...ส บ า ย ๆ ส ไ ต ล์ มื อ ไ ม่ PRO แ ถ ม ยั ง... LOWFESSIONAL ...

<<
มิถุนายน 2559
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
17 มิถุนายน 2559
 

ติดตั้งกล้องช่วยถอยและบันทึกวีดีโอหน้าหลัง ALTIS 2010



ที่มาที่ไปก็คือ ห้องจอดรถที่บ้านค่อนข้างฟิตพอดีกับรถเก๋ง 2 คันที่ต้องจอดต่อกันทุกวัน คันแรกก็ต้องเล็งไม่ให้ถอยไปชนกับ "ตี่จู้" (ศาลเล็กๆของพี่น้องชาวจีน) พอคันที่ 2 ก็ต้องเล็งไม่ให้กันชนท้าย ไปชนกับกันชนหน้าของคันหลัง ซึ่งต้องลงมาดูให้แน่ใจ หรือไม่ก็ต้องเปิดประตูรถ เอี้ยวคอมองหลังกะระยะกันจนคอเคล็ด

หลังจากค้นหาและเปรียบเทียบนั่นนี่อยู่นาน จึงลองสั่ง Dengo Smart Cam มาลองใช้งานดู อยากรู้ว่าเป็นอย่างไรก็เสิร์จเน็ตเอา ต้องซื้อเมมโทรศัพท์อันเล็กๆมาเสียบเอาเองนะ ไม่มีเม็มก็ทำงานได้ แต่ไม่มีที่ให้บันทึกไฟล์ ดูอย่างเดียวไม่เกิดประโยชน์



เอาตัวจอคล้องกับกระจกมองหลัง รัดด้วยยางยืดที่ให้มา เลื่อนให้ค่อนๆมาทางซ้ายเพื่อไม่ให้บังกล้องหน้า จะเป็นการติดทดแทนกระจกมองหลังเดิม ให้สีออกฟ้าๆ เขาว่ากันว่าตัดแสงดีจัง แต่ผมไม่ชอบ อยากให้มันใสๆเหมือนเดิมมากว่า ผมว่ามองแล้วมันมืดกว่าเดิมไปสักหน่อย...

จอแสดงผลจริงๆฝังไว้ข้างใน จะสังเกตเห็นว่าขาวๆกว่าส่วนอื่นอยู่เล็กน้อย ใช้สักวันสองวันก็ชิน

เมื่อรัดจอเข้าที่เข้าทางกับกระจกเรียบร้อยแล้ว ก็เสียบสายจ่ายไฟกับสายกล้องหลังเข้าไป จากนั้นก็ค่อยๆยัดสายเข้าไปบนเพดานรถ ค่อยๆแง้มๆยัดๆ หนักมือไประวังฉีก...



หลบๆไปตามแนวเพดาน ไปโผล่ทางเสายซ้าย แล้วเลาะลงไปข้างเก๊ะเก็บของ สายสัญญาณภาพเลาะตามขอบประตูไปข้างหลัง สายอะแด็ปเตอร์มุดใต้เก๊ะมาทางที่จุดบุหรี่





วิธีการร้อยสาย การแกะกาบต่างๆ หาดูได้ทั่วไปตามเน็ต เพราะผมก็เปิดเว็บไปทำไปเหมือนกัน

มาดูที่อะแด็ปเตอร์จ่ายไฟ ผมว่ามันเทอะทะไปหน่อย เลยจะเอามาจับคู่กับตัวจ่ายไฟแบบ USB เพื่อจะได้จ่ายให้กับ GPS หรือมือถือได้ด้วย

