สวัสดีค่ะ ภาระหน้าที่ทำให้ต้องเดินทางไกลมาถึงบัวโนสไอเรส แต่ยังคิดถึงเพื่อนบล็อกทุกคนนะค่ะ
เทศกาลกินเจ......ละเลิกเพื่อสุขภาพ





เมื่อถึงวันขึ้น 1 ค่ำ ไปจนกระทั่งขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 เราจะเห็นธง
สีเหลืองมีตัวหนังสือสีแดง ปรากฏให้เห็นอยู่ทั่วไปตามร้านอาหาร
2 ข้างถนน นั่นบ่งบอกให้รู้ว่า เป็นช่วงเวลาของเทศกาลกินเจ

ถ้าสังเกตดูให้ดีในแต่ละปีนั้น ดูเหมือนว่าความหนาตาของธงเจที่
ปรากฏจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อสิบกว่าปีก่อน การหา
อาหารเจรับประทานนั้นถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากลำบาก ผิดกับ
ปัจจุบันที่เมื่อถึงเทศกาลกินเจ ก็มีอาหารเจให้ซื้อหาได้ง่ายขึ้น
แถมยังมีรสชาติอร่อย ซึ่งก็อาจเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้ผู้คนหันมา
"กินเจ" กันมากขึ้น

แต่ "เจ" นั้นมีที่มาอย่างไร การกินแบบไหนจึงจะเรียกว่า "กินเจ"
หรือแค่เพียงไม่รับประทานอาหาร ที่มีส่วนประกอบของเนื้อสัตว์
ถ้าเช่นนั้นการกินเจแตกต่างกันอย่างไรกับการกินมังสวิรัติ รวมทั้ง
ข้อสงสัยที่ว่า ทำไมเทศกาลกินเจที่ภูเก็ต ถึงไม่ได้เป็นช่วงขึ้น
1-9 ค่ำ เดือน 9

ที่มาของเทศกาลเจ

เทศกาลเจ เริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 400 ปีมาแล้ว ตามตำนานเล่าว่า
เกิดมาในสมัยที่ชาวจีนถูกรุกรานโดยชนชาติแมนจู ซึ่งเข้า
ปกครองประเทศจีน และบังคับให้ชนชาติจีนยอมรับวัฒนธรรม
ของตน อาทิ การไว้ทรงผมเยี่ยงแมนจู คือ โกนศีรษะโล้นทาง
ด้านหน้าและไว้ผมยาวทางด้านหลัง ซึ่งหลายคนคงจะชินตาใน
ภาพยนตร์จีนที่นำมาฉายทางทีวี

ในสมัยนั้น มีคนจีนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันต่อต้านชาวแมนจู โดยใช้
หลักทางธรรมเข้ามาร่วมด้วย ชาวจีนกลุ่มนี้ นุ่งขาว ห่มขาวและ
ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ ซึ่งมีความเชื่อว่า การประพฤติปฏิบัติตาม
แนวทางนี้จะช่วยสร้างความเข้มแข็ง ให้กับกลุ่มของตนจน
สามารถต้านทานชาวแมนจูได้ คนกลุ่มนี้เรียกตัวเองว่า
"หงี่หั่วท้วง" ซึ่งแม้จะได้ต่อสู้อย่างอาจหาญ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่
สามารถต้านทานการรุกรานของชาวแมนจูได้

เมื่อถึงวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 ชาวจีนที่ยังคงอยู่ภายใต้การปกครอง
ของชาวแมนจู จึงพากันถือศีลกินเจ เพื่อรำลึกถึงเหล่านักสู้
"หงี่หั่วท้วง" ที่ได้ต่อสู้พลีชีพในครั้งนั้น

