The best and most beautiful things cannot be seen or even touched, they must be felt with the heart.
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
26272829 
 
27 กุมภาพันธ์ 2555
 
All Blogs
 

รักร้ายๆ..ลูกชายมาเฟีย 13

13.

“...บนหุบผาอีกฟากที่ดวงตะวันกำลังลับฟ้า…มีเธอมองฉันอยู่ตรงนั้น
เธอจะเข้าใจความรู้สึกของฉัน ที่ไม่สามารถเอ่ยออกไปได้หรือไม่..
...เพราะอะไรก็ไม่รู้...
เหมือนเรื่องบังเอิญที่เราสองคนก็ได้เคยอยู่ร่วมกันมา
แม้จะผ่านสายรุ้งหรือไปสู่สวรรค์แห่งนั้น...
ความรู้สึกเท่านั้นที่ไม่เคยเปลี่ยน

ยิ่งรักเธอมากเท่าไหร่... เธอก็ช่างน่ารักขึ้น
จะเจ็บปวดใจแค่ไหน..แต่ก็เชื่อว่าความรัก...จะไม่มีวันจบ

และในตอนนี้ สิ่งที่ฉันได้เล่าออกไป..
ความรักที่ไม่สามารถปิดบังได้นั้น
ก็ช่างบังเอิญที่ตัวเธอก็รับฟังเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดายนั้น..
ได้กลายเป็นพรหมลิขิตไปแล้ว…


ผมเห็นหยาดน้ำใสค่อยๆไหลรินจากตาคู่สวย น้องปิดนิยายรักเกาหลี The classic ที่เพิ่งอ่านไปเพียงไม่กี่บท
วางลงที่โต๊ะข้างเตียงอย่างช้าๆ มือเรียวเอื้อมคว้ามือขวาผมไปกุมไว้ยกขึ้นแนบแก้มอย่างเคย

“...ยิ่งรักมากเท่าไหร่...ยิ่งกลัวที่จะห่างไกลกัน..แต่อย่างไรก็เชื่อว่า...มันจะไม่มีวันจบ...”

“ความรู้สึกเท่านั้นที่ไม่เคยเปลี่ยน...และเชื่อว่าความรัก...จะไม่มีวันจบ...มัน...ฮึก..จะไม่มี...วัน...จบ…”

“When the sun shines on the sea…. I think of you.
เมื่ออาทิตย์สาดส่องท้องทะเล...ผมคิดถึงคุณ

“When the dim moonlight is on the spring…I think of you.
เมื่อจันทร์สาดส่องแสงในฤดูใบไม้ผลิ..ผมก็คิดถึงคุณ

“ทุกวินาที...ที่ฟลุ๊คยังคงหายใจ...พี่ฮะ....ฟลุ๊คคิดถึงพี่”

“ทุกจังวะการเต้นของหัวใจนี้...พี่ฮะ...ฟลุ๊ครักพี่..”

“ไม่รู้ว่าจะต้องรออีกนานแค่ไหนกัน..ที่พี่จะได้ตื่นมาฟังฟลุ๊คร้องเพลงอีกครั้ง…”

“แต่ไม่ว่าจะนานแค่ไหน...พี่โอ...ฟลุ๊คก็จะอยู่ตรงนี้...ไม่ไปไหน...พี่ไม่ต้องกลัวนะฮะ”

“ฟลุ๊ครักพี่นะฮะพี่โอ”

น้องลูบแก้มผม ปากอิ่มก้มจูบที่ริมฝีปากผมแผ่วเบา น้องนอนกุมมือผม เป็นอย่างนี้ทุกคืน และหลับอยู่ตรงนี้จนกระทั่งเช้า และผมก็ได้แต่เพียงยืนดูน้องอย่างเงียบๆเท่านั้นเช่นกัน.
.
.
.

“ผมไม่อยากให้คนที่ผมรัก...ต้องทุกข์ใจและเสียใจมากไปกว่านี้..”

“ถ้าพี่ยังมัวชักช้า...ไม่ยอมตื่นขึ้นมาเสียที... ก็อย่าหาว่าผมไม่เตือนนะครับ...เคยได้ยินไหมที่เขาว่ารักแท้แพ้ใกล้ชิด..”


“และผมก็คือ...คนที่ฟลุ๊คสนิทใจด้วย....พี่เองก็รู้ดีนี่...มันไม่ยากเลยสักนิด ที่จะทำให้ฟลุ๊ครักผม ในเมื่อพี่จะยอมเป็นเจ้าชายนิทราอยู่อย่างนี้...”


“ว่าแต่... พี่รีบตื่นขึ้นมาเร็วๆเถอะ...แล้วเรามาสู้กันแบบซึ่งๆหน้าไม่ดีกว่าหรือครับ...ผมเองไม่อยากได้ชื่อว่าแย่งของ ของใครนะ...โดยเฉพาะกับคนที่ไม่มีทางสู้อย่างพี่ตอนนี้”


....รู้สึกเหมือนผมโดนหมัดเข้าที่ปลายคางอย่างจัง...
มึนงงกับคำพูดของกัสไปชั่วครู่...ก่อนจะเปลี่ยนเป็นความโกรธและแค้น กับคำสบประมาทของกัส... น้ำเสียงและสีหน้าที่แสดงว่ามั่นใจเหลือเกินนั้น ทำให้ผมอดหมั่นไส้ไม่ได้ ผมกระโจนคว้าคอเสื้อกัสไว้...แต่..ผมแตะต้องสัมผัสอะไรไม่ได้...ผมทำอะไรไม่ได้เลย....ผมจึงได้แต่เพียงยืนดูกัสเดินโอบบ่าพาน้องออกจากห้องไป…ก็เท่านั้น


ผมรู้ว่ากัสตั้งใจพูดให้ผมได้ยินอย่างชัดเจนทุกถ้อยคำ เพราะแม้ว่าผมจะอยู่ในภาวะ unconscious หรือไม่ได้สตินี้แต่ประสาทการรับฟังของผมก็ยังทำงานอยู่ และผมสามารถรับรู้สิ่งที่คนรอบข้างพูดคุยได้อย่างดี ใบหน้าขาวใสยิ้มน้อยๆ ขณะเอ่ยถ้อยความ...คำพูดที่ตรงจุดเหลือเกินแบบนี้ ....ผมกลัว.... ยิ่งน้องไม่เคยแสดงว่ารังเกียจกัสแม้แต่น้อย นั่นก็ยิ่งทำให้ผมกลัวมากขึ้น...กัสพูดถูกทุกอย่าง...หากผมยังคงเป็นเจ้าชายนิทราอยู่อย่างนี้...ผมก็จะเป็นคนที่ทำร้ายน้องเสียเอง...ทำให้น้องเสียใจมากยิ่งขึ้นทุกวัน..ทุกวัน


...และสักวัน...น้อง...ก็คง....จะ...

..ไม่!...มันจะต้องไม่มีวันนั้น!...


