ไรอัน กิ๊กส์ อดีตกัปตันทีมชาติเวลส์ พร้อมเพื่อนนักเตะร่วมกล่าวอาลัยกับการจากไปของ แกรี สปีด ตำนานผู้เล่นประจำเวที พรีเมียร์ชิป อังกฤษ และกุนซือ "มังกรแดง" ที่จากไปอย่างกะทันหันด้วยการฆ่าตัวตาย ทั้งที่ก่อนหน้านั้นยังออกรายการ "ฟุตบอล โฟกัส" ของสำนักข่าว "บีบีซี" ด้วยท่าทียิ้มแย้มแจ่มใส

 

        สปีด ถูกพบเป็นศพแขวนคอตายภายในแมนชันราคา 1.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 75 ล้านบาท) ย่าน ฮันทิงตัน ฮอลล์ ใน เชสเชียร์ ประเทศอังกฤษเมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน 2554 ตามเวลาท้องถิ่น ทิ้งให้ หลุยส์ ภรรยาและลูกชาย 2 คนต้องเผชิญโลกต่อไปตามลำพัง ส่วนสาเหตุยังไม่สามารถระบุแน่ชัดเนื่องจากตำรวจตรวจสอบที่เกิดเหตุไม่พบหลักฐานที่บ่งชี้ว่าเป็นการฆาตกรรม

 

        บรรดานักเตะได้ทยอยกันออกมากล่าวไว้อาลัย สปีด กุนซือทีมชาติเวลส์ที่จากไปด้วยวัย 42 ปี เริ่มจาก กิ๊กส์ ปีก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด "ผมรู้สึกใจหาย แกรี คือหนึ่งในผู้ชายที่เยี่ยมที่สุดในโลกฟุตบอล คือบางคนที่ผมภูมิใจเรียกอย่างเต็มปากว่าเพื่อนร่วมทีมและเพื่อน ก็ไม่รู้จะเริ่มพูดอย่างไรดีเพราะเศร้ามากที่ได้ยินข่าวเลวร้ายนี้และคิดว่าครอบครัวเขาก็จะต้องเสียใจมากกว่าหลายเท่า"

 

        ด้าน แซม อัลลาไดซ์ กุนซือที่ดึง สปีด มาร่วมทัพ โบลตัน วันเดอเรอร์ส เมื่อปี 2004 พร้อมกลายเป็นนักเตะคนแรกที่เล่นเกม พรีเมียร์ชิป ครบ 500 นัดกล่าวถึงลูกน้องเก่าว่า "แกรี เป็นเด็กที่เยี่ยมมากและมีความเป็นมืออาชีพ เขากระหายและเล่นฟุตบอลมาอย่างยาวนานรวมถึงประสบความสำเร็จล้นเหลือ แถมยังชอบแสวงหาความรู้ใหม่ๆ โดยเฉพาะเรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬา ยากเหลือเกินเมื่อได้ยินข่าวนี้ เพราะเขาเหมือนเป็นครอบครัวของผม"

 

        ด้าน ร็อบบี ซาเวจ อดีตกองกลางทีมชาติเวลส์โพสต์ข้อความถึง สปีด ผ่านทาง "ทวิตเตอร์" เครือข่ายสังคมออนไลน์ของตนเองว่า "โลกสูญเสียผู้ชายที่ยอดเยี่ยมอย่าง แกรี ผมยังคุยกับเขาอยู่เลยเมื่อเช้าวานนี้ดังนั้นเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก ทำไม! ทำไม! ทำไม! ผมคิดถึงเขามากจริงๆ"

 

        ทางด้าน ชาบี อลอนโซ กองกลาง รีล มาดริด ที่เคยเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล บนเวที พรีเมียร์ชิป นานถึง 5 ปีกล่าวว่า "หลับให้สบาย แกรี เกมแรกของผมบนเวที พรีเมียร์ชิป อังกฤษ ได้ปะทะกับเขาและเป็นคนที่ทำให้รู้ว่าเกมฟุตบอลอังกฤษเป็นอย่างไร"

 

        สปีด เริ่มต้นชีวิตค้าแข้งด้วยการเป็นนักเตะเยาวชนของ ลีดส์ ยูไนเต็ด ก่อนขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ของ "ยูงทอง" จนได้แชมป์ดิวิชัน 1 ในปี 1992 ก่อนเปลี่ยนชื่อมาเป็น พรีเมียร์ลีก ในปัจจุบัน จากนั้นก็ย้ายไปร่วมทีม เอฟเวอร์ตัน, นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด, โบลตัน และ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ขณะที่ทีมชาติเวลส์ก็ติดธงไปทั้งสิ้น 85 นัด ล่าสุดไม่สามารถคุม "มังกรแดง" ผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร 2012 ที่ โปแลนด์ และ ยูเครน

ข่าวกีฬา จาก manager.co.th