ตอบครับ เพิ่งได้รับ visa เมื่อวาน ดีใจมากเลยได้ 10 ปี (เขียนว่าไปเที่ยวปีใหม่ 2 อาทิตย์ใน ds 156) แต่เค้าแนบเอกสารอีกแผ่นของ INS มาให้เรา บอกให้ส่งเอกสารยืนยันว่าได้ออกจากสหรัฐไปแล้วเพราะว่าใน passport เรามี form I-94 แผ่นสีขาวติดไว้อยู่คราวที่ได้ J-1 ที่ผ่านมา(ไม่รู้มาก่อนว่าตอนขาออก เค้าจะต้องดึงออกไป หรือเราต้องคืนเค้า)เค้าเขียนว่าเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องส่งเอกสาร(photocopies of entry or departure stamps in your passport indicating entry another country after you departed the US,school records showing attendance at a school outside the US,etc...)ไปยัง INS เพื่อ validate departure กะว่าจะเตรียมเอกสารส่งไปเร็วๆนี้ (ก็ฝากเตือนว่าตอนขาออกอย่าลืมคืน I-94) ขอบคุณครับ
เป็น Blog ที่ช่วยเหลือคนที่ไม่รู้วิธีการขอวีซ่าไปอเมริกาที่ดีจริง ๆ อานิสงฆ์แห่งความเผยแพร่ข้อมูลนี้คงจะทำให้คุณมีสุขมาก ๆ น่ะค่ะ thank you for your kindness.
โดย: tu IP: 203.149.31.98 วันที่: 8 ธันวาคม 2549 เวลา:10:55:05 น.
hello everybody thank u very much to this site!! today i went for interview at us embassy and i got it ! after i learn from this site thing are easier! just want to drop by and said thank to k.sussie and everybody na ka Elle
ผมก็อาศัยบล็อกนี้เป็นข้อมูลประกอบการขอวีซ่า และอาศัยประสบการณ์กับความเห็นของเพื่อนๆ เป็นแนวทางในการเตรียมตัว แล้วก็ได้ F1 Visa ตามต้องการครับ เมื่อวานนี้เอง
ผมขอ I-20 ด้วย statement ของตัวเอง แต่ให้คุณพ่อเป็น sponsor ในการขอ Visa
Dear K. Susie, i've tried to reach you on your gmail. But there's no response from you.hehe..but anyway, i will have my visa interview on this coming Tuesday, i need your advise, about application form D-156,7 should i tell them the truth that i know someone there? Because im going alone. i should know someone there?? what do u think? are there any mail that i could reach you instantly? PLease , urgent reply
Dear P' Susie. Im so frustrated right now. I've read from other people comments about their exp on interv', i just wondered that i hve been working on 6 months, but i have money to go to US , is that make sense? I will have my inter' this coming Tuesday. So should i write it down that i know someone in US ??? Please kindly ugent reply e_jernn@hotmail.com
Dear All, Hey Guys, guess what!!! I just got 10 yrs visa granted...wooohoo...this is so amazing. I didnt expect for 10 yrs. Lots of people said that i probably wont get it or I might get only 3 months at the most. But Thanks God, i got 10 years. Even my friend's boyfriend who work in the US embassy told me that I probably got 3 months which will be only for my trip on this coming Nov. It was such a blast!! I got 2 new friends while i was waiting in the queue as well. How's sweet!!
The American interviewer not even ask me whether I could speak English or not. Because he asked the girl who was infront of me. And she reject for to speak English. Anyway, it was cool. We had a great conversation, and his friends as well. We laughed and yeah, I answered all the truth. No need to lied on those stuff. I even told them that I had lots of cousins and friends there. Because im travel alone. So It makes sense to know someone there..
For those who will getting a visa, I must say God Bless you all. It will be fine. I think it nicer to tell the truth and you probably dont get it, or deny...But if we lie and they found out later. That's a major problem!!
สวัสดีครับ visa usa อยู่เล่มเก่า ที่ตัดขอบปกไปแล้ว ตอนที่ไปทำ passport ใหม่ visa อายุถึง 2011 ทีนี้ผมมีธุระจะไปอีก passport เล่มใหม่ที่ถืออยู่ก็จะหมดอายุเช่นกัน กำลังจะไปทำ passport ใหม่อีก เลยสงสัยว่า visa ที่อยู่ในเล่มที่ตัดขอบปกยังจะนำไปใช้อ้างอิงได้อยู่รึเปล่าครับ
รบกวนสอบถามคุณ Susie เมื่อ 19 ปี ก่อนผมไป USA ใช้ visa ท่องเที่ยวแต่ อยู่ USA 1ปี ครึ่ง (ด่วยความมักง่าย) ปัจจุบันอย่ากพาครอบครัวไปเที่ยว USA 1: กรณีผมจะโดน bar ห้ามเข้า USA กี่ ปี ? 2: ทาง USA จะเก็บ record กี่ปี ? 3: ควรบอกว่าเคยไป USA ตอนไปขอทำ visa ให่ม หรือไม่ ? สว่นเรื่องเอกสารอื่น ไม่น่ามีปัญหา ขอบคุณล่วงหน้า ครับ
ด่านที่ 6 อันนี้รอสัมภาษณ์คะ นั่งรอไปปามาณ ชม นึง... กว่าจะได้สัมภาษ์ก็นู่น 9 โมง มันไม่ค่อยเรียงนะคะ ไม่รู้เค้าเรียงตามอะไร... ได้เม้ากับคนนั่งข้างๆแทน... ได้ช่องเบอร์ 8 คะ (ป้าคนข้างๆเพิ่งบอกว่า ดูที่ท่าทางช่องเบอร์ 8 จะโหดนะ ก็ได้ช่องนี้เลย ฮาฮา ปากพระร่วงจริงๆเลยป้าขา)... คำถามที่เค้าถามนะคะ - what is your company about? - what is the course about? - what is the relationship with the guy you will stay with? - does he work there? (yes... at xxxx) - does he have visa? he works there without visa? (nooooo) ok.. i'm just curious - You worked for this company only few months (this January will be one-year) - ถึงตอนนี้คนสัมภาษณ์เริ่มนิ่งๆไป... คงกำลังคิดอะไรซักอย่าง - where you graduated from? (xxx , xxxx) - who do you stay with (in BKK)? (my mom) what is she doing? (housewife) do you have any sister or brother ? (one sister) where does she work? (xxx) แล้วเค้าก็ให้ผ่านคะ.. หลังจากสัมภาษณ์หน้าเครียด ฝรั่งก้อยิ้มให้ แล้วบอกว่า congratulation น่ารักเชียว แล้วก็ให้กดนิ้วมือยืนยัน... อ้อ ลืมบอกไปว่า ยืนสัมภาษณ์คะ ตู้เหมือนช่องขายบัตรดูหนังเลย ฮาฮา มีอยู่ 13 ตู้เอง ตู้ที่ไว้เรียกตามคิวมีแต่ 3 ตู้เอง
3.ใน DS-156 ข้อ 34 "Names and Relationships of Persons Traveling With You" เราไปกะทัวร์ แต่ว่ามีเพื่อนเราไปเที่ยวด้วยคนนึง เราจะต้องกรอกชื่อเพื่อนคนนั้น หรือ NONE คะ
ก่อนอื่นขอขอบคุณ คุณ Susi มากนะคะ ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการกรอก DS156 - 157 ที่เคยสอบถาม ดิฉันยังมีข้อสงสัยอีก จึงขอรบกวนคุณ Susi และเพื่อนๆ ที่พอจะแนะนำได้ ช่วย review ด้วยนะคะ ดังนี้ 1) ใน DS156: ข้อ 24 What address will you stay in the USA ---คือให้เราใส่ชื่อ และที่อยู่โรงแรมที่ทางบริษัททัวร์ให้เรามา ใช่ไหมคะ (อยากจะใส่เบอร์ดทรด้วย แต่ใส่ไม่ได้เพราะว่าไม่มีช่องเบอร์โทรให้ใส่ หรือว่าจำเป็นจะต้องแทรกเข้าไปในช่องอื่นที่มี space เหลือคะ 2)ใน DS156: ข้อ 25 Name and Telephone numbers of person in US who you will be staying with or visiting for tourism or business--ถ้าเราไปกะทัวร์ของบริษัททัวร์ในปท เราไม่จำเป็นต้องใส่ชื่อใครใช่ไหมคะ หรือว่าจำเป็นจะต้องใส่ชื่อโรงแรม+เบอร์โทรติดต่อที่เราจะไปพักระหว่างท่องเที่ยวกะทัวร์ (ตามความเข้าใจดิฉันคิดว่าต้องใส่ NONE ถูกแล้วใช่ไหมคะ) 3) ใน DS157: ข้อ 8 Full name and address of contact person or organization in the US included telephone number--ให่เราใส่ชื่อที่อยู่โรงแรมที่เราไปพัก ใช่ หรือไม่ (ตามความเข้าใจคิดว่าน่าจะใส่ NONE ถูกแช่ไหมคะ ) จะไปยื่น 28/12/07 นี้แล้วละคะ รู้สึกกลัว แล้วก็ตื่นเต้นจริงๆค่ะ
1.กรณีของดิฉันคือขอวีซ่าคู่หมั้นไปอเมริกาค่ะ....แฟนอยู่ Henderson City, Nevada State.USA....และดิฉันมีฟอร์ม:
DS-230 part I หน้า1 และ 2 DS-156K DS-157 ทั้งหมดนี้กรอกข้อความหมดแล้ว....และได้ไปขอ: Police certificate Medical Examination เป็นที่เรียบร้อยแล้ว. ส่วนเอกสารของแฟนได้ส่งมาให้ดิฉันมี:
I-134 Affidavit of Support และ Statement, Evidence of Financial Support.