ผมหัวเสียอย่างมาก อยากจะกรีดร้องให้ความอัดอั้นในใจนี้จางหาย ผมพลุ่งพล่านและรู้สึกว่าควบคุมสติตัวเองไม่ได้ ผมเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง ก่อนจะวิ่งตามน้องกับกัสออกไปที่คอฟฟี่คอนเนอร์ ผมยืนมองดูน้องกับกัสที่หลังพุ่มไม้ กัสสั่งคาปูชิโน่และบลูเบอร์รี่ชีสเค๊กชิ้นเล็กๆมาให้น้อง ส่วนตัวเองพอใจที่จะดื่มกาแฟดำและมองน้องเป็นของหวาน ฮื่ย!หมั่นไส้เป็นที่สุด กัสเล่าเรื่องราวต่างๆนอกโรงพยาบาลให้น้องฟัง เป็นเรื่องสนุกที่เรียกเสียงหัวเราะจากคนหน้าหวานของผมได้ เห็นน้องยิ้มแย้มปล่อยหัวเราะผมก็อดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้จริงๆ


ผมเพิ่งสังเกตน้องชัดๆ วันนี้น้องรวบผมที่ยาวระต้นคอไว้ลวกๆด้วยยางมัดผมเส้นเล็กที่น้องไอซ์ลืมทิ้งไว้ ผมด้านหน้าที่ยาวละลูกตาถูกปาดไปทัดหู แต่ยังมีบางส่วนที่ยังคงคลอเคลียอยู่ที่ใบหน้า ทำให้ใบหน้าที่หวานอยู่แล้วหวานมากขึ้นไปอีก น้องผอมไปเยอะจริงๆ ..หน้าสวยนั้นเรียวลงมาก คงเพราะน้องต้องอดหลับอดนอนดูแลผมทุกคืน แม้ว่าจะมีคุณพยาบาลคอยดูแลผมอยู่แล้วก็ตาม แต่น้องจะคอยเฝ้าผมอย่างใกล้ชิด ทั้งวันทั้งคืนน้องจะอยู่แต่ในห้องกับผม อ่านหนังสือบางเรื่องที่ผมยังไม่ได้อ่านให้ผมฟัง ร้องเพลงเพราะๆในทุกคืนก่อนนอนให้ผมฟัง ปากแดงอิ่มนั้นสีชัดขึ้นเพราะ ผิวที่ขาวของน้องขาวซีดมากเกินไปเหตุเพราะไม่ได้ถูกแดดมาเป็นเดือน

น้องแทบจะไม่ยอมห่างจากผมเลยแม้สักนาทีเดียว ...ก็มีบ้างที่น้องออกมาทานอาหารกับน้องไอซ์ และนายหัว เพราะขัดผู้ใหญ่ไม่ได้หรืออย่างวันนี้...กับนายกัส ที่อ้างเหตุผลร้อยแปดพันประการที่ต้องออกมาดื่มกาแฟด้วยกัน ผมก็เห็นด้วยในข้อที่ว่าน้องควรจะพักผ่อนบ้าง เห็นน้องสดชื่นขึ้นผมก็สุขใจ

อ่ะ!..อะไรน่ะ!


ใจผมกระตุกแรง เมื่อเห็นกัสใช้นิ้วโป้งเช็ดครีมที่ติดอยู่ที่มุมปากให้น้องอย่างอ่อนโยน หน้าสวยเจื่อนไปนิดแต่ก็พึมพำขอบคุณกัสเบาๆ ...ผมเจ็บแปลบในอก...แม้จะรู้ว่าขณะนี้ใจน้องยังอยู่กับผม...แต่ถ้าผม...ผม..อืม..ผมยังคงล่องลอยเป็นอากาศธาตุอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ...ความใกล้ชิดของกัสและน้องแบบนี้ มันคงพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ...จนสุดท้ายจะกลายเป็น...อ่ะ!..ผมไม่อยากคิด


ผมยืนอยู่ที่ทางเดินระหว่างระเบียงห้องพักบนชั้น 4 ของตึกพิเศษ ยืนมองทิวทัศน์ที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ดวงอาทิตย์กลมโตกำลังจะลับเหลี่ยมตึก ความมืดมาเยือนอีกครา ...นี่ก็เกือบเดือนแล้วที่ผมยังนอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่อย่างนี้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงยังไม่ตื่น ทั้งๆที่ผมได้ยินทุกคำพูดและเห็นทุกการกระทำ …นี่ผมจะทำอย่างไรดี…ผมต้องทำอย่างไรจึงจะกลับมาเหมือนเดิมได้


ออร์แกนไฟฟ้าตัวเล็กที่มุมห้องกำลังบรรเลงเพลงไพเราะ น้องกำลังเล่นเพลงให้ผมฟังอย่างเช่นทุกคืน ท่วงทำนองพลิ้วหวาน...ที่แสนเศร้า...


“...เคยเหมือนไร้จุดหมาย…ไม่เคยมีใครให้รัก
ไม่ได้รู้จักว่ารักที่แท้เป็นไง
เพิ่งจะเข้าใจวันนี้... วันที่เธอได้เดินเข้ามา
ทำให้ฉันห่วงหามีคนให้คิดถึงกัน

โอ้... ความรัก…. ทำให้ฉันมีลมหายใจ
เพื่อใคร... ชีวิตจึงมีความหมาย...เพราะเธอ

แม้บางวันจะสุข… แม้บางคืนจะปวดใจ
แต่รู้ไหม... มันทำให้ฉันยิ่งรักเธอ
แค่ได้เห็นเธออยู่ ...แค่ให้ฉันได้ห่วง
ก็ทำให้หัวใจมีค่ามากมาย ชีวิตของฉันจากนี้
จะมีไว้ให้เธอเพียงผู้เดียว...ไปจนตาย

คำว่ารักคำนี้... เปลี่ยนชีวิตฉันไปมากมาย
ทำให้ร้องไห้ ...และทำให้ยิ้มพอกัน
ไม่เคยมีใครอย่างเธอ และไม่เคยมีใครผูกพัน
ทำให้คนอย่างฉัน เป็นคนที่รักใครเป็น

โอ้ ...ความรัก.... ทำให้ฉันมีลมหายใจ
เพื่อใคร ...ชีวิตจึงมีความหมายเพราะเธอ

แม้บางวันจะสุข ...แม้บางคืนจะปวดใจ
แต่รู้ไหม... มันทำให้ฉันยิ่งรักเธอ
แค่ได้เห็นเธออยู่ …แค่ให้ฉันได้ห่วง
ก็ทำให้หัวใจมีค่ามากมาย ชีวิตของฉันจากนี้
จะมีไว้ให้เธอเพียงผู้เดียวไปจนตาย...”




“...ลมหายใจเพื่อใครคนหนึ่ง...ลมหายใจของฟลุ๊ค..มีไว้เพื่อพี่นะฮะ….พี่โอ...ลืมตาขึ้นสิฮะ...ฟลุ๊คอยู่ตรงนี้ไง....พี่โอไม่รักฟลุ๊คแล้วหรือฮะ...”

ผมเห็นน้องนั่งจ้องหน้าผมอยู่อย่างเช่นทุกคืนวัน ตาโตสวยคู่นี้..คู่ที่ผมอยากจะให้มีแต่แววสดใส ...แต่ผมกลับเป็นคนทำให้ตาคู่นี้ต้องหมองเศร้า รู้สึกแปลบในอกทุกครั้งที่น้องปล่อยน้ำตา ทั้งๆที่เคยบอกกับน้องว่าอย่าร้องไห้อีก..แต่พี่กลับเป็นคนที่ทำให้น้องต้องร้องไห้เสียเอง

“สัญญาสิฮะพี่โอ...ว่าพี่จะไม่หนีฟลุ๊คไปอีก...นะฮะ”


น้องซุกซบอยู่กับอกผม เพียรขอคำมั่นสัญญาในวันที่เราเปิดใจให้กัน ทั้งๆที่ผมสัญญาออกไปแล้ว..แต่ผมกลับรักษามันไว้ไม่ได้…เจ็บปวดเหลือเกิน...ผมรู้ว่าผมปล่อยน้ำตาออกมา... อยากปลุกปลอบให้กำลังใจ...อยากจะบอกว่าพี่นี้รักน้องเหลือเกิน ...อยากกอดน้องเหลือเกิน...ผมคว้าร่างน้องมากอดไว้... แต่...ว่างเปล่า...ร่างที่เป็นเพียงกลุ่มควันพลังงานบางเบานี้ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

..ฟลุ๊คครับ...พี่คงไม่ดีพอสำหรับฟลุ๊คแล้ว...