อันนี้ตัดออกก่อนเลย...เก็บไว้ เผื่อได้ใช้อีก



ไปหาเก็บสายชาร์ทโทรศัพท์เก่าๆที่เสียแล้ว ตัดเอาด้านหัว USB กับสายอีกเล็กน้อย มาต่อแทนที่ ขั้วใหนบวกขั้วใหนลบ ดูตัวอย่างจากเน็ตให้ดี บัดกรีผิดเจ๊งนะครับท่าน ไฟอาจลุกท่วมรถได้ แต่จากประสบการณ์ที่ได้ผ่าตัดสาย USB มา 2-3 เส้น พบว่าสีแดงคือไฟ + และสีดำคือไฟ - ตามมาตรฐานทั่วไป (สายเขียวและขาวไม่ใช้ เพราะเป็นสายข้อมูล)





เข้าคู่กับเจ้านี้ 2 USB
*** จำหน้าตาตัวนี้ไว้ สามารถใช้ชาร์ทโทรศัพท์, ใช้จ่ายให้ GPS ได้ดี แต่นำมาใช้กับ DENGO SMART CAM แล้วมีปัญหากับสัญญาณจากกล้องหลัง มันออกอาการมีเส้นลายๆเหมือนคลื่นรบกวน บางทีติดบ้างไม่ติดบ้าง แถมบางทีแฮ้งค์ไปเลย ผมหลงทางตัดหัว USB เปลี่ยนไป 2 อัน มาจับได้ว่าเป็นที่ตัวเสียบช่องจุดบุหรี่อันนี้นี่เอง***



แถมอีกอัน อันนี้ก็ใช้กับโทรศัพท์, GPS ได้ แต่ใช้กับกล้องตัวนี้เกิดอาการเดียวกัน



ไม่ได้ว่าของเขาไม่ดีนะ เพียงแต่อาจจะไม่เหมาะกับงานก็ได้ 
แต่อันที่ใช้ได้เป๊ะเลยคืออันต่อไปนี้



อันแรก LDNIO สีขาวสะอาดสะอ้าน ชัดเป๊ะครับท่าน...
และนี่ก็ดีอีกอัน ตัวจ่ายไฟของ GPS ใช้ได้ดีไม่มีลายไม่มีเส้นรบกวน



แต่ที่แน่ๆ...ไม่ตัดของเขาดีที่สุด หาที่ติดตั้งตัวเพิ่มช่องจุดบุหรี่เอาดีกว่าด้วยประการทั้งปวง

อ่ะ...มาว่ากันต่อ รูปต่อๆไปยังอ้างอิงตัวเก่าอยู่นะ...
พอเข้าคู่กันแล้วดูดีมีสกุลขึ้นเยอะเลย





วกกลับมาดูเรื่องการลากสายสักนิด ตามรูปข้างล่างนี้



เลาะสอดตามแนวประตูหน้าผ่านไปประตูหลัง แล้วไปโผล่ออกข้างเบาะหลัง



จากนั้นนำกล้องไปเสียบๆไว้บนเพดานด้านหลัง (ยังไม่เอาไปไว้ด้านนอก) หันเลนส์ไปทางด้านหลัง