ตอบไปว่า : I would like to improve English focusing on Speaking and Listening in American English atmosphere.
และก็ตอบเลยคำถามไปนิดว่า (กันถูกโต้กลับมาว่าที่ AUA ก็มีสอน แถมมาตรฐานเดียวกัน) : I used to study at Language schools in Thailand including AUA, but my weaknesses still in Speaking and Listening because few people need to talk to me in English.
Who is Mr...... ? (ผมระบุไปว่าจะไปพักกับใครที่โน่น ตาม DS 156) --> อันนี้ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดนะครับ การระบุสถานะของบุคคลที่เราจะไปพำนักอยู่ด้วยข้อมูลที่จริง ยิ่งเป็นการเพิ่มเครดิตให้ตัวเองนะครับ
Why your grade is not good? (ผลการเรียนของผมแย่เอามากๆ ทางกงศุลเลยอัดมาแบบ aggressive พอถึงจุดนี้โดนอัดเละเลยครับ กงศุลส่ายหน้าชนิดที่เรียกว่าหากเค้าสัมภาษณ์งานก็คงตกทันที ..ณ วินาทีนั้นเหมือนเราถูก reject เลยล่ะครับ) ผมก็บอกไปตรงๆ เลยว่า : I have to help my mother earn money in small business, but my grade is not important to me because I got good job right now as you see my company support me to study in USA.
(กงศุลยังไม่หยุดแค่นั้น อัดเราต่อไปว่า good job? เหมือนดูถูกเราว่าเงินเดือนแค่นี้นี่หรืองานดี)
ยอมรับว่าทางกงศุลมีศิลปะในการกดดันเอามากๆ แน่นอนว่าใครๆ ก็เหอะ เจอะสถานการณ์อะไรก็ I am sorry ซ้ายที ขวาที จาก boot ข้างๆ เป็นใครก็ต้องกดดันเป็นธรรมดา แต่เอาล่ะครับ the show must go on
ผมมักจะชิงเดาใจและตอบออกไปเสมอ ผมตอบไปก่อนที่จะสิ้นสุดคำถามว่า : However, no matter what happens to my life, my return is still (วันและเดือนที่กลับ) for doing my good job in Thailand.
เท่านี้แหละครับ กงศุลจึงหยุดซัก แล้วเปลี่ยนสีหน้าทันทีว่า Good luck!!
I'D LIKE TO KNOW IF PERSON THAT GET J1 THIS YEAR AND GO BACK AND CAN THAT PERSON GET A F1 VISA CAUSE I READ AND HEARD ABOUT THAT THAT PERSON GOTTA WAIT FOR 2 YEARS NO MATTER WHAT IS THAT TRUE?
คือว่าตอนกลับจากอเมริกาไม่รู้ว่าต้องคืน I-94 Departure Record form อย่างงี้จะมีปัญหาตอนกลับไปอีกครั้งไหมครับ แล้วจะส่งคืนต้องติดต่อยังไงครับ ช่วยตอบด้วยครับ
โดย: ไม่ได้คืน I-94 Departure Record form IP: 202.149.25.241 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:56:14 น.
หนูไปเรียนหนังสือที่อเมริกาและเรียนจบแล้วกลับมาอยู่เมีองไทยได้สักพักแล้ว จะไปขอวีซ่าท่องเที่ยวและจะพาพ่อไปขอวีซ่าด้วย ได้ download form ds-156 / ds-157 แล้ว แต่ไม่ค่อยเข้าใจคำถามบางข้อ ดังนี้ 1. ใน form ds-156 ข้อ1 ใส่ passaport number เล่มที่ต่ออายุล่าสุดใช่มั้ย และข้อ4 issuace date คือใช้ของเล่มแรก หรือเล่มที่เพิ่งต่ออายุค่ะ 2. form ds-156 ข้อ2 place of issuance หนูต่อ passport เล่มล่าสุดที่ LA,California usa. แต่เล่มแรมทำที่เมีองไทย ควรจะกรอกที่ไหน BKK หรือ LA 3. form ds-156 ข้อ30 enter additional visa issuance หมายความว่า ถ้ามี่วีซ่าประเทศ อี่นก็ให้ใส่ตรงนี้ใช่มั้ย 4. form ds-157 ข้อ10 list all countries that have ever issued you a passport ต้องกรอกยังไงค่ะ เพราะหนูทำpasspotเล่มแรกที่เมืองไทย แต่เล่มที่สองที่ LA, usa. ควรกรอก 2 ที่เลย หรือ BKK อย่างเดียว
โดย: Ai IP: 117.47.14.175 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:29:14 น.
คุณ ซูซี่ ค่ะ คือว่าเกดทำวีซ่าคู่หมั้น อยากจะcheck case online ทำได้อย่างไรค่ะ เคยเขาไปลองแล้ว แต่ไม่ได้สักที จะขึ้นบอกว่า your password must contain at lest one number,at least one English upper case charactor,and at least one English lower case charactor,. ดิฉันไม่เข้าใจค่ะรบกวนหน่อยนะค่ะ คือดิฉันไก้ ตัวอัษรที่ ขึ้นต้นว่า EAC ค่ะ เห็นเพื่อนๆ ได้ ขึ้นต้น LIN มันต่างกันเพราะอะไรค่ะ ketsara9999@hotmail.com รบกวนตอบทางe-mail ก็ได้นะต่ะ
THIS YEAR I'M USING J-1 VISA(I'M ATTENDING IN PUBLIC SCHOOL) BUT NEXT YEAR I WANT TO COME BACK AND I AM GONNA HAVE TO GET A NEW VISA F-1, BUT I HEARD ABOUT 2 YEARS RULE THING SO I'M NOT SURE ABOUT IT BUT I HEARD AGAIN THAT IT IS OK.
ANOTHER QUESTION IS I HAVE A HOST FAMILY THAT LET ME STAY HERE FOR ANOTHER YEAR AND I'M GOING TO ATTEND PRIVATE SCHOOL NEXT YEAR, IS THIS GONNA MAKE SENSE FOR EMBASSY?
AM I HAVE TO HAVE LIKE A LETTER FROM THE SCHOOL AND ALSO HOST FAMILY? BECAUSE I DON'T GET IT.
I'M NOT SURE IF A MONTH IN THAILAND TO GET A NEW VISA IS GOING TO BE ENOUGH OR NOT ALSO.
