Toyota Corona AT-171 ปรับปรุงเครื่องและช่วงล่างครั้งใหญ่
เริ่มแรกคือ รู้สึกตะหงิดๆเวลาเบรคจอดตอนรถติดๆ เหมือนเกียร์มันกะตุกๆนิดๆ วันแรกๆก็แค่รู้สึก ถัดมาก็รู้สึกว่าเกียร์เข้ายากขึ้น จนกระทั่งเข้าเกียร์ไม่ได้เลย แต่ก็ยังสามารถเหยียบคลัชท์และเบรคเพื่อจอดได้อยู่
โจทย์คือ ต้องเอารถไปเข้าอู่ให้ได้ ซึ่งก็อยู่ใกล้ๆที่ทำงานนั่นแหละ แต่ต้องขับไปจากบ้านเป็นระยะทาง 25 กม. ระหว่างนั้นต้องมีการมุดลอดถนนเพื่อกลับรถ และมีติดไฟแดงอีก 2-3 ที่ อ่าาาาา...
ดับเครื่อง, เข้าเกียร์ 3, เหยียบคลัทช์, เหยียบเบรค แล้วติดเครื่อง พอเครื่องติดก็ค่อยๆปล่อยเบรค รถก็เริ่มไหลทันที ก็ค่อยๆเลี้ยงคลัทช์จนกำลังเครื่องได้ที่ก็สามารถวิ่งไปบนถนนได้โดยไม่เกะกะใคร(นัก)
พอใกล้ถึงที่กลับรถ ที่จะต้องมุดลอดใต้ถนนหลัก ก็เลาะลงซ้ายบนไหล่ทาง, ดับเครื่อง, เข้าเกียร์ 1, เหยียบคลัทช์, เหยียบเบรค แล้วติดเครื่อง ปล่อยเบรค จากนั้นก็สามารถเกาะกลุ่มคันอื่นๆกลับรถจนได้
คราวนี้ต้องขึ้นถนนใหญ่ ก็ใช้มุขเดิม คือเลาะลงซ้ายบนไหล่ทาง, ดับเครื่อง, เข้าเกียร์ 5, เหยียบคลัทช์, เหยียบเบรค แล้วติดเครื่อง ปล่อยเบรค ค่อยๆเลี้ยงคลัทช์จนกำลังเครื่องได้ที่ แล้วก็วิ่ง 90 เนียนๆไปบนถนนหลวงได้
ยังไม่หมด...พอใกล้ถึงไฟแดงก็ต้องจอดอีกรอบ รอจนไฟแดงเปลี่ยนเป็นไฟเขียวปุ๊บก็ค่อยขึ้นไปร่วมทางกับชาวบ้านเขา เพราะกลัวว่าถ้าไปจอดกลางถนนรอหมดไฟแดง เวลาออกตัวอาจจะไปกุกกักขวางทางคันอื่นๆได้ ก็รอดตัวมาได้ 2 ไฟแดง
ถึงอู่จนได้เรียบร้อย เล่าอาการเสร็จ ช่างก็บอกว่าไม่น่าจะกี่สตางค์ เดี๋ยวจะโทรบอกอีกที...
รถผมจอดตั้งแต่วันที่ 13 ธ.ค. 2555 ถึง 18. ธ.ค. 2555 โดยมีหลักฐานการซ่อมดังนี้ครับ
ไหนๆก็ไหนๆ เจอะเจออะไรก็จัดการซะทีเดียว บิล 2 ใบ รวมสุทธิสองหมื่นห้า...โอ้...
คลัทช์พังหมดทั้งแผ่นคลัทช์และตัวกดคลัทช์, ระบบเบรคสนิมกิน, บุชต่างๆหมดอายุ, ปีกนก และอีกหลายๆอย่างแตกหัก บิ่น ร้าว เพราะเคยรูดกองวัสดุบนไหล่ทางมาด้วย, ฝาจานจ่ายแตก ยึดน้อตได้ไม่ครบ แกนสึก น้ำมันเครื่องไหลออกมาได้ ยางแท่นเครื่องก็หมดอายุ ฯลฯ
เพื่อนผมให้ความเห็นว่า สมควรจอดเพื่อขายซาก ไม่ต้องซ่อม แล้วให้ไปดาวน์รถใหม่หรือมือสองใหม่ๆมาขี่อีกสักคัน หรือจะให้แจ่มก็คือ เอารถที่เต๊นท์เพื่อนผมนี่แหละ ไปขับเลย เข้าไฟแน้นซ์ไปโดยไม่ต้องวางดาวน์กับเขา...
