ตอนที่ 6 เมื่อคนในครอบครัวเป็นมะเร็ง
คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า เมื่อได้ยินคำว่า "มะเร็ง" โดยเฉพาะเมื่อเกิดกับคนใกล้ชิด ย่อมทำให้เกิดอารมณ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความตระหนกตกใจ กลัว กังวล เสียใจ สับสน หรือโกรธ ซึ่งเป็นปฎิกิริยาตามธรรมชาติ แต่ในที่สุด หลังจากฝ่านพ้นอารมณ์เหล่านั้นแล้ว ผู้ป่วยและครอบครัวหรือคนใกล้ชิด ก็มักจะพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับการวินิจฉัยที่เพิ่งได้รับมา ไม่มากก็น้อย บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้เกิดความเข้าใจและมีมุมมองในการดูแลผู้ป่วย โรคมะเร็ง เพื่อให้ท่านสามารถปรับตัวและใจให้พร้อมที่จะรับมือกับโดรได้ดีขึ้น การดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งเป็นงานที่ท้าทาย เพราะต้องมีทั้งการดูแลทางร่างกายที่อาจ มีการเปลี่ยนเปลงไป ไม่ว่าจะจากตัวโรคเอง หรือเป็นผลจากการรักษาก็ตาม นอกจากนี้ การดูแลทางด้านจิตใจและอารมณ์ของผู้ป่วยและผู้ใกล้ชิดเอง ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยกว่ากัน ซึ่งหมายความว่า ทั้งผู้ป่วยและผู้ใกล้ชิด จำต้องมีการปรับตัวเพื่อรับสถานการใหม่ ๆ ที่อาจเกิดขึ้น "คุณไม่สามารถปฏิเสธตนเองได้ว่าไม่ได้เป็นมะเร็ง แต่คุณสามารถรับมือกับมันได้" **เริ่มต้นอย่างไรดี** ผู้ป่วยโรคมะเร็งส่วนใหญ่มักจะเริ่มต้นพบแพทย์ทั่วไป หรือแพทย์เฉพาะทางตามอาการ ที่ผิดปกติ เช่น ผู้ป่วยมะเร็งปอดที่มีอาการไอหรือหอบเหนื่อย อาจไปพบอายุรแพทย์ หรือายุแพทย์โรคทางเดินหายใจ ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมอาจเริ่มต้นพบศัลยแพทย์ด้วย ปัญหาก้อนในเต้านม เป็นต้น เมื่อได้รับข้อมูลเบื้องต้นหรือการวินิจฉัยจากแพทย์ที่ดูแลแล้ว แพทย์อาจส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญสาขาต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ผู้ป่วยโรคมะเร็งจำนวนมาก อาจมีอาการของโรคมะเร็งได้หลายอวัยวะ อีกทั้งมักเป็นผู้สูงอายุซึ่งมักมีโรคร่วมอื่น ๆ อยูด้วย อาทิเช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ถุงลมโป่งพอง ทำให้ต้องรับการดูแลจากอายุรแพทย์ ที่มีความรู้รอบด้าน ร่วมกับอายุรแพทย์เฉพาะทางในการดูแลรักษาโรคมะเร็ง สำหร้บ อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็งที่จะให้ข้อมูลรายละเอียดด้านแนวทางการดูแลรักษา หรือการพยากรณืโรคมะเร็งนั้น ได้แก่ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางอายุรศาสตร์โรคมะเร็ง ( Medical Oncologist ) หรือ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางอายุรศาสตร์โรคเลือด ( Hematologist ) ( ในกรณีที่เป็นมะเร็งของเม็ดเลือดหรือต่อมน้ำเหลือง ) จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ทานจะหาข้อมูล ได้เต็มที่ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการรักษา การรักษาโรคมะเร็งนั้น มักต้องอาศัยความร่วมมือของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในหลายสาขา ที่ทำงานร่วมกันเป็นทีม ได้แก่ ศัลยแพทย์ รังสีแพทย์ อายุรแพทย์ พยาธิแพทย์ และ แพทย์อื่น ๆ อีกหลายสาขา โดยแพทย์แต่ละสาขาจะมีความชำนาญเฉพาะด้าน อายุรแพทย์ โรคมะเร็งมีความชำนายที่จะเป็นผู้ให้คำแนะนำโดยรวมว่าในภาวะโรคของทานนั้น มีแนวทางการรักษาอย่างไรบ้าง บอกลำดับของการรักษาแต่ละวิธีที่เหมาะสม และทำหน้าที่ เป็นผู้ประสานงานกับแพทย์สาขาต่าง ๆ เพื่อให้ผลการรักษาโรคมะเร็งของผู้ป่วยคนหนึ่ง ๆ เป็นไปอย่างดีที่สุด ที่สำคัญ อายุรแพทย์โรคมะเร็งเป็นผู้ที่ได้รับการฝึกอบรมเพื่อให้มี ความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคมะเร็งด้วยยาเคมีบำบัด