ความเชื่อถืออีกกระแสหนึ่งของตำนานการกินเจนั้น เชื่อกันว่า
เป็นการสักการะพระพุทธเจ้าในอดีต 7 พระองค์ และพระมหา
โพธิสัตว์อีก 2 พระองค์ รวมเป็น 9 พระองค์ หรืออีกนัยหนึ่ง
เรียกว่า ดาวนพเคราะห์ทั้ง 9 ในพิธีกรรมนี้ สาธุชนจึงงดเว้น
จากการฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต หันมาบำเพ็ญศีล โดยการตั้งปณิธาน
ในการกินเจ งดเว้นอาหารคาว เพื่อเป็นการสมาทานศีล
3 ประการ คือ
1. เว้นจากการเอาชีวิตของสัตว์มาบำรุงชีวิตของตน
2. เว้นจากการเอาชีวิตของสัตว์มาเพิ่มเลือดของตน
3. เว้นจากการเอาชีวิตของสัตว์มาเพิ่มเนื้อของตน

สำหรับเมืองไทยความเชื่อเรื่องการกินเจ เป็นไปในแนวทาง
ของการละเว้นการเอาชีวิตของสัตว์ เพื่อเป็นสักการะบูชาแก่
พระพุทธเจ้า และมหาโพธิสัตว์กวนอิม อาจเนื่องจากการ
แพร่หลายของกการละเว้นการกินเนื้อวัว ในกลุ่มคนที่นับถือ
"เจ้าแม่กวนอิม" การกินเจ จึงเป็นอีกหนึ่งพิธีกรรมเพื่อสักการะ



ความหมายของ "เจ"

"เจ" ในภาษาจีนมีความหมายว่า "อุโบสถ" เป็นคำแปลทาง
พุทธสาสนา นิกายมหายาน

การกินเจนั้นแต่เดิมหมายความถึง "การรับประทานอาหาร
ก่อนเที่ยงวัน" ตามแบบอย่างของพระพุทธศาสนา เราจะเห็น
ตัวอย่างชาวพุทธรักษาอุโบสถศีล หรือรักษาศีล 8 ด้วยการ
ไม่รับประทานอาหารหลังจากเที่ยงไปแล้วเช่นเดียวกับ
พระภิกษุ แต่สำหรับพุทธนิกายมหายานนั้น การรักษา
อุโบสถศีลจะรวมถึงการไม่รับประทานเนื้อสัตว์ด้วย จึง
นิยมเรียกการไม่กินเนื้อสัตว์ไปรวมกับการกินเจ จนถึง
ปัจจุบัน ผู้ที่รับประทานอาหารครบ 3 มื้อ แต่ไม่กิน
เนื้อสัตว์ยังคงเรียกว่า "กินเจ"

ความหมายของการกินเจ จึงหมายถึงการรักษาศีล ปฏิบัติธรรม
ทั้งกาย วาจา และใจ ไม่ใช่หมายความเพียงการไม่รับประทาน
เนื้อสัตว์เท่านั้น การปฏิบัติธรรมร่วมไปด้วยจึงจะครบเป็น
"การถือศีล-กินเจ" อย่างแท้จริง

ความหมายของ "ธงเจ"

อักษรแดง บนพื้นเหลือง เขียนว่า "ไจ" หรือ "เจ" มีความหมายว่า
"ของไม่มีคาว" สีแดงเป็นตัวแทนของความเป็นสิริมงคลในชีวิต
ส่วนสีเหลืองเป็นสีของพุทธศาสนา หรือผู้ทรงศีล ธงเจนอกจาก
จะเป็นสัญลักษณ์ของอาหารเจแล้ว ยังเป็นการเตือนให้
พุทธศาสนิกชนที่ปฏิบัติตน "ถือศีล-กินเจ" ได้ตระหนักถึงการ
ไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์และการตั้งอยู่ในศีลตลอดช่วงระยะ
เวลา 9 วัน 9 คืน

การปฏิบัติตัวในช่วงเทศกาลกินเจ

เมื่อตั้งมั่นที่จะปฏิบัติศีลและกินเจ ในช่วงเทศกาลกินเจ 9 วัน
9 คืนนี้แล้ว ก็ควรจะศึกษาข้อห้ามต่างๆ ที่บัญญัติไว้เพื่อเป็น
แนวทางในการปฏิบัติตัว โดยทั่วไปแล้วจะมีข้อปฏิบัติดังนี้

