|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
เอาไว้อ่านเล่น
| | | |
น้ำหนักวิญญาณ
เชื่อหรือไม่ครับว่าวิญญาณของพวกเราก็มีน้ำหนักด้วยเหมือนกัน นักวิทยาศาสตร์ทดลองชั่งน้ำหนักของวิญญาณโดยชั่งน้ำหนักของคนในขณะที่มีชีวิตอยู่เปรียบเทียบกับน้ำหนักหลังจากเสียชีวิตทันที พบว่าน้ำหนักหายไป 21 กรัม จึงสรุปว่าดวงวิญญาณของพวกเรามีน้ำหนัก 21 กรัมด้วย
สารฆ่าความเจ็บปวด
น้องๆเคยสังเกตไหมว่าทำไมบางครั้งนักกีฬาที่ได้รับบาดเจ็บในระหว่างการแข่งขันยังสามารถลงแข่งขันได้จนจบหรือทหารที่ได้รับบาดเจ็บในสนามรบ ยังคงทนต่อสู้ข้าศึกอยู่ได้ พวกเขาไม่เจ็บกันหรือ นักวิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วครับว่าเมื่อมนุษย์เผชิญสถานการณ์ที่ตึงเครียด สมองจะปล่อยสารออกมา ยับยั้งความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ ทำให้มนุษย์ต่อสู้กับความเจ็บปวดได้
ไม่มีน้ำตา
รู้หรือปล่าวว่าตอนที่เราอายุ 4-5 เดือน เราร้องไห้ไม่มีน้ำตากันหรอกครับ แม้จะร้องเสียงดังแค่ไหนก็ตาม ที่เป็นเช่นนี้เพราะต่อมน้ำตาของคนเราจะพัฒนา ขึ้นหลังจากเกิดมาแล้ว 4-5 เดือน ตอนนี้พวกเราคงจะร้องไห้มีน้ำตากันทุกคนแล้วนะครับ
หิวเพราะกลิ่น
พอกลิ่นหอมของอาหารลอยมา พวกเราคงเคยรู้สึกหิวตามกลิ่นนั้นไปด้วยใช่ไหมล่ะ ก็กลิ่นอาหารเข้าไปกระตุ้นระบบการย่อยอาหารของเราน่ะสิครับ ทำให้น้ำย่อยในปากและท้องทำงาน เราจึงรู้สึกหิวทั้งๆที่บางครั้งเราไม่ต้องการกินอีกแล้ว
กระเพาะแข็งแกร่ง
ในกระเพาะอาหารของเรามีน้ำย่อยที่มีฤทธิ์เป็นกรดสูงมาก จนสามารถละลายสังกะสีได้ แต่กรดเหล่านี้ไม่สามารถละลายผนังกระเพาะของเราได้ เนื่องจากทุกนาทีเซลล์ผนังกระเพาะเก่า 5000 เซลล์ จะถูกเซลล์ใหม่แทนที่และเปลี่ยนเป็นเซลล์ใหม่ทั้งหมดทุกๆ 3 วัน
ตกใจจนหน้าซีด
เมื่อเราตกใจหน้าจะซีด เนื่องจากเลือดบริเวณแก้มจะไหลย้อนกลับอย่างรวดเร็วเพื่อทำหน้าที่ฉุกเฉิน คือให้สารอาหารและออกซิเจนแก่กล้ามเนื้อส่วนอื่น เนื่องจากร่างกายไม่ได้เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลาว่าจะต้องเผชิญความตกใจ เมื่อเลือดจากแก้มไหลออกไป หน้าเราจึงซีด
เขินอาย
เมื่อเรารู้สึกเชินอายหน้าเราก็จะแดง โดยเฉพาะบริเวณแก้มและลำคอ เพราะขณะที่เราเขินอาย เซลล์ประสาทจะถูกกระตุ้นให้ปล่อยสารเคมีที่พลังงานสูง ชื่อว่า เปปไตด์ (peptide) ออกมา ทำให้เส้นเลือดที่แก้มและลำคอขยายตัว หน้าของเราจึงแดงมากกว่าปกติ
มาจากดวงดาว
ร่างกายของเราประกอบด้วยอะตอมจำนวนมาก อะตอมเหล่านี้มาจากไหน นักวิทยาศาสตร์บางกลุ่มเชื่อว่าอะตอมเกิดมาจากดวงดาวที่ดับแล้วเมื่อ 5000 ล้านปี ก่อนที่จะมีพระอาทิตย์เกิดขึ้น และดวงดวงนี้เคยมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ก่อนเมื่อโลกเกิดขึ้น เซลล์ของสิ่งมีชีวิตนี้ก็ได้พัฒนาเรื่อยมาจนกลายเป็นคน
