(......................)
(.................................)
กอล์ฟ (ตีพิมพ์ในนิตยสาร"เกลอ")
.........................จากเหตุการณ์นี้ ทำให้ไทยเสียกรุงศรีอยุธยาเป็นครั้งที่สอง มีใครรู้บ้างว่าเพราะอะไร ครูสุธีถามนักเรียนที่อยู่ในห้อง ไม่มีใครตอบเลยเหรอ ถ้างั้นคมกริชลองตอบมาซิ (...............................) คมกริชลุกขึ้นยืนตอบพร้อมกับแสดงท่าทาง เพื่อให้ครูสุธีได้เข้าใจง่ายขึ้น ก็ยังดีนะที่ตอบมา ถึงบ้างครั้งจะมีผิดบ้างถูกบ้างก็ตาม เอาเป็นว่า ครูจะให้นักเรียนทุกคนไปทำมาเป็นรายงานนะ แล้วเราจะมาพูดกันถึงเรื่องนี้อีกทีในชั่วโมงหน้า วันนี้คงพอแค่นี้แล้วกัน ครูพูดพร้อมกับหยิบเอกสารต่างๆ เข้ากระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องไป
ห้องเรียน 4 ห้องที่มีสภาพทรุดโทรมไม่ต่างกับกระท่อมร้างเก่าๆ โต๊ะเรียนจำนวนมากชำรุดเสียหาย จะมีเหลืออยู่น้อยมากที่สภาพยังพอจะใช้การได้
กริช วันนี้เราจะไปห้องสมุดที่หมู่บ้านโคกคูณกี่โมง โชติพูดพร้อมกับมองนาฬิกา นี่ก็บ่าย 3 กว่าแล้วนะ (..................................) กริชตอบพร้อมกับหยิบลูกอมมากิน (................) กริชยื่นลูกอมไปให้โชติ เออ! ใช่ลืมไปเลย ว่าแต่น้อยไม่ค่อยสบายนี่นะ เพราะเมื่อเช้าน้อยโทรมาบอกเรา แต่ถ้าเธอมาไหวก็จะมา ว่าแต่ว่ากินข้าวมาหรือยังล่ะ โชติเอ่ยถามกริช (..................................) กริชพูดพร้อมกับมีเสียงท้องที่ร้องดังออกมาจนสามารถได้ยินเสียงได้ เอาเป็นว่าเราไปกินข้าวตรงร้านพี่แอ๊ดหน้าโรงเรียนดีกว่า เผื่อน้อยมาจะได้เห็นด้วย โชติบอกพร้อมกับลุกขึ้นเดินไปร้านพี่แอ๊ดกับกริช เดินออกมาจากโรงเรียนไม่มากนัก จะมีร้านค้าแห่งหนึ่งตั้งอยู่ริมถนนดินลูกรัง ที่สองข้างทางเต็มไปด้วยบรรดาต้นไม้ใบหญ้าที่ขึ้นมารกมาก จนสภาพไม่ต่างจากป่าดงดิบสักเท่าไหร่ ยิ่งถ้ามองจากไกลๆ แล้วล่ะก็ ไม่มีทางรู้เลยว่ามีโรงเรียนตั้งอยู่ในสถานที่แบบนี้ด้วย ร้านพี่แอ๊ดจึงเป็นตัวเลือกเพียงหนึ่งเดียวของนักเรียนที่นี่ ไม่ว่าจะมาซื้อของหรือมากินข้าว เพราะถ้าไม่มาร้านพี่แอ๊ดแล้ว ก็คงไม่มีร้านไหนอีกเลยในละแวกนี้ อ้าว โชติกับกริชวันนี้กินอะไรกันดี พี่แอ๊ดเจ้าของร้านเอ่ยถามเมื่อเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามาในร้าน นั่งก่อน นั่งก่อน วันนี้อากาศมันร้อนจริงๆ เลยนะ ครับพี่แอ๊ด เอ่อ...ผมเอาผัดไทยไม่ใส่ถั่วงอกจานนึง เมื่อโชติสั่งแล้วจึงหันไปถามกริช กริชกินอะไร (...................................) กริชสั่ง น้ำแข็งเปล่า 2 แก้วด้วยครับ โชติตะโกนบอกพี่แอ๊ด
เมื่อทั้งสองกินข้าวไปได้หน่อยเดียว น้อยเดินผ่านหน้าร้านพี่แอ๊ดไปด้วยท่าทีที่เหนื่อยหอบและดูอ่อนแรง น้อย... เราอยู่นี่ อยู่ร้านพี่แอ๊ดนี่ ได้ยินมั้ย โชติตะโกนสุดเสียง มากันนานหรือยัง น้อยเดินเข้ามาหาโชติกับกริช ขอโทษที เมื่อเช้าปวดหัวน่ะ เลยเพิ่งจะออกมา น้อยพูด (..................................) กริชพูดพร้อมยื่นรายการอาหารไปให้น้อย ไม่ล่ะ น้อยยังกินอะไรไม่ค่อยลง