“พี่จะยอมให้ฟลุ๊คกับผมง่ายๆอย่างนี้หรือครับพี่โอ...ไม่สนุกเลยนะ..หึๆ”


เสียงหัวเราะของกัสดังวนเวียนอยู่ในหูผม...ไม่!..ผมจะไม่ยอมให้เป็นแบบนี้....ผมยังไม่ได้ทำอะไรอีกตั้งมากมาย ผมจะนอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่อย่างนี้ไม่ได้...และที่สำคัญ...ผมไม่ยอมเสียน้องไปง่ายๆ...ผมต้องทำอะไรสักอย่างแล้วและโดยเร็วที่สุดด้วย


“ในภาวะUnconscious เช่นนี้ ในขณะที่ร่างกายของโอหลับเหมือนกับว่าตอนนี้โอกำลังเข้าสมาธิลึกๆ ในระดับฌาน คลื่นสมองระดับนี้จะทำงานเชื่อมต่อกับส่วนที่เป็น จิตไร้สำนึก สภาวะเช่นนี้จะทำให้ ร่างกายของโอเกิดความผ่อนคลาย ในระดับที่สูงมาก สังเกตเส้นที่แสดงคลื่นสมองนะคะ เรียกว่า คลื่นเดลต้า (Delta brainwaves) จะมีความถี่ประมาณ 0 – 4 รอบต่อวินาที(Hz) เป็นคลื่นสมองที่ช้าที่สุด แสดงให้เห็นว่า ร่างกายกำลังดื่มด่ำกับ การพักผ่อนลงลึกอย่างเต็มที่ เปรียบได้กับการประจุพลังงานเข้าสู่ร่างกายใหม่ ผู้ที่ผ่านการหลับลึก ในช่วงเวลาที่พอเหมาะพอดี จะรู้สึกได้ถึงความสดชื่นกระปี้กระเปร่ามากเป็นพิเศษ”


“แล้วเมื่อไหร่พี่โอจะฟื้นสักทีฮะพี่เมย์”


“เมื่อถึงเวลาอันสมควร...มีโอเท่านั้นที่จะรู้...น้องฟลุ๊คเชื่อมั่นในตัวพี่โอไหมคะ...ถ้าฟลุ๊คเชื่อว่าพี่โอรักฟลุ๊คที่สุด...พี่โอต้องกลับมาแน่นอนค่ะ”



ผมพยายามรวบรวมสมาธิที่กระเจิดกระเจิงนี้กลับมา .…ฌาน...สมาธิหรือ...ผมนึกถึงเมื่อครั้งที่ได้เข้าร่วมโครงการอุปสมบทหมู่ของโรงเรียนนายร้อยตำรวจเมื่อตอนอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์และได้ไปศึกษาหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ได้ฝึกสมาธิกันที่วัดถ้ำแห่งหนึ่งในจังหวัดทางภาคตะวันออกด้วย แม้การบวชครั้งนั้นจะแค่เพียง15วันแต่ผมก็ได้ความรู้มากมาย คำสอนเรื่องจิตที่พระอาจารย์เคยได้เทศน์ให้ฟังวนเวียนอยู่ในความนึกคิด


“ ทางพุทธศาสนาถือว่า คนเราประกอบด้วยส่วนสำคัญ 2 ส่วนคือนามและรูป...นาม ก็หมายถึง ส่วนที่เราเรียกว่า “จิต” นั่นเองซึ่งเป็นสิ่งนามธรรม ไม่มีรูปร่างตัวตน (อสรีรํ) อาศัยอยู่ในถ้ำคือกายนี้ (คูหาสยํ) มีลักษณะสำคัญ 4 ประการคือ”


“วิญญาณ ซึ่งสามารถรับรู้อารมณ์ที่มากระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และมโน...สัญญาคือการจดจำอารมณ์ได้
..สังขารคือมีการนึกคิดเกี่ยวกับอารมณ์นั้นๆ..และเวทนา เกิดความรู้สึกสุขทุกข์หรือกลาง ๆ เกี่ยวกับอารมณ์นั้น ๆ”


“ส่วนรูป ก็หมายถึง ส่วนของรูปธรรม ก็คือร่างกายนั่นเอง ประกอบด้วยธาตุดิน (ของแข็ง) ธาตุน้ำ (ของเหลว) ธาตุลม (แก๊ส) และธาตุไฟ (พลาสม่า) รูปกับนามต้องอาศัยกันอย่างใกล้ชิด ขาดเสียแต่อย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้”


“จิตในทางพุทธศาสนาเกิดขึ้นเป็นดวง ๆ ในเมื่อมีอารมณ์มากระทบ กระทำหน้าที่เสร็จแล้วก็ดับไป แต่แล้วก็เกิดขึ้นอีก ...เกิดดับสลับกันไปอย่างรวดเร็ว จนดูเป็นจิตดวงเดียวอยู่ตลอดเวลา เปรียบเหมือนหลอดไฟที่เราเห็นเป็นไฟดวงเดียวตลอดเวลานั้น ความจริงสว่างแล้วดับ ติดต่อกันไปอย่างรวดเร็ววินาทีละ 50 ครั้ง”


“ตามหลักพุทธศาสนา จิตทำงานอยู่ใน3 แดนคือ หนึ่งแดนปัญจทวารหมายถึงจิตตื่นจากภวังค์เต็มที่เรียกว่า”วิถีจิต”มีการรับรู้อารมณ์ที่ผ่านเข้ามาทางทวารทั้ง 5คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย สองแดนมโนทวาร หมายถึงจิตตื่นจากภวังค์ขึ้นสู่วิถีแต่ไม่ออกมารับอารมณ์ภายนอก รับอารมณ์ภายในที่เรียกว่า ธรรมารมณ์ จิตทำงานอยู่ในแดนมโนทวาร ในขณะที่คนกำลังคิดถึงอดีตหรือคิดอย่างลึกซึ้งหรือในขณะทำสมาธิ”


“สามแดนภวังค์ หมายถึง จิตที่นอนนิ่งอยู่ในฐานเดิมของตนที่ศูนย์กลางของสมอง เป็นจิตกำลังอ่อนไม่ขึ้นสู่วิถีรับรู้ อารมณ์ ภายนอกใด ๆ ทั้งสิ้นแต่ก็เกิดดับรับ อารมณ์ภายในของตนเองอยู่เป็นปกติอารมณ์ภายในของจิตในแดนภวังค์ ท่านว่าได้แก่ พลังกรรมที่ก่อให้ เกิดกรรมนิมิตและคตินิมิต เพราะจิตจะอยู่โดยไม่มีอารมณ์ใด ๆ ไม่ได้เช่นในขณะที่คนนอนหลับสนิทโดยไม่ฝันหรือในขณะสลบ จิตจะอยู่ในแดนภวังค์”


...ถ้าอย่างนั้น..ตอนนี้ผมอยู่ในแดนภวังค์หรือ...แต่จิตของผมรับรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายนอกรอบๆตัวผม ผมเห็น ผมได้ยิน..แต่ ผมไม่รู้กลิ่นและรส...
...อาจจะเหมือนเรื่องที่มีคนเคยเล่าให้ฟังเมื่อนานมาแล้วว่า เขาสามารถถอดจิตออกจากร่างได้เมื่อนั่งสมาธิ...และอีกเรื่องคือคนที่เกิดอุบัติเหตุแล้วจิตหลุดออกจากร่างได้เช่นกัน..ผมคงอยู่ในกรณีหลังนี้..จิตของผมออกจากร่าง..เพราะผมอยู่ในสภาพเฉียดตายถึงสองครั้งแล้ว.... แล้วนี่ผมจะทำอย่างไรดี


“พี่โอ..ใจร้ายที่สุด ฮือ..อ...อ..”