งดเว้นเนื้อสัตว์ หรือทำอันตรายต่อสัตว์
งด นม เนย หรือน้ำมันที่มาจากสัตว์
งดอาหารรสจัด หมายถึง อาหารรสเผ็ดมาก เค็มมาก หวานมาก
เปรี้ยวมาก
งดผักกลิ่นฉุน 5 ชนิด คือ กระเทียม หัวหอม หลักเกียว กุยช่าย
ใบยาสูบ รวมทั้งเครื่องเทศที่มีกลิ่นฉุน
รักษาศีล 5
รักษาจิตใจให้บริสุทธิ์ รักษาอารมณ์ให้คงที่
ทำบุญ ทำทาน บางคนที่เคร่งอาจนุ่งขาว ห่มขาว
สำหรับคนที่กินเจอย่างเคร่งครัด นอกจากจะ "ถือศีล-กินเจ"
แล้วยังต้องเลือกผู้ปรุงอาหารเจที่กินเจด้วย เพื่อให้ "อาหารเจ"
นั้นบริสุทธิ์จริงๆ บางคนจะมีการคัดแยกภาชนะที่บรรจุอาหาร
หรือใช้ปรุงอาหาร แยกจากที่ใช้ใส่อาหารที่มีเนื้อสัตว์
อย่างเด็ดขาด และในบางแห่งอาจพบว่ามีการจุดตะเกียง
เก้าดวง ไว้เป็นเวลา 9 วันตลอดระยะเวลาการกินเจ เพื่อเป็น
การรำลึกถึงบุญคุณพ่อแม่ญาติพี่น้อง และเพื่อเป็นพุทธบูชา

อาหารเจ

ปัจจุบันมีการยอมรับกันโดยทั่วไปถึงคุณค่าของ "อาหารเจ"
เนื่องจากการรับประทานพืชผักในปริมาณที่มากกว่าปกติ
งดเว้นเนื้อสัตว์ ทำให้กระเพาะได้พักจากภารกิจการย่อย
เนื้อสัตว์ที่ทำประจำอยู่ และได้รับวิตามินเข้าไปเสริมสร้าง
ซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอ รวมทั้งได้โปรตีนจากถั่ว
ชนิดต่างๆ ซึ่งแตกต่างจากโปรตีนที่เราได้รับจากเนื้อสัตว์
ช่วงเวลานี้จึงถือเป็นช่วงที่ร่างกายได้พักผ่อนจากการรับ
สารอาหารย่อยยากจากแหล่งอาหารต่างๆ รวมทั้งยัง
ได้รับพลังใจจากการที่ปฏิบัติตัวอยู่ในศีล ทำให้จิตใจ
อิ่มเอิบ เบาสบาย



หลายคนคิดว่า การรับประทานแต่อาหารเจจะทำให้เกิด
โรคขาดอาหาร ทั้งที่สาเหตุสำคัญของการเกิดโรคขาด
อาหารนั้น มาจากการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกหลัก
ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งกับผู้ที่กินเนื้อสัตว์และกินเจ
ซึ่งมีนิสัยการบริโภคที่ไม่คำนึงถึงคุณค่าของสารอาหาร
ที่ได้รับ

คนที่กินเจอย่างถูกหลักก็จะได้รับอาหารที่มีคุณค่า มีคุณ
ประโยชน์ต่อร่างกายอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ การประกอบ
อาหารเจเพื่อรับประทานในช่วงนี้ จึงสามารถเลือกอาหาร
พวกข้าวกล้อง (ใช้แทนข้าวขาว) โปรตีนเกษตร (แทน
เนื้อสัตว์) ผักสด เห็ดหอม ถั่วนานาพันธุ์ เต้าหู้ แป้งหมี่กึง
ทดแทน และผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันทำเป็นอาหารชนิดต่างๆ

"เจ" กับมังสวิรัติ

อาหารมังสวิรัติ คือ อาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบ
เช่นเดียวกับอาหารเจ แต่หากเป็นมังสวิรัตินั้น สามารถนำผัก
ทุกชนิดมาประกอบอาหารได้ แต่อาหารเจ ต้องงดเว้นผักฉุน
5 ประเภท (ดังที่กล่าวมาแล้ว) รวมทั้งของเสพติดทุกชนิด
และยังคงต้องประพฤติศีลร่วมด้วย จึงจะเป็นการ ถือศีล-กินเจ
ที่แท้จริง ในขณะที่มังสวิรัติ หมายรวมถึงการไม่รับประทาน
เนื้อสัตว์เท่านั้น

