลาย)




Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2553 21:34:54 น. 9 comments
Counter : 1700 Pageviews.

 
เห็นแค่หน้าปกก็น่าอ่านแล้วนะคะ
ชอบอ่านหนังสือแปลเหมือนกันะคะ

อยากได้อ่านสักเล่มแล้ว


โดย: MaZZO วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:19:17:35 น.  

 
แง้วววววว ชอบปกที่มีหางแมวนั่นจริงๆ เลย


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:20:50:37 น.  

 


โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:09:46 น.  

 
ไม่ต้องห่วง ยังมีคนที่ยังลุ้นเรื่องร้านหนังสือมากแสนมากอยู่นี่อีกคน ตอนนี้มันซ้อนกันจนล้นออกมาข้างนอกแหล่ว

เขียนคำโปรยได้ชวนอ่านเหมือนเคยเลย รออ่านนะจ๊ะ
ปล. เราชอบชื่อเล่มที่มีคำว่าบาเก็ตต์ แบบว่าโปรฝรั่งเศส อิอิ


โดย: คนที่คุณก็รู้ว่าใคร IP: 58.64.51.138 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:34:19 น.  

 
งั้นก็คงชอบฉบับภาษาไทยที่มีคำว่า "ปารีส" นะคะ


โดย: lunaloca วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:36:10 น.  

 
หน้าปกสองเล่มหลังน่ารักมากๆเลย


โดย: รินบุญญา วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:55:55 น.  

 
อ๊า..อ่านแล้วคิดว่าน่าจะถูกจริตตัวเองค่ะ จดๆๆๆ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:9:16:13 น.  

 
เพิ่งอ่านจบไปค่ะ ชอบบบ มันไม่ได้สนุกหวือหวา แต่รู้สึกชอบมาก อ่านแล้วรู้สุกอิ่ม มีความสุข ไม่รู้ทำไม เคยมีหนังสืออยู่เล่มนึงที่ทำให้เป็นอย่างนี้ ชื่อ "ร้านนี้มีเรื่องเล่า" แล้วตอนนี้มีเรื่องนี้เป็นเล่มที่สองแล้วที่ประทับใจแบบเดียวกัน รอเล่มต่อไปในชุดคนรักหนังสืออยู่ค่ะ


โดย: น้อง IP: 115.87.181.175 วันที่: 19 กันยายน 2553 เวลา:17:03:05 น.  

 
อ่านจบไปแล้วแบบอินสุดๆ

จนคิดว่าตัวเองเป็นคนหนึ่ง

ที่เข้าไปพักอยู่ที่"โรงแรมดอกหญ้า"

ของจอร์จ วิตแมน ..เลยเชียวแหละ


โดย: ป้าแอ๊ด IP: 125.27.201.180 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2555 เวลา:16:40:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

lunaloca
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ง า น แ ป ล


ช่างเป็นนักแปลที่ทำงานได้หลากแบบหลายแนว
นามปากกาคละเคล้า เดาทางไม่ถูกจริงๆนิเรา

Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
8 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add lunaloca's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.