ได้รับ Packet จากสถานทูตแล้วค่ะ ขอวีซ่าคู่หมั้น สถานทูตส่ง "instructions for "k" visa applications มาให้
ที่นี้เราจะต้องมีเอกสารทั้งหมดใน checklist ในมือก่อนหรือถึงจะสมัครวีซ่าได้ หรือส่งเฉพาะ แบบฟนอร์ม DS-230 part 1 สำเนา passport รูปถ่าย 2รูป และเซ็นชื่อหน้าสุดท้ายของ instructions for k visa applications ใช่ไหมคะ?
โดย: K IP: 124.120.244.29 วันที่: 30 เมษายน 2551 เวลา:16:19:23 น.
ขอบคุณสำหรับคำตอบนะคะ ขอถามอีกเรื่องค่ะ Statement นี่จำเป็นที่เราต้องไปขอใบรับรองจากทางธนาคารหรือเปล่าคะหรือว่าเอา Book Bank ซีร็อค ได้เลย พอดีจะสัมภาษณ์วีซ่า F1 อ่ะค่ะ
กงศุล : How long will you stay in America? เรา : 10 days , actually its not all 10 coz it will take about 2 days for travelling. (เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าตูเขียนไปเก้าวัน ก้อเลยรีบอธิบาย)
กงศุล : ............หันหน้าไป key คอมอีกแล้ว .............เงียบไปประมาณ 5 วิ เราก็ได้แต่มองสำรวจเข้าไปข้างในว่าเค้าทำไรกัน อยู่ๆ he ก้อพูดขึ้นว่า ok , your visa has been approved
เรา : ohhhh, thank you very much พร้อมกับยิ้มกว้าง แต่เค้ามะยิ้มกะเราเลยอ่า ทำหน้าเรียบเฉยตลอดรายการ
อยากถามคุณsusieว่า ในใบds156 กรอกแค่ชื่อโรงแรมตามใบทัวร์ก็พอ หรือต้องกรอกชื่อเมื่อง รัฐของโรงแรมนั้นด้วยค่ะ แล้วในใบds156 ตรงช่อง Enter Additional Visits to the U.S. Here ต้องกรอกลงไปดวยมั้ยค่ะ
ขอบคุณเว็บของคุณซูซี่ และเพื่อนๆที่มาแชร์ประสบการณ์ ทำให้เราได้ข้อมูลเยอะมากก่อนลงสนามจริง เราไปขอวีซ่า f1 เพิ่งไปมาสดๆร้อนๆวันนี้เอง ตื่นเต้นมากกกกก (เพราะตัวเองภาษาอังกฤษก็ไม่แข็งแรงเท่าไร) แถมไปถึงก่อนจะถึงคิวเรา คนหน้าเรา 4 คนไม่มีใครผ่านเลย ( ได้พาสปอร์ตคืนหมด ) พอถึงเราเอาว่ะตายเป็นตาย ก็เข้าไป ก่อนอื่นก็สแกนนิ้วชี้และก็เริ่มถาม - why do you want to go to america? i would like to study english. - do you graduate ....? ( จบป.ตรีมาหรอ หรือ คุณจบปใทมาหรอ ) yes i graduate ... ( ปริญญาที่จบ คณะ ) - how much your average? ( เกรดเท่าไร ..... (อันนี้บอกได้เลยว่าเกรดดีมีชัยไปกว่าครึ่งเพราะเขาชอบคนเก่ง) - what do you do now? ทำงานที่ไหน ตำแหน่งอะไรก็บอกไป - do you want to work in usa? no ( ห้ามตอบใช่เด็ดขาด แม้ว่าเราจะมีจุดประสงค์หลักจะไปทำก็เถอะ) - where do you study in america? ชื่อโรงเรียน ชื่อรัฐ - how do you know the school? i found information by internet. - ok i improve visa for you thank you
- do you know anyone/anybody in usa/there? no i don't - where will you go in usa? ชื่อรัฐ - how long will you stay in usa? 24 weeks - who will you go with? i'm alone - why do you want to study in usa? หรือ why don't you study english here? because i would like to practise english with native speaker. - why have you chosen to study in usa? they have a high education standard. - where do you live in usa? homestay - who sponsor/support for you? my parents - who do you live with? i'm alone - have you ever been to usa? no - what do you do after finished the class? ตอบอะไรก็ได้ ให้เขารู้ว่าเราจะกลับมาเมืองไทยแน่นอน
แบบ DS156 ต้องกรอกโดยผ่านทางคอมเท่านั้นนะ ย้ำ! ไม่งั้นเค้าจะไล่น้องกลับกรอกใหม่เหมือนกะอีกคนที่ต่อแถวข้างหน้าพี่อีกเช่นกัน เมื่อไม่มีทางเลือก ก็ต้องร้านที่รับกรอกเอกสารแถว ๆ สถานทูต น้องต้องจ่ายเงินด่วนให้เค้าค่ากรอก DS156 ราคา 250-1,000 บาท เพื่อจะได้กลับมาทันสัมภาษณ์ และเป็นการรักษาเงินค่าจองคิวกะค่าสอบสัมภาษณ์ที่จ่ายไปแล้ว สี่พันกว่า อีกสิ่งที่ควรระวัง เมื่อกรอก DS156 สมมุตว่าเราอยากกรอกใหม่อีกรอบโดย ไปที่ BACK มันก็จะยังคาข้อมูลเดิม ๆ ให้ อันแน่ อย่าเพิ่งดีใจว่าไม่เสียเวลาดี เข้าไปแก้ในที่ต้องการก็พอ ระวัง รู้ไหมมันแอบเปลี่ยนที่ให้ตอบ YES OR NO ให้ด้วยนะ ทั้ง ๆไม่ได้ไปแตะอะไรเลยในข้อนั้น ทีอันเก่าเรายังpirintตอบ NO อยู่ พออันใหม่นี้print ออามาแล้วดู อ้าว มีแถมมัน เปลี่ยนเป็น YES- Do you in tend to work in the U.S. หุ หุ จบข่าว
Embassy : Miss .. please scan you second finger left side. Mr. And Miss : Sawadee krub and ka ( ไม่ได้ไหว้หรอก) กล่าวสวัสดี ( หน้า แก ดุ นิดหน่อย แต่เราก็ มองโลกในแง่ดี และ เตรียมพร้อมแบบมั่นใจ) Embassy : MR ..Please scan your middle finger left side. Embassy : Why do you want to go to US both together. MR : We go to US for study English. Because I used to learn English in Thailand, but my weakness are speaking and listening ,and We need to learn and practice English with native speaker , And US is high education standard. Embassy :Mrs. You work in the bank. How about Mr? Mr. : I work at ZZZZ international company. Embassy : How long have you got married? แล้วก็ พิมพ์ อะไรไม่รู้ พักนึง.... Mrs : I have got married for two years. Embassy : Who do you live with? Who is AAA ( person I stay with) ? Mr.: I will live with AAA. AAA is friend of my mother friend , Mother friend contact for me. Embassy : What AAA do in US ? Restaurant or not? Mr. : I dont know sir. Embassy : AAA is man ,right? Is he Chinese? Mr : Yes , he is man and Chinese. Emassy : Have you meet him before? Mr. I have never met him? Embassy : Do you place for rent or free? Mrs : We pay for rent for one room. Embassy : Why your cousin sponsor you? ( Cousin sponsor for MR , Mrs pay for herself) Mr : We are close cousin and he has own business. Embassy : What type of business? Mr.: He has rubber tree estate. Embassy : Mr , how long do you work at this company? Mr. I have work for one and haft years. Embassy : Does your company know about you will take off ? Mr. : My company doesnt know and I will inform them after visa approve sir, anyway I discuss with my boss about further study in US. Embassy: Do you have company letter ( หนังสือรับรองเงินเดือน).