จากนั้นก็เข้าเว็บ ดูคู่มือ ตั้งค่าต่างๆ จากการลองวิ่งจริง มีข้อสังเกตดังนี้
  1. กลางวันกล้องหน้าชัดใช้ได้ กล้องหลังพอประมาณ แต่กลางคืนแค่พอทน
  2. จะปิดจอหรือเปิดจอ ซ้อนจอ จอเล็กจอน้อย ข้างในจะบันทึกเต็มจอเป็น 2 โฟลเดอร์คู่กันไปตลอด
  3. แบตไม่เก็บไฟเลย ดังนั้นจะไปหวังพึ่งว่าถ้าจอดรถแล้วใครมาชนแล้วจะเก็บภาพไว้ก็หมดสิทธิ์ ยกเว้นจะเปลี่ยนแบต หรือหาทางจ่ายไฟตลอดเวลาไว้
  4. ถ้าตั้งเวลาพักจอไว้ เช่น 1 นาทีให้พักจอไปแล้ว แต่ถ้าหากมีสิ่งเคลื่อนไหวผ่านกล้อง เครื่องก็จะเปิดหน้าจอมาทุกทีที่มีการเริ่มบันทึก ก็จะเป็นการรบกวนสายตาเวลาขับรถ เลยต้องยกเลิกการ "บันทึกเมื่อมีสิ่งเคลื่อนไหว" ให้กล้องบันทึกตลอดเวลาแทน
  5. ลูกศรด้านซ้าย < เอาไว้สลับกล้อง แต่ลูกศรขวา > ในขณะที่กำลังบันทึก จะกลายเป็นปุ่มปิดเปิดการอัดเสียง ต้องระวัง หากปิดจออยู่แล้วไปเผลอกด บางทีเราปิดเสียงไว้ก็จะกลายเป็นตรงข้ามโดยไม่รู้ตัว สังเกตรูปไมค์เล็กๆ ถ้ามี / ขีดฆ่า แสดงว่าไม่อัดเสียง (ไปธุระคนเดียวแต่มีเสียงคนอื่น ระวังบ้านแตก คริๆ)
หลังจากนี้ก็ไม่มีอะไร อยากดูก็กดเล่นแค่นั้น ลองถอดเม็มเอาไฟล์ไปดูในคอมฯก็ถือว่าโอเคอยู่ ไม่มีใครมาชน ไม่ไปชนใคร ไฟล์ก็จะอัดวนทับไปเรื่อยๆ การไม่ได้เอาไฟล์มาใช้ถือว่าโชคดี

ผ่านมาได้สักอาทิตย์ พอมีเวลาก็เลยจัดการสเต็ปต่อไป คือการย้ายกล้องมาติดไว้เหนือแผ่นป้ายทะเบียน เพื่อใช้ประโยชน์ในการถอยหลังจริงๆสักที

หนักสุดๆคือการถอดเบาะหลังอัลติส เพื่อให้สามารถลอดสายผ่านไปยังห้องเก็บของท้ายรถได้ ก็เหมือนเดิมคือค้นข้อมูลตามเว็บต่างๆ ถอดได้เองชัวร์ๆ แต่เหนื่อยโคตรๆ...

อันดับแรกก็ต้องยกเบาะนั่งด้านหลังออกก่อน เอาไปพิงไว้ข้างนอกเลย เบาะถูกล็อคด้วยร่องพลาสติค สามารถดึงขึ้นตรงๆออกได้ แต่ลองดึงดูแล้วไม่ไหว ต้องเอาไม้ยาวๆมาทำคานงัดขึ้น



เหลือพื้นโล่งๆแบบนี้...ขยะเพียบ...



และต้องถอดพนักพิงหลังออก ด้วยการถอดน็อตข้างล่าง 3 ตัว แล้วดึงขึ้นตรงๆเหมือนกัน โดยเขาแขวนไว้กับห่วงด้านหลัง 3 จุด กว่าจะยกขึ้นได้ก็...นะ...เหนื่อย...

เลยลืมถ่ายรูป...!

มีแต่รูประยะใกล้ที่มองเห็นช่องว่างเพื่อลอดสายเข้าไป สังเกตว่าจะมีท่อร้อยสายอื่นๆของรถอยู่แล้ว เราก็เลาะๆตามเขาไป เอาเคเบิ้ลไทร์รัดรวมไปเรื่อยๆ



ผมจะติดตั้งกล้องเข้ากับคิ้วท้ายรถเหนือแผ่นป้ายทะเบียน อันนี้เลยต้องตัดสายกล้องเพื่อร้อยสาย ดูรูปรวมๆละกัน (ถอดคิ้วออกมาทำข้างนอก)







เบ็ดเสร็จแล้วออกมาแบบนี้



ไม่สังเกตจริงๆไม่เห็นละ ถือว่าเนียนๆ



หลังจากนั้นก็ต่อสายไฟต่างๆให้ครบถ้วน โดยนำสายดำแดงของกล้องหลังต่อเข้ากับไฟถอยหลัง (ระวังขั้วบวกลบให้ตรง) และต่อสายที่ตัดเมื่อครู่กลับเข้าที่ (ใช้ท่อหดแทนเทปพันสายไฟจะเวิร์คสุด เรียบร้อย ไม่เหนียวเหนอะหนะ แน่นหนา)

พอเข้าเกียร์ถอยก็จะได้ภาพแบบมีเส้นกะระยะพร้อม ไม่ชนกันเองละทีนี้...