อ่ะ!...เสียงน้องครับ น้องยกมือผมขึ้นแนบแก้มน้องไว้ ตาโตสวยคู่นี้ยังจับจ้องใบหน้าของผมอย่างไม่วางตา น้ำใสๆไหลเปียกแก้มน้องและมือของผม..แต่ผมไม่รู้สึก...ผมสัมผัสไม่ได้



“ต้องตั้งจิตให้มั่น...ทำสมาธินำพาจิตของตนกลับเข้าร่างให้ได้...ถ้าไม่อย่างนั้น..อาจจะกลับไม่ได้อีกเลย”


ผมเริ่มสวดบท พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ อย่างทุกครั้งก่อนเริ่มทำสมาธิ ผมพยายามรวมรวมสมาธิ เพ่งจิตไปยังร่างที่นอนสงบนิ่ง...รู้สึกเหมือนตัวผมหรือจิตของผมกันแน่..อันนี้ผมก็เรียกไม่ถูก ...เอาเป็นว่าที่ผมเป็นอยู่ขณะนี้คือคล้ายกลุ่มควันจางๆกำลังรวมตัวและหมุนวน รวมกันเป็นเกลียวแท่งสีขาว...จากที่จางและบางเบาก็เริ่มสว่างกระจ่างตา ผมลอยขึ้นสูงก่อนเกลียวแท่งสีขาวสว่างจะพุ่งสู่ร่างที่นอนสงบนิ่งอยู่ที่เตียงนั้น....


..อา... ความรู้สึกของผมตอนนี้เย็นวาบไปทั้งกายและใจ...เหมือนผมคือน้ำที่กำลังเติมเต็มไปยังร่างว่างเปล่าที่นอนนิ่งไม่ไหวติงนี้ …ผมสวดมนต์และเจริญสติไปเรื่อยๆ...ค่อยๆเริ่มรับรู้และสัมผัสได้ว่าหัวใจตัวเองเต้น ...ตึก...ตัก...ตึก...ตัก..


....เริ่มรู้สึกว่า....ผมมีแขนและขา ...ร่างของผมหนักอึ้งไม่บางเบาพลิ้วไหวอย่างที่เคยเมื่อการเติมเต็มนั้นใกล้สมบูรณ์..


“อยู่ๆก็มาทิ้งกันแบบนี้ได้ไง...ฟลุ๊คไม่ยอม หรอกนะ.. ไม่ยอม..ฮือ.อ..อ”


“ฮือ..อ.เกลียดจริงๆเลย...ไอ้พี่บ้า..เกลียดที่สุด..ฮือ.อ...อ”


“พี่โอ..ตื่นเสียทีสิฮะ”


...ผมรับสัมผัสจากมือที่บีบแน่นของน้องได้...และ...ความเปียกชื้นจากหยาดน้ำตานี้...



ผมยังอยู่ในสมาธิ...ผมสวดมนต์แผ่ส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรทั้งหมด....ร่างทั้งร่างอุ่นวาบรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟแล่นแปลบปลาบไปทั่วร่าง....การสูดหายใจเข้าปอดลึกยาวเป็นครั้งแรกเมื่อรับรู้ถึงลมหายใจแผ่วๆที่เข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอนี้..และ...รู้สึกถึงอาการเจ็บจากบาดแผลที่อกขวาจนผมต้องกลั้นใจ....แล้วก็...ลืมตา...


ผมปรือตาที่หนักล้านี้ขึ้นทีละน้อยแสงจ้าจากโคมหัวเตียงทำให้ผมต้องหลับตาลงอีกครั้งก่อนจะปรือขึ้นมองน้องได้อย่างเต็มตา


“อ่ะ...แค่ก..แค่ก..”


ผมพยายามเปล่งเสียงออกมาให้ดังมากที่สุดแต่มันก็เป็นเพียงเสียงแหบๆเท่านั้น


“ฟะ..ฟลุ๊ค..แค่กๆ..ฟลุ๊คครับ”


“ว่าไงครับ..เกลียดพี่แล้ว...จริงๆหรือครับ”


คนหน้าหวานที่กำมือผมไว้แน่นผงะ เมื่อได้ยินเสียงผมชัด ตาโตสวยที่เอ่อคลอด้วยหยาดน้ำใสยังคงสวยหวานเหมือนเดิม น้องผอมไปมากเลยทีเดียว


“ฮ่ะ!..พี่โอ!..พี่โอฟื้นแล้ว...ฟลุ๊คไม่ได้ฝันใช่ไหมฮะ”


น้องโผซบกับอกผมอย่างแรง ตอนนี้แม้ว่าผมจะยังเจ็บบาดแผลอยู่บ้าง แต่การที่ได้เห็นคนที่รักที่สุดยิ้มได้ทั้งน้ำตาผมก็มีความสุขมากที่สุดแล้ว


“คิด...ถึง..เหลือเกิน...ที่รัก...ของพี่”



ผมพยายามยกมือขวาขึ้นเพื่อลูบแก้มใสที่เรียวลงมากอย่างที่ใจอยากจะทำเหลือเกิน แต่ผมขยับได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น


“อ่ะ!..อืม”



“พี่โออย่าเพิ่งขยับมากนะฮะ มีกระดูกซี่โครงหักอยู่หลายซี่ด้วยเดี๋ยวจะเจ็บมากนะฮะ ฟลุ๊คจะโทรไปบอกคุณลุงกับป๊าก่อนนะฮะว่าพี่ฟื้นแล้ว...ฮ่ะพี่โอ..ฮือ..อ....ฟลุ๊คดีใจเหลือเกิน”



ผมยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งเดือน พรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก มีความรู้สึกสุขสบายเกิดในใจอย่างประหลาด...ที่ผมกลับมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ก็เพราะผมคงยังพอมีบุญเก่าอยู่บ้าง... แต่ส่วนหนึ่งนี้ก็ต้องขอบคุณกัสด้วยอย่างมาก เพราะคำพูดของกัสถือว่าเป็นแรงผลักดันให้ผมสู้เพื่อจะกลับมาให้ได้...ขอบคุณนะกัส..ขอบคุณจริงๆ…



“เพราะถึงอย่างไร...ผมก็จะไม่ยอมเสียของรักไปง่ายๆหรอกนะกัส”
.
.




ผมนั่งอยู่บนเรือ Thai Orchid River Cruise ค่ำนี้ผมออกมาดินเนอร์หรูกับคนสำคัญของผม เรือสำราญขนาดใหญ่พาแขกเกือบ 200 คน ออกเดินทางชมทัศนียภาพริมแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืน เริ่มตั้งแต่ พระปรางค์วัดอรุณราชวราราม พระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หอประชุม apex ทหารเรือและสะพานพระราม 8 รวมทั้งอาคารรูปทรงแปลกที่ผุดขึ้นโดยรอบแม่น้ำเจ้าพระยา อากาศเย็นสบาย อาหารอร่อยเลิศรสและคนที่อยู่ตรงหน้าคือคนที่ผมอยู่ใกล้แล้วมีความสุข



“ผมอยากจะมอบบทเพลง ให้กับคนที่ผมรู้สึกดีด้วย...ความรู้สึกดีที่ว่านี้...หลายๆคนมักจะเรียกมันว่า...ความรัก”



หนุ่มหน้าใสที่เป็นครูสอนการต่อสู้ให้ผมกำลังนั่งอยู่บนเวทีที่ตอนนี้แสงไฟสปอร์ตไลท์สาดส่องไปยังเขา กีตาร์โปร่งในมือกำลังถูกเล่นด้วยสไตล์คลาสสิกเป็นอินโทรเพลงหวานที่ผมไม่ได้ฟังมานานแล้ว ...