Mr. : I have it ( ทั้งสองเราก็ ให้เขาดู) Embassy : OK it Pass and We will send back to you around 4 days. Mr. And Mrs : Thank you very much. ( เขาเก็บทุกอย่างเลย DS156 157 158 , I-20 , Passport ,Sevis fee , ใบเสร็จค่าธรรมเนียม) ก็ตอบตามจริงเลยอย่าอำอึ้งน่ะ เพราะอาจจะมีพิรุจ อีกอย่าง ถ้าไม่ทัน ก็ I beg your pardon.
สิ่งที่ เขาขอดู น่ะ DS156(รูปถ่าย 2*2 นิ้ว) 157 158 , I-20 , Passport ,Sevis fee , ใบเสร็จค่าธรรมเนียม ,transcript , company letter. สิ่งที่เตรียม แต่ไม่ใช้เลย sponsors book bank / my book bank / parentss book bank / ใบผ่านการเกณท์ทหาร / ทะเบียนสมรสตัวจริง / ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล / รูปถ่ายความสัมพันกับ สปอรน์เซอร์ / สมุดทะเบียนรถ /โฉนด เรา พ่อ แม่ / รูปถ่าย แก้ว แหวน เงิน ทอง อื่น ๆๆ / รูปแต่งงาน / รูปครอบครัวเราและ คู่สมรส /
โดย: Pai IP: 202.47.225.237 วันที่: 16 มิถุนายน 2551 เวลา:9:18:17 น.
สวัสดีค่ะ คุณซูซี่ ได้เข้าอ่าน blog โดยบังเอิญ ชอบมากเลยค่ะ เพราะให้รายละเอียดเยอะดี วันนี้เพิ่งได้วีซ่าท่องเที่ยวมาค่ะ ต้องขอบคุณคุณซูซี่มากๆเลย ตอนแรกก็แอบหวั่นๆอยู่เหมือนกัน เอา DS ทั้งหลายแหล่มานั่งดูเป็นสิบๆรอบ (จิตตก) ทีคุณซูซี่บอกให้กรอกใบส่งไปรษณีย์ไปก่อน ทำให้เราลัดคิวไปได้เยอะเลยค่ะ (เพราะคนข้างหน้าต้องมานั่งกรอกกัน) ไปถึงสถานฑูตตอน 6.45 เเค่ 8 โมง ก็เสร็จแล้ว #เอกสารที่เตรียมไป แล้วเค้าไม่ได้ขอดู : bank statement of sponsor, my bank book Thx a lot na ka
โดย: ni IP: 58.8.27.218 วันที่: 16 มิถุนายน 2551 เวลา:9:38:23 น.
Embassy:Why do you want to go to America? Me:I want to study English Course after that I will study in Master Degree. Embassy:Who is sponsoring you ? Me: My Father. Embassy:What does he do? Me: He has own 's business about the bag and the shoes. Embassy:What is he doing ? ถามซ้ำมาไอ้เราก็ไม่รู้จะตอบไงอีก เลยตอบไปว่า Me: He sold the bag and the shoes. กลับพยักหน้าแล้วพิมพ์ลงไป 555+ Embassy:Do you have relatives or family in the US? Me: I beg your pardon please. ไม่รู้พูดถุฃูกป่าวแต่เค้าก็พูดอีกครั้ง (รอดตัวไป) Embassy: Do you have relatives or family in the US? Me: No.I don't have Embassy:Where do you stay in the US? Me:I will stay at Homestay. Embassy: Ok .I improve you . Me: Thank you very much .Good Bye.
ถามว่าเคยถูกปฎิเสธวีซ่า [x] Yes [] No WHEN? 29 APRIL 1989 WHERE? BANGKOK WHAT TYPE OF VISA? B1/B2 และมีช่องนี้ต่อ Enter Additonal Relusal visa here คำแปลของ DS156 ไม่มีบอกว่ามี ข้อความนี้ เราจะตอบว่าไง ถ้าตอบ NONE จะไปปรากฏในแผ่นที่ 3 ที่มีบาร์โค๊ด หนาๆ
อืมม์..รู้สึกว่าvisaสำหรับนักเรียนทุนคือ J1 แล้วคู่สมรสคือ J2..ส่วนเงินไม่รู้เหมือนกันว่าต้องมีเท่าไหร่..แต่พยายามให้มัน make sense..เคยเห็นข้อมูลในเน็ตเค้าประมาณว่าค่าใช้จ่ายในU.S.เป็นเวลา1ปีอยู่ที่ $15,000..สมมติว่าคุณไป2ปี2คนก็ประมาณ $60,000 up..เพราะว่าคุณไปเรียนและคุณไม่มีใบเขียว..ก็ไม่สามารถทำงานได้..(แม้ว่าไปถึงแล้วเราจะทำก็เหอะ)..เราต้องตอบสถานฑูตให้ได้ว่าเราจะเอาเงินที่ไหนมาใช้จ่ายกินอยู่..ซึ่งตัวเลขที่บอกเป็นข้อมูลประมาณการ..มิใช่การสำรวจวิจัยแต่อย่างใดอาจเชื่อถือไม่ได้ก็ได้..คุณต้องใช้วิจารณญาณอีกที..(แต่ก็ประมาณนี้แหล่ะเพราะลองถามๆเพื่อนที่อยู่ที่นู้นมันก็ว่าเงี้ย)..แต่มิใช่ว่าต้องมีเงินเยอะหรือว่ามีสปอนเซอร์หรอก..ประเด็นอยู่ที่ว่าจะไปทำไมแล้วมีอะไรที่ทำให้เค้าเชื่อได้ว่าทั้งคุณและภรรยาจะกลับเมืองไทยแน่นอน..อันนี้ก็สำคัญเหมือนกัน..และไม่ว่าจะขอใครก่อนหรือหลังก็ไม่สำคัญ..ประเด็นอยู่ที่ความ make sense เท่านั้นแหล่ะ
โดย: LouIS IP: 203.152.14.186 วันที่: 8 สิงหาคม 2551 เวลา:17:15:41 น.
คือจริงๆแล้วก็ไม่มีข้อมูลจากไหนยืนยันได้หรอกว่าควรจะต้องมีเงินเท่าไหร่..ทุกอย่างใช้การประมาณการทั้งหมด..ก็ลองlisดูซิว่าค่าใช้จ่ายต่อเดือนของคุณเองมันมีอะไรบ้างและเท่าไหร่..คุณคิดแบบเมืองไทยก็ได้แล้วก็applyให้มันใกล้เคียงกับ life style กับเมกา..ยกตัวเอย่างเช่น..ค่าเรียน+หนังสือ$600,ค่าเช่าบ้าน+น้ำไฟ$600,ค่าอาหาร3มื้อx30วัน$800..ค่ารถเมล์/ค่าน้ำมัน$400..ค่าโทรศัพท์$100..ค่าสินค้าฟุ่มเฟื่อย(สบู่,ยาสีฟัน,ฯลฯ)อื่นๆ$300..รวมๆแล้วเดือนๆนึงใช้เงินประมาณ$2,800..แล้วคุณก็คูณ12เดือนและคูณ2คนเข้าไป..แค่นี้ก็จบ..(ม่ะเหงต้องให้อธิบายขนาดนี้เลยนะ..ฮึ่ม!!)..ขอย้ำว่าทุกอย่างต้อง make sense..เท่านั้นแหล่ะ..
