สวัสดีค่ะ ภาระหน้าที่ทำให้ต้องเดินทางไกลมาถึงบัวโนสไอเรส แต่ยังคิดถึงเพื่อนบล็อกทุกคนนะค่ะ
ออกกำลังกาย สไตล์เบาหวาน

หากไม่มีการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม ผู้ป่วยเบาหวานมักจะประสบกับปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมา ด้วยเหตุนี้นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตและการใช้ยาให้ถูกต้องแล้ว การออกกำลังกายยังเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่คนเป็นเบาหวานไม่ควรมองข้าม

        เพราะการออกกำลังกายจะทำให้เซลล์กล้ามเนื้อไวต่ออินซูลิน และนำน้ำตาลจากเลือดเข้าสู่เซลล์ได้มากขึ้น ระดับน้ำตาลในเลือดจึงลดลง นอกจากนี้ยังทำให้การหมุนเวียนของเลือดดีขึ้น รวมถึงทำให้ระบบของหัวใจ ปอด และเส้นเลือดดีขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ การออกกำลังกายยังมีประโยชน์ในแง่อื่น ๆ เช่น ช่วยให้มีรูปร่างดีขึ้น น้ำหนักตัวลดลง และเป็นวิธีการจัดการกับความเครียดได้ดีอีกด้วย

        อย่างไรก็ดี ก่อนการออกกำลังกายควรปรึกษาแพทย์ก่อน ถ้าแพทย์อนุญาตผู้ป่วยเบาหวานก็สามารถออกกำลังกายตามโปรแกรมง่าย ๆ ได้ดังนี้ 

     - ชนิดของการออกกำลังกาย เน้นรูปแบบการออกกำลังกายแบบแอโรบิก เช่น การเดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน เป็นต้น
     - ความหนัก ช่วงเริ่มต้นควรออกกำลังกายในระดับความหนักปานกลาง ไม่เหนื่อยมากจนเกินไป หลังจากนั้นอาจจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามความสามารถ
     - ความถี่ ประมาณ 4 - 7 วัน/สัปดาห์
     - ระยะเวลา สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภทที่ 1ซึ่งตับอ่อนไม่สามารถผลิตอินซูลินได้ ให้ค่อยๆ ใช้เวลาเพิ่มขึ้นจนถึง 20 – 30 นาที ขณะที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ซึ่งเกิดจากอินซูลินมีการตอบสนองที่ไม่ดี สามารถออกกำลังกายได้นานถึง 40 – 60 นาที

   ข้อควรระวังสำหรับเบาหวานประเภทที่ 1  

       แม้ว่าจะยังไม่มีผลรับรองแน่ชัดว่า การออกกำลังกายจะสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในโรคเบาหวานประเภทที่ 1ได้ แต่การออกกำลังกายก็จะช่วยให้ประสิทธิภาพและระบบการทำงานต่างๆ ในร่างกายดีขึ้น รวมถึงยังสามารถช่วยลดปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ เช่น โรคหัวใจ ได้ด้วย เพียงแต่มีข้อพึงระวังคือ

     - ก่อนออกกำลังกาย ไม่ควรฉีดอินซูลินเข้าสู่กล้ามเนื้อที่จะใช้ในการออกกำลังกาย และควรออกกำลังกายหลังจากฉีดอินซูลินไปแล้วประมาณ 90 – 120 นาที

     - ควรออกกำลังกายหลังมื้ออาหารหรือของว่างภายใน 1 ชั่วโมง โดยออกกำลังในรูปแบบเดิมทุกวัน

   ข้อควรระวังสำหรับเบาหวานประเภทที่ 2  

       การออกกำลังกาย มีความสำคัญต่อการรักษาโรคเบาหวานประเภทที่ 2 คือทั้งช่วยลดระดับของน้ำตาล คอเลสเตอรอล และน้ำหนักตัว แต่ก็ยังมีข้อที่ควรระวังดังนี้

     - ควรตรวจเช็กปริมาณของน้ำตาลในเลือดบ่อย ๆ และคอยปรึกษาแพทย์อย่างสม่ำเสมอ

     - ควรพกน้ำผลไม้หรือลูกอมติดตัวอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการเกิดภาวะ“Hypoglycemia” หรือน้ำตาลในเลือดต่ำ ที่มักจะเกิดขึ้นในขณะออกกำลังกาย โดยมีอาการที่บ่งบอกคือ หน้ามืด เวียนศีรษะ เหงื่อออกมาก ตัวสั่น คล้ายจะเป็นลม

     - ไม่ควรฉีดอินซูลินในกล้ามเนื้อที่จะใช้ออกกำลังกาย เพราะจะถูกดูดซึมได้เร็วและทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในร่างกายต่ำ

     - ควรออกกำลังกายในช่วงเวลาเดียวกันทุกครั้ง เพื่อง่ายต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกาย

     - หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในช่วงที่อินซูลินทำงานอย่างเต็มที่

     - ควรรับประทานขนมหรือของว่างก่อนและระหว่างการออกกำลังกาย 

     - ระวังการบาดเจ็บที่จะเกิดขึ้นที่เท้า เพราะจะเกิดการติดเชื้อได้ง่าย 

     - ควรหยุดหรืองดการออกกำลังกาย ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดก่อนออกกำลังกายต่ำกว่า 100 mg/dL
ยกเว้นถ้ามีการบริโภคคาร์โบไฮเดรตเพิ่มเติม ขณะเดียวกันถ้ามีระดับน้ำตาลในเลือดเกินกว่า 250 mg/dL หรือมีปริมาณของคีโตนที่พบในปัสสาวะมากกว่า 240 mg/dL ก็ให้หยุดหรืองดการออกกำลังกายเช่นเดียวกัน

        พูดง่าย ๆ ก็คือจะออกกำลังกายได้ก็ต่อเมื่อมีการควบคุมปริมาณของน้ำตาลในเลือดให้ได้เสียก่อน เพื่อความปลอดภัยนั่นเอง







ขอบคุณข้อมูลจาก
//women.thaiza.com/ออกกำลังกาย
+สไตล์เบาหวาน-194460.html


Create Date : 17 ตุลาคม 2553
Last Update : 17 ตุลาคม 2553 8:58:50 น. 0 comments
Counter : 561 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

kobnon
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]




.
สาระน่ารู้ประจำวัน
1.โรคข้อสันหลังอักเสบติดยึด
2. บุหรี่ ทำนมยาน หูตึง
3. Upside down pineapple cake


music
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
17 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kobnon's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.