ถนนสายนี้มีตะพาบ 118 : ระลึกความหลัง 'ตำนานรักเจ้าน้อย'
ถนนสายนี้มีตะพาบ 118 โจทย์โดย : คุณต่อ (toor36) ระลึกความหลัง
ตำนานรักเจ้าน้อย
สวัสดีค่ะวันนี้ตะพาบโจทย์ล่าสุดเป็นเรื่องเกี่ยวกับการระลึกความหลังพอมาย้อนดูบล็อกเก่าที่เขียนผ่านมา จนถึงวันนี้จขบ. เขียนบล็อกมาแล้วทั้งหมด 189 บล็อก ยอดวิวหนึ่งแสนสามหมื่นปลายๆ ถึงจะไม่มากนัก แต่ก็ดีใจและอยากขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ ที่สละเวลามาอ่านค่ะ
คิดอยู่นานจะระลึกความหลังอะไรดีมีอยู่บล็อกหนึ่งที่อยากเล่าต่อจากเรื่องราวเดิมที่เคยเขียนไปคือ บล็อกความรักของคุณตาของจขบ. เป็นเรื่องหนึ่งที่เคยอัพในงานตะพาบเมื่อปีก่อน แต่คราวนี้อยากจะเล่าเรื่องของคุณยาย เป็นการระลึกความหลังถึงคุณยายค่ะ
ยาย เป็นนักเล่า..ตัวยง..
ยายเป็นสาวเชียงใหม่จาก อ.สันทราย ผิวขาว ตัวสูง และตาสวย ยายพบรักกับตาซึ่งเป็นหนุ่มจีนอพยพมาตั้งรกรากในเมืองไทยทั้งสองเป็นคนรักคนแรกของกันและกัน แต่กว่าจะได้แต่งงานกัน ยายเล่าว่าลำบากมากมายเพราะทั้งสองครอบครัวไม่ยอมรับเพราะฐานะทางบ้านตาดีกว่ายายมากมาย
ตากับยายลำบากมากต้องออกจากบ้านมาอยู่ด้วยกันแถวๆวัดเกตุ เป็นบ้านไม้สองชั้นเก่าๆ นอกจากยายจะทำหน้าที่แม่บ้านเลี้ยงดูลูกหลายคนแล้วยายยังทำอาหารอร่อยและเย็บปักถักร้อยเก่ง ช่วยเหลือการงานของตาได้ทุกอย่าง
ตอนที่จขบ. เป็นเด็กน้อย ด้วยความที่ชอบอ่าน ชอบฟัง ชอบจำ ยายเล่าให้ฟังว่า จขบ. เริ่มอ่านหนังสือพิมพ์ตั้งแต่ยังเรียนอยู่อนุบาลรู้เรื่องหรือไม่ก็จำไม่ได้ แต่ว่าขาดไม่ได้เหมือนเห็นของเล่นถูกใจเวลาได้หนังสือพิมพ์ยายชอบทำข้าวเหนียวอั่วปลาทูให้ทานทุกวันเวลามีเมนูนี้ไม่จำเป็นต้องหลอกล่อให้เหนื่อย
ยายชอบเล่าเรื่องต่างๆให้ฟังก่อนนอน โดยเฉพาะนิทาน ไม่ว่าจะเป็นสโนไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด ซินเดอเรลล่าแจ็คผู้ฆ่ายักษ์ จขบ.ชอบฟังจนยายเบื่อที่จะเล่า
บางครั้งจึงเปลี่ยนมาเล่านิทานพื้นบ้านบางครั้งก็เล่าเรื่องละครซอ (จนตอนเด็กๆ ไปหัดสีซอกับครูที่โรงเรียน) บางครั้งยายก็เล่าตำนานเมืองเชียงใหม่หรือละแวกใกล้เคียงที่สนใจเช่นประวัติเจดีย์กิ่วใกล้ๆ สะพานนครพิงค์ (เอาไว้มีโอกาสจะมาเล่าคราวต่อไปค่ะ) และบางครั้งก็เล่าเรื่องตำนานรักเมืองเชียงใหม่ที่สืบทอดต่อๆ กันมา มีหลายเรื่องมากที่เป็นทั้งเรื่องจริงและตำนานคิดว่าผู้อ่านคงเคยเห็นหรือได้ยินมาบ้าง เช่น
ตำนานวังบัวบานเป็นเรื่องของบัวบานกับหนุ่มชาวกรุงหรือ ตำนานสาวเครือฟ้ากับร้อยตรีพร้อมแต่ที่จำแม่นและชอบฟังเป็นพิเศษคือตำนานรักของ น้อยใจยากับนางแว่นแก้ว เป็นรักต่างชนชั้นของหนุ่มชาวบ้านกับลูกสาวของคหบดีผู้ร่ำรวยแห่งเมืองเชียงใหม่ที่พบอุปสรรคความรักจนต้องหนีตามกันไปแต่สุดท้ายก็ได้สมหวังในความรักเป็นหนึ่งในไม่กี่ตำนานเมืองเชียงใหม่ที่จบอย่างสมหวังสวยงาม กับอีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องที่จขบ. จะเล่าต่อไปนี้ เป็นตำนานรักกว่า 100 ปีมาแล้วคือเรื่องของ