เนื่องจากเขาเป็นกล้องบันทึกหน้าหลัง กล้องหลังจึงทำงานตลอดเวลา เห็นบางเว็บบอกว่าอายุกล้องจะสั้นลง ก็ต้องแลกเอา

ขับทำงานได้สักอาทิตย์ละ ใหนๆก็ใหนๆ อยากรู้ต้องลอง พอดีมีกล้องหลังที่สั่งต่างหากอยู่อีกตัว ก็ลองเอามาใช้


อันนี้เป็นกล้องถอยหลังตรงรุ่นของอัลติส เอามาใส่แทนไฟส่องป้ายทะเบียนได้เป๊ะเลย เยื้องมาทางขวาเล็กน้อย การต่อสายก็เพียง
- เอาสายกล้องเดิมออกก่อน (ตัดต่อไว้ตั้งแต่ตอนแรกแล้ว)
- เอาสายวิดีโอของกล้องใหม่ ต่อเข้ากับสายสี "เหลือง" ของสายจากกล้องเดิมเพียง 1 เส้น เท่านั้น(เนื่องจากสี "ดำ"และ"แดง" เป็นสายจ่ายไฟกลับมาหากล้องหลัง และ "ขาว" เป็นสายจ่ายไฟให้ LED ของกล้องเดิม กล้องนี้จึงไม่ใช้)
- เอาสายดำแดงเส้นยาวๆจากกล้องใหม่ ต่อเข้ากับไฟถอยหลัง เส้นนี้จากตัวกล้องมีแจ็คต่อกลางมาให้ด้วย
- เอาสายดำแดงเส้นสั้น ต่อเข้ากับสายไฟส่องป้าย (เนื่องจากถอดไฟส่องป้ายตรงนี้ออกไป 1 ข้าง) เพื่อให้ตอนกลางคืนมีไฟส่องป้ายอย่างเดิม (ที่ข้างๆกล้องน่าจะเป็น LED ไว้ส่องแสงแทนหลอดไฟ)





สรุปการใช้งานกับกล้องใหม่ก็คือ
  1. เมื่อเข้าเกียร์ถอยปุ๊บ จอจะเปิด แต่แสดงภาพรวมจากกล้องหน้าและกล้องหลังเล็กๆตรงมุมบน ต้องกด < 3 ครั้ง ภาพจากกล้องถอยจึงจะเต็มจอ แล้วจึงจะถอยได้
  2. ในขณะใช้งานปกติ จะได้ไฟล์บันทึกจากกล้องหน้าเท่านั้น
  3. ในขณะที่ถอย จะได้ไฟล์จากการบันทึกทั้งหน้าหลัง ถ้าถอยชนใครก็มีหลักฐานมัดตัวเองละ...กรรม...
  4. คงไม่ชนใครหรอก เพราะมองเห็นอยู่ซะขนาดนี้
  5. ถ้าใครมาชนท้ายก็จบ เพราะกล้องหลังไม่ได้จ่ายไฟตลอดเวลาเอาไว้
  6. ถ้ามีการเดินหน้าถอยหลัง(โยก)สัก 2-3 ครั้ง ทุกครั้งที่ออกจากเกียร์ถอย ภาพหลังจะหายไป พอเข้าเกียร์ถอยใหม่ ก็จะได้ภาพจากกล้องหลังเล็กๆตรงมุมบนทุกครั้ง ถ้าถอยกว้างๆไม่ต้องเล็งมากก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าคับแคบต้องถอยละเอียด จะต้องกด < 3 ครั้งทุกทีเพื่อให้ได้ภาพเต็มจอ..