การเดินทางไปยังหมู่บ้านโคกคูณนั้น จะต้องนั่งรถสองแถวสีแดงคันเล็กๆ ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร ไปตามถนนที่ขรุขระ เป็นการเดินทางที่แสนนานและทรมานถึงที่สุด เพราะรถสองแถวจะค่อยๆวิ่งเนื่องเพราะสภาพถนนที่ไม่อำนวยนัก พร้อมทั้งสองข้างทางไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากทุ่งหญ้าที่ทอดยาวไปสุดสายตา แต่มีที่พอจะทำให้รู้สึกสบายขึ้นมาได้ ก็คงมีแต่เพียงสายลมเย็นๆที่พัดมาอย่างต่อเนื่องเท่านั้นเอง
เฮ้อ...กว่าจะถึง โชติบ่นหลังจากลงมาจากรถ (.................................) กริชพูดพลางหยิบกระดาษขึ้นมาเช็ดหน้าตัวเอง รีบไปเถอะ เดี๋ยวห้องสมุดจะปิดเอา น้อยกระตุ้นเพื่อนทั้งสองให้รีบ
ห้องสมุดเล็กๆ มีหนังสือไม่มากมายนัก แต่ก็นับมากมากเพียงพอสำหรับชาวบ้านในแถบท้องที่แห่งนี้
ไม่ค่อยมีคนเลยนะ เงียบดีจริงๆ โชติเอ่ยขึ้น เอางี้แล้วกัน เราแยกกันหานะจะได้เสร็จเร็วๆ น้อยแนะนำ (...............................) กริชพยักหน้ารับ ทั้งสามคนจึงต่างแยกย้ายกันไปหาข้อมูลมาทำรายงานตามที่ครูสุธีได้สั่งไว้ กริช ว่าไงเล่มนี้ใช้ได้หรือเปล่า เอ่อ..เล่มประวัติศาสตร์ของชาติไทยเนี่ย ไม่รู้จะมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับที่เราเรียนหรือเปล่า โชติเอาหนังสือที่ตัวเองหามาได้ให้กริชดู (..............................) กริชหยิบมาดูแบบคร่าวๆ แล้วก็วางไว้บนโต๊ะ เออกริช นายเคยคิดบ้างหรือเปล่าว่าทำไมคนเราถึงมารู้จักกันได้ อย่างเช่นนายกับเราน่ะ โชติเอ่ยขึ้นมาลอยๆ ถ้าในตอนนั้นนายไม่ได้ช่วยเราไว้ เราก็อาจจะไม่รู้จักกันก็เป็นได้ จริงไหม (..............................) กริชพูดพร้อมกับหันไปยิ้มให้โชติ (........................) กริชยกนิ้วขึ้นมานับ 7 ปีแล้วสินะเหรอที่เรารู้จักกันมาน่ะ อย่างนี้เค้าเรียกว่าเพื่อนแท้หรือเปล่านะ โชติพูดแบบทีเล่นทีจริง แต่ถ้านายไม่ช่วยเราไว้ตอนที่เราถูกพวกนักเลงท้องถิ่นรุมกระทืบเอา ก็ไม่รู้ว่าจะได้เป็นเพื่อนนายมาจนถึงทุกวันนี้หรือเปล่า ยังไงก็ขอบใจนายด้วยนะกริช (................................) กริชพูดพร้อมกับชี้ไปที่ขาของโชติที่พิการไปข้างหนึ่ง เนื่องจากถูกไม้หน้าสามตีเข้าที่หน้าแข้งอย่างแรง ไม่เป็นไรหรอกแค่นี้ คิดซะว่าเป็นความโชคร้ายของเราเอง อย่างน้อยโชติก็รู้ว่ากริชเป็นเพื่อนโชติจริงๆ ถ้าเป็นคนอื่นเราก็ไม่รู้ว่าจะมีใครกล้ามาช่วยเราไหม โชติพูดอย่างยิ้มแย้ม เฮ้ย แต่ถามจริงนะ ว่านายแอบชอบน้อยอยู่ใช่ไหมล่ะ โชติแกล้งหลอกถาม (................................) กริชตอบแล้วถามโชคกลับไปบ้าง ใช่ ความจริงเราก็ชอบเหมือนกัน แต่เราไม่แย่งนายหรอกเพราะนายเป็นเพื่อนเรา คุยอะไรกันอยู่ น้อยเดินเข้ามาหา น้อยหามาได้สามเล่ม แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วนะ
ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว เสียงจิ้งหรีดตามต้นไม้ร้องกันเสียงดังก้องไปทั่วท้องทุ่งนา ทั้งสามคนเดินออกมาจากห้องสมุดด้วยท่าทีที่รู้สึกเหนื่อยล้า
