ให้บังเอิญที่กระแสยังไม่ทันจางหายไป...ทั้งสองทีมมีโปรแกรมลงสนามพบกันพอดี ตอร์เรส จึงเป็นจุดสนใจในเกมนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 การมาของ ตอร์เรส ได้รับความสนใจในแง่ที่เชลซีทุ่มทุนครั้งล่าสุดเพื่อลุ้นแชมป์กับแมนฯยูไนเต็ดในอีก 14 นัดที่เหลือ เช่นเดียวกันกับการที่ลิเวอร์พูลจะลงสนามเพื่อพิสูจน์ผลงานยุคใหม่ภายใต้การคุมทีมของ เคนนี ดัลกลิช ที่ดูเหมือนปฏิวัติเงียบในแอนฟิลด์ เหมือนกับค่อยๆ ล้างทีม ราฟา เบนิเตซ ออกไป

สถิติ...สถิติ...
 โดยตัวเลขเชิงสถิติแล้วเล่นที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ แล้วทีมเจ้าบ้านเชลซีมักทำได้ดีกว่าลิเวอร์พูล แม้กระทั่งยุคของ เคนนี ดัลกลิช เป็นนักเตะและผจก. ก็ไม่ง่ายในการบุกมาเก็บแต้มที่บ้านของสิงห์บลู อย่างปีแรกที่ เคนนี ดัลกลิช เป็นผจก./ผู้เล่นนั้นกว่าจะชนะเชลซีได้ก็หืดจับโดยฤดูกาล 1985-86 นั้นเป็น คิง เคนนี ยิงประตูชัยชนะ 1-0 แล้ว ลิเวอร์พูลครองแชมป์ประวัติศาสตร์

 นั่นมันเกิดขึ้นนานมาแล้ว ถึงยุคนี้ สแตมฟอร์ด บริดจ์ คือสนามที่ยากแก่การบุกไปชนะโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันยิ่งชัดเจน

ผลงานและสภาพทีม...
 เชลซี... สิงห์บลูยังอยู่อันดับสี่ตามหลังแมนยูไนเต็ด 10 คะแนน ล่าสุดชนะซันเดอร์แลนด์ 4-2 ถือว่าเกมรุกกลับมาเข้าที่เข้าทางแล้ว 5 นัดล่าสุดเฉพาะพรีเมียร์ลีกนับจากแพ้วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-0 พวกเขาไล่เก็บชัยชนะได้ 3 นัดเสมอ 1 นัด ดีขึ้นกว่าช่วงก่อนเยอะ

ส่วนความพร้อมสำหรับงานนี้หลังจากถล่มซันเดอร์แลนด์ 4-2 แบบว่าต้องลุ้นในครึ่งหลัง โดยเกมนี้คาดว่า คาร์โล อันเชลอตติ จะส่ง เฟร์นานโด ตอร์เรส ลงสนามปะทะทีมเก่าของเขาเอาฤกษ์เอาชัย นั่นทำให้การจัดทีมต้องปรับเปลี่ยน ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้ที่ ดรอกบาและอเนลก้า คนหนึ่งคนใดสำรอง หรือเป็นกองกลางที่ต้องออกไปหนึ่งคนระหว่าง โอบี มิเกล, แลมพาร์ด, เอสเซียงเพื่อเล่นระบบ 4-3-3ขึ้นกับการตัดสินใจของ อันเชลอตติ ในวันสองวันนี้

ลิเวอร์พูล...ผลงานล่าสุดในพรีเมียร์ลีกกระเตื้องขึ้นมานับตั้งแต่แพ้แบลคพูลก็เก็บคะแนนได้ 7 จาก 3 นัดล่าสุดโดยเฉพาะชัยชนะสามนัดรวดโดยไม่เสียประตูเลย  ทำให้อันดับคะแนนยังอยู่ที่ 7 ตามหลังสเปอร์ส 6 คะแนนและตามหลังซันเดอร์แลนด์ 2คะแนน

ความพร้อมล่าสุดนั้นลิเวอร์พูลที่ขาด เฟร์นานโด ตอร์เรส คาดว่าจะส่ง หลุยส์ ซัวเรส ลงเยือนเชลซี ขณะที่สภาพร่างกายนักเตะหลายคนอาจล้าจากเกมที่พบกับสโตค ซิตี้ ส่วน แอนดี้ แคร์โรลล์ ต้องรอไปอีกอย่างน้อยสองสัปดาห์จึงจะพร้อมลงสนาม