“...มีแค่เพียงคำไม่กี่คำ…ที่ทำให้ฉันนั้น ลำบากใจ
และก็อึดอัด ทุกๆทีเมื่อเจอเธอครั้งใด


เพราะฉันนั้นรู้ คำหนึ่งคำ
นั้นอาจจะทำให้เพื่อนที่เคยชิดใกล้
ต้องห่างและก็อาจจะหายไป


แต่เธอยังจะได้ยินอะไรในใจฉันไหม
ได้ยินฉันไหม ว่าอึดอัดใจแค่ไหน
ที่ต้องเก็บกดคำๆนี้ ให้อยู่แค่หัวใจ
เพราะไม่กล้าเลยสักที


เพราะฉันนั้นรู้ คำหนึ่งคำ
นั้นอาจจะทำให้เพื่อนที่เคยชิดใกล้
ต้องห่างและก็อาจจะหายไป


แต่เธอยังจะได้ยินอะไรในใจฉันไหม
ได้ยินฉันไหมว่าอึดอัดใจแค่ไหน
ที่ต้องเก็บกดคำๆนี้ ให้อยู่แค่หัวใจ
เพราะไม่กล้าเลยสักที


อยากจะปลดปล่อยคำๆนี้ ให้ออกจากข้างใน
แต่ไม่กล้าเลยสักที…ว่าฉันรักเธอ เหลือเกิน



กีต้าร์คลาสสิกยังคงเล่นต่อไปด้วยท่วงทำนองที่เปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อย…ตารีเรียวภายใต้กรอบแว่นสีดำจับจ้องที่ใบหน้าผมอย่างไม่วางตา ผมยิ้มและปล่อยหัวเราะเบาออกมาอย่างอารมณ์ดี...


...เดิมไม่เคยคิดหาคำตอบ…เดิมไม่เคยจะรู้ที่บอก
ยามไม่มีผู้ใดคอยปลอบ...ว่า...สักวัน
ยามเมื่อลมฟ้าฝันแปรเปลี่ยน…โดนผู้คนทำร้ายข้างเคียง
เธอเป็นลมที่พัดมาเยี่ยม...และปลอบใจ


อยากรู้...ว่าเธอคือคนเช่นไร
อยากรู้....เธอมาหมอกร้ายก็หายไป
อยากรู้....ทิศทางเธอมานั้นเพื่อใคร
ให้คำตอบ....กับฉัน …ให้เธอบอก....คำนั้น
ให้เธอลอง....บอกฉัน....ว่ารัก...เธอ....เพื่อนใจ… กัน


อยากรู้...ว่าเธอคือคนเช่นไร
อยากรู้....เธอมาหมอกร้ายก็หายไป
อยากรู้...ทิศทางเธอมานั้นเพื่อใคร
ให้คำตอบ....กับฉัน…ให้เธอบอกคำนั้น
ให้เธอลอง....บอกฉัน ...
ว่ารัก...เธอ...เพื่อน...ใจ …กัน...”



ผมกำลังเดินอยู่ในสวนสวยริมแม่น้ำเจ้าพระยา เราลงจากเรือที่พาล่องแม่น้ำและทานอาหารมื้อค่ำที่แสนอร่อยมาพักใหญ่แล้ว ดินเนอร์มื้อนี้จบลงด้วยความอิ่มเอมทั้งกายและใจ...ลมเย็นๆที่พัดปะทะใบหน้าทำให้ผมสดชื่น ผมรู้สึกสบายใจอย่างประหลาด...ผมเพิ่งถูกบอกรักเมื่อครู่...จากคนที่เพิ่งรู้จักกันแค่ไม่กี่เดือน คนที่เหมือนมาเติมเต็มความอบอุ่นที่ขาดหายของผม ผู้ชายหน้าใสสะอาดที่ออกจะขี้เล่น แต่ทุกคำพูดของเขา ผมสัมผัสได้ว่าเขาพูดออกมาจากใจจริง คนที่คิดอะไรก็พูดออกมาอย่างนั้น


“กัส...ขอบคุณมากนะ...ที่รู้สึกดีๆกับผม”


ผมหยุดเดิน ยืนพิงรั้วที่กั้นทางเดินริมแม่น้ำไว้ หันกลับมาหาคนที่เดินเงียบตามผมมาอย่างช้าๆ ใบหน้าของกัสแจ่มใส และผ่อนคลาย ลักยิ้มน้อยๆกับรอยยิ้มจางๆที่เป็นเอกลักษณ์ของพงศกร...ยังเหมือนเดิม...กัสเดินมายืนพิงรั้วข้างๆผม ตอนนี้เราหันหลังให้แม่น้ำเจ้าพระยา ภาพตรงหน้าคือสวนสาธารณะที่สวยมากแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ สวนสันติชัยปราการ งดงามอยู่ท่ามกลางแสงไฟ


“ก็นะ...ผมมันก็เป็นคนแบบนี้แหล่ะ...คิดอะไรก็พูดไป...อยากจะทำอะไรก็ทำ”


“ ...ชอบอะไร...หรือ...รักใคร...ก็บอกไป...ไม่รู้จะปิดบังทำไมเพราะมันก็คือเรื่องดีๆไม่ใช่หรือ”


ผมยิ้มน้อยๆ ความสุขเล็กๆก่อตัวขึ้นในหัวใจ อุ่นวาบจนรู้สึกได้ว่าแก้มผมคงแดงแน่ๆ


“แล้วฟลุ๊คล่ะ...รู้สึกยังไงกับผม”


ตารีเรียวยังจ้องตอบตาโตของผมอย่างไม่วางตา ผมเห็นแววจริงจังอยู่ในตาคู่นั้น...ใจผมกระตุกแรง...ผมหลบสายตาคู่นั้นเฉไฉออกเดินต่อ...ผมอยากทอดเวลาที่จะคุยเรื่อยๆกับกัสไปแบบนี้ให้นานที่สุด...ผมไม่อยากเอ่ยอะไรที่อาจทำให้คุณครูของผมต้องเปลี่ยนไป...ผมอยากรักษาระยะห่างระหว่างเราไว้แบบนี้ให้นานที่สุด



“เอ่อ...กัส...คือ..ผม..”


“บอกมาเถอะ...ผมรับได้นะครับ...ไม่ว่า...คำตอบ..ของคุณจะเป็นยังไง...”


ผมยิ้มอย่างอารมณ์ดี...มันก็สุขใจไม่ใช่หรือที่อยู่ๆก็มีคนมาบอกว่า...รัก... ความรักมันสวยงามเสมอทั้งด้วยตัวมันเองและการรู้จักปรุงแต่ง ความรักสำหรับบางคนถือเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงหัวใจให้ยังคงเต้นอยู่ได้...อย่างเช่นผมเป็นต้น


“คุณคือคนที่ทำให้ผมประทับใจในหลายๆอย่าง คุณเป็นคนดีนะกัส”


“แต่ผม....ไม่ใช่คนที่คุณรัก”


ตารีเรียวเงยขึ้นเพื่อสบกับตาโตผมอย่างจัง ผมเห็นแววไหวระริกในดวงตาคู่นั้น ผมส่ายหน้าน้อยๆ คว้ามือกัสมากุมไว้


“เปล่าเลย...ผมเองก็รักคุณนะกัส...ผมปฏิเสธไม่ได้เลยว่า...นอกจากพี่โอแล้ว...คุณคือคนที่ผมรักมากอีกคนหนึ่ง”


“อาจจะดูเหมือนเห็นแก่ตัวนะครับ...แต่..ถ้าผมยังอยากให้คุณอยู่ตรงนี้ล่ะ ...กัส...อยู่เพื่อรักผมแบบนี้ตลอดไป...ได้ไหม”