พรุ่งนี้หยุดเรียนนี่นะ เราเข้าไปเที่ยวในตัวเมืองกันไหม โชติเอ่ยขึ้น (.................................) กริชตอบ ตกลงเจอกันหน้าปั๊มน้ำมันตรงข้ามสถานีรถไฟในตัวเมืองตอน 9 โมงเช้าเลยละกัน โชติบอกกับเพื่อนๆ หลังจากนั้น กริชกับโชติไปส่งน้อยถึงถนนเข้าบ้าน แล้วทั้งสองก็ค่อยแยกย้ายกันไป
เช้าวันรุ่งขึ้นของตัวเมืองที่ไม่ค่อยใหญ่นัก รถต่างๆ บนถนนวิ่งกันรวดเร็วฉับไว ผู้คนเดินกันอยู่ประปรายตามทางเดินเท้า น้อยมาหรือยัง โชติที่เพิ่งมาถึงหน้าปั๊มน้ำมันเอ่ยถามกริชที่มาถึงก่อนแล้ว (..............................) กริชตอบพร้อมกับมองหาน้อย โชติ... กริช..............น้อยอยู่นี่ น้อยตะโกนดังมาจากอีกฟากหนึ่งของถนน น้อยมาแล้ว เราข้ามไปหาน้อยเลยละกัน โชติพูดกับกริช ว่าแล้วก็ก้าวเท้าลงไปบนถนนพร้อมกับกริช ยืนรอตรงนั้นนะ โชติตะโกนข้ามฝั่งกลับไปหาน้อย
แต่ทันใดนั้นเอง เสียงแตรรถที่ดังมาก ถูกบีบมาแต่ไกล ได้ใกล้เข้าไปหาโชติที่กำลังเดินข้ามถนนนำหน้ากริชอยู่เพียงหนึ่งช่วงตัว
ระวัง! น้อยหวีดร้องสุดเสียง (...............................) กริชตะโกนพร้อมกับผลักโชติให้พ้นไปจากเส้นทางที่รถคันนั้นวิ่งเข้ามาหา โดยที่ตัวเองนั้นต้องโดนชนอย่างแน่นอน นับว่าโชคดีที่รถคันนั้นหยุดสนิทก่อนที่จะพุ่งเข้ามาชนกริช แต่แล้ว..... ตูม!!!
เสียงที่ดังพอๆ กับระเบิดนั้นดังขึ้นมาต่อหน้ากริชพร้อมกับภาพของโชติเพื่อนรัก ถูกรถที่แซงขึ้นมาอีกคันชนเข้าอย่างแรง ร่างของโชติลอยขึ้นไปสูงมาก แล้วตกลงมากระแทกกับถนน หัวของโชตินั้นลงพื้นก่อน ทำให้เลือดและมันสมองที่สาดกระเซ็นออกมานั้น ได้เปรอะเปื้อนไปทั่วใบหน้าของกริชที่ยืนนิ่งไปด้วยความตกใจ..................
ถึงโชติเพื่อนรัก
เพื่อนเอ๋ย นายจะรู้ไหมว่า เรารู้สึกเป็นอย่างไรบ้างในตอนนี้ จากเหตุการณ์ในวันนั้นที่เกิดขึ้น เราไม่สามารถที่จะมองหน้าใครได้ ไปที่ไหนก็ถูกตราหน้าว่าเป็นคนฆ่าเพื่อน ทำร้ายเพื่อนเพื่อแย่งผู้หญิง ไม่มีใครเข้าใจเราเลย แต่ก็ยังมีอีกคนนึงที่เขาบอกว่า เขาเข้าใจเรา น้อยไง น้อยบอกว่าเข้าใจทุกอย่างที่เกิดขึ้น น้อยไม่ได้โทษเรา แต่น้อยก็ไม่พูดกับเราอีกเลย ทำเป็นไม่รู้จักเราเหมือนเมื่อก่อน เราดีใจด้วยนะ ที่น้อยนั้นชอบนาย ถ้านายยังอยู่ นายคงจะดีใจมากนะโชติ เราจะแวะมาเยี่ยมนายบ่อยๆ เราจะเอากระดาษใบนี้วางไว้ตรงนี้ เผื่อว่านายจะได้รับรู้ความในใจของเรา มีสิ่งหนึ่งที่เราอยากจะพูดให้นายได้ยินมานานแล้ว แต่นายก็รู้ว่าเราเป็นใบ้ เราเลยไม่สามารถจะพูดออกมาให้นายฟังได้ (..........เรารักนายนะเพื่อน............) แต่เรายังมีคำถามที่อยากจะถามนายว่า สิ่งที่เราทำกับนายลงไป แบบนี้เรียกว่าเพื่อนแท้หรือเปล่า ? .....................แต่เรารู้ว่านายตอบเราได้ ถึงไม่ว่าจะไม่มีผู้ใดเข้าใจเราเลยสักคนก็ตาม
รักและคิดถึงเพื่อนเสมอ กริช
Create Date : 23 สิงหาคม 2549 |
|
10 comments |
Last Update : 17 ตุลาคม 2549 9:49:37 น. |
Counter : 1268 Pageviews. |
|
|
|
เจิมซะเลย อิอิ