แม้ “ปีศาจแดง” มีคิวรักษาช่องว่างให้ห่างมากขึ้นกว่าเดิมหลังจากโดนปืนใหญ่ไล่มาเหลือ 1 แต้มก่อนลงเล่นกับวีแกนในวันเสาร์ที่ 26 ก.พ....แต่นัดสำคัญของพวกเขาที่อาจมีผลต่อการลุ้นแชมป์คือนัดบุกเยือนเชลซี และมันก็เป็นช่วงเวลาที่น่าติดตามไม่น้อยเมื่อปีศาจแดงต้องเล่นนัดเยือน 4 เกมติดต่อกัน
จากมาร์กเซย, เชลซี,วีแกน และปิดท้ายด้วยลิเวอร์พูลในวันที่ 6 มี.ค. นี่คือช่วงเวลาที่อาจส่งผลกระทบต่อฤดูกาลนี้ของผีแดงก็เป็นไปได้
อย่างไรก็ตามแม้มองข้ามเกมเยือนวีแกนไป แต่ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรกับการบุกไปเก็บชัยชนะของ “ปีศาจแดง” ในนัดนี้พร้อมรักษาช่องว่างต่อ แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่การเยือนเชลซี แม้เจ้าบ้านถูกมองว่าแทบหมดลุ้นแชมป์ไปแล้ว แต่ศักดิ์ศรีของทีมใหญ่ยังอยู่ ที่สำคัญพวกเขายังมีพื้นที่แชมเปี้ยนส์ ลีกให้ช่วงชิง
หากเชลซีชนะแมนฯยูฯ ได้พวกเขาจะแซงสเปอร์สขึ้นเป็นที่สี่แทน...แต่นั่นคงไม่น่าประทับใจเท่ากับการหยุดแมนฯยูไนเต็ด จะด้วยผลเสมอหรือชัยชนะก็ตามที
สถิติ..สถิติ
|
เชลซี ชนะ
|
เสมอ
|
แมนฯ ยูฯ ชนะ
|
ลีกสูงสุด
|
39
|
41
|
56
|
ลีก คัพ
|
1
|
1
|
2
|
เอฟเอ คัพ
|
2
|
1
|
8
|
อื่นๆ
|
1
|
4
|
1
|
Total
|
43
|
47
|
67
|
ดูจากสถิติโดยรวม แมนฯยูไนเต็ดยังคงเหนือกว่าเชลซีแต่หากเจาะไปเฉพาะ 7 ปีนับจากโรมัน อบราโมวิช เข้ามาบริหารทีมเชลซีจะพบว่า “สิงห์บลู” คือทีมที่สร้างความลำบากใจให้แมนฯยูไนเต็ดแทบทุกครั้งที่พบกัน และมักมีผลต่อการลุ้นแชมป์ด้วยเหมือนเมื่อปีที่แล้วที่ชนะทั้งเหย้าและเยือน
7 ปีที่ผ่านมาพบกันเกือบครบทุกรายการผลปรากฏว่าเชลซีนั้นถือสถิติที่ดีกว่าโดยเชลซีแม้ว่าจะเปลี่ยนโค้ชไป 6 คนก็ยังชนะแมนฯยูฯ 10 ครั้งเสมอ 9 และแพ้ 3 หากคิดเป็นคะแนนอย่างเดียวทั้งหมด 22 เกมเชลซีได้ 39 แต้ม ขณะที่แมนฯยูณได้ 18 แต้มห่างกันครึ่งต่อครึ่ง โดยเฉพาะเล่นที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ด้วยแล้วยิ่งเข้าทางเชลซีเชลซี
สภาพทีม
