ความรู้เกี่ยวกับการตรวจเต้านมด้วยวิธีเมมโมแกรม
| | | |
ได้ไปเยี่ยมหัวหน้าซึ่งเพิ่งผ่าตัดมะเร็งที่เต้านม ทำให้ได้ รู้ว่าโรคนี้เป็นภัยเงียบถ้าเราไม่รู้จักตรวจตราร่างกายของ เราว่ามีอะไรเกิดขึ้นมาและผิดปกติบ้างหรือเปล่า บางครั้ง ก็อาจสายเกินแก้ไปแล้ว วันนี้ก็เลยขอนำความรู้เกี่ยวกับ การตรวจเมมโมแกรมเต้านม ซึ่งเป็นการตรวจที่แพร่หลาย ในปัจจุบัน สามารถตรวจได้ทั้งโรงพยาบาลของรัฐและ เอกชนค่ะ แต่ถ้าเป็นของรัฐอาจจะต้องรอคิวนานหน่อย ถ้าคิดว่าตัวเองมีอะไรผิดปกติอย่ารอช้ารีบไปตรวจกับ โรงพยาบาลเอกชนก่อนจะดีกว่า ค่าใช้จ่ายของโรง พยาบาลเอกชนราคาประมาณ 1,700- 2,300 บาท แล้ว แต่ช่วงที่บางโรงพยาบาลจัดโปรโมชั่น สำหรับ โรงพยาบาลของรัฐราคาประมาณ 800 บาทค่ะ
แมมโมแกรมคืออะไร
แมมโมแกรม คือการตรวจเต้านมโดยใช้รังสีเอ็กซ์ ในขณะตรวจเต้านมจะถูกกดโดยเครื่องให้แน่นเพื่อที่จะได้เห็นความผิดปกติอย่างชัดเจน
ประโยชน์ของแมมโมแกรม
แมมโมแกรมมีความสามารถสูงในการตรวจหามะเร็งเต้านมที่ยังมีขนาดเล็กและไม่มีอาการ ทำให้ผลการรักษาดีผู้ป่วยมีโอกาสอยู่รอดมากขึ้นและนานขึ้น การตรวจแมมโมแกรมในคนปกติที่ไม่มีอาการ เพื่อหามะเร็งระยะเริ่มต้นแบบนี้ เรียกว่า " SCREENING MAMMOGRAM " นอกจากนี้แมมโมแกรมยังมีประโยชน์ในการวินิจฉัยโรค (diagnosic mammogram) ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการแล้ว เช่น คลำได้ก้อน
ข้อด้อยของแมมโมแกรม
1. เจ็บ ระหว่างการตรวจเต้านมจะถูกบีบให้แน่น จึงทำให้รู้สึกเจ็บบ้าง แต่จะพอทนได้
2. ค่าใช้จ่าย การทำแมมโมแกรมเพื่อตรวจหามะเร็งระยะเริ่มต้นจะมีประสิทธิผลสูงสุดก็ต่อเมื่อต้องทำเป็นประจำทุก 1 ปี ด้วยเหตุนี้อาจทำให้มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายได้ ค่าตรวจแมมโมแกรมแต่ละครั้งประมาณ 800-2000 บาท แล้วแต่ละโรงพยาบาล เพราะว่าแมมโมแกรมมีความไวสูงในการตรวจหามะเร็งระยะเริ่มต้น แต่มีความเฉพาะเจาะจงไม่สูงมาก หมายความว่าเมื่อรังสีแพทย์เห็นความผิดปกติในแมมโมแกรม อาจมีบางครั้งที่ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นมะเร็งหรือไม่เป็นมะเร็ง ผู้ป่วยอาจต้องได้รับการตัดชิ้นเนื้อบริเวณนั้นออกมาดู (ตัดเฉพาะความผิดปกติออก ไม่ใช่ตัดทั้งเต้านม)
หมายเหตุ : ปริมาณรังสีเอ็กซ์ที่ใช้ในการตรวจจะมีปริมาณน้อยมาก ปลอดภัย ไม่ทำให้เกิดมะเร็งแต่อย่างใด
ข้อห้ามในการตรวจแมมโมแกรม