หรือยาต้านมะเร็งในหลายรูปแบบ มีความชำนาญในการเลือกการรัษาด้วยยาให้เหมาะสมกับผู้ป่วย และเหมาะสมกับชนิดของ โรคมะเร็ง นอกจากนี้ ผู้ป่วยมะเร็งจำนวนมากอาจมีโรคประจำตัวอื่นที่ทำให้การดูแลรักษา ด้วยยาเคมีบำบัดซึ่งอาจมีผลข้างเคียงที่รุนแรงมีความซับซ้อนมากขึ้น อายุรแพทย์โรคมะเร็ง จะดูแลปัญหาเหล่านี้ได้อย่างถี่ถ้วน ทำให้การรักษาโดยรวมราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด "คนเป็นมะเร็งไม่จำเป็นต้องตายจากมะเร็งทุกคน" **เมื่อท่านต้องดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็ง** หากท่านเป็นผู้ใกล้ชิดผู้ป่วยและต้องดูแลผู้ป่วย สิ่งสำคัญคือท่านควรร่วมรับรู้ข้อมูล การเจ็บป่วยโดยการไปพบแพทย์พร้อมกับผู้ป่วย บางครั้งผู้ป่วยอาจจะไม่ได้แจ้งให้แพทย์ ทราบอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นระหว่างการรักษา ไม่สามารถจำทุกอย่างที่แพทย์แนะนำได้ หรือผู้ป่วยบางรายไม่กล้าถามคำถามกับแพทย์ ท่านจะเป็นผู้ที่เชื่อมต่อสิ่งเหล่านี้และทำให้ การรักษาสมบูรณ์มากขึ้น ผู้ป่วยและครอบครัวมักจะไม่กล้าถามแพทย์ ไม่ว่าจะเพราะความ เกรงใจหรือกลัวก็ตาม แต่ที่จริงแล้ว แพทย์ยินดีที่จะตอบข้อสงสัยของผู้ป่วยเป็นอย่างยิ่ง แต่เนื่องจากบางครั้งแพทย์เองอาจจะเข้าใจว่าท่านเข้าใจหรือทราบแล้ว จึงไม่ได้เน้นเย้ำ เพิ่มเติม เป็นต้น ท่านอาจต้องช่วยบริหารจัดการกิจกรรมในชีวิตประจำวันบางอย่างแก่ผู้ป่วยในช่วง การรักษา เช่น การจดตารางการนัดหมายกับแพทย์ การดูแลเรื่องการรับประทานยา การจดบันทึกอาการผิดปกติต่าง ๆ เพื่อรายงานแพทย์ (ผู้ป่วยสามารถทำได้เช่นกัน) การจัดการค่าใช้จ่ายต่าง ๆ การจัดสลับหน้าที่ของสมาชิกคนอื่น ๆ ในบ้านให้ทุกอย่างดำเนิน ได้ใกล้เคียงเดิม เพื่อที่จะไม่ทำให้ผู้ป่วยต้องพะวงในเรื่องเหล่านี้จนเกินไปในระหว่างการรักษา เป็นต้น การตัดสินใจร่วมกันของคนในครอบครัวในเรื่องการรักษาก็เป็นสิ่งที่พึงกระทำ ทั้งนี้ ควรกระทำเมื่อทุกฝ่ายได้ร่วมรับรู้ข้อมมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ก่อน โดยยึดประโยชน์ของ ผู้ป่วยเป็นหลัก และให้น้ำหนักความต้องการของผู้ป่วยมากที่สุดด้วย เมื่อตัดสินใจ อย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว ต้องไม่มีการกล่าวโทษกันภายหลัง จงนึกเสมอว่าทุกคนต่างทำด้วย ความรักและเป็นห่วงผู้ป่วยทั้งนั้น การดูแลทางจิตใจเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้การดูแลด้านกาย แน่นอนที่ผู้ป่วยจะมีความวิตก กังวล เครียด และเป็นทุกข็จากการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่ ในฐานะของผู้ใกล้ชิดผู้ป่วย การให้ กำลังใจจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จงทำให้เขารู้ว่าเขาไม่ได้เผชิญกับมันตามลำพัง และท่านพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเขาทุกขั้นตอน การรักษาโรคมะเร็งอาจจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่กี่เดือน หรืออาจยืดเยื้อนานกว่านั้น ได้เช่นกัน โดยเฉพาะในกรณีที่โรคอยู่ในระยะแพร่กระจาย ดังนั้นท่านเองต้องตระหนักว่า ตัวท่านเองต้องดูแลสุขภาพทั้งกายและจิตใจของตนเองเช่นกัน ท่านควรมีการพักผ่อนบ้าง โดยมีคนมาช่วยผลัดเปลี่ยนการดูแลผู้ป่วยเป็นครั้งคราว ซึ่งจะทำให้ท่านมีพลังกลับคืนมา พร้อมที่จะประคับประคองผู้ป่วยและครอบครัวให้มีความสุข และมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด
Free TextEditor
Create Date : 14 พฤษภาคม 2554 |
|
2 comments |
Last Update : 14 พฤษภาคม 2554 17:38:15 น. |
Counter : 2117 Pageviews. |
|
|
|
ขอบคุณที่แวะไปทักทายนะค่ะ..
อ้อมแอ้มจะเลือกทานอาหารต้านมะเร็งค่ะ
จำพวก มะเขือ บล็อคโคลี่ และอีกหลายอย่าง
ขอให้มีความสุขมากๆในทุกๆวันนะค่ะ