ตอบ คห.990 (คุณ gamyai) ขออนุญาตตอบแทนคุณซูซี่นะ..คือว่าคุณซูซี่เค้าเคยขอvisaท่องเที่ยวแค่ครั้งเดียวอ่ะ..และจนป่านนี้ก็ยังไม่ได้เดินทางไปซะเลย..สำหรับคำถามของคุณก็ไม่มีใครตอบได้หรอกว่าจะทำยังไง..แต่ขออนุญาตแนะนำ..การขอวีซ่าแบบท่องเที่ยวตามกฎหมายแล้วไม่สามารถทำงานได้..ขอย้ำผิดกฎหมาย..เพราะว่าคุณทำงานคุณได้ค่าแรงแต่คุณไม่จ่ายภาษีให้เค้า..นั่นถือว่าผิดกฎหมายสำหรับเมกา..แต่ถ้าคุณจะทำงานจริงๆ..คุณให้นายจ้างออก green card / work permit ให้น่าดีกว่าและที่สำคัญถูกกฎหมายด้วย..ข้อดีคือ..คุณมีสิทธิ์เทียบเท่าคนเมกา..ค่าแรงเยอะกว่าแถมสามารถทำโอทีได้..ขอนอกเรื่องนิดนึง..เพื่อนคนนึงอยู่เมกา(จริงๆมีหลายคน)..แต่งงานได้ citizen..ทำงานที่โรงงานปิดฉลากยา..ตะก่อนยังไม่ได้ citizen..ได้ชั่วโมงละ$8,ทำงานได้สูงสุดไม่เกิน10 ชั่วโมง..แต่พอคุณเธอได้citizen..ได้ชั่วโมงละ$12,ทำงานได้16ชั่วโมง..อะไรแบบเนี้ย..หรือบางทีก็สามารถทำงานเป็น chip ได้ด้วย..เห็นหรือเปล่าว่ามันแตกต่างกันอย่างไร..ระหว่างการอยู่แบบผิดกฎหมายและถูกกฎหมาย..แต่ในเคสของเพื่อนนี้เพราะเค้าแต่งงานมีลูกก็อยู่ที่นั่นยาว..การจ่ายภาษีให้เมกาถือว่ายุติธรรมและคุ้มค่าเพราะสุดท้ายคุณก็จะได้เงินคืนตอนเกษียณอยู่ดี..แต่ในเคสของคุณ..ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่ได้ไปอยู่ยาว..หรืออยากจะฮู้ด..ก็ขอให้คิดพิจารณาให้ดี..แต่ที่บอกไม่ได้จะขู่ให้กลัว..เพราะตัวเองก็ยังไม่เคยไปเมกาเหมือนกัน..เพียงแต่มีเพื่อนอยู่ที่นั่นหลายแบบ..ถูกกฎหมายก็มีผิดกฎหมายก็เยอะ..ซึ่งตัวเองก็ศึกษาข้อมูลและเตรียมตัวมาเกือบปีแล้ว..ก็จะเดินทางไปเรียนภาษาซัก2-3ปีในเดือนหน้า..เห็นเพื่อนๆที่เข้ามาใบนี้มีปัญหาที่หลากหลายก็ช่วยคุณซูซี่ตอบไปเท่าที่รู้..แต่ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญอะไรนะ..แต่ถ้าอยากจะถามอะไรก็ยินดี boonlouis@hotmail.com..
โดย: LouIS IP: 203.152.14.186 วันที่: 11 สิงหาคม 2551 เวลา:14:18:24 น.
คห.1005..(คุณ tikky) แหม..เพิ่งจะบอกไปเรื่องที่สถานฑูตconcern(น่าตีจริงๆ)..คุณคิดว่าการกรอกข้อมูลลงในDSอย่างเดียวมันเพียงพอเหรอ?..สถานฑูตควรจะเชื่อคุณมั๊ย?..ฉะนั้นก็ควรจะมีอะไรยืนยันว่าสิ่งที่คุณกรอกไปนั้นเป็นจริง..และทางสถานฑูตเค้าก็ระบุไว้ชัดเจนเรื่อง Evidence of Ties..คุณมีอะไรก็ขนไปแสดงให้หมดเถอะ..เพื่อ support กับสิ่งที่คุณกรอกว่าเป็นจริงทุกประการไง..แค่เนี๊ยะ..
โดย: LouIS IP: 203.146.8.124 วันที่: 15 สิงหาคม 2551 เวลา:17:50:08 น.
ดังนั้นเพื่อประโยชน์ของท่านอื่นๆ..จะขออนุญาตเล่าถึงประสบการณ์ของตนเองก็แล้วกัน..ณ วันที่13สิงหาคม..ระหว่างที่นั่งอยู่BTSนึกขึ้นมาได้..เฮ้ย!เหมือนจะลืมอะไรซักอย่าง..ก็ลองลื้อลองเช็คดู..โอ้วว!ไม่นะ..ลืมหยิบ sponser letter กับสมุดธนาคารของพ่อมา..กล่าวโทษความสะเพร่าของตนเองอยู่นาน..ซักพักก็ตั้งสติ..ในเมื่อมาถึงแล้วเป็นไงเป็นกัน..คือถ้าดวงมันจะได้ไปก็ได้ไปล่ะนะ..เอาล่ะ..ลุย..
ขอข้ามไปบทสัมภาษณ์เลยแล้วกัน.. Applicant : Good morning. (อาศัยว่าทักก่อนได้เปรียบ) Embassy : Good morning. Khun .... right? Applicant : Yes, i am. Embassy : เอานิ้วชี้ข้างขวาที่เครื่องสแกนครับ Applicant : (งง?..ไหงพูดไทยได้เนี้ย) Embassy : Why do you want to go to USA? Applicant : I would like to study english to improve my english skills in a totally american english environment. (พูดไปติดอ่างไป..ตื่นเต้นสุดๆ..แต่ก็ไม่ลืมที่จะจ้องตา) Embassy : don't hurry, calm down.. Applicant : I feel excited. um.. Embassy : Why do you want to study? (ถามอีกล่ะ..สงสัยเมื่อกี๊ไม่เคลียร์..จัดให้) Applicant : In thailand my opportunities to improve my existing english skills are handicapped by working in an organization where english in not first language of business, and as most of friend only speak Thai. In the USA I believe that being fully immersed in the day-to-day life and everyday experiences, and the incentives to improve my english abilities in the short time possible. Embassy : Well done, you prepared for the answer, very good. (พยักหน้านิดๆ) Applicant : Thank you. Embassy : Who is sponsoring you? Applicant : This course i will pay by myself, after that my father who will pay to me. Embassy : What does he do? Applicant : My father has owner business about wholesale in .... at .... province. Embassy : Please show me that your father financial? Applicant : (ซวยแล้วซิ..ตูลืมหยิบมา..คิดๆๆๆๆๆๆๆ..เอาไงดี?..เอาว่ะ..ยอมรับมันไปดีกว่า) I am sorry, i do not bring, but I have my financial only. Embassy : (ทำตาโตเล็กน้อย..) so, please show me that sponsor letter of guarantee? Applicant : (เอาล่ะซิ..อันนี้ก็ไม่ได้เอามา..) I am sorry, i do not bring too , if you concern i will show you if you need. Embassy : Why do you forgot? (คราวนี้ขมวดคิ้วด้วย..ตายแน่ฉัน..ต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว) Applicant : i know that very important, I forgot but i have, Please let me come back to bring to you today at afternoon? (ทำหน้าสำนึกผิดสุดๆ) Embassy : ok, not at all. Please show me your statement. Applicant : Here you are. (อารามรีบ..ไม่ได้ดูเล๊ยย..ว่าหยิบเล่มที่มีเงินแค่74บาทส่งไป) Embassy : (ทำตาโตหนักกว่าเดิม)..What? Applicant : (ตั้งสติใหม่..หยิบเล่มที่มีเงิน400000กว่าบาทส่งไปให้อีกที) I am sorry, Here is it. Embassy : (เอาไปดู..แล้วก็ส่งคืน) Umm..O.K. (ก้มดูเอกสาร..แล้วก็รื้อๆๆๆอีก) You graduated form ... University? degree? Applicant : Yes, Master degree. (แหม..transcriptก็อยู่ในมือจะถามทำไม) Embassy : You work for the bank? Applicant : Yes, i work as an employee of ... Bank, the head office, on ... road. Embassy : What's your responsibilities? Applicant : I am responsible for end to end process of customer's credit facilities utilizations. Embassy : How long do you work at ... ? Applicant : almost 9 years. Embassy : (ยังไม่เลิกรื้อเอกสาร) If you study finished, you will come back to work at .. (ที่เดิม)? Applicant : No. (ตอบไปโดยไม่คิดเร๊ยว่าถ้าตอบ no แล้วจะต้องมี why กลับมาอีก..