การกินเจ นอกจากจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของการสร้างบุญกุศล
ด้วยการละ เลิก เพื่อชีวิตแล้ว ในแง่ของสุขภาพร่างกาย
ก็พลอยได้รับประโยชน์ร่วมด้วย เพราะถือเป็นช่วงเวลาหนึ่ง
ที่ร่างกายมีโอกาสพักผ่อน จากการย่อยอาหารประเภทที่
ย่อยยากทั้งหลาย



กิน "เจ" ที่ภูเก็ต

"เจ" ที่ภูเก็ตมาจากรากฐานความเชื่อเดียวกัน คนจีนเรียก
"เจเดือนเก้า" แต่ถ้านับตรงกับเดือนไทยก็จะได้ตรงกับ
เดือน 11 เทศกาลกินเจที่ภูเก็ตจึงมีขึ้นหลังเทศกาลกินเจ
ทั่วๆ ไป บางครั้งเราจึงมักได้ยินเชื่อเรียกของเทศกาล
กินเจที่ภูเก็ต ว่าเป็นเทศกาลกินผัก ซึ่งแท้จริงแล้วก็คือ
การกินเจในรูปแบบและระยะเวลา 9 วันเช่นเดียวกัน

ความเชื่อเกี่ยวกับการกินเจที่ชาวภูเก็ตเล่าสืบต่อกันมาว่า
มีคณะงิ้วจากเมืองจีนมาเปิดการแสดงที่กะทู้ แล้วบังเอิญ
เกิดโรคระบาด คณะงิ้วจึงจัดให้มีพิธีกินเจ และสร้างศาลเจ้าขึ้น
ปรากฏว่าโรคระบาดก็หายไปสิ้น ชาวบ้านเกิดความเลื่อมใส
จึงปฏิบัติตาม นับเนื่องจากนั้นมีผู้ศรัทธามากขึ้นเรื่อยๆ
ชาวกระทู้จึงอยากให้พิธี "กินเจ" ของตนสมบูรณ์แบบ
ตามแบบพิธีในมณฑลกังไส จึงได้ส่งตัวแทนไปนำเอา
ควันธูปกลับมา โดยการตั้งมั่นที่แรงกล้า เพราะพิธีการนำ
ควันธูปกลับมานั้น ต้องจุดธูปต่อกันมิให้มอดดับได้ ศาลเจ้า
กระทู้จึงเป็นศูนย์กลางของเทศกาลการกินเจที่ภูเก็ตเรื่อยมา
จนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ

9 วันแห่งพิธีกรรมของการกินเจที่ภูเก็ต

กลางคืนวันที่หนึ่ง จะมีพิธียกเสา "โกเด้ง" ขึ้นที่หน้าศาลเจ้า
หรืออ๊าม เพื่อใช้เป็นที่แขวนตะเกียงทั้ง 9 ดวง และอัญเชิญ
ดวงวิญญาณของยกอ๋องฮ่องเต้ หรือ พระอิศวร และ กิวอ๋อง
ไตเต หรือ ราชาผู้เป็นใหญ่ทั้งเก้า มาประทับ

เช้าวันรุ่งขึ้นมีการจุดธูปขนาดใหญ่ ตั้งเครื่องเซ่นและเผาไม้หอม
เพื่อบูชาเจ้าประจำอ๊าม

หลังพิธีการกินเจ หรือชาวภูเก็ตเรียก "การกินผัก" ผ่านไป 3 วัน
จะถือว่าตัวเองมีความสะอาดแล้ว หรือเรียกว่า "เช้ง" ในตอนค่ำ
มีพิธีการเชิญเจ้าเข้าทรงอีก 2 องค์ คือ "ลำเต้า" เจ้าผู้สำรวจ
คนเกิด และ "ปักเต้า" เจ้าผู้สำรวจคนตาย และทำพิธี "ปั้งกุ้น"
หรือพิธีปล่อยพระ หรือการจัดทหารของเจ้าไปรักษาศาลเจ้า
ทั้ง 5 ทิศ เพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้าย และภูตผีมาทำลายพิธี ความ
สนุกสนานเริ่มขึ้นตรงนี้ เมื่อการเชิญทหารเต็มไปด้วยร่างทรง
ของตัวละคร อาทิ เห้งเจีย บู๊สง เป็นต้น