สารพัดสาร
เชื่อหรือไม่ว่าในร่างกายของเรามีสารอยู่มากมาย เช่น มีฟอสฟอรัสในปริมาณที่มากพอจะทำหัวไม้ขีดไฟ 2,000 ก้าน มีไขมันพอที่จะทำสบู่ได้ 7 ก้อน มีเหล็กมากพอที่จะทำตะปูได้ 1 ตัว มีปูนขาวที่สามารถละลายน้ำแล้วนำไปทาห้องเล็ก ๆ ได้ 1 ห้อง มีซัลเฟอร์ 1 ช้อนชาและโลหะอีกประมาณ 30 กรัม
นอนแล้วสูง
การนอนช่วยให้เราสูงขึ้นได้ เพราะเมื่อเรายืนหรือนั่ง แผ่นกระดูกอ่อนที่กระดูกสันหลังจะถูกแรงดึงดูดของโลกกดลง การนอนช่วยให้แรงกดนี้หายไป แผ่นกระดูกอ่อนที่ถูกกดก็จะพองตัว ทำให้เราสูงขึ้นได้อีก 8 มิลลิเมตร แต่เมื่อตื่นมาเราก็จะสูงเท่าเดิม
พลังกาย
ร่างกายของคนเราแข็งแกร่งมากกว่าที่เราคิดเสียอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการยกน้ำหนัก เช่น ถ้าเรานอนหลับโดยห่มผ้าหนัก 2.5 กิโลกรัม หายใจโดยเฉลี่ย 16 ครั้งต่อนาที และนอนนานประมาณ 8 ชั่วโมง ทรวงอกของเราสามารถยกน้ำหนักได้ถึง 20 ตัน
ฉันทำไม่ได้
สิ่งที่ร่างกายของคนเราไม่สามารถทำได้ คือหายใจและกลืนอาหารไปพร้อม ๆ กัน เพราะกระบวนการกลืนจะไปรบกวนกระบวนการหายใจด้วยการปิดกั้นอากาศไม่ให้ผ่านเข้าไปขณะที่อาหารเคลื่อนจากปากไปยังคอหอยและผ่านไปที่กระเพาะอาหาร
มนุษย์พลังงาน
เชื่อหรือไม่ว่าร่างกายของคนผลิตกระแสไฟฟ้าได้ คนแต่ละคนจะมีพลังงานเทียบเท่ากับการเปิดหลอดไฟฟ้าขนาด 120 วัตต์ เพราะคนที่กินอาหารเข้าไปปริมาณ 2,500 แคลอรีในแต่ละวันจะให้พลังงานความร้อน 104 แคลอรีต่อชั่วโมง ซึ่งเทียบเท่ากระแสไฟฟ้าที่มีพลังงาน 120 วัตต์
กะพริบตา
ตลอดชีวิตของคนเรานั้นเราต้องกะพริบตาถึง 250 ล้านครั้งทีเดียว เพราะเราจะต้องกะพริบตาทุก ๆ 6 วินาที ทำให้กล้ามเนื้อตาเคลื่อนไหวประมาณ 10,000 ครั้งต่อวัน ถ้าเปรียบกับการทำงานของกล้ามเนื้อขาแล้ว จะเท่ากับวิ่งระยะทาง 80 กิโลเมตรต่อวัน
สมองบริโภค
เชื่อหรือไม่ว่าตอนแรกเกิดสมองของเราหนักประมาณ 3% ของน้ำหนักตัวเท่านั้น แต่เมื่ออายุได้ประมาณ 15 ปี สมองจะหนักถึง 1.4 กิโลกรัมและจะมีขนาดคงที่ สมองเติบโตได้เพราะใช้พลังงานจากอากาศที่เราหายใจเข้าไป 20% และใช้เลือดหล่อเลี้ยงถึง 15% ของเลือดทั้งหมดในร่างกาย
กระบวนการคิด
นักวิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่า อิริยาบถต่าง ๆ มีผลต่อการคิดและการตัดสินใจของมนุษย์ การนอนคิดจะทำให้ความคิดกว้างไกล การยืนทำให้ความคิดแคบลงสามารถตัดสินใจได้เร็วขึ้น ส่วนการนั่งเป็นอิริยาบถที่เหมาะกับการตัดสินใจที่ไม่รีบร้อนเท่าใดนัก
ผมงอก
โดยปกติ ใน 1 สัปดาห์ผมจะงอกออกมา 2 มิลลิเมตรใน 1 วัน จะมีช่วงที่ผมงอกได้ดี 2 ช่วง คือ ระหว่างเวลา 10.00 11.00 น. และ 16.00 18.00 น. แต่ไม่ต้องเอากระจกไปส่องดูการงอกของเส้นผมหรอกนะ เพราะมันแทบจะมองไม่เห็นเลย