ในระหว่างตั้งครรภ์ ควรหลีกเหลี่ยงการตรวจ Screening Mammogram จริง ๆ แล้วในคนท้องถ้าจำเป็นจริง ๆ เช่น คลำได้ก้อน ก็สามารถทำแมมโมแกรมได้ โดยเจ้าหน้าที่จะเอาแผ่นตะกั่วกันรังสีมาคลุมท้องไว้ขณะตรวจ
หมายเหตุ : หญิงกำลังมีประจำเดือนก็สามารถทำการตรวจ ได้ หญิงที่เสริมเต้านมก็ทำการตรวจได้ เพียงแต่ควรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบก่อนทำการตรวจ
จะเริ่มตรวจแมมโมแกรมเพื่อหามะเร็งระยะเริ่มต้นเมื่อไรดี
ในอเมริกายังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าควรเริ่มตรวจเมื่ออายุ 40 ปีหรือ 50 ปีดี สำหรับประเทศไทยก็ยังไม่มีงานวิจัยหรือคำแนะนำที่เป็นมาตรฐานสำหรับประเทศออกมาใช้ ส่วนตัวของผู้เขียนคิดว่าการพิจารณาว่าหญิงไทยควรจะเริ่มตรวจเมื่ออายุเท่าไร ควรเป็นการพิจารณาร่วมของเจ้าตัวและแพทย์เจ้าของไข้ โดยคำนึงถึงปัจจัยทางคลินิก ( เช่น มีประวัติมะเร็งเต้านมในครอบครัวหรือไม่ , กินฮอร์โมนหรือไม่ ) และการชั่งน้ำหนักระหว่างข้อดีและข้อด้อยของแมมโมแกรมอย่างที่กล่าวมาแล้ว
ความถี่ในการตรวจ
ในต่างประเทศ ส่วนมากจะแนะนำให้ตรวจเป็นประจำทุก 1 ปี
ข้อควรทราบอื่นๆ สำหรับการตรวจแมมโมแกรม
ถึงแม้แมมโมแกรมจะมีความสามารถสูงในการตรวจหามะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้น แต่ก็ไม่ 100% เพราะฉะนั้นการตรวจหามะเร็งระยะเริ่มต้นต้องประกอบด้วย
คลำเต้านมตัวเองเดือนละ 1 ครั้ง ( Breast Self Examination - BSE ) ให้แพทย์ตรวจเต้านมปีละ 1 ครั้ง ( Clinical Breast Examination - CBE ) สำหรับคนอายุ 40-50 ปีขึ้นไป ให้ทำแมมโมแกรมปีละ 1 ครั้งด้วย
ในบางสถาบัน คนที่ทำแมมโมแกรมจะได้รับการตรวจด้วยคลื่นเสียง (Ultrasound) ด้วยทุกราย แต่ในบางสถาบัน เช่น รพ. พระมงกุฎเกล้า จะทำ ultrasound เฉพาะในบางรายเท่านั้น เช่น ในรายที่สงสัยก้อน Ultrasound อย่างเดียวไม่สามารถทดแทนแมมโมแกรมในการตรวจหามะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้นได้
ความผิดปกติเล็ก ๆ น้อย ๆ จากแมมโมแกรมพบได้บ่อย ไม่ต้องตกใจ รังสีแพทย์อาจถ่ายฟิล์มท่าต่าง ๆ เพิ่มเติมหรือนัดให้ตรวจติดตามอย่างใกล้ชิด ( เช่น ทุก 6 เดือน ) สักระยะหนึ่ง
ควรนัดมาตรวจแมมโมแกรมในช่วงที่ไม่คัดเต้านม เพราะจะทำให้เจ็บน้อยลงขณะตรวจ หรืออาจจะไม่เจ็บเลยก็ได้
วันมาตรวจ ควรสวมชุดครึ่งท่อนเพื่อความสะดวกในการตรวจ
วันมาตรวจต้องไม่ทาครีม , แป้ง , น้ำหอม หรือน้ำยาดับกลิ่นตัวบริเวณเต้านมและรักแร้ทั้งสองข้าง เพราะอาจทำให้ดูเหมือนมีความผิดปกติ ( หินปูน ) ในภาพแมมโมแกรมได้ การตรวจเต้านมด้วยตนเอง (BSE)
