ความวิปโยคสุดพรรณนาและความยิ่งใหญ่คือชาตากรรมแห่งความรักของฉันที่มีต่อเธอ Unsagbares Leid und Größe ist das Schicksal meiner Liebe für dich. Untoldly sorrowful and great is the destiny of my love for you.
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2550
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
2 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 

มหาภารตะ ภาคสอง “การเนรเทศ”

มหาภารตะ
ภาคสอง “การเนรเทศ”

หนังสือเล่ม 3-5 เล่าถึงการใช้ชีวิตในป่าสิบสองปี ก่อนมหาสงคราม ภราดาปาณฑพไม่ได้อยู่ตามลำพังในไพรเถื่อน หากแต่มีเหล่าข้าทาสบริวาร และพราห์ม ที่ซื่อสัตย์จงรักภักดีติดสอยห้อยตามไปเป็นจำนวนมาก ทวยเทพประทานจานอาหารจานหนึ่งที่กินไม่มีวันหมดมาเลี้ยงทุกคน

ตลอดเรื่องของมหากาพย์ เน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของพวกพราห์ม ซึ่งอยู่ในวรรณนักบวช ยุธิษฐิระ ใคร่เอาราชอาณาจักรของพระองค์คืนมา ดังนั้นจึงจัดเตรียมพราห์มไว้ได้ 10,000 รูป พราห์มเป็นวรรณะที่เราปฏิเสธไม่ได้ ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม (ดูกรณีที่เกิดขึ้นระหว่างกรรณะและอินทราต่อไปข้างหน้า)

ความสำคัญของธรรมะ

เทราปที และ ภีมะ กล่าวตำหนิยุธิษฐิระ ว่าเฉื่อยชา และไม่ยอมกระทำการใดๆ เลย เนื่องจากเห็นได้อย่างชัดเจนว่าสกุณีทำสกากล (โกงลูกเต๋า) สู้ลุกขึ้นมารบกันเสียเลยจะไม่ดีกว่าหรือ ยุธิษฐิระ ปฏิเสธอย่างเรียบเฉย ท้าวเธอจะรักษาคำพูด กล่าวคือ ตัดสินใจปฏิบัติตามธรรมะของท้าวเธอ ธรรมะ (แปลได้ความหมายต่างๆ หลากหลายว่าเป็นหน้าที่ทางสังคมบ้าง ความชอบธรรมบ้าง หรือ ระเบียบจักรวาลบ้าง) คือภาระผูกมัดทางศีลธรรม ซึ่งมนุษย์แต่ละคนควรสำนึก และปฏิบัติตาม หากปฏิบัติตามไม่ได้เสียแล้ว ก็จักเป็นอันตรายต่อวิถีปฏิบัติ และแนวคิดแห่งจักรวาลทั้งหมด

เทราปที เข้าใจไม่ได้ว่าทำไม พระนางและพรรคพวกต้องมาตกทุกข์ได้ยากอย่างนี้ด้วย ถ้าหากว่าพวกตนเป็นบุคคลที่ชอบธรรมแล้ว แต่ทุกสิ่งทุกอย่างบังเกิดขึ้นโดยพระประสงค์แห่งพระผู้เป็นเจ้า ดังนั้นทำไมคนดีๆ ถึงตกทุกข์ได้ยากด้วย ดูเหมือนสักแต่ว่าคนที่มีอำนาจเท่านั้นจึงรอดพ้นจากอันตราย ไม่ใช่คนที่ชอบธรรมเลย ยุธิษฐิระ แก้ให้เทราปทีว่า “ไม่มีใครประกอบความดีงามด้วยความปรารถนาเพื่อให้ได้รับผลตอบแทน บุคคลอย่างพ่อค้าศีลธรรมที่มีบาปติดตัวจักไม่มีวันได้เก็บเกี่ยวผลตอบแทนเลย … จงอย่าสงสัยต่อความดีงามเลย เพราะเธอจักไม่เห็นผลตอบแทนของมัน หากปราศจากความดีงามเสียแล้ว แต่ผลตอบแทนแห่งความดีงามจักปรากฏออกมาเอง ไม่ช้าก็เร็ว เช่นเดียวกันกับผลตอบแทนแห่งการกระทำผิดบาป ผลตอบแทนแห่งความดีงามที่แท้จริงนั้น เป็นนิรันดร์ และไม่มีใครทำลายล้างลงได้” (KD 245-6)