โดยกลางสัปดาห์นี้ เคนนี ดัลกลิช จัดนักเตะสไตล์เกมรับลงเล่นพร้อมกันสามคน เพราะต้องการเซฟทีมเอาไว้ใส่กับเชลซีโดยเฉพาะ ทั้งมักซี โรดริเกซ และ, ซัวเรส ซึ่งเป็นตัวสำรอง คาดว่าทีมชุดลุยเชลซีกับชุดเตะสโตค ซิตี้ มันคนละทีมกันเลย

ตอร์เรส ปะทะ ซัวเรส 
 สองคนนี้เป็นกองหน้าคนละสไตล์ เฟร์นานโด ตอร์เรส คือหน้าเป้าที่ดุดัน แข็งแกร่ง ใช้พลังสูง ยิงประตูเด็ดขาด แต่ไม่มีส่วนร่วมกับเพื่อนมาก แม้ได้แชมป์บอลโลก 2010 แต่เขาเป็นตัวสำรอง ตรงกันข้ามกับ หลุยส์ ซัวเรส ยิงประตูได้ เก็บบอลเล่นกับเพื่อนร่วมทีมได้ดี สามารถเล่นปีกได้ด้วย ที่สำคัญในฟุตบอลโลกเขาคือหัวใจเกมรุกนำทีมร่วมกันกับ ดีเอโก ฟอร์ลัน

 อัตราเฉลี่ยของการยิงประตูของ ตอร์เรส นั้นอยู่ค่าเฉลี่ย 1 ประตูจาก 1.73 นัดขณะที่ ซัวเรส นั้นมีสถิติที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับ ตอร์เรส โดย 1 ประตูของ ซัวเรส ได้จาก 1.45 เกม นั่นหมายความว่า ซัวเรส แทบไม่ต้องเสียเวลาในการยิงประตูนานเท่ากับ ตอร์เรส นั่นเอง

  อนึ่ง...ตัวเลขนี้คิดเฉพาะเกมกับสโมสรล่าสุด คือตอร์เรส กับลิเวอร์พูลและซัวเรสกับอาแจกซ์ เท่านั้น

กลยุทธ์และผลที่คาด
 คาร์โล อันเชลอตติ คงต้องวางแผนอย่างรัดกุมแม้มีกระแสเรียกร้องให้ใช้กองหน้าสามคนลุยแหลกทันที ไม่ว่าจะเป็น ดรอกบา, อเนลก้าและตอร์เรส โดยอาจใช้ระบบ 4-4-2 มาเล่น ปรับ อเนลก้า เป็นตัวทำเกมริมเส้นสองฝั่ง มี กาลู วิ่งลงสนามก่อน มาลูดา ขณะที่แดนกลางอาจต้องดรอป โอบี มิเกลหรือ เอสเซียง นั่งพัก แต่แฟร้งค์ แลมพาร์ด ยังอยู่ แดนหลังนั้น ดาวิด หลุยส์ มีชื่อสำรอง ส่วน เทอร์รี ต้องเล่นกับ อีวาโนวิช ไปก่อน

 ส่วนหงส์แดงนั้น เคนนี ดัลกลิช จะยังเล่นระบบ 4-2-3-1 โดยตรงกลาง 5 คนนั้นทั้ง เจอร์ราร์ด, ราอูล, โพลเซน เล่นด้วยกันด้านกว้างเป็น เคาต์และ โรดริเกซ เกมนี้เน้นความแน่นอนในการครองบอลและเกมรับมากเป็นพิเศษ ไม่บุ่มบ่ามที่สำคัญเล่นแบบนี้ทำให้เชลซีกดดัน เพราะแต้มเดียวจะทำให้โอกาสในการลุ้นแชมป์ของเชลซีเริ่มห่างไกลมากขึ้น ดังนั้นลิเวอร์พูลวางแผนรับรัดกุม ไม่เปิดโอกาสให้บอลถึง ตอร์เรส, ดรอกบา แม้กระทั่งอเนลก้า ได้เล่น

โดยคุณภาพของเกมแล้ว...เชลซี ดีกว่า แต่จากศักดิ์ศรี และสปิริตของนักเตะหงส์แดงจะทำให้พวกเขาตั้งใจเล่นเป็นพิเศษ

น่าจะออกเสมอแบ่งแต้มกันไปสำหรับเกมนี้

คำค้น ข่าวลิเวอร์พูล ข่าวเชลซี ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 

ขอบคุณ msn