ในวันที่เจ็ด เริ่มพิธี บูชาดาว เพื่อขอความเป็นสิริมงคล รักษา
โรคภัยไข้เจ็บ

สองวันสุดท้าย เป็นความตื่นเต้นท้าทาย เมื่อมีการจัดขบวนพิธี
แห่อย่างมโหฬาร เพื่อนำเกี้ยวไปรับพระจำหลักที่สะพานหิน
เป็นการระถึงวันที่ควันธูปจากมณฑลกังไสมาถึงภูเก็ต ใน
ขบวนแห่จะมีการแสดงอิทธิฤทธิ์ของม้าทรง หรือ คนทรงเจ้า
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย จะเห็นภาพของการใช้ของมีคมต่างๆ
ทิ่มแทงตามร่างกาย มีทั้งง้าว ลูกตุ้มเหล็กฟาดหน้าฟาดหลัง
เอาขวานจามหลัง หรือเอาเหล็กแหลมทิ่มแทงร่างกาย หรือ
แทงลิ้น จนกระทั่งเฉือนลิ้นตัวเองออกมา โดยท้าทรงเหล่านั้น
อ้างว่าไม่มีความเจ็บปวดใดๆ ขณะเป็นร่างทรง ม้าทรงจะ
เดินเต้น ไปทั่วเมือง ชาวบ้านจะตั้งโต๊ะเครื่องเซ่นไหว้เพื่อให้
เจ้าไปโปรดและมีการจุดประทัดตลอดเส้นทาง ทั้งเกาะปกคลุม
ด้วยควันธูปและประทัด

วันที่เก้า จะมีพิธีศักดิ์สิทธิ์ คือ พิธี "โก๊ยโห้ย" หรือพิธีลุยไฟ
สะเดาะเคราะห์ ม้าทรง หรือเจ้าจะเดินผ่านกองไฟ ที่มีถ่าย
ร้อนแดงเป็นระยะทางกว่า 2 ฟุต และตามด้วยผู้ที่ถือศีลกินเจ
ที่มีความมั่นใจว่าตัวเองสะอาดแล้ว ก็สามารถร่วมลุยไฟได้
ด้วยเช่นกัน ในตอนกลางคืนจะมีพิธีปีนบันไดมีด สูงประมาณ
12 เมตร และจบลงที่ยามดึกของคืนวันที่ 9 จะมีการแห่พระ
ไปส่งทะเลบริเวณสะพานหิน และนำเสาโกเต้งลงดับโคมไฟ
ทั้ง 9 เป็นเสร็จพิธีกินเจที่ภูเก็ต

กินเจ ที่ภูเก็ต ออกไปในแนวสนุกสนาน ตื่นเต้น ด้วยอิทธิ
ปาฏิหาริย์ ซึ่งพิสูจน์ไม่ได้ แต่หลายคนที่ไปดูด้วยตาตนเอง
ยังพกความตื่นตาตื่นใจ เป็นประสบการณ์มาถึงปัจจุบัน
และเป็นอีกหนึ่งวัฒนธรรมการกินเจอีกรูปแบบหนึ่ง








Create Date : 10 กันยายน 2551
Last Update : 10 กันยายน 2551 16:34:39 น. 1 comments
Counter : 1092 Pageviews.

 
จะเริ่มแล้วจ้า สำหรับเทศกาลกินเจ


โดย: หน่อยอิง วันที่: 10 กันยายน 2551 เวลา:16:39:57 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

kobnon
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]




.
สาระน่ารู้ประจำวัน
1.โรคข้อสันหลังอักเสบติดยึด
2. บุหรี่ ทำนมยาน หูตึง
3. Upside down pineapple cake


music
Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
10 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kobnon's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.