|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
|
บุพกรรมของกัณหา – ชาลี
บุพกรรมของกัณหา – ชาลี
โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
ท่านสาธุชนทั้งหลาย วันนี้ขอพบกับบรรดาท่านพุทธบริษัทในเรื่องของกรรมเก่า ที่ตามภาษาบาลีท่านเรียกว่าบุพกรรม คือ กรรมของกัณหา – ชาลี
ในเรื่องนี้ปรากฎว่า บรรดาประชาชนในสมัยปัจจุบันพากันโจมตีองค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่เนือง ๆ ความจริงการโจมตีพระพุทธเจ้านี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับบรรดาผู้พูด เพราะเรื่องราวต่าง ๆ มันผ่านพ้นไปนานแล้ว แต่เห็นทางมีอยู่ทางเดียว คือจะประณามองค์สมเด็จพระประทีปแก้วบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เสื่อมทราม แต่ทว่า การจะทำอย่างไรก็ตาม พระพุทธเจ้าจะเสื่อมทรามหรือเสียหายไม่ได้
ทั้งนี้เพราะว่า องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเข้าสู่พระปรินิพพานไปแล้ว เราจะนั่งนินทาว่าร้ายพระพุทธเจ้าสักเพียงใดก็ตาม ความชั่วมันก็ตกอยู่กับตัวของบุคคลผู้พูดแต่ฝ่ายเดียว ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่า นินฺทา ปสํสา คำว่านินทาและสรรเสริญ เป็นความชั่วของบุคคลที่เกิดมา ผลที่เขาจะพึงได้รับในปัจจุบันนั่นคือความเสียหาย เขาเสียหายกันตรงไหน บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย จะพูดให้ฟัง คือเสียหายเพราะเสียเวลาประกอบกิจการงานของเขา ถ้าเขาจะเอาเวลาที่เขามานั่งนินทาพระพุทธเจ้าไปประกอบการงานให้เป็นประโยชน์ เขาก็จะมีประโยน์ มีทุนทรัพย์ขึ้นมามาก
สมมุติว่า เขานั่งนินทาวันละ 1 นาที ถ้า 10 วัน ก็ 10 นาที 100 วัน 100 นาที ปีหนึ่ง 365 วัน สิ้นเวลาการงานไป 365 นาที ถ้าลองคิดว่า เวลา 365 นาทีนี้ ถ้าเขาจะถอนหญ้าหน้าบ้านเขานาทีละ 1 ต้น หญ้าที่มันรกอยู่มันก็จะเตียนไป 365 ต้น เห็นไหม บรรดาท่านพุทธศาสนิกชน ท่านผู้ถูกนินทาไม่มีความเสียหาย แต่ว่าบุคคลที่นินทาเท่านั้นมีแต่ความเสียหาย เมื่อการนินทาไม่ได้อะไร แล้วก็เสียหายผลประโยชน์ของตน
Create Date : 18 ธันวาคม 2554 |
Last Update : 18 ธันวาคม 2554 22:53:26 น. |
|
6 comments
|
Counter : 305 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|
1. ไม่ทำความชั่วทั้งหมด
2. ทำแต่ความดี
3. รักษาชำระจิตใจของตนเองให้สะอาดบริสุทธิ์จากกรรมที่เป็นอกุศล
องค์สมเด็จพระทศพลต้องการผลตอบสนองเพียงเท่านี้ นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท องค์สมเด็จพระทรงสวัสดิ์ที่ทรงบำเพ็ญบารมีมาถึง 4 อสงไขย กำไรแสนกัปป์ ต้องการผลเพียงเท่านี้ ไม่ใช่ค่าจ้างรางวัล ใครเขาจะนินทาว่าร้ายนั้น องค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้คำนึงถึง เพราะพระองค์ทรงทราบอยู่แล้วว่า เขาจะนินทาแบบไหนก็ตาม ถ้าพระองค์ทำดี พระองค์ก็ไม่ทรงเลวไปตามเขาว่า แต่ถ้าพระองค์เลวแล้ว ใครจะชมสักเท่าไรก็ตามที พระองค์ก็ไม่ดีตามคำชม
ทีนี้กฎเกณฑ์แห่งการเป็นพระพุทธเจ้า จะต้องเสียสละลูกและเมียเป็นทาน ถ้ายังไม่สละลูก ไม่สละเมียเป็นทานเพียงใด ท่านผู้นั้นจะถือว่าเป็นพระพุทธเจ้ายังไม่ได้ จะไม่มีโอกาสได้บรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ และโดยปกติ ลูกและเมียทั้งสองฝ่ายนี้ ถ้าหากสร้างกรรมดีเข้าไว้ ก็จะไม่ต้องทุกข์ทรมานอะไร ดูตัวอย่างเช่นพระนางมัทรี