การเตรียมสงคราม

จากนั้นอรชุนก็จากไป มุ่งหน้าสู่ภูเขาต่างๆ ที่สูงที่สุด เพื่อแสวงหาอาวุธสวรรค์ ที่เหล่าปาณฑพต้องใช้ในสงคราม อรชุนพบศิวเทพ และได้รับประทานอาวุธที่ทรงอาณุภาพไว้ อรชุนจึงใช้เวลาห้าปีกับอินทรา เทพบิดาแห่งอรชุน เพื่อฝึกฝนเรียนรู้การใช้อาวุธต่างๆ ต่อสู้กับเหล่าปิศาจอสูร

ในขณะนั้น กรรณะ ตัดสินใจว่า ตนเองก็ต้องได้รับอาวุธสวรรค์ด้วยเช่นเดียวกัน จึงคอยปรนนิบัติรับใช้พราห์มที่ทรงวิทยายุทธคนหนึ่งชื่อ ปรศุราม เป็นเวลาหลายเดือน ปรศุรามเป็นพราห์มที่เกลียดนักรบ ปรศุรามมอบมนตร์สูตรกำกับอาวุธสุดยอดให้แก่กรรณะ ที่คอยปรนนิบัติรับใช้ตน แต่ด้วยพฤฒิกรรมกล้าอย่างเกินเหตุ เนื่องจากไม่มีเสียงร้องออกมาเลย เมื่อหนอนตัวหนึ่งเจาะไชเข้าไปในโคนขา ปรศุรามจึงทราบว่ากรรณะเป็นนักรบ และสาปแช่งกรรณะให้ลืมมนตร์สูตรลับเมื่อถึงคราวที่ต้องใช้อาวุธที่ปรศุรามมอบให้ และตอนนั้นจะเป็นคราวฆาตของกรรณะ

• ในบูรณะสมัยโบราณ ปรศุราม เป็นอวตารภาคหนึ่งแห่งวิษณุเทพ แต่ไม่มีอะไรบ่งชี้ถึงประเด็นดังกล่าวเลยในมหากาพย์

จากนั้น กรรณะ ได้พบ อินทรา (เทพบิดาแห่งอรชุน) ที่จำแลงองค์ลงมาเป็นพราห์มคนหนึ่ง เนื่องจากได้สาบานว่าจะไม่ปฏิเสธคำร้องขอของพราห์มเอาไว้ก่อนแล้ว กรรณะจึงยินยอมสละเกราะทองคำคุ้มกายที่ได้รับประทานมาจากสวรรค์ตั้งแต่เกิด กรรณะลอกเกราะทองคำนั้นออกจากผิวกายของตน เลือดไหลโซมกาย และแลกกับอาวุธอื่นที่ทรงอาณุภาพ ซึ่งจะใช้สังหารสิ่งมีชีวิตใดๆ ก็ได้ แต่จะใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

ระหว่างการเนรเทศ ภราดาปาณฑพ ช่วยชีวิตทุรโยธน์ ที่เสียทีตกเป็นเชลยในสงครามเอาไว้ ทำให้ทุรโยธน์อับอายขายหน้ามาก ด้วยความทะนงในเกียรติยศและศักดิ์ศรี ทุรโยธน์ จึงสาบานว่าสักวันหนึ่งจะชดใช้หนี้นั้นคืนให้แก่อรชุน (ระหว่างสงคราม อรชุน ตรัสแก่ทุรโยธน์ ว่าจะยอมต่อลูกศรของภีษมะห้าดอก อันหมายสังหารภราดาปาณฑพ และก็ปฏิบัติเช่นนั้นอย่างเคร่งครัดเพื่อรักษาคำสาบาน) ทุรโยธน์หดหู่สิ้นหวัง หลังจากภราดาปาณฑพช่วยให้รอดจากการการเป็นเชลยมาได้ และแสดงเจตนาว่าใคร่จะประกอบอัตวินิบาตกรรม พวกทนพ (ครอบครัวอสูร) ต้องการให้ทุรโยธน์เป็นนักรบเพื่อปกป้องฝ่ายตน (ทุรโยธน์ มาเกิดตามคำเรียกร้องของปิศาจอสูรเหล่านี้) จึงมาปรากฏตนต่อหน้าทุรโยธน์ พวกปิศาจอสูรให้สัญญาว่าจะช่วยคุมทัพให้ในสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้น ทำให้ทุรโยธน์มีความหวังลมๆ แล้งๆ อยู่ต่อไป