วงแขนแข็งแรงเปิดกว้าง กัสดึงร่างผมให้เข้าใกล้ ผมไม่ได้รังเกียจหรือปฏิเสธที่กัสจะกอดผมแบบนี้ ความจริงอ้อมกอดของกัสก็อบอุ่นและปลอดภัยสำหรับผมเสมอ แต่เหมือนระยะเวลาในการกอดครั้งนี้มันนานกว่าปกติและวงแขนคู่นี้ดูจะรัดผมแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ ผมได้ยินเสียงกัสถอนหายใจเบาๆ ฝ่ามือเรียวของผมพยายามดันอกกัสเบาๆเป็นสัญญาณว่าให้ออกห่าง..แต่.. ผมถูกดันให้หลังชิดกับกำแพงหนาทึบที่มุมอับของทางเดินที่มืดครึ้ม เพราะเป็นช่วงทิ้งระยะจากดวงไฟริมทางเดิน


“อ่ะ!...กัส...จะทำอะไร”


ไม่มีเสียงตอบจากคุณครูมีเพียงฝ่ามือแข็งแรงที่รวบเอวผมให้เข้าใกล้กับร่างของเขามากขึ้น กัสพยายามจะกดผมให้แนบชิดกับกำแพง แม้จะตกใจอยู่มากเพราะไม่คิดว่ากัสจะทำแบบนี้ แต่ผมก็ยังมีสติพอที่จะสอดแขนข้างถนัดขึ้น แล้วใช้สันมือดันใต้คางกัสอย่างแรงพร้อมกับตั้งใจจะใช้เข่ากระแทกท้องน้อย แต่ผมพลาด...


“อ่ะ!..”


คุณครูที่สอนศิลปะการต่อสู้ของผมหลบหลีกการแก้เกมส์ของผมได้อย่างง่ายดาย กัสเบี่ยงตัวหลบได้อย่างว่องไว วงแขนที่รัดแน่นเมื่อครู่คลายออก ก่อนกัสจะเปลี่ยนการจู่โจมโดยเข้ามากอดทางด้านหลัง ผมใช้ศอกหวังกระแทกที่ท้องแล้วจะกระทืบส้นเท้าไปบนหลังเท้ากัสด้วย


แต่...ผมพลาดอีกแล้ว!


กัสหลบหลีกได้ทุกทางดูเหมือนกัสจะเดาการเคลื่อนไหวของผมได้ตลอด


“..สุดท้ายคือวิ่งให้เร็วที่สุดนะฟุ๊กกี้”


เสียงคุณครูคนนี้ยังดังก้องอยู่ในหัวของผม ผมหันหลังกลับแล้วรีบวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต...แต่ผมหนีไม่รอด แขนแข็งแรงดึงแขนข้างหนึ่งของผมไว้ได้ ผมพยายามบิดข้อมือโดยใช้หลักการโอนอ่อนผ่อนแรงตามที่เรียนมา แต่ผมไม่หลุดจากการจับกุม และแค่กัสกระตุกเพียงนิดผมก็เซถลาเข้าสู่อกกว้างอีกจนได้ ผมเหนื่อยจนจะหมดแรง กัสก้มลงมาใกล้ ก่อนที่จมูกโด่งจะสัมผัสแก้ม ผมทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าดันคางเขาไว้จนสุดแรง แล้วหลับตาปี๋


“ฮ่าๆๆ...ผมว่าผมคงต้องสอนใหม่ทั้งหมดเลยนะ...ฟลุ๊ค...คุณใจดีเกินไป”


“อ่ะ!..อะไรนะ”


กัสคลายวงแขนที่โอบรัดผมออก ปล่อยให้ผมเป็นอิสระ ผมยืนหอบจนตัวโยนแต่คุณครูของผมกับยืนกอด อก ชิวๆยิ้มกว้างอย่างเคย


“คะ..คุณ..ฮ่ะ..คุณแกล้งผมเหรอ”


“ผมไม่ได้แกล้ง...ตอนแรกผมกะเอาจริง...แต่เห็นหน้าคุณแล้วผมทำไม่ลง”


“ทำไมคุณไม่เตะกล่องดวงใจผมเมื่อมีโอกาส”


“กะ..ก็..คุณ..เอ่อกัส...เฮ้อ..ผมเหนื่อย”


“เพราะเป็นผม...คุณเลยไม่กล้าทำให้ผมเจ็บ...แต่ฟลุ๊ค...ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าคุณไว้ใจคนมากเกินไป…ผมเองอาจทำร้ายคุณเมื่อไหร่ก็ได้หากขาดสติ”


ผมคลายอาการเหนื่อยลงแล้ว...ผมว่ากัสเองก็อ่อนข้อให้ผมมากอยู่เหมือนกัน เพราะผมรู้ว่าผมเองก็พลาดในการต่อสู้อยู่หลายจุด ผมแรงน้อยกว่ากัสมาก ถ้ากัสจะทำร้ายผมจริงๆกัสอาจจะชกท้องให้ผมจุกหรือทำอะไรก็ได้ให้ผมดิ้นไม่หลุดไม่ใช่ปล่อยแล้วกอดได้อย่างสองครั้งสองคราแบบนี้หรอก


“แต่ผมเชื่ออยู่ลึกๆว่ากัส...จะไม่ทำร้ายผมแน่ๆ...ข้อนี้ผมจะยังเชื่อได้อยู่ไหม”


กัสยิ้มกว้างอย่างเคย..ยิ้มที่ทำให้ผมเชื่อได้อย่างสนิทใจว่าคนนี้..คนๆนี้รักผมจริงๆ


“ครับ...ผมก็จะยังเป็นกัสจัง...คนเดิมของคุณนะ”


“ขอบคุณนะกัส...ผมรักคุณจัง”


เสียงมือถือผมดังขึ้น กัสหน้าเจื่อนไปนิด ผมรู้ว่ากัสเห็นรูปที่หน้าจอมือถือผม..และรู้ว่าคนโทรมาเป็นใคร....ตอนนี้เลยเวลาที่ผมบอกกับพี่ไว้แล้ว


“ฮะพี่โอ..ขึ้นฝั่งแล้ว...กำลังจะกลับแล้วฮะ”


คุณครูของผมเดินก้มหน้าเตะใบไม้ใบหญ้าเล่น ผมรู้ว่ากัสคงกำลังเสียใจที่เวลาที่ผมให้เขา...หมดแล้ว... ผมคว้าแขนกัสแล้วดึงให้หันมาหาผม ผมจรดริมฝีปากหอมแก้มใสๆของเขาไปหนึ่งฟอด กัสจังของผมหน้าเหวอขึ้นมาทันที มือเรียวลูบแก้มตัวเองป้อยอย่างไม่อยากเชื่อว่าผมจะกล้าทำแบบนี้


“อ่ะอ๊า!..ฟุ๊กกี้ขอแบบเมื่อกี้อีกทีนะครับ”


กัสวิ่งมาจะคว้าคอผมไว้ เมื่อตั้งสติได้ ผมก็เลยวิ่งหนี


“ไม่ได้แล้ว...ของดีมีแค่ครั้งเดียว..ฮ่าๆๆ”


ผมปล่อยหัวเราะร่าเริง กัสวิ่งตามมาคว้าเอวผมได้ แขนเรียวเลื่อนมาโอบบ่าและลูบผมของผมเล่น เราเดินไปขึ้นรถแลนด์โลเวอร์สีฟ้าที่กัสจอดทิ้งไว้ที่หน้าร้านกาแฟ Coffee Prince House กัสมาส่งผมที่ไอลดาพาราไดซ์ พอผมลงจากรถคนที่ผมรักอีกคนก็ถึงตัวผมทันที


“พี่โอ”


พี่โอจูบที่ขมับแล้วกอดผมไว้ก่อนจะโบกมือให้คนที่นั่งอยู่ในแลนด์โลเวอร์ กัสหยุดคุยกับพี่โอชั่วครู่...บรรยากาศดีๆแบบนี้นานกว่าจะได้เจอ... ดีใจที่สุด...อย่างน้อยตอนนี้ผมก็มีคนที่รักผมมากถึงสองคนอยู่ด้วยอย่างนี้…เฮ้อ...ผมออกจะเห็นแก่ตัวมากไปไหมเนี่ย....