มะเมี๊ยะกับเจ้าน้อยศุขเกษม
ตำนานรักต่างเชื้อชาติของเจ้าชายแห่งล้านนากับหญิงสาวชาวพม่า เจ้าน้อยศุขเกษมกับมะเมี๊ยะเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 100 ปีผ่านมาเรื่องมีอยู่ว่าหลังจากที่เชียงใหม่ส่งเจ้าดารารัศมีซึ่งเป็นอาของเจ้าน้อยไปอภิเษกกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่5 เป็นการผูกสัมพันธ์ทางการเมืองเพราะขณะนั้นเชียงใหม่เป็นประเทศราชของสยาม
เจ้าน้อยศุขเกษมเป็นราชโอรสองค์โตในเจ้าแก้วนวรัฐและเจ้านางจามรีมหาเทวี ณ.เชียงใหม่ ในวัย 15 ปีได้ถูกเจ้าพ่อส่งไปเรียนที่โรงเรียนฝรั่งในพม่าอย่างลับๆเพื่อให้ทรงศึกษาภาษาอังกฤษ เพราะในขณะนั้นพม่าเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ และเชียงใหม่ต้องทำการค้าขายกับพม่าโดยไม่ผ่านสยามที่นั่นทำให้เจ้าน้อยได้พบรักกับ มะเมี๊ยะ สาวชาวบ้านเมืองเมาะละแหม่ง
เจ้าน้อยวัย19 ปี อยู่กินกับมะเมี๊ยะวัย 15 ปี จวบจนเรียนจบถึงเวลาต้องกลับเชียงใหม่เจ้าน้อยแอบพามะเมี๊ยะกลับไปด้วยแต่ให้แต่งกายเป็นชายและแอบพาเธอไปไว้ที่เรือนหลังเล็ก โดยไม่รู้ว่าเจ้าแก้วนวรัฐได้หมั้นหมายเจ้าหญิงบัวนวลสิโรรส ธิดาของเจ้าสุริยวงศ์ ไว้ให้
(ภาพเจ้าบัวนวล สิโรรส อดีตคู่หมั้นเจ้าน้อยศุขเกษม)
เจ้าน้อยไม่ยอมแต่งงานจึงเปิดเผยว่ามะเมี๊ยะคือภรรยาและพามากราบเจ้าพ่อกับเจ้าแม่ แต่ไม่ได้รับการยอมรับ เรื่องรู้ถึงหูเมืองสยามรัชกาลที่ 5 และพระราชชายาเจ้าดารารัศมีเห็นว่าเป็นการไม่สมควรจึงส่งคนมาเจรจาว่าเจ้าน้อยจะมีภรรยากี่คนก็ได้แต่ต้องไม่ใช่สาวพม่าเพราะคนพม่าถือสัญชาติอังกฤษเกรงว่าอังกฤษจะเข้าแทรกแซงและเสียเชียงใหม่ให้แก่พม่า
เนื่องจากเจ้าน้อยถูกวางตัวให้เป็นรัชทายาทครองเมืองเชียงใหม่จึงถูกบังคับให้ส่งตัวมะเมี๊ยะกลับพม่า เจ้าน้อยจำใจต้องส่งตัวมะเมี๊ยะกลับไปโดยให้สัญญาว่าอีกสามเดือนจะไปรับกลับ ทั้งคู่สาบานรักกันว่าจะไม่รักใครอื่นถ้าใครผิดคำสาบานขอให้อายุสั้นมีอันเป็นไป
เจ้าน้อยจัดขบวนช้างไปส่งมะเมี๊ยะถึงประตูเมืองก่อนจากกันมะเมี๊ยะก้มลงกราบเท้าและสยายผมเช็ดเท้าให้แก่เจ้าน้อยเป็นการบูชารักสุดหัวใจจากนั้นไม่นานเจ้าน้อยต้องไปสยามและโดนเจ้าอาคือพระราชชายาเจ้าดารารัศมีจับแต่งงานกับเจ้าหญิงบัวชุมซึ่งเป็นสาวที่สวยที่สุดในตำหนัก และเป็นพระญาติ ต่อมาไม่นานพระเจ้าอินทรวิชยานนท์เจ้าผู้ครองล้านนา พระบิดาของเจ้าดารารัศมีสิ้นพระชนม์พระนางไม่มีโอกาสได้กลับไปเคารพพระศพพระบิดาด้วยตัวเองตอนนั้นเกิดการเตะถ่วงอำนาจทางการเมืองเรื่องการแต่งตั้งเจ้าครองแคว้นคนใหม่ (ภาพเจ้าน้อยศุขเกษมกับชายาเจ้าบัวชุม)