เส้นขนแข็งแรง
โดยเฉลี่ยแล้ว คนเราจะมีเส้นขนประมาณ 5 ล้านเส้นทั่วร่างกาย ยกเว้นบริเวณริมฝีปาก ฝ่ามือและฝ่าเท้า เส้นขนที่แข็งแรงที่สุดคือหนวด เชื่อหรือไม่ว่าหนวดแข็งแรงพอ ๆ กับลวดทองแดงที่มีขนาดเท่ากันเลยทีเดียว
ตาแหลมคม
ตาของเหยี่ยวสามารถมองเห็นแมลงวันที่อยู่ในระยะครึ่งไมล์ได้ ส่วนเสือดาวก็สามารถมองเห็นคนกะพริบตาที่ระยะห่าง 100 หลาได้ ตาของคนก็มีความพิเศษเช่นเดียวกัน เพราะสามารถแยกแยะความแตกต่างของสีได้มากถึง 17,000 สี
ตาที่สาม
เชื่อหรือไม่ว่ามนุษย์มีสามตา ตาที่สามนี้ก็คือต่อมไพเนียลซึ่งอยู่ด้านหลังของกะโหลกศีรษะ ภายในต่อมมีสารเคมีที่มีชื่อว่าเซโรโตนินอยู่เป็นจำนวนมาก เชื่อกันว่า สารชนิดนี้ช่วยส่งผลให้มนุษย์มีการคิดอย่างสมเหตุสมผล นักวิทยาศาสตร์จึงเปรียบต่อมนี้ว่าเป็นตาที่สามของมนุษย์
ฮัดเช้ย!
เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาทำให้จมูกของเราเกิดการระคายเคือง เราจะจามออกมาโดยอัตโนมัติ ทุกครั้งที่เราจามจะมีน้ำลายฟุ้งกระจายออกมาถึง 100,000 หยด ด้วยอัตราเร็ว 152 ฟุตต่อวินาที
ริมฝีปาก
เคยสงสัยกันหรือไม่ครับว่าทำไมริมฝีปากของเราจึงมีสีแดงมากกว่าส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะผิวหนังบริเวณริมฝีปากบางกว่าส่วนอื่น ๆ นั่นเอง จึงทำให้สามารถมองเห็นสีของเลือดใต้ผิวหนังได้
ยิ้มแย้ม
ร่างกายของเราประกอบด้วยกล้ามเนื้อประมาณ 650 มัด หากเราหน้าบึ้งจะต้องใช้กล้ามเนื้อประมาณ 400 มัด ในขณะที่การยิ้มใช้กล้ามเนื้อ 15 มัด เท่านั้น และพลังงานที่ใช้ก็น้อยกว่าการขมวดคิ้ว 1 ครั้งเสียอีก เชื่อกันว่าการขมวดคิ้ว 200,000 ครั้ง ทำให้เกิดรอยตีนกา 1 รอย
ฟันปลา
เชื่อกันว่าเมื่อประมาณ 1 ล้านปีที่แล้ว ฟันของมนุษย์มีลักษณะคล้ายกับฟันปลาเพราะมีการค้นพบฟันลักษณะเดียวกันกับของมนุษย์อยู่ในกรามของปลาฉลามยุคก่อนประวัติศาสตร์ ดังนั้น ฟันของมนุษย์และปลาฉลามจึงมีโครงสร้างพื้นฐานเหมือนกัน แต่ฟันของมนุษย์ได้พัฒนาจนมีรูปร่างเหมือนในปัจจุบัน
การทรงตัว
เชื่อหรือไม่ว่าหูมีผลต่อการทรงตัว อวัยวะที่ช่วยให้เราสามารถทรงตัวอยู่ได้คือ เซมิเซอร์คิวลาร์ คาแนล (semicir-cular canel) ในหูซึ่งภายในมีของเหลวที่ไวต่อการกระตุ้นของเหลวนี้จะทำหน้าที่ในการรับรู้สมดุล หากเราหมุนไปรอบ ๆ ตัวเร็ว ๆ หลาย ๆ ครั้ง จะทำให้อวัยวะนี้เกิดความสับสน เราจึงรู้สึกเวียนศีรษะ
เสียงกรน
เสียงกรนเป็นเสียงที่สร้างความรำคาญแก่ผู้ได้ยินเพราะดังพอ ๆ กับเสียงของสว่านไฟฟ้าซึ่งดังถึง 70 เดซิเบล
พลังปอด
เชื่อหรือไม่ว่าปกติเราจะหายใจเอาอากาศเข้าไปประมาณ 6 ลิตรต่อนาที แต่ระหว่างออกกำลังกายและหลังออกกำลังกายใหม่ ๆ เราอาจหายใจเอาอากาศเข้าไปได้มากถึง 100 ลิตรต่อนาที
~~
ไปเจอมา เลยเอามาให้อ่านกันเพลิน ๆ ค่ะ..