สมาคมมะเร็งของสหรัฐอเมริกา ( THE AMERICAN CANCER SOCIETY ) แนะนำว่าผู้หญิงอายุ 20 ปีขึ้นไปทุกคนต้องคลำเต้านมตัวเองเดือนละครั้ง ผู้หญิงที่ยังมีประจำเดือนอยู่ควรคลำหลังจากหมดประจำเดือน 1-7 วัน เพื่อหลีกเลี่ยงช่วงที่เต้านมคัดตึงซึ่งอาจจะทำให้คลำยาก และคลำคล้ายมีก้อนได้ ส่วนผู้หญิงที่หมดประจำเดือนแล้วควรคลำในวันเดียวของทุกเดือน เช่น ทุกวันที่ 25 เป็นต้น
วิธีตรวจเต้านมตัวเองทำได้ ดังนี้
ขั้นที่1 ถอดเสื้อแล้วยืนตรงแขนชิดลำตัวหน้ากระจก มองดูเต้านมโดยเปรียบเทียบทั้ง 2 ข้าง มองหาว่ามีความ การมอง แตกต่างกันระหว่างนม 2 ข้างหรือไม่ เช่น มีก้อน , มีสีผิวหนังเปลี่ยนแปลงไป หรือมีรอยดึงรั้งไหม เสร็จแล้วให้มองหาในทำนองเดียวกัน แต่เปลี่ยนท่ายืนเป็นยืนท้าวสะเอวและยกแขน 2 ข้างไว้บนศีรษะ ขั้นที่2 ให้นอนหงาย ยกแขนข้างเดียวกับนมที่จะตรวจไว้เหนือศีรษะโดยงอข้อศอกด้วย เอาหมอนแบน ๆ หรือ
การคลำ ผ้าเช็ดตัวรองใต้ไหล่ข้างเดียวกันกับนมข้างที่จะตรวจ แล้วใช้มือด้านตรงข้ามคลำ การคลำให้ใช้ อุ้งนิ้ว 3 นิ้ว ( นิ้วชี้ , นิ้วกลาง , นิ้วนาง ) ไม่ใช้ปลายนิ้ว กดลงไปและในขณะเดียวกันก็คลึง คือวนเป็น ก้นหอยด้วย ตอนแรกลงน้ำหนักเบา ๆ ก่อนแล้วจึงค่อยกดแรงขึ้น และทำอย่างนี้ไปจนกระทั่ง ทั่วเต้านม
หลังจากคลำเต้านมเสร็จแล้วให้บีบหัวนมเบา ๆ ดูว่ามีอะไรไหลออกมาหรือไม่และคลำรักแร้ด้วย เมื่อทำเสร็จข้างหนึ่งแล้ว ก็ทำอย่างเดียวกันกับด้านตรงข้าม
การคลำอาจทำในท่ายืนตอนอาบน้ำก็ได้ ก็ใช้เทคนิคเดียวกันกับในท่านอน
เต้านมคนปกติอาจไม่เรียบได้ อาจตะปุ่มตะป่ำเล็กน้อยหรือหนาขึ้นเป็นทางบาง ๆ ได้ ถ้าคลำเต้านมตัวเองทุกเดือนก็จะทราบว่าโตขึ้นหรือไม่ ถ้าโตขึ้นแสดงว่าผิดปกติค่อยมาพบแพทย์
ถ้าคลำเต้านมตัวเองแล้วพบความผิดปกติต่อไปนี้ให้รีบมาพบแพทย์
พบก้อน หัวนมถูกดึงรั้งผิดปกติ มีน้ำเหลืองหรือเลือดไหลจากหัวนม ผิวหนังบริเวณเต้านมมีรอยบุ๋ม ขนาดและรูปร่างของนมทั้ง 2 ข้างต่างกันอย่างผิดปกติ ขอย้ำว่าการตรวจเต้านมตัวเองต้องทำทุกเดือน และต้องคลำให้ทั่วนม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก รพ.พระมงกุฎเกล้า
| | | | |
Create Date : 03 มีนาคม 2552 |
|
4 comments |
Last Update : 3 มีนาคม 2552 11:08:08 น. |
Counter : 2016 Pageviews. |
|
|
|
แวะมาทักทายค่ะ ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมบล็อคน่ะค่ะ
วันนี้เปลี่ยนบรรยากาศจากท้องฟ้าเป็นดอกไม้หวานๆล่ะกัน