สวัสดีค่ะ ภาระหน้าที่ทำให้ต้องเดินทางไกลมาถึงบัวโนสไอเรส แต่ยังคิดถึงเพื่อนบล็อกทุกคนนะค่ะ
เนระพูสีไทยดอกไม้สีดำที่พบแห่งเดียวในโลก

เนระพูสีไทย



ดอกไม้สีดำที่พบแห่งเดียวในโลก ที่สำคัญมันคือ ดอกไม้ป่าของไทย

วงศ์ : TACCACEAE

ชื่อสามัญ : Bat Flower

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Tacca chantrieri.,Andr.

ชื่ออื่น : ว่านหัวลา ,ว่านหัวฟ้า ,ดีปลาช่อน ,มังกรดำ

ถิ่นกำเนิด : ประเทศไทย

ในโลกแห่งพฤกษศาสตร์ เชื่อกันว่า บรรดาพืชที่นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์สุดยอดของโลกพฤกษศาสตร์ ไม่มีพืชชนิดไหนเกินหน้าพวก “ พืชกินแมลง “ หรือ Carnivorous Plant ไปได้

แต่ก็ยังมีพวกที่แปลกประหลาดมากอีกพวกหนึ่ง ก็คือ พวกที่ออกดอกเป็นสีดำ และยังใช้ชีวิตอยู่ในความมืดเหมือนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่เรียกว่าค้างคาวเหมือนสามัญนามของเนระพูสีไทย พืชที่ต้องเจริญเติบโตและเคลื่อนไหวในความมืดมิดเช่นเดียวกับความเป็นอยู่ของค้างคาวนั่นเอง

พูดถึงค้างคาวแล้วต้องแทรกนิดนึงเพราะเกี่ยวเนื่องกันอยู่ในแง่ของชีวิต ที่คล้ายคลึงกันระหว่างสัตว์กับพืช ค้างคาวในโลกมีอยู่มากมายหลายพันธุ์ ตัวเล็ก ตัวใหญ่ โตขนาดน้องๆแม่ไก่ก็มี บางอย่างกินผลไม้ บางอย่างกินเนื้อสัตว์ บางอย่างก็ดูดเลือดสัตว์อื่นกินเป็นอาหาร เช่นค้างคาวผี หรือค้างคาวแวมไพร์

บางพวกที่มีขนาดเล็กมาก เล็กเท่า แมลงภู่ ส่วนมากมักจะดูดน้ำหวานในดอกไม้กินเป็นอาหาร เรียกว่า “ค้างคาวดอกไม้” ค้างคาวตัวเล็กที่สุด ในโลก พบในครั้งแรกในเมืองไทย และอาจมีอยู่ในโลกเพียงแห่งเดียว คือที่ น้ำตกไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ผู้ที่ค้นพบค้างคาวดอกไม้ตัวนี้คือ นายกิติ ทองลงยา นักสัตวศาสตร์ของไทย ผู้ซึ่งค้นพบ “นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร”

( Pseudochelidon sirintarae) เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๑ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๑๖ นายกิติทองลงยา ก็พบค้างคาวดอกไม้ตัวที่เล็กที่สุดในโลก ซึ่งเรียกกันในปัจจุบันว่า “ค้างคาวคุณกิติ” และได้ชื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ค้นพบในพากย์ละตินว่า Craseonycteris thonglongyai หรือ “ค้างคาวทองลงยา”

การเปรียบเทียบให้เห็นความคล้ายคลึงกันของพืชและสัตว์ ระหว่างสัตว์ ค้างคาวดอกไม้

( Flower Bat ) กับพืชดอกไม้ค้างคาว ( Bat Flower ) และพวกพ้องของเนระพูสีไทย ในด้านต่างๆโดยเรียบเรียงได้ดังนี้

ที่อยู่อาศัย ดอกไม้ค้างคาวและเนระพูสีไทย เกิดและอาศัยอยู่ในป่าดงดิบชื้น ตามหุบเหวลึก หรือบนพื้นดินที่ปกคลุมด้วยต้นไม้หนาแน่นเหมือนดอกไม้ค้างคาวที่อาศัยหลบซ่อนตัวในที่มืดมิดตามถ้ำ หน้าผาสูงและหุบเหวลึกและในไร่สวนที่มีพุ่มไม้หนาแน่น

ลักษณะการพักนอน เนระพูสีไทยหรือดอกไม้ค้างคาวพวกนี้ จะมีก้านดอกชูขึ้นเหนือพื้นดิน ราว 1 ฟุตดอกออกเป็นช่อที่ปลายก้านดอก ดอกจะบานในเวลากลางคืนและบานช้ามาก เมื่อใกล้รุ่งจะชะงักการบานไว้ กว่าจะบานเต็มที่จนครบขบวนการบานต้องใช้เวลานานตั้งแต่ 7-10 คืนทีเดียว เพราะบานได้ทีละนิดเดียวเหมือนค้างคาวดอกไม้ที่ใกล้รุ่งต้องกลับรังนอน