++++tbc++++


...สำหรับตอนนี้อาจจะดูเหมือนเรื่องวนเวียนไม่ไปไหน...แต่ผู้แต่งอยากเขียนขยายในมุมมองของคนพี่ค่ะ...
ขอบคุณสำหรับกำลังใจดีๆที่มีให้เสมอมา..คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าคำว่า..ขอบคุณ …ขอบคุณ..และขอบคุณทุกๆคนนะคะ...




 

Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2555
13 comments
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2555 23:30:00 น.
Counter : 1218 Pageviews.

 

รู้สึกโหยหาฟิคจากคุณดา แต่รู้สึกว่านายกัสมีความสำคัญมากไปป่าวค่ะ ไม่ค่อยชอบที่น้องรักทั้งสองคนเลยอ่ะ

 

โดย: PP ชาวซุ่ม IP: 161.200.100.2 27 กุมภาพันธ์ 2555 23:53:10 น.  

 

ผมยาวละต้นคอมัดไว้อย่างลวก ๆ ยิ่งเพื่มความหวานให้กับไปหน้าเข้าไปอีก ชอบประโยคนี้มาก ๆเพราะมันบอกความรู้สึกได้หลายอย่างว่าทำไมคนที่เข้ามารักน้องถึงต้องแย่งกันปกป้องดูแล
ฝากบอกคนหน้าหวานนิ๊ดดดนึงบางทีการบริหารเสน่ห์บ่อย ๆ อาจทำให้คนอื่นหมั่นไส้ได้น๊ะ(โดยเฉพาะชั้น)
ps.อย่าเก็บไว้ทั้งสองคนเพราะชั้นทนไม่ได้

 

โดย: sngg IP: 14.207.156.172 28 กุมภาพันธ์ 2555 7:06:02 น.  

 

อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน
ร้ายใช่เล่นนะเนี่ยน้องฟลุ๊ค^^

 

โดย: miyukik 28 กุมภาพันธ์ 2555 11:52:21 น.  

 

ดีใจจังค่ะที่ฟิคเรื่องนี้มาต่อ เย้ๆๆ~
แต่ขอติคุณชายหน้าหวานหน่อย.....ทำไมถึงทำตัวเหมือนรักเผื่อเลือก อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคนแบบนี้ล่ะหนู!?!
รู้ว่ากัสรัก ก็ไม่ปฏิเสธ อย่างน้อยก็ควรแสดงออกให้ชัดเจนว่ารักแบบเพื่อนหรือแฟน แต่กลับทำทุกอย่างออกมาเหมือนให้ความหวังกับเขา แถมยังปล่อยให้เขากอดให้เขาโอบ ซ้ำยังไปหอมแก้มเขาอี๊ก O_o ....ดูมันเกินเพื่อนไปนะ แบบนี้แถวบ้านเรียกว่ามี “กิ๊ก” นะเนี่ยเจ้าฟลุ๊คเอ๊ยยย.... ไม่งามๆ น่าจะโดนพี่โองอนเสียให้เข็ด ชิ!

 

โดย: Lookwha IP: 58.10.84.22 28 กุมภาพันธ์ 2555 14:20:07 น.  

 

ไม่เอานะฟลุ๊คอย่าทำแบบนี้ เหมือนรักเผื่อเลือกไม่ซื่อสัตย์ต่อความรักของพี่ที่มีให้ทั้งๆที่พี่เกือบตายเพื่อปกป้องฟลุ๊ก ถ้าพี่โอรู้ต้องเสียใจมากแน่ๆ ตอนนี้อ่านแล้วเคืองฟลุ๊คนิดหน่อยสงสารและเห็นใจพี่โอ ถ้าพี่โอไม่ฟื้นฟลุ๊คจะเปลี่ยนใจไปรักกัสหรือไง พี่โอเป็นรักแรกและเป็นคนที่ฟลุ๊คเฝ้ารักเฝ้ารอมาเป็น 10 ปี ไม่ใช่หรือแล้วทำไมยังเปิดใจรับรักคนอื่นได้อีกแถมยังบอกกัส “อาจจะดูเหมือนเห็นแก่ตัวนะครับ...แต่..ถ้าผมยังอยากให้คุณอยู่ตรงนี้ล่ะ ...กัส...อยู่เพื่อรักผมแบบนี้ตลอดไป...ได้ไหม” ไม่ดีเลยไปให้ความหวังเค้าอีกแนะ คุณดาหายไปอาทิตย์กว่าเปิดดูทุกวัน วันนี้พอเห็นตอนใหม่มาแล้วดีใจมากเลยนะค่ะ ขอบคุณมากนะค่ะและแน่นอนยังคงเป็นอีก 1 เสียง 1 กำลังใจให้คุณดาตลอด

 

โดย: TUM IP: 125.24.152.190 28 กุมภาพันธ์ 2555 22:52:22 น.  

 

ไม่เอานะฟลุ๊คอย่าทำแบบนี้ เหมือนรักเผื่อเลือกไม่ซื่อสัตย์ต่อความรักของพี่ที่มีให้ทั้งๆที่พี่เกือบตายเพื่อปกป้องฟลุ๊ก ถ้าพี่โอรู้ต้องเสียใจมากแน่ๆ ตอนนี้อ่านแล้วเคืองฟลุ๊คนิดหน่อยสงสารและเห็นใจพี่โอ ถ้าพี่โอไม่ฟื้นฟลุ๊คจะเปลี่ยนใจไปรักกัสหรือไง พี่โอเป็นรักแรกและเป็นคนที่ฟลุ๊คเฝ้ารักเฝ้ารอมาเป็น 10 ปี ไม่ใช่หรือแล้วทำไมยังเปิดใจรับรักคนอื่นได้อีกแถมยังบอกกัส “อาจจะดูเหมือนเห็นแก่ตัวนะครับ...แต่..ถ้าผมยังอยากให้คุณอยู่ตรงนี้ล่ะ ...กัส...อยู่เพื่อรักผมแบบนี้ตลอดไป...ได้ไหม” ไม่ดีเลยไปให้ความหวังเค้าอีกแนะ คุณดาหายไปอาทิตย์กว่าเปิดดูทุกวัน วันนี้พอเห็นตอนใหม่มาแล้วดีใจมากเลยนะค่ะ ขอบคุณมากนะค่ะและแน่นอนยังคงเป็นอีก 1 เสียง 1 กำลังใจให้คุณดาตลอด

 

โดย: TUM IP: 125.24.152.190 28 กุมภาพันธ์ 2555 22:52:54 น.  