    นี่เริ่มเป็นปัญหาละ รอดูว่าจำเป็นกับตัวเองแค่ใหน อาจจะต้องเพิ่มสวิทซ์เพื่อจ่ายไฟไปให้กล้องหลัง ซึ่งจากการค้นหาข้อมูลในเน็ต พบว่ามีหลายๆท่านทำกันอยู่ ประโยชน์ของการใส่สวิทซ์ไฟให้กล้องหลังก็คือ
  1. เมื่อสถานการณ์ล่อแหลมต่อการถูกชนท้าย เช่นฝนตกหนัก รถติดมากๆ หรือไปเที่ยวงานวัดที่มีการจราจรหนาแน่น ก็กดสวิทซ์จ่ายไฟให้กล้องหลังไว้ เพื่อให้มีการบันทึกกล้องหลังอยู่ตลอดเวลา
  2. เมื่อต้องโยกรถไปมา ไม่ต้องคอยพะวงกด < 3 ครั้งอยู่เรื่อยๆ รบการสมาธิเอาการอยู่ (คนข้างๆถามว่าทำอะไร ทำไม่ถอยให้เสร็จๆ)
มุมกล้องตรงรุ่นตัวนี้ ค่อนข้างก้มลงต่ำ ปรับเปลี่ยนไม่ได้ มองเห็นพื้นเป็นส่วนมาก เหมาะสำหรับการช่วยถอยจริงๆ ถ้าจะให้บันทึกรถที่ตามหลังมาด้วยคงไม่เหมาะ แต่กล้องที่มากับ dengo smart cam จะสามารถดัดมุมกล้องได้ตามใจ...(ยิ่งลองมากยิ่งมากเรื่องนะตัวเรา)

*** ได้แนวคิดมาใหม่ (ไม่ได้คิดเองนะ ค้นเจอในเน็ตทั่วไปนี่ละ มีคนเขาทำกันอยู่แล้ว แต่ไม่เคยคิดว่าจะได้ใช้บ้างเท่านั้น) เลยสั่งชุดวงจรหน่วงเวลามาอันหนึ่ง พอเข้าเกียร์ถอยปุ๊บ ไม่ว่าจะโยกเกียร์ไปทางใหน กล้องหลังจะยังไม่ปิด สัก 2 นาทีค่อยเลิกจ่ายไฟทีเดียว อันนี้น่าจะเข้าท่ากว่า คืบหน้าอย่างไรค่อยมาอัพเดทกันอีกที...

24-06-2559
ชุดวงจรหน่วงเวลามาถึงแล้ว...แต่เก็บไว้ก่อน(ซะงั้น)เปลี่ยนใจมาทำสวิทซ์เพื่อสั่งกล้องหลังตามใจฉันดีกว่า อยากบันทึกกล้องหลังตอนใหน หรือต้องถอยละเอียด หรือต้องโยกหลายๆครั้งก็เปิดสวิทซ์ไว้เลย

ว่าแล้วก็เตรียมวงจร



ไปหาแงะไดโอดเบอร์ 1N4001 มาจากบอร์ดในโกดังอะไหล่ส่วนตัว ใส่ไว้เพื่อกันไม่ให้ไฟจากที่จุดบุหรี่กับไฟถอยไหลมาชนกัน โดยไฟจากที่จุดบุหรี่จะผ่านสวิทซ์ 1 ตัว สับเมื่อไรไฟก็มา ไม่เกี่ยวกับไฟถอย ซึ่งไฟจะวิ่งผ่านไดโอดตัวบนไปจ่ายให้กล้องได้เท่านั้น ไม่สามารถวิ่งผ่านไดโอดตัวล่างไปเข้าไฟถอยได้

จากนั้นก็เตรียมเครื่องมือ



ลากสายไฟจากหน้ารถ เดินคู่มากับสายกล้องเดิม มาโผล่ปลายที่หน้ากล้องหลัง แล้วจัดการต่อสายและไดโอดตามวงจร แล้วครอบรัดด้วยท่อหด จากนั้นเอาเคเบิ้ลไทร์รัดไว้ข้างบน (สายเดินเป็นคู่ แต่ใช้เส้นเดียว อีกเส้นลอยไว้ เผื่อคราวหน้าได้ใช้ทำอะไรอีก จะได้ไม่ต้องยกเบาะหลังบ่อยๆ หลังแทบเดาะ...)