ลักษณะการพักนอน ดอกค้างคาวจะพักนอนทันทีเมื่อใกล้รุ่ง ปล่อยให้ดอกและเกสรที่ยาวเฟื้อยงุ้มลงสู่ดิน เหมือนการพักนอนของค้างคาวดอกไม้ ที่ห้อยหัวลงสู่ดิน

กลิ่น อันไม่น่าพิสมัยของดอกไม้ค้างคาวมีกลิ่นเหม็นสาบหืนๆคล้ายกลิ่นสาบตามถ้ำหรือถิ่นที่มีค้างคาวอาศัย

สี ดอกไม้ค้างคาวหรือเนระพูสีไทย เป็นดอกไม้สีดำพวกเดียวในโลก และพบในเมืองไทย สีออกไปทางดำคล้ำเหมือนสีค้างคาวนั่นเอง

ความเชื่อ คนจีนโบราณเชื่อว่าค้างคาวดอกไม้เป็นสัตว์แห่งโชคลาภ ซึ่งสามารถจะนำความสำเร็จมาสู่มนุษย์ได้หากมันได้เข้าไปอาศัยในเขตบ้านชานเรือน ส่วนชาวไทยโบราณบางกลุ่ม

เชื่อว่า ต้นเนระพูสีไทย หรือดอกไม้ค้างคาวนี้ คือ ว่านพังพอน ที่สามารถส่งเสียงร้องได้เหมือนเสียงนกในคืน๑๕ค่ำ แต่เมื่อใครได้ยินเสียงร้องนี้ให้ถือว่าเป็นลางร้าย บอกให้เจ้าของว่านระมัดระวังตัวเพราะจะมีเคราะห์ร้ายต้องรีบไปทำพิธีเสดาะเคราะห์ ความเชื่อเรื่องนี้ท่านนักเลงว่านรุ่นผู้เฒ่าในภาคใต้หลายจังหวัดที่เชื่อกันว่า ว่านพังพอนหรือเนระพูสีไทยต้นนี้ร้องได้อยู่ (เป็นเกร็ดความเชื่อ )

เนระพูสีไทย เป็นพันธุ์ไม้ป่าเมืองไทยที่มีดอกสีดำ และเกิดกระจายพันธุ์อยู่ในป่าลึก เท่าที่สำรวจพบแล้ว พบ ๕ พันธุ์ (Species ) คือ

เนระพูสีไทย (Tacca chantrieri)

ว่านพังพอน ( Tacca integrifolia )

คดดิน ( Tacca palmate )

สิงโตดำ ( Tacca Teontopetaloides )

หนวดเสือ (Tacca plantaginea)

เนระพูสีไทย พบมากตามป่าดงดิบตามหุบเขาในภาคใต้ ลำต้นอยู่ใต้ดินเจริญตามแนวราบมีลักษณะเป็นหัวหรือเหง้า หัวหรือเง่านี้คล้ายหัวข่า แต่ไม่แตกแง่งหรือแยกแขนงอย่างหัวข่า เนื้อเยื่อของเง่าแกร่งกว่าหัวข่ามาก เคยเอามาปลูกไว้หลายปีมาแล้ว ซุกเอาไว้ในที่มืด ๆได้ยิน

กิติศัพท์ความสำคัญ ก็อยากได้ บังเอิญได้มาแต่เลี้ยงไม่เป็น เห็นอยู่ในที่มืดนานกลัวตาย ยกมาออกแดดซะหน่อย ปรากฏว่าใบไหม้หมด มาเห็นคิดว่าขาดน้ำ รดน้ำซ้ำเข้าไปอีก แถมใส่ปุ๋ย

16-16-16ให้ด้วยความหวังดี เลยเสร็จ เละเลย

พืชพันธุ์นี้ ขยายพันธุ์ได้ 2วิธี คือ เพาะเมล็ด หรือขุดเง่ามาทอนเป็นท่อนๆแล้วนำไปชำในที่ชุ่มชื้น และต้องอยู่ในที่มืด ออกดอกในฤดูหนาว และต้องอยู่ในที่มืดด้วย ชอบปุ๋ยอินทรีย์ เกลียดปุ๋ยวิทยาศาสตร์ที่สุด

ต้องเรียกว่า เนระพูสีไทย ซูเปอร์สตาร์แห่งรัตติกาลโดยแท้จริง




ขอบคุณข้อมูลจาก
//suan-theva.igetweb.com/
index.php?mo=3&art=176459








Create Date : 23 ธันวาคม 2553
Last Update : 23 ธันวาคม 2553 11:51:26 น. 2 comments
Counter : 2529 Pageviews.

 
เอ.. ปกติเรียกค้างคามดำนะ


โดย: endless man วันที่: 23 ธันวาคม 2553 เวลา:16:01:26 น.  

 
เพิ่งเพาะหัวไว้สองต้น ราคาหัวละ 20 บาท อยากเห็นต้นค้างคาวขาวจัง หายากและแพงเอาการ


โดย: noksamui วันที่: 24 ธันวาคม 2553 เวลา:9:32:08 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

kobnon
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]




.
สาระน่ารู้ประจำวัน
1.โรคข้อสันหลังอักเสบติดยึด
2. บุหรี่ ทำนมยาน หูตึง
3. Upside down pineapple cake


music
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
23 ธันวาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kobnon's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.