ขอบคุณที่แวะเวียนมาเยี่ยมเยือน
ขอให้มีความสุขทุกคนนะค่ะ
| | | | |
Create Date : 05 เมษายน 2552 |
|
135 comments |
Last Update : 5 เมษายน 2552 11:42:46 น. |
Counter : 3083 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) 5 เมษายน 2552 14:46:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: yoja 5 เมษายน 2552 16:20:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: veerar 5 เมษายน 2552 17:00:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: ญามี่ 5 เมษายน 2552 18:42:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: veerar 5 เมษายน 2552 21:28:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: นางฟ้าหน้าหมวย (บินปร๋อ ) 6 เมษายน 2552 3:28:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: ชรันจ์ 6 เมษายน 2552 19:36:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: veerar 6 เมษายน 2552 19:44:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: ญามี่ 6 เมษายน 2552 20:54:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) 6 เมษายน 2552 21:06:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะก๋า (กะว่าก๋า ) 6 เมษายน 2552 21:36:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: มัททะนะ (mastana ) 7 เมษายน 2552 0:10:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: veerar 7 เมษายน 2552 0:28:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: tiktoth 7 เมษายน 2552 5:49:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: yoja 7 เมษายน 2552 12:58:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: ญามี่ 7 เมษายน 2552 17:29:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: veerar 7 เมษายน 2552 19:32:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะก๋า (กะว่าก๋า ) 7 เมษายน 2552 21:11:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: ญามี่ 7 เมษายน 2552 22:39:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: yoja 7 เมษายน 2552 23:25:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: veerar 8 เมษายน 2552 0:27:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: Opey 8 เมษายน 2552 0:27:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: yoja 8 เมษายน 2552 7:57:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: จอมมาร IP: 61.7.147.168 8 เมษายน 2552 9:40:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: พี่นู๋ดีค่ะ (kun_isara ) 8 เมษายน 2552 13:55:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: veerar 8 เมษายน 2552 20:05:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: veerar 9 เมษายน 2552 0:24:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: tiktoth 9 เมษายน 2552 10:54:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: veerar 9 เมษายน 2552 20:49:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: veerar 10 เมษายน 2552 0:43:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: ดาวจ๋าคนซนๆค่ะ (satineesh ) 10 เมษายน 2552 15:25:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: redclick 10 เมษายน 2552 18:35:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อระนาด 10 เมษายน 2552 19:37:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อระนาด 10 เมษายน 2552 19:52:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: veerar 10 เมษายน 2552 20:11:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: ญามี่ 10 เมษายน 2552 22:10:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: veerar 11 เมษายน 2552 1:00:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: tiktoth 11 เมษายน 2552 7:06:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) 11 เมษายน 2552 7:27:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: veerar 11 เมษายน 2552 12:04:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: pet.sp 11 เมษายน 2552 12:26:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: พรหมญาณี 11 เมษายน 2552 13:04:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: มินทิวา 11 เมษายน 2552 18:04:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) 11 เมษายน 2552 18:34:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: veerar 12 เมษายน 2552 0:24:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: veerar 12 เมษายน 2552 11:40:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: tiktoth 12 เมษายน 2552 12:33:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: LooKPat 12 เมษายน 2552 16:08:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) 12 เมษายน 2552 17:01:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: veerar 12 เมษายน 2552 17:26:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: teansri 12 เมษายน 2552 18:59:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: tiktoth 12 เมษายน 2552 21:08:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 12 เมษายน 2552 21:20:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: ญามี่ 12 เมษายน 2552 21:26:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: พรหมญาณี 12 เมษายน