(ฝีมือการเก็บสายไฟแย่มาก...)

ข้างหน้าร้อยผ่านมาโผล่เลยพรมวางเท้า ลอดขึ้นมาหลังที่จุดบุหรี่



ไปค้นสวิทซ์เก่าๆมาได้ตัวนึง เจาะรูใส่ไว้ข้างๆตัวเล่น MP3
อ่อ...สั่งตัวจ่ายไฟของ LDNIO มาใหม่ เอาแบบ 2 ช่อง USB จ่ายไฟได้เรียบ ไม่พริ้วไหว ยี่ห้อนี้แจ่มครับท่าน...



เรียบร้อย...กล้องหลังมาละ ไม่ต้องรอเกียร์ถอยอย่างเดียวแล้ว



ขออภัยที่ถ่ายรูปไม่ครบทุกขั้นตอน ก้มๆเงยๆมุดๆอยู่คนเดียว ตั้งแต่ 2 ทุ่น ยันตี 1  คนข้างๆถามว่าซ่อมอะไรนักหนา หุหุ...คนมันชอบจะเล่น แค่เรื่องกล้องถอยหลังอย่างเดียว มีมุกให้เล่นมากมาย ยิ่งอ่านเน็ตมากๆก็ยิ่งเจอหลายๆไอเดีย ก็คงลองใช้ไปสักพักก่อน ว่าจะเข้ากับไล้ฟ์สไตล์ของตัวเองหรือไม่...

สรุป
จากการออกทริปต่างจังหวัดมา 2 ครั้ง พบว่า การสับสวิทซ์ให้กล้องหลังทำงาน แสดงภาพบนจอได้จริง แต่ไม่มีการบันทึกใดๆ คงใช้ได้เพียงการดูบรรยากาศด้านหลังขณะรถวิ่งเท่านั้น

ส่วนในการช่วยถอยนั้น มีข้อดีคือภาพไม่แว้บเข้าแว้บออกเมื่อเปลี่ยนเกียร์ไปมา แต่เวลาทั้งหมดอยู่ที่การตั้งเวลาพักจอ ถ้าถอยนานเกินไปไม่ได้สักที ก็ต้องเอื้อมมือไปกดปุ่มให้แสดงภาพ แต่โดยรวมถือว่าโอเคอยู่

หากจะให้บันทึกด้วยช่วยถอยด้วย ก็ต้องยอมจ่ายไฟให้กล้องหลังตลอดเวลา แลกกับอายุกล้องที่ต้องสั้นลงบ้าง (แอบวัดการกินไฟ อยู่ที่ประมาณ 75 มิลลิแอมป์) ถ้าเลือกแบบนี้ สิวทซ์ก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่ม

28-06-2559
หลานมานั่งรถด้วย ถามว่าทำไมไม่ติดให้รถอีกคันนึงมั่ง เวลาถอยหลังจะได้ดู...

เลยจัดมาอีก 1 ชุด ของมาถึงก็ทดสอบนั่นนี่แล้วนำไปติดรถอีกคัน ขนาดใหญ่กว่า dengo smart cam ค่อนข้างมาก น้ำหนักตัวก็เยอะ ถึงกับต้องกวดน็อตล็อคกระจกมองหลังกันเลยทีเดียว 

ตัวจออยู่ทางฝั่งซ้าย ได้ลองนั่งตรงคนขับแล้วมองทัศนวิสัยของกระจกหลังพร้อมๆกับแสดงภาพจากกล้องไปด้วย พบว่าสะดวกดีเหมือนกัน...เพราะภาพในกระจกไม่ถูกซ้อนทับ...อันนี้ชอบ

กล้องหน้าแยกขาออกมาจากตัวกล้อง ทำให้ปรับมุมมองได้อิสระ (จึงไม่เป็นปัญหาเหมือนยี่ห้ออื่นๆ ที่กล้องติดกับตัวจอ มุมกล้องเบี่ยงไปทางซ้ายค่อนข้างมาก หลายๆคนบ่นกันอยู่ แต่แก้ไม่ได้) แต่มองเห็นกล้องห้อยลงมาอย่างนั้น...ก็ทะแม่งๆเหมือนกัน...?