วันหนึ่ง ภราดาปาณฑพสี่องค์ถึงแก่มรณกรรม เนื่องจากดื่มน้ำจากทะเลสาบพิษ อย่างก็ตาม ยุธิษฐิระทรงกู้ชีพอนุชาทั้งสี่องค์กลับคืนมาได้ โดยตอบคำถามนกกระเรียนจำแลงได้ถูกต้องว่า ธรรมะใดที่ยุธิษฐิระยึดถืออยู่

ปีที่สิบสาม

ตามเงื่อนไงการพนันสกา ปีที่สิบสาม ซึ่งเป็นปีที่ภราดาปาณฑพต้องปลอมตัวมาถึงแล้ว ยุธิษฐิระ (ซึ่งปลอมตัวเป็นพราห์มเข็ญใจ) อนุชาที่เหลือ และเทราปที (ผู้ซึ่งผ่านการคัดเลือกเป็นคนรับใช้พเนจร) ทั้งหมดหลบอยู่ในราชสำนักแห่งกษัตริย์วิรัตน์ กิจาคะนายพลคนหนึ่งในราชสำนักแห่งวิรัตน์หลงรักเทราปที โดยสร้างปัญหาต่างๆ นานา เพื่อหาทางครอบครองเทราปทีให้ได้ แม้กระทั่งคุกคามว่าจะเอาชีวิตของพระนางเสีย เทราปีทีจึงอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากภีมะผู้ทรงพลัง ภีมะใส่เสื้อสตรีปลอมตัวเป็นเทราปทีแอบไปพบกับนายพลตามนัดลับ และจับนายพลผู้มืดบอดในรักคนนั้นบดขยี้เสียจนกลายเป็นก้อนเนื้อปนเลือดแหลกเหลวสิ้น

ขณะนั้น ทุรโยธน์ กรีฑาทัพเข้าโจมตีราชอาณาจักรแห่งวิรัตน์ กษัตริย์วิรัตน์มอบการบัญชากองทัพให้แก่โอรส แต่ยังขาดสารถีรถม้าศึก เทราปทีผู้ประสงค์การสงครามกับเหล่าเการพไม่ว่าจะสูญเสียเพียงใดก็ตาม ชี้บอกว่าอรชุนเป็นสารถีที่เก่งที่สุดในโลก ถึงแม้ว่าจะปลอมองค์เป็นบัณเฑาะก์อยู่ก็ตาม อรชุนก็ไม่สามารถปฏิเสธการสู้รบเสียได้ และอรชุนเท่านั้นคือผู้นำชัยชำนะอย่างเด็ดขาด คนเดียวรบกับกองทัพเหลือคณนานับ

สงคราม ใกล้เข้ามาแล้ว ทุรโยธน์ปฏิเสธการคืนราชอาณาจักรให้ภราดาปาณฑพลูกพี่ลูกน้องของตน เนื่องจากอ้างว่าฝ่ายปาณฑพออกมาจากที่ซ่อนก่อนเวลากำหนด ทุรโยธน์พยายามขอการสนับสนุนจากกฤษณะเช่นเดียวกับอรชุน กฤษณะให้อรชุนเลือกก่อนว่าจะเอากองทัพทั้งหมดของกฤษณะ หรือจะเอากฤษณะไว้เพียงองค์เดียว อรชุนเลือกกฤษณะ ยอมให้ทุรโยธน์ได้กองทัพของกฤษณะไปทั้งหมด เมื่ออรชุนขอให้กฤษณะเป็นสารถีรถม้าศึกให้ กฤษณะตกลง

ในราชสำนักเการพ กษัตริย์บอดก็ได้กลิ่นสงครามคุกรุ่นอยู่เช่นกัน จึงตรัสขอให้ภีษมะผู้อาวุโส นักรบผู้ไม่มีใครเทียบ เป็นผู้บัญชาการสูงสุด ความรับผิดชอบของภีษมะที่มีต่อวงศ์ตระกูลเข้าครอบงำความรู้สึกที่มีต่อภราดาปาณฑพ ภีษมะจึงรับภาระหน้าที่อย่างไม่เต็มใจ แต่มีเงื่อนไขประการหนึ่ง กล่าวคือ กรรณะ ต้องไม่ออกรบ ถึงแม้ว่าจะไม่พอใจอย่างไรก็ตาม กรรณะยอมรับด้วยความขมขื่นว่า จะออกรบก็ต่อเมื่อภีษมะล้มลงแล้วเท่านั้น