 

ไม่เอานะฟลุ๊คอย่าทำแบบนี้ เหมือนรักเผื่อเลือกไม่ซื่อสัตย์ต่อความรักของพี่ที่มีให้ทั้งๆที่พี่เกือบตายเพื่อปกป้องฟลุ๊ก ถ้าพี่โอรู้ต้องเสียใจมากแน่ๆ ตอนนี้อ่านแล้วเคืองฟลุ๊คนิดหน่อยสงสารและเห็นใจพี่โอ ถ้าพี่โอไม่ฟื้นฟลุ๊คจะเปลี่ยนใจไปรักกัสหรือไง พี่โอเป็นรักแรกและเป็นคนที่ฟลุ๊คเฝ้ารักเฝ้ารอมาเป็น 10 ปี ไม่ใช่หรือแล้วทำไมยังเปิดใจรับรักคนอื่นได้อีกแถมยังบอกกัส “อาจจะดูเหมือนเห็นแก่ตัวนะครับ...แต่..ถ้าผมยังอยากให้คุณอยู่ตรงนี้ล่ะ ...กัส...อยู่เพื่อรักผมแบบนี้ตลอดไป...ได้ไหม” ไม่ดีเลยไปให้ความหวังเค้าอีกแนะ คุณดาหายไปอาทิตย์กว่าเปิดดูทุกวัน วันนี้พอเห็นตอนใหม่มาแล้วดีใจมากเลยนะค่ะ ขอบคุณมากนะค่ะและแน่นอนยังคงเป็นอีก 1 เสียง 1 กำลังใจให้คุณดาตลอด

 

โดย: TUM IP: 125.24.152.190 28 กุมภาพันธ์ 2555 22:53:38 น.  

 

พี่ดา เขียนได้เก่งมาก พาคนอ่านลอยตาตัวอักษรเลย เก่งมากค่ะ ขอบคุณมาก หายโหยเลย แต่นายกัส จะมาแทรกทำไมน๊า เจ้าฟลุ็กก็หวั่นไหวไปกะเค็าซะงั้น

 

โดย: JI IP: 110.168.58.209 28 กุมภาพันธ์ 2555 23:41:11 น.  

 

เป็นอะไีรที่สุดยอด จริงๆ ค่ะ writer คุณเยี่ยมจริง กับตอนนี้ คุณบรรยายความรู้สึก ของคนพี่ได้ลึกซึ้ง จริงๆ แต่ว่า คนน้องคะ รู้สึกว่า คุณจะลั๊ลลา มากไป หรือเปล่า คะ มันบอกสถานะ ว่าคุณเริ่มโลเล แล้วนะคะ แฟนคลับ ไม่ปลื้มเลยนะคะ ......

 

โดย: lek^lek IP: 49.48.148.174 29 กุมภาพันธ์ 2555 1:42:22 น.  

 

ดีใจที่ตอนใหม่มาแล้วแต่ เอ่อ อยากเก็บเทอไว้ทั้งสองคนอย่างนี้ไม่ค่อยดีนะคะ 55555

 

โดย: yuhue IP: 115.87.208.89 29 กุมภาพันธ์ 2555 11:40:15 น.  

 

ดีใจจัง ที่ไรเตอร์มาอัพต่อแร้ว !!! แต่ไม่ว่าจะออกมาแนวไหน ก็มั่นใจเพราะไรเตอร์ นายเจ๋งสุด ๆ อ่ะ

 

โดย: january IP: 110.171.7.213 5 มีนาคม 2555 13:41:03 น.  

 

ขอบคุณน้องดาที่มาต่อฟิคให้นะคะ....
ดีใจจังที่พี่เกรียนฟื้นขึ้นมาซักที่นึกว่าจะนอนเป็นผักคะน้าอยู่อีกนานแค่ไหนเนอะ??????
แต่ทำไมคุณน้องถึงหลายใจจังล่ะคะ????
มาแบบรักพี่(เกรียน)เสียดายน้อง(กัส)แบบนี้ไม่ดีนะคะ......คนอ่านไม่ปลื้มเลยอ่ะ.....
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...

 

โดย: พี่นิดจร้า IP: 58.9.46.1 7 มีนาคม 2555 13:26:22 น.  

 

เอิ่มมมมม เข้าใจน้องฟุคนะ ว่าความใกล้ชิดเป็นต้นเหตุของความหวั่นไหว

แต่ๆๆ ทำไมไม่ระมัดระวังตัวมั่งเล๊ยยยย รู้ทั้งรู้ว่าอีตากัตจังคิดไม่ซื้อกับตัวเอง ก็ยังไว้ใจ เนี่ยนะ ถ้าหมอนี่เค้าคิดจะจัดการน้องฟุคจริงๆ ป่านนี้ ฟุกกี้ของพี่โอคงไม่เหลือแล้ว

ส่วน พี่โอ ....เอ่อออ คือคุณพี่คะ ทั้งๆที่อีตากัตจังเค้ามาสบประมาทคุณพี่ในตอนที่คุณพี่นอนแหมบอยู่บนเตียง แถมยังจ้องจะงาบดาร์ลิ่งซะขนาดนั้น แต่พอพี่ฟื้นขึ้นมา พี่ก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมขอบคุณเค้าซะงั้น คือเดี๊ยนงงจนปวดตับจริงไรจริงอ่ะค่ะ...ทำไมหลังจากนี้ไม่เคลียร์กันให้แมนๆไปเลยอ่ะคะว่า แฟนข้าใครอย่าแตะเฟร้ย!!

ขอบคุณพี่ดาสำหรับฟิคค่ะ แต่ขอสารภาพว่า อ่านมาสองสามตอนหลัง รู้สึกว่ามันหน่วงมากอ่ะ คือไม่ค่อยชอบใจฟุคกี้่ที่อ่อนแอเกินไป ไม่เข้มแข็ง ท้้งๆที่่ตัวเองเป็นลูกชายมาเฟีย แต่ดูจมปลักกับความเศร้าจนไม่เป็นอันทำอะไร แล้วก็พร่ำเพ้อว่า ที่พี่โอไม่ฟื้นเป็นเพราะพี่โอไม่รัก (โถๆๆ...พ่อคุ๊ณณณ ถ้าเค้าไม่รักตัวอ่ะ เค้าคงไม่ยอมใช้ร่างรับกระสุนแทนตัว จนจะเดี้ยงแหล่ไม่เดี้ยงแหล่อย่างเน๊หร๊อกก...ฮ่วยย!! ) แล้วก็ยังดูเหมือนตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องทางบ้าน เรื่องกิจการของป๊าไม่ได้ไม่เด็ดขาด ( ทั้งๆที่มีมือปืนจ้องจะฆ่า แสดงว่า ความขัดแย้งมันกำลังจะลุกลาม ตัวเองในฐานะผู้สืบทอดกิจการคนต่อไป จะต้องจัดการอะไรซักอย่างหนึ่ง เพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม ไม่งั้น คงได้นอนเดี้ยงตามพี่โอไปอีกคนแหงๆ ....เฮ้อออ..)

ขออภัยที่เม้นแรง (อันนี้ิ แรงที่สุดเท่าที่เคยเม้นฟิคพี่ดามาเลยค่ะ ) แต่เพราะมันอินอ่ะ และอยากให้มันมีความเป็นแอ็คชั่น ( เพราะขึ้นชื่อว่ามาเฟีย มันก็น่าจะมีความเป็นดราม่าแอ็คชั่นบ้าง) ชอบฟึคสไตล์พี่ดาที่มีความหวานเป็นหลัก แต่เรื่องนี้ น้องฮันอยากให้ฟุคกี้เค้าเข้มแข็งกว่านี้ เพื่อให้สมกับเป็นทายาทของมาเฟียใหญ่บ้างอ่ะค่ะ (อ่านๆแล้ว บางตอนก็รำคาญฮีเหมือนกัน)....แต่คิดว่า พี่ดาคงวางโครงเรื่องตอนต่อๆไปไว้แล้ว เอาเป็นว่า น้องฮันจะติดตามต่อไปนะคะ

ขอบคุณพี่ดามากค่ะ

(อย่าโกรธเค้าน๊าาา) ฮือออ

 

โดย: hunny (hunnylovelaruku ) 11 มีนาคม 2555 2:46:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


womam in love
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




...อยากให้รัก...หมุนรอบตัวฉันและเธอ...ตลอดไป..
http://i485.photobucket.com/albums/rr213/yamiejung16/ui20.gif
New Comments
Friends' blogs
[Add womam in love's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.