ไม่น่าเลยตู) Embassy : (เงยหน้าขึ้นมาทันที) Why? (เห็นม่ะ..ว่าแล้ว) Applicant : I may possibly seeking the good job better than. Embassy : Where? suggestion? (ยังข้องใจอยู่อีกนะ) Applicant : maybe universal bank, or international organization. Embassy : umm..o.k. (แต่ก็ยังคงรื้อเอกสารอีก) Your I-20 that specify the normal length of study in 1 year, but in you DS156 that specify to intend to stay in USA about 3 years? Why? Applicant : This course study about general english course, if i am finished, I will continue to intensive courses or certificated program. (กลัวเค้าไม่เชื่อก็เลยรีบหยิบคอร์สอื่นๆที่เราprintออกมาแสดงให้เค้าดู) Embassy : Certificate program about? Applicant : Certify investment analyst, credit analyst, and multinational financial management. Embassy : Are you registered? Applicant : no, I will apply when i finished this course. Embassy : (หยิบคอร์สอื่นของเราขึ้นมาอันนึง)..Do you know about the university? Applicant : I don't know, but i found information on internet. Embassy : Who is traveling with you?. Applicant : I am alone. (ถามทำไมเนี้ย..ในDSก็มีมิใช่เหรอ..คำถามเยอะเริ่มจิตตกแล้วนะ) Embassy : Where will you stay? you rent? Applicant : No, i don't everything, but if my visa approved i will do it. (กลัวเค้าถามก็เลยรีบชิงพูดไปก่อน) Don't worry, The school will help me, I pay $200 of service fee for provide homestay and ride from the airport. Embassy : umm..O.K. (แล้วก็เลื่อนเก้าอี้มานั่ง..เพราะตลอดการสนทนาพี่เค้ายืนตลอดเลย..พอดีว่าตัวสูง..ถ้านั่งคงไม่ได้ยินมั้ง?..แล้วก็หันไปคุยกับเคาทเตอร์ข้างๆ..หัวเราะเล็กน้อย) Applicant : ..(พยายามเก๊กหน้าเก็บอาการสุดฤทธิ์..แล้วก็ยิ้มอย่างเดียว) Embassy : O.K. your visa has been approved, We will send back to you after 3 days by mail. (ส่ง transcript กับสมุดธนาคารคืน..แล้วก็เก็บเอกสารทุกแผ่นเข้าแฟ้มไป..พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมา..ส่งยิ้มให้นิดนึง(คิดไปเอง)..และพูดว่า "Good Luck" Applicant : Thank you very much. (เสี้ยววินาทีนั้นอยากจะถามว่าได้กี่ปี..แต่เสี้ยวของเสี้ยววินาทีนั้นอีกบอกตัวเองว่า..อย่าเลย..เอกสารไม่ครบยังจะมากเรื่องเซ้าซี้อีกนะ..ว่าแล้วก็เสือเผ่นถอยทัพ)
จะเห็นได้ว่าทำไมตอบได้ฉะฉาน..ก็เพราะคิดคำถามที่คิดว่าเค้าจะถามแล้วก็เขียนคำตอบเอาไว้แล้วไง..แม้คำตอบดู grammar เรามันจะมั่วๆก็ตาม..แต่อย่างน้อยเราก็ไม่ช็อคกับคำถามแถมตอบได้ทุกข้อ..มีทิศทางและสมเหตุสมผล..เพื่อที่ว่าอย่างน้อยเค้าจะได้รู้ว่าเราเตรียมตัวมาอย่างดี..แต่ที่สำคัญคำตอบของคุณต้อง make sense ด้วยนะ..แต่อย่างนึงที่ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง..อย่าลืมหลักฐานเอกสารสำคัญเด็ดขาด..พยายามเช็คแล้วเช็คอีกแล้วกันว่าใช้อะไรบ้าง/ครบถ้วนหรือยัง..คราวนี้รอดมาได้เพราะโชคช่วยแท้ๆ..เฮ่อ..โล่ง..เหมือนยกอกออกจากภูเขา..(ตลกซะงั้น)
แต่คำถามหลักๆคือ.. Q: What's your purpose of coming here? (มาทำไม?) คำตอบก็เช่นว่า.. A: I'm visiting a friend in Los Angeles. (มาเยี่ยมเพื่อนที่ LA) A: I'm visiting a relative in Los Angeles (มาเยี่ยมญาติที่ LA) A: I'm here for sightseeing (มาเที่ยว)
ส่วนคำถามอื่นๆ..เช่นว่า.. Q: Who are you travelling with? (มากะใคร) คุณก็ตอบไป..เช่นว่า.. A: I'm travelling with a friend. (มากะเพื่อนคนนึง) A: I'm travelling with my parents. (มากะพ่อแม่) A: I'm alone (มาคนเดียว)
คำถามเรื่องเวลา..เช่นว่า.. Q: How long will you be staying? (อยู่นานแค่ไหน) คำตอบก็เช่นว่า.. A: Just for a few days. (แค่2-3วัน) A: For two weeks. (2อาทิตย์) A: About one month. (เดือนนึง)
คำถามเรื่องที่พัก..เช่นว่า.. Q: Where will you stay? (พักที่ไหน) คำตอบก็เช่นว่า.. A: At a friend's house in Los Angeles. (บ้านเพื่อนในLA) A: at the Holiwood Hotel. (ที่โรงแรมฮอลิวู้ด)
คำถามเรื่องเงิน..เช่นว่า.. Q: How much money are you taking with? (นำเงินมาเท่าไหร่) คำตอบก็เช่นว่า.. A: 2,000 dollars cash and credit card. (เงิน2พันดอลกะบัตรเครดิต)
คำถามเรื่องสิ่งของ..ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าก่อนจะลงเครื่องเค้าจะมีแบบฟอร์มให้เรากรอก..โดยจะมีรายการแจ้งไว้ว่าอะไรบ้างที่ห้ามนำเข้าหรือนำเข้าได้แต่ต้องเสียภาษีนำเข้า..แต่ของที่ห้ามคือยา..ยกเว้นยาประจำตัว..แต่ก็ต้องมีใบรับรองแพทย์กำกับยาเป็นภาษาอังกฤษด้วย..อะไรประมาณเนี้ย..ถ้าเรามีอะไรก็เขียนๆไปเหอะ..ส่วนคำถามก็เช่นว่า Q: Do you have anything to declare? (มีของนำเข้าที่ต้องแสดงมั๊ย) Q: Are you bringing any plants or food? (เอาผัก/อาหารมาป่าว) คำตอบก็เช่นว่า.. A: Yes, I do. (มี) A: No, I don't. (ไม่มี)
อาจจะมีขอตรวจกระเป๋า..เช่นว่า.. Q: Would you please open your luggage? (ช่วยเปิดกระเป๋า) Q: What's this? (นี่อะไร) คำตอบก็เช่นว่า.. A: It's a gift for a friend of mine (ของฝากสำหรับเพื่อน)
จนหน่ำใจแล้วเค้าก็คงจะปล่อยเราไป..เช่นว่า Q: All right. You can leave now. Have a nice trip. (ไปได้ล่ะ..เที่ยวให้สนุก) A: Thank you very much. (ขอบคุณ..เผ่นได้)
คำถามพวกนี้ก็อย่าเชื่อมากนะ..เพราะยังไม่เคยเข้าเมกา..แค่กำลังจะไป..เลยไม่รู้ว่าจะถามอะไร..แต่จากการศึกษาข้อมูลอ่านโน้นอ่านนี่..ก็คิดว่าเค้าน่าจะถามประมาณนี้แหล่ะ..ก็อาจจะมีคำถามอื่นๆแต่ก็ไม่หนีไปจากนี้มาก(มั้ง)..ถ้าgrammarมันมั่วๆอย่าว่ากัน..เพราะไม่แข็งแรงเหมือนกันถึงต้องไปเรียน..ยังไงคุณก็พยายามตั้งใจฟังคำถามให้ดีๆ..ข้างหน้าฟังไม่ทันไม่เป็นไร..ฟังข้างหลังแล้วจับใจความให้ได้ว่าถามเรื่องอะไร..แล้วก็ตอบไปแบบ direct answer ก็ได้..ประธาน+กรรม+กริยาไม่ต้องพะวงมันเรื่องไวยากรณ์..ก็ยังไงขอให้โชคดีล่ะกัน
โดย: LouIS IP: 203.152.14.186 วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:10:04:49 น.