อืมมม...จะให้ผมจอดขายได้อย่างไร (ใจดำไม่พอ) ในเมื่อยังวิ่งได้อยู่ เติมแก๊ส 500 บาท วิ่งได้ 400 กม. จอดไว้หน้าบ้านก็สามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจ เพราะรถเก่าๆคงไม่มีใครมาแอบขโมย ยกให้ลูกชายเขาก็ไม่เอา ยกให้ลูกสาวเขาก็ไม่สน ภรรยาก็ขับ Honda City คันใหม่อยู่แล้ว
คราวนี้ทำเครื่องและช่วงล่างไป 2 หมื่นห้า กะว่าหลังปีใหม่จะทำสี+ปะผุอีกสัก 2-3 หมื่น ก็น่าจะดีกว่าเป็นหนี้อีก 6-7 แสนไปอีก 6 ปีละน่า...
อัพเดทการซ่อมใหญ่ ประมาณธ.ค.2555 เวลาออกตัวมีเสียงคล้ายๆท่อไอเสียสั่นสะท้าน อาการนี้่จำเสียงได้ เพราะน็อตร้อยท่อเคยขาดครั้งนึง ตอนนั้นจ่ายไป 150 บาท วันนี้เลยแวะเข้าไปอีกร้าน
พวกจัดการตัดช่วงข้ออ่อน (เรื่องใหญ่)ไม่ถามสักคำ แอบถามว่าเบ็ดเสร็จเท่าไร ... 3,800 บาท อ่า...ว่ากันไป แต่อาการก็หายเป็นปลิดทิ้ง กลับมาสอบถามเพื่อนฝูง บอกว่าให้เข้าครั้งเดียวพอ
หลังปีใหม่ไม่กี่วัน ได้ดำเนินการเปลี่ยนแร็คพวงมาลัยทั้งชุด เนื่องจากอันเดิมแกว่งได้แล้ว บางช่วงฝืด บางช่วงแน่น ตั้งศูนย์แทบไม่ได้ ยกอันเลย 2,500 บาท
เปลี่ยนแล้วดีขึ้นเยอะ แต่ยังก็อกๆแก็กๆอยู่ ก็ไล่หาไปอีก พบว่าบูชตรงชุดยอยหลวมโครกเลย รูปข้างล่างนี้เป็นของรุ่นอื่น ที่เอามาเทียบเคียงให้ดูก่อน
ตรงที่ลูกศรชี้ไว้มันหลวมจนดึงหลุดออกมาได้ง่ายๆ ตอนนี้ยังหาของไม่ได้ ช่างเลยตัดแผ่นเหล็กเล็กๆเสียบอัดให้แน่นๆไว้ก่อน อาการกุกกักแทบไม่มีเลย ใช้เวลาหาของที่ตรงรุ่นอีกสักระยะ
วันนี้ (16 ม.ค.) ตู้แอร์รั่วอีก สนนราคารวมค่าแรง อีก 2,900 บาท เอาเข้าไป...
++++++++++ 04-มิ.ย.-2556 ++++++++++ มาตามเรื่องยอยพวงมาลัยกันต่อ หลังจากได้ของเทียบเท่ามา เป็นรุ่น ST172 ที่เชียงกงนั่งยันยืนยันว่าใช้ได้ชัวร์ๆ ดู(สาร)รูปกันหน่อย
และนี่คือหน้าตาแกนอันเก่า ที่สวมเข้ากับกระบอกผุๆของยอย เหมือนจะเคยถูกเชื่อมให้ติดกันไว้...ซื้อรถมือสองก็งี้แหละ ซ่อนอะไรๆไว้เยอะมาก
รถผมเป็นรุ่น AT171 ซึ่งอะไหล่ของ ST171 อาจจะพออลุ้มอล่วย แต่ยอยของ ST172 ที่ได้มานั้น ส่วนบนและข้อต่อต่างๆแน่นเปรี๊ยะ แต่ส่วนล่างใหญ่กว่าแกนแร็คซะนี่
ด้วยความพยายามของช่างไทย ก็ใส่ได้ขี่ได้เรียบร้อย ด้วยค่าแรงอีก 300 บาท ยังหลืออาการล้อเตะพวงมาลัยแกว่งๆ และเสียงดังแก่กๆอีกหน่อย ช่างบอกว่าต้องเปลี่ยนยาง เพราะมันบวมๆบ้างแล้ว ต้องแก้เรื่องยางให้สมบูรณ์ก่อน...อืมมม...อีกหน่อย... ++++++++++ 05-มิ.ย.-2556 ++++++++++ ราคายางเปอร์เซ็นต์ที่ร้านแนะนำมา มันช่างยั่วยวนซะเหลือเกิน 4 เส้น 1,600 บาท ข่มใจแล้วข่มใจอีก ในที่สุดก็ตัดสินใจเปลี่ยนคู่หน้าก่อน ด้วยยาง deestone ใหม่กิ๊ก เส้นละ 1,650 บาท รวมค่าตั้งศูนย์ 300 บาท, ค่าสไล้ด์โช้ค 300 บาท รวมเป็น 3,900 บาท อืมมม...
อาการล้อเตะพวงมาลัยแกว่งๆหายไปหมดแล้ว เสียงดังแก่กๆยังมีอยู่บ้างเวลาวิ่งทางขุขระหรือตกหลุม ถามไปว่าจะแก้ยังไง แก้ให้ได้มั้ย? ช่างที่แปลงยอยเมื่อวานไม่มาคุยด้วยเลย ไม่รู้ว่าหลบ หรือว่าเป็นการรับผิดชอบรถคนละคนคนละคันกัน แต่บอกผ่านช่างที่ทำรถผมวันนี้ว่า "ต้องเปลี่ยนยอยทั้งตัว" อ้าว...ก็เมื่อวานพูดเหมือนว่า หลังจากเปลี่ยนยางตั้งศูนย์จนสมบูรณ์แล้ว จะวิเคราะห์หาสาเหตุให้ แต่วันนี้สรุปให้โดยไม่มาแตะรถผมเลยว่า ให้เปลี่ยนยอยที่ตรงรุ่นแล้วจะหาย
เอาวะ...ใหนๆมันก็เงียบและนิ่งเกือบสนิทดีแล้ว ก็จะขับมันไปจนกว่าจะทนไม่ได้นั่นแหละ ค่อยเปลี่ยนยอย(ที่ตรงรุ่นจริงๆ)อีกที
ยังคาใจกับยาง deestone เพราะเพิ่งเคยได้ยิน เสิร์จเน็ตดูก็พบว่ามีทั้งทางบวกและทางลบ แต่คงจะคบได้ละน่า เพราะคนคบอยู่ก็ถือว่าเยอะ
ค้นเรื่อง การสไล้ด์โช้ค เพราะคำนี้ก็เพิ่งเคยได้ยินเหมือนกัน ได้ความมาว่า มันคือการแก้มุมเอียงของล้อรถ ที่ใช้วิธีตามปกติไม่ได้อีกแล้ว ทำได้ 2 วิธีคือ การคว้านรูน้อตให้กว้างขึ้น กับการเจียตัวน้อตให้ผอมลง ของผมช่างใช้วิธีหลัง ก็อีกละนะ พบทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ส่วนมากจะเป็นข้อเสีย และส่วนมากก็จะเหมือนผม คือตอบตกลง(แบบงงๆ)ให้ช่างทำไปแล้ว พอมารู้ทีหลังก็ต้องรับสภาพกันไป
เดือนหน้าว่าจะเปลี่ยนยางคู่หลัง และจะหาที่จูนวาล์วสักหน่อย เพราะอาการกินน้ำมันเครื่องยังคงอยู่ ร้านใกล้ๆบ้าน รวมทั้งร้านในจังหวัดเอง เริ่มต้องคัดชื่อออกไปเรื่อยๆแล้ว คงต้องลองวิ่งไปทำไกลๆที่มีคนการันตีว่าดีกันบ้าง
ตั้งแต่ขับรถมา 20 กว่าปี ยังไม่เจอร้านที่จริงใจร้อยเปอร์เซ็นต์ซักที สงสัยต้องกด GPS ไปแก้ปีชงที่วัดเล่งเน่ยยี่สักครั้งละเรา...
| Create Date : 18 ธันวาคม 2555 |
| Last Update : 5 มิถุนายน 2556 19:00:07 น. |
|
4 comments
|
| Counter : 16154 Pageviews. |
|
 |
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [
ที่ซ่อม 25,000 บาท นี้เปลี่ยนเครื่องหัวฉีดดีกว่า
เปลี่ยน ฟุ้มเฟือย เกินไป ฟันอย่างเดียว
อะไหล่ ต้องมาเซียงกง มาซื้อเองครับ
บ่ นคี