เชลซี..แน่นอนว่าเจ้าบ้านหลังผ่านโคเปนเฮเก้นไม่ยากทำให้พวกเขามีเวลาพักฟื้นมากกว่าแมนฯยูไนเต็ด โดยนักเตะชุดหลักของพวกเขาพร้อมลงสนามอย่างเต็มที่ขึ้นกับว่า คาร์โล อันเชลอตติ จะเลือกใช้ใครลงสนามในตำแหน่ง 11 คนแรกเท่านั้นเอง เวลานี้ 13-15 คนพร้อมเล่นตั้งแต่กองหลังจนถึงกองหน้า
อีกทั้งความมั่นใจในตัวเองกลับคืนมาแล้ว
แมนฯยูฯ- ปัญหาน่าหนักใจเวลานี้คือสภาพทีมไม่พร้อม หลังแข่งกับมาร์กเซยจบพวกเขาพบกับวีแกนในพรีเมียร์ลีกก่อนจะเตะกับเชลซี ซึ่งดูแล้วเชลซีไม่มีเกมเล่นเสาร์-อาทิตย์ดูพร้อมกว่า ข่าวล่าสุดนั้นระบุว่า ไรอัน กิ๊กส์ ยังไม่แน่ว่าจะผ่านการทดสอบความฟิตหรือไม่ อันแดร์สัน พักสองเดือน ส่วนรายอื่นๆก็ไม่สดชื่นเท่ากับเชลซี
กลยุทธ์และผลที่คาด
เชลซีสามารถใช้สูตรการเล่นสองแบบคือ 4-4-2 และ 4-3-3 แต่ดูเหมือนว่าล่าสุดนั้น อันเชลอตติ กลับไปใช้แบบแรกและเป็นเกมที่เอาชนะโคเปนเฮเก้นเรียกความมั่นใจอีกต่างหาก ดังนั้นไม่น่ามีการเปลี่ยนแปลงชุดนักเตะชุดนี้ นั่นก็ทำให้ ดิดีเยร์ ดรอกบา หลุดจากตำแหน่งตัวจริง โดย ตอร์เรส จะเล่นกับ อเนลก้า ขณะที่แดนกลางมากันครบทั้ง มาลูดา, เอสเซียง, แลมพาร์ด และอาจเป็น โอบี มิเกล แทน รามิเรซ ในการตัดเกม ส่วนกองหลังชุดเดิม เทอร์รี-อีวาโนวิช, โบซิงวา, โคล
ส่วนทางฝั่งแมนฯยูไนเต็ด มีปัญหาเรื่องการจัดทีมแน่เพราะไม่เต็มร้อย อีกทั้งต้องดูอาการของ ไรอัน กิ๊กส์ ด้วยว่าโอเคหรือไม่เพราะ กิ๊กส์ น่าจะมีผลต่อเกมใหญ่แบบนี้ อย่างไรก็ตามชุดผู้เล่นน่าจะปรับเปลี่ยนไปบางตำแหน่งเท่านั้น แนวรุกอาจพัก เบอร์บาตอฟ ข้างสนาม รูนีย์ จะได้เล่นก่อนและอาจใช้ ชิชาริโต เล่นหน้าก่อนเลย โดยนานี คือตัวทำเกมรุก ส่วนแดนกลางนั้น พอล สโกลส์ ลงคุมเกมแดนกลางร่วมกับ เฟลทเชอร์
เกมนี้...เชลซีเปิดฉากบุกตามเกม อาศัยการประสานงานของ ตอร์เรส-อเนลก้า กดดัน สมอลลิง กับ วีดิช โดยมี มาลูดา ช่วยทำเกมรุกอีกแรงหนึ่ง ดูจากความมั่นใจล่าสุดแล้วเชลซีเล่นเกมนี้โดยไม่กลัวแมนฯยูฯ น่าจะบงการเกมเอาไว้ให้ได้ทั้งหมด ส่วนแมนฯยูฯ นั้นรอจังหวะอย่างอดทน
อย่างไรก็ตามเกมใหญ่คงเจาะกันยาก เพราะจังหวะทันกันหมดและสถิติล่าสุดของคู่นี้ แพ้ชนะไม่ขาด และมักชนะด้วยความผิดพลาดของอีกฝั่งหนึ่ง
ผลที่คาด...เชลซีจะฉวยโอกาสจากความมั่นใจเบียดชนะแมนฯยูไนเต็ดหวุดหวิด 1-0
ขอบคุณ msn
วิเคราะห์บอลวันนี้ วิเคราะห์บอล