โดย: joy IP: 125.24.17.245 วันที่: 27 ตุลาคม 2551 เวลา:18:43:12 น.
ในฟอร์ม DS 156 ไม่มั่นใจคำถามข้อ 29,30 ตรงส่วนที่ 29.Enter additional visits to the U.S. here: 30.Enter additional visa issuances here: ว่าต้องตอบอย่างไร
โดย: SA IP: 125.25.54.134 วันที่: 27 ตุลาคม 2551 เวลา:19:46:57 น.
คุณ Suesie ผมสัมภาษณ์มา 2 ครั้งแล้วไม่ได้ทั้ง 2 ครั้งเลย เมื่อมีค.50 ไปขอ วีซ่าจะไปเยี่ยมพี่สาวที่เรียนที่อเมริกา(ท่องเที่ยว)ไม่ผ่านรู้สึกแซดมากเออลืมบอกไปว่าผมทำงานเป็นครูที่ต่างจังหวัด เค้าก็ถามว่าไปที่ไหน ไปทำไม ไปอยู่กับใคร ก็ตอบเค้าหมดนะครับ คนที่ผมสัมภาษณนะเป็นฝรั่งตู้ 8 มั้ง เค้าว่าโหดมากๆๆๆ ครั้งที่สอง(ไปเรียน)คือโชคดีที่พี่สาวจัดการเอกสารให้ และก็มีใบตอบรับ I20 นะจากโรงเรียนและก็ใบ Ds156 Ds157 แต่ผมต้องไปกรอก Ds158 ซึ่งผมอ่านก็ไม่ค่อยจะรู้ความหมาย (ไม่แน่ใจรู้แบบงูๆๆปลาๆๆ)เพราะเราอยากจะไปพัฒนาภาษา ก็ด้วยความไม่รู้ก็เลยไปถามสาวเสื้อแดง สาวเสื้อแดงคนหนึ่งก็บอกดีมากเลยครับ แต่อีกคนหนึ่งไม่ค่อยมีน้ำใจเท่าไหร่ ไม่เห็นใจคนอ่านไม่ออกเลย ใช่คนไทยหรือเปล่า เราเองก็มาแต่ต่างจังหวัด นัด 10.00น. เข้ามาถึง 09.30 น. กรอกเอกสารหมด ประมาณ 10.40 น. ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนานเนื่องจากภาษาไม่ดี ด้วยพี่สาวบอกว่าจะมาพัฒนาภาษาแกเเลยให้สัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ ซวยแล้วไหมหละ ผมก็ฝึกหัดพูดถามและฟังภาษาอังกฤษประมาณ 3 วัน เช่น What are you going to American? I would like to student .Now aday English is very important example studying teaching and computer are use English . เป็นต้น หลังจากเข้าไปได้หมายเลขสัมภาษณ์ 516 ผมก็เข้าห้องน้ำทำตัวให้โล่ง แล้วก็ออกมานั่งรอเจอเพื่อนคนไทยด้วยกันก็เลยถามว่าจะมาขอวีอะไรเข้าก็บอกว่าไปเที่ยวเพระมีคู่มั่นอยู่ที่นั่น เราก็เลยเตือนเค้าว่าระวังฝรั่งผู้หญิงตู้เบอร์ 8 น่า วินาทีนั้นเอง หมายเลข 516 กรุณาสัมภาษณ์ที่ตู้หมายเลข 8 ตอนนั้นเริ่มรู้สึกใจไม่ดี เราเลยใจดีสู้เสือพูดภาษาไทย เอ้อสวัสดีครับ ฝรั่งคนนั้นเป็นผู้ชายประมาณ 35 -40 ได้ เข้าก็สวัสดีครับตอบแล้วเข้าก็ถามมาว่าWhat are you going to American? เอ้าเข้าล็อกเราพอดีที่เตรียมมาก็ใส่ไปว่าI would like to student .Now aday English is very important example studying teaching and computer are use English ทีน้พอคำถามที่2 เค้าพูดเร็วมากเราฟังไม่ทันเราเลยตอบว่า Slowly please.เข้าก้พูดช้าลงแต่ก็ไม่เข้าใจเลย ตอนนั้นตกใจมากตายหละกู ก็มีคำถามีท่3 อีกมั้งตอนนั้นหูตาลายแล้ว ที่เตรียมมามันไม่มีเลย คำถามสุดท้ายถามว่าพี่สาวคุณเรียนที่นั่นเหรอ เราก็ตอบว่าใช่เธออยู่ที่นั่นเรียนที่มหาวิทยาลัย กำลังเรียนโทอยู่ อยู่ดีๆๆๆฝรั่งคนนั้นก็ยื่นพลาสปอต์มาให้เรา เอ้าที่ในเว็บบอกว่าถ้สาไดพาสปอร์ตคืนในวันน้นจะไม่ได้วีซ่า ฝรั่งคนนั้นก็ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ มีใจความว่าคุณมีหลักฐานไม่เพียงพอ เอ้า สเตทเม้น ฉโนดที่เตรียมมาไม่ถามดูเลย หลังจากได้รับใจอยู่ที่ตาตุ่มเลย มีใครเป็นอย่างเราไหมขอ 2 ครั้งแล้ว ขอ2 แบบเลย คุณSuesie บางทีก็เลยคิดว่าคิดว่าประเทศคุณมันวิเศษวิโสมากเลยหรือเวลาเราจะเข้าประเทศเค้านะยากๆๆๆๆ แต่พวกเค้าไม่ว่าจะเป็นพวกนักโทษสามารถเข้าประเทศเราได้ง่ายมาก ขอความกรุณาช่วยตอบว่าทำอย่างไรถึงจะได้ไปสิครับ คิดว่าครั้งที่ 2วแล้วก็ยังแป้วเลยจากคนบ้านนอก
รบกวนสอบถามหน่อยค่ะ ถ้าคนญี่ปุ่นต้องการขอ working visa ไปประเทศอเมริกา แต่เค้าไม่มีนายจ้างทางโน้น support เพราะเค้าต้องการไปเปิดร้านค้าเล็กๆของตัวเอง จะสามารถขอได้มั๊ยค่ะ แล้วต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้างคะ รบกวนตอบทางเมล farafon@hotmail.com นี้ค่ะ ขอบคุณมากๆๆๆเลยค่ะ
ได้เข้ามาอ่าน blog ของคุณ Susie ได้ความรู้มากค่ะ มีคำถามที่สงสัยค่ะ
สามีมี passport ราชการ (เล่มสีน้ำเงิน) ซึ่งมี VISA US B1/B2 10 ปีอยู่ ในเดือนเมษายนนี้มีแผนจะพาพวกเราแม่ลูกไปเที่ยว US กัน ซึ่งแม่และลูกๆได้นัดวันไปสัมภาษณ์ VISA แล้วในเดือนกุมภานี้ คำถามคือ 1) จะใช้ passport ราชการที่มี VISA US ไปเที่ยวกับครอบครัวได้ไหม 2) สามีใช้ passport เล่มแดง คู่กับ passport ราชการที่มี VISA US B1/B2 ติดอยู่ คู่กัน
------------ Non-Immigrant Visas (for those travelling temporarily -- e.g. Travel, Business, Student Visas, etc.)