เจ้าอาของเจ้าน้อยได้ขึ้นเป็นเจ้าหลวงองค์ใหม่ส่วนเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าพ่อของเจ้าน้อยได้เป็นเจ้าราชบุตร(อุปราช) เจ้าน้อยจึงต้องเป็นรัชทายาทลำดับที่ 3 และหมดโอกาสที่จะรับมะเมี๊ยะกลับมาอยู่ร่วมกัน
สามเดือนผ่านไปเจ้าน้อยไม่มารับตามสัญญามะเมี๊ยะจึงไปบวชชีเพื่อเป็นการพิสูจน์รักแท้ว่าเธอจะไม่มีคนใหม่ ต่อมาอีกนานหลายปีเจ้าน้อยกลับเชียงใหม่พร้อมเจ้าบัวชุม มะเมี๊ยะในสภาพแม่ชีได้ทราบข่าวการสมรสจึงเดินทางมาหาที่คุ้มไม่ใช่เพื่อขอรักคืนแต่มาเพื่ออโหสิและถอนคำสาบานให้ แต่เจ้าน้อยไม่มีหน้าออกมาพบจึงฝากให้ท้าวบุญสูงพี่เลี้ยงเอาแหวนทับทิมกับเงินอีก 1 กำปั่น (800 บาท บางข้อมูลบอกว่า 80 บาท)ในสมัยนั้นมาให้แม่ชีมะเมี๊ยะเพื่อให้แม่ชีใช้สอยในฐานะเป็นโยมอุปฐากส่วนแหวนนั้นใช้แทนใจว่าหัวใจเจ้าน้อยยังอยู่กับมะเมี๊ยะเสมอ
แม่ชีรับแหวนแต่ไม่รับเงินและจากไปแบบเงียบๆ เจ้าน้อยเสียใจมากเอาแต่กินเหล้าเป็นเวลาหลายปี สุดท้ายก็สิ้นชีพิตักษัยด้วยโรคเส้นประสาทพิการเรื้อรังสิริรวมอายุ 36 ปี ในปี พ.ศ. 2456 หรือเมื่อ 101 ปีผ่านมาแล้ว
นับว่าเป็นการจากกันอย่างถาวรส่วนแม่ชีมะเมี๊ยะบวชตลอดจนสิ้นอายุขัยในวัย 75 ปี ส่วนเจ้าบัวชุมพระชายาในเจ้าน้อยศุขเกษมแต่งงานใหม่อีกครั้งกับ เจ้าไชยวรเชษฐ์หรือเจ้ามงคลสวัสดิ์ ก่อนจะเลิกรากันไปโดยไม่มีบุตรและธิดา และกลับไปอยู่กับเจ้าดารารัศมี และครองตัวเป็นข้าบาทจาริกาตลอดจนถึงอายุ81 ปีจึงสิ้นพระชนม์
เป็นอันจบตำนานรักเมืองล้านนาและได้รับการบันทึกเป็นเรื่องเล่าที่เขียนโดย เจ้าบัวนวลสิโรรส อดีตคู่หมั้นของเจ้าน้อย ที่เปิดเผยว่าตลอดชีวิตของเจ้าน้อยรักผู้หญิงคนเดียวจนสิ้นชีพิตักษัยคือ มะเมี๊ยะ และเรื่องราวหลังจากนั้นเป็นคำสั่งต้องห้ามพูดถึงอยู่หลายปีเพราะมีเรื่องทางการเมืองระหว่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง
ปัจจุบันกู่(สถูป) เจ้าอุตรการโกศล หรือ เจ้าน้อยศุขเกษม ณ.เชียงใหม่ ตั้งอยู่ที่วัดสวนดอกจ.เชียงใหม่ ร่วมกับพระราชวงศ์องค์อื่นของเมืองล้านนารวมถึงเจ้าอาของเจ้าน้อยซึ่งก็คือพระราชชายาเจ้าดารารัศมีด้วย..
เรื่องราวตำนานรักต่างชนชั้นระหว่างเจ้ารัชทายาทล้านนากับสาวพม่าจบลงไปนับร้อยปีแต่ยังได้รับการกล่าวขวัญถึงเป็นอมตะอยู่จนบัดนี้..
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ขอบคุณของแต่งบล็อคสวยๆ จากคุณยายเก๋าและคุณญามี่ค่ะ ขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพิเดีย / ยูทูป / มติชน รายการหนังพาไป / //www.hotsia.com ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ พรุ่งนี้ค่อยตามไปเยี่ยมพี่ๆ ที่บล็อคนะคะ ^___^
Create Date : 22 พฤศจิกายน 2557 |
|
52 comments |
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2557 1:03:18 น. |
Counter : 4146 Pageviews. |
|
|
|
เป็นตะพาบ ความหลังในตำนาน
ความรักต้องห้าม...
ขอบคุณที่น้องนุ่น..เล่าขานมาให้เพื่อนๆได้ทราบ