ยังไม่แน่ใจว่าสุภาพสตรีคนขับรถคันนั้นจะโอเคด้วยหรือเปล่า เพราะผมเองยังมองว่าเทอะทะไปนิดนึง น่าจะเหมาะกับรถตู้ รถโดยสาร ที่กระจกมองหลังอยู่ไกลๆหน่อย แต่ฮอนด้าซิตี้ดูจะใกล้ตาไปนิด (ถ้าไม่ชอบจริงๆเดี๋ยวเอามาลดราคาขายต่อ...)

ฟังก์ชั่นพื้นฐานจะเหมือนๆกัน เพียงแต่ตัวนี้ปิดเสียง "บิ๊บ" เวลากดปุ่มไม่ได้ จะว่าไปกล้องตัวนี้ไม่มีแบรนด์ด้วยซ้ำ แต่ใช้ได้ขนาดนี้ก็ถือว่ารับได้ตามราคา

เมื่อคืนพอมีเวลา หายเมื่อยแข้งเมื่อยขาบ้างแล้ว ก็เลยจัดการย้ายกล้องหลังจากด้านใน มาไว้เหนือแผ่นป้ายทะเบียน ความยากและความเหน่อยอยู่ที่การถอดเบาะหลังเพื่อหารูสอดสายกล้อง

หลังจากกล้องไปอยู่ในห้องเก็บของหลังรถได้แล้ว ก็ต้องถอดคิ้วเหนือป้ายทะเบียนออก ทำไปค้นเน็ตไป กว่าจะออกมาได้ก็เกือบชั่วโมง

สุดท้ายก็ต้องตัดสายกล้อง เพื่อให้สามารถลอดลงในรูเล็กๆได้โดยไม่ต้องเจาะใหม่ 

หลังจากติดตั้งเสร็จเรียบร้อย (21-24 น.)ก็ทดลองใช้งาน ต้องดัดกล้องให้ก้มลงต่ำจนสุดมุม แต่ก็ยังไม่สามารถมองเห็นกันชนท้ายของตัวเองได้ แต่ก็มีเส้นระยะให้มองเวลาถอยอยู่ เอาแค่ถอยไม่ชนกันเองในบ้าน และไม่ถอยชนข้าวของอื่นๆในห้องจอดรถก็โอเคละ

ไม่ว่าจะอยู่โหมดใหน ถ้าเข้าเกียร์ถอยหลังปุ๊บ ภาพจะสวิทซ์มาเป็นกล้องหลังเต็มจอทันที ถือว่าสะดวก (มีไฟจ่ายมาแช่ไว้ตลอดเวลา)

ระวัง...!!!
การเล่นกับระบบไฟรถ โดยลากยาวจากหน้ารถมาหลังรถ ผ่านพลาสติค ผ่านพรมวางเท้า ผ่านเบาะหนัง แถมข้างหลังมีถังแก๊สอีก ต้องมีความระมัดระวังอย่างยิ่งยวด โดยเฉพาะ สายในของกล้องมองหลังนี้ เส้นเล็กๆจิ๋วๆ จะบัดกรี จะหุ้มท่อหด กว่าจะเข้าที่แสนจะลำบาก บางทีเอาไฟแช็คมาลนท่อหด กลับมีผลทำให้สายเดิมทนความร้อนไม่ไหว เส้นทองแดงโผล่ซะงั้น ช็อตสิครับท่าน...