Consular Section, U.S. Embassy Bangkok Address: 95 Wireless Road, Bangkok 10330, Thailand E-mail: visasbkk@state.gov Home Page: //bangkok.usembassy.gov/services/visa/visa.htm Visa Information and Appointment Website: //thailand.us-visaservices.com Call Center Service: 001-800-13-202-2457 -----------------
น้องใหม่ค่ะ เข้ามาอ่านบล็อคได้ความรู้มากค่ะ ก็เลยไปลองทำดูเองหลังจากตัดสินใจอยู่หลายวันปรากฎว่าลองแล้วเกิดความสงสัยในตัวเองค่ะ ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไปขอถามคุณพี่เพิ่มเติมอีกหน่อยนะค่ะ น้องได้ทำการนัดสัมภาษณ์เรียบร้อยแล้วค่ะได้วันที่ 17 มี.ค.ค่ะ โดยทำการจองผ่านweb กรอก ds156 และ ds157 เรียบร้อยได้บาร์โคตท์และปริ้นไว้แล้วค่ะ แต่ปรากฎว่ามีพอมาตรวจทานดูที่หลังแล้วคิดๆดูอยากจะเขียนข้อมูลเพิ่มใน ds156 จะทำอย่างไรดี และอยากเล่าข้อมูลที่กรอกคร่าวๆให้คุณพี่อ่านดูว่าพอจะมีเปอร์เซ็นผ่านมั๊ยค่ะ ปัญหามีอยู่ว่า 1. DS156 - ในการตอบคำถามข้อที่ไม่มี น้องพิมพ์ลงไปว่า NONE มันถูกต้องมั๊ยค่ะ เช่น ข้อ8.Other First and Middle Name Used? ตอบ NONE ค่ะ ,ข้อ18.Spouse s Full Name? ตอบ NONE ค่ะ เพราะยังโสดสนิท 2. ข้อ20.ถามชื่อและที่อยู่นายจ้าง อันนี้เป็นความเข้าใจผิดของตัวน้องเองค่ะ เข้าใจว่าให้ใส่ชื่อนายจ้างเป็นชื่อบุคคลก็เลยใส่ชื่อเจ้าของกิจการลงไปเป็น Mr...... ส่วนที่อยู่ก็ใส่ที่อยู่ของเจ้าของกิจการตามบัตรประชาชนเขา แต่พอทำเสร็จปริ้นแล้วกลับมาสงสัยว่าจะผิดหรือขัดกับกับหนังสือรับรองการทำงานหรือเปล่าค่ะเพราะหัวกระดาษของหนังสือรับรองการทำงานจะเป็นชื่อและที่อยู่ของบริษัท เราสามารถเอาปากกาเขียนเพิ่มเติมชื่อบริษัท-ที่อยู่ของบริษัท ในแบบds156ที่ปริ้นออกมาแล้วได้หรือเปล่าค่ะ กังวลมากค่ะจะขัดกัน 3.น้องมีคนรับรองที่อยู่ให้ที่สหรัฐ เขาเป็นเภสัชกรอยู่ที่โน่น ได้ชื่อและที่อยู่,เบอร์โทรมาแล้วกรอกแล้วค่ะแต่ไม่มืหนังสือเชิญนะค่ะ จะเป็นอะไรไหมค่ะ (คือจริงๆแล้วน้องจะเดินทางพร้อมกับคุณลุง-คุณป้าสะใภ้-คุณป้า พวกเขาขอวีผ่านกันหมดแล้วได้คนละ 5ปี,8ปีและเคยเดินทางไปมาก่อนแล้ว 1 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ค่ะ ก็เลยอยากไปกับเขาด้วย) 3.ข้อ26.How Long Do You intend To Stay in The U.S.? ตอบ 1Month จะเป็นไรไหมค่ะเขาจะเชื่อถือไหมเพราะเพิ่งจะขอเป็นครั้งแรก (เรื่องลางานไม่ต้องห่วงค่ะน้องสามารถลางานได้ตั้งแต่3วันจนถึง 3 เดือนเพราะทำงานที่บริษัทมา 13ปี ไม่เคยลาและมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการทั่วไป) ถ้าคุณพี่คิดว่ามากไป น้องสามารถเขียนแก้ไขในds156ที่ปริ้นแล้วให้น้อยลงได้มั๊ยค่ะ 4.ข้อ28.Who Will Pay For Your Trip? ตอบ Myself ค่ะ เราเขียนเพิ่มว่า Myself and My Aunt ,My Uncle ได้มั๊ยค่ะกลัวเขาไม่เชื่อถือค่ะ หรือว่าแค่Myself ก็พอค่ะ 5.ข้อ34.Names and Relationships of Persons Traveling With you? ตอบไป 3 คนค่ะ คือ ลุง ,ป้าสะใภ้,ป้า 6.แผ่นสุดท้ายของ ds156 ที่มีบาร์โคท เขาเขียนว่า FILTERED NAMES: When 'None' or 'NA' are entered into any of the following the fields: 'Other Surnames Used','Other First and Middle Names Used',and 'National ldentification Number',the text will be removed by the EVAF software from the data in the 2D barcode. if the applicant's name actually is None or NA the post must enter the name manually into NIV or RDS.The following fields have been removed: -'NONE' was removed from the 2D barcode for ltem 8(Other Surnames Used) -'NONE' was removed from the 2D barcode for ltem 9(Other First and Middle Names Used) แปลว่าอะไรค่ะเพราะว่าของคุณป้าไม่เห็นจะมีมีแต่บาร์โคทเท่านั้น หรือว่าทั้งนี้ทั้งนั้นควรเข้าไปกรองใหม่ขอบาร์โคทหม่ดีค่ะรบกวนคุณพี่ช่วยตอบด้วยนะค่ะน้องกังวลใจมากเลยค่ะกลัวทำผิดแล้วจะเป็นผลให้ไม่ผ่านขอความกรุณาด้วยนะค่ะ ส่วนเอกสารประกอบของน้องมีดังนี้ 1.หนังสือรับรองการทำงาน (ระบุ วันเข้าทำงาน,จำนวนปี,ตำแหน่ง,เงินเดือน,ระยะเวลาที่ลางาน) 2.สมุดเงินฝากออมทรัพย์ประมาณ 3-5 แสน (ยังไม่แน่ใจแต่ไม่ต่ำกว่า 3) เพราะเบิกเงินเข้าออกบ่อย 3.สำเนา Passport ของคุณลุงคุณป้าทั้งสามที่ขอผ่าน 4.โฉนดที่ดิน 2 แปลง รวมกันแล้วประมาณ 19ไร่ (เพิ่งจะโอนให้หมาดๆ วันนี้ค่ะเป็นมรดก) 5.สำเนาจองตั๋วบินของคุณลุงคุณป้า
พี่ได้ก็อปปี้รายละเอียดที่พี่ส่งไปถามเค้ามาให้น้องฟ้าใสดูตามข้างล่างค่ะ (ต้องใส่ Subject, Name of Visa Applicant, Date of Birth ตามนี้เลยนะคะ ส่วนรายละเอียดฟ้าใสจะถามเรื่องอะไรก็ใส่ตามนั้น)
ตัวอย่างอีเมล์ถามสถานฑูตค่ะ :
Subject : NIV Inquiry Name of Visa Applicant : (ใส่ชื่อนามสกุลเราตามพาสปอร์ต) Date of Birth : (ใส่วันเดือนปีเกิดเรา)
Dear Sirs, Sawasdee ka.
May I know about .(ใส่เรื่องที่เราต้องการถาม)..?
Looking forward to hearing from you and thank you very much in advance for your kind assistance.
นัทที่ตามที่คุณซูซี่แนะนำแล้วค่ะ ลองมาที่ร้านคอมมีเวอร์เดียวกับที่บอก แต่พอกด คอนตินิวมันจะขึ้นว่า (Item1) Invalid Entry-The Passport Number field can contain alphanumeric characters with no spaces or commas. และprint ออกมาก็ไม่มีบาร์โคทอีก ลองเปลี่ยนร้านมาหลายวันแล้วค่ะยังไม่ได้อีก ใครทราบช่วยตอบที่หรือขอเบอร์ดทรที่ติดต่อพอจะถามได้เลยตอนอยู่หน้าคอม 2 เมย 2552 สัมภาษณ์ แล้วค่ะ รอบกวนตอบที่ ขอบคุณค่ะ
ได้เข้าไปอ่านข้อมูลที่มีประโยชน์อีกครั้ง
ทราบข่าวจากลิ้งที่พันทิพย์รีบตามมาเลย