ธฤษตราษฎร์ ส่งราชฑูตไปยังยุธิษฐิระ เพื่อขอไม่ให้ยุธิษฐิระออกรบ เพราะยุธิษฐิระรักความชอบธรรม เพราะการมีชีวิตอยู่โดยปราศจากซึ่งราชอาณาจักร ย่อมดีกว่าเอาชีวิตของคนจำนวนมากมายไปเสี่ยง ยุธิษฐิระ ตอบกลับไปว่า ชนแต่ละชั้นวรรณะต่างก็มีหน้าที่แห่งตน และหน้าที่ของพระองค์คือเป็นนักรบหรือกษัตริย์ ไม่ใช่พราห์มหรือขอทาน อย่างไรก็ตาม แม้กระทั่งพระองค์เองก็มีข้อจำกัดอยู่ “สงครามคือปิศาจร้ายในทุกรูปแบบ สำหรับคนตาย ชัยชำนะหรือความพ่ายแพ้ก็เฉกเช่นกัน (CN 101)

กฤษณะ เสด็จไปฝ่ายเการพในฐานะราชฑูต ในความพยายามครั้งสุดท้ายเพื่อปกป้องสันติภาพ และตรัสกับทุรโยธน์ แต่ทุรโยธน์หาฟังไม่ กลับบัญชาให้ราชองค์รักษ์เข้าควบคุมองค์กฤษณะไว้ กฤษณะจึงคืนร่างเป็นเทพจากสวรรค์ “กฤษณะ สรวล และขณะสรวลอยู่นั้น วรกายของกฤษณะ พลันมีรัศมีแสงแลบแปลบปลาบคล้ายสายอัศนีบาตพุ่งออกมา วรกายโตขึ้นเรื่อยๆ ทวยเทพต่างๆ ปรากฏองค์ออกมาจากกฤษณะ พรหมเทพกระเด็นออกมาจากนลาฏ ศิวเทพจากอุระ” (KD 492) กฤษณะ บันดาลให้แม้แต่ธฤษตราษฎร์กษัตริย์บอด ก็ยังเห็นแสงรัศมีวาวโรจน์จากวรกายของพระองค์ ในที่สุดจึงเปิดเผยต่อกรรณะ ล้ำเลยลึกลงไปว่ากรรณะที่แท้เป็นภราดาของเหล่าบุคคลผู้ซึ่งตนมีเจตนาจะสู้รบด้วย แต่กรรณะรู้สึกว่าแม่ทอดทิ้งในชีวิตห้วงแรกที่เกิดมา ยิ่งไปกว่านั้น กรรณะรู้สึกเหมือนหนึ่งปานโลกถึงจุดสิ้นสุด และจะออกรบเคียงข้างฝ่ายเการพ ถึงแม้ว่าจะเห็นความพ่ายแพ้และมรณกรรมของตนล่วงหน้าแล้วก็ตาม

ทุรโยธน์จะไม่ฟังคำเตือนใดๆ ทั้งสิ้น เพราะมั่นใจแน่นอนว่า ทวยเทพไม่ได้ให้พรแก่ฝ่ายปาณฑพ มากมายอย่างนั้น พระเจ้าจะไม่คุ้มครองฝ่ายปาณฑพในสงคราม “ข้าฯ ขอสังเวยชีวิตของข้า ความมั่งคั่งของข้าฯ ราชอาณาจักรของข้าฯ ทุกสิ่งทุกอย่างของข้าฯ แต่ข้าฯ ไม่มีวันอยู่ร่วมอย่างสันติกับพวกปาณฑพได้ ข้าฯ จะไม่ยอมจำนนต่อพวกปาณฑพ ถึงที่สุดแม้กระทั่งว่าตราบใดที่แผ่นดินมีที่ให้ปักเข็มหมุดสักเล่ม” (KD 453) ทุรโยธน์ หาข้ออ้างเข้าข้างตนตามนิสัยดั้งเดิม ว่า “ทวยเทพสร้างข้าฯ ขึ้นมาเป็นอะไรก็ตาม ข้าฯ ก็เป็นสิ่งนั้น”(KD 482).


จบภาคสอง "การเนรเทศ"
โปรดติดตามภาคสาม "มหาสงคราม"




 

Create Date : 02 ตุลาคม 2550
1 comments
Last Update : 6 ตุลาคม 2550 1:23:29 น.
Counter : 2241 Pageviews.

 

สงครามกำลังจะเกิดแล้ว ^_^

 

โดย: Beee (Beee_bu ) 8 ตุลาคม 2551 14:49:01 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


ลุดวิก
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




Ich bin nur ein Mensch! Alles Leben ist leiden. Alles ist nichtig!
ตรวจผลสลากกินแบ่งรัฐบาล

Bangkok

Friends' blogs
[Add ลุดวิก's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.