ผมเองพลาด ไม่รู้ไปเผลอเรอท่าใหน ไปนั่งทดสอบสับสวิทซ์บ้าง เข้าเกียร์ถอยบ้าง เอ...ภาพไม่มาจากกล้องหลัง ก็ปิดกุญแจจะไปไล่สายใหม่ ปรากฏว่าข้างหลังควันโขมงเลย ดีว่ามองเห็นจุดเสียหายชัดเจน เลยตัดทิ้งแล้วต่อใหม่ได้ ถ้าไม่เห็นจุดที่ไหม้ จุดที่สายละลายอยู่ คงไม่กล้าติดเครื่องรถจนเช้าเป็นแน่...

แถม
อันนี้ไปเจอเมื่อผมลองเสิร์จหารายละเอียดของตัวแปลงไฟรถเป็น USB ของ LDNIO เลยพบลิ้งก์นี้ เขาทดสอบสารพัด น่าสนใจและมีประโยชน์มากๆ ขอบคุณผู้จัดทำครับผม




Create Date : 17 มิถุนายน 2559
Last Update : 12 กันยายน 2560 21:21:35 น. 2 comments
Counter : 34881 Pageviews.  
 
 
 
 
ถ้าเราใช้กล้องหลังตัวเดิม แล้วเพิ่มตัวใหม่อีกตัวหล่ะครับ
คือ กล้องเดิมใช้บันทึกอย่างเดียว แล้วปลดสายที่ต่อกับไฟถอยหลังออก
ก็จะกลายเป็นว่ากล้องที่มากับชุดกระจกบันทึกหน้าหลัง

ส่วนกล้องใหม่ที่ซื้อแยก ก็ต่อสัญญาณภาพเข้าจอ แล้วไฟก็ต่อจากไฟถอยเวลาเข้าเกียร์ถอยกล้องตัวนี้ถึงจะทำงาน
 
 

โดย: tom IP: 58.137.63.98 วันที่: 17 ตุลาคม 2560 เวลา:13:57:59 น.  

 
 
 
ถ้าให้เดา คุณ tom น่าจะคิดคล้ายๆผม คือ
1. มีกล้องตัวนึงติดในรถหรือที่ป้ายทะเบียนก็ได้ แต่ดัดมุมกล้องให้สูงหน่อย ส่องเห็นรถที่ตามหลัง ใครจะมาชน หรือมีเหตุการณ์ด้านหลังจะได้บันทึกไว้ได้
2. กล้องอีกตัวให้เป็นมุมต่ำตามเดิม เพื่อมองพื้น หรือมองสิ่งกีดขวางด้านหลัง ไว้ช่วยถอยจริงๆ

ปัญหาที่คาดว่าจะพบก็คือ เราต้องต่อสายวิดีโอของกล้อง 2 เส้นรวมกัน สัญญาณจะพอมั้ย โหลดกันเองมั้ย

หรือ น่าจะต้องเพิ่มรีเลย์สักตัว เอาไว้สลับไฟเลี้ยงกล้อง
หรือ ต่อไฟเลี้ยงกล้องทั้ง 2 ตัวไว้เลย แต่เอารีเลย์มาสลับสายวิดีโอ

ผมยังมีกล้องหลังเหลืออีกตัว เนื่องจากกล้องตัวที่ 2 ที่ผมซื้อมาติดรถคันหลังนั้นมีอาการติดๆดับๆ แต่หลังจากสั่งกล้องมาแล้ว ถึงได้รู้ว่า สาย USB ที่ตัดต่อเอาไว้มันติดๆหลุดๆไม่สนิท...

ไว้มีเวลาว่างยาวๆผมคงได้ทดลองแน่ครับ แต่ไม่รู้ว่าจะเมื่อไร ถ้าท่านทดลองก่อนก็เอามาแชร์บ้างละกันครับ...
 
 

โดย: mitrapap วันที่: 30 ตุลาคม 2560 เวลา:23:22:48 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

mitrapap
 
Location :
สระบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]




Free Domain Names @ .co.nr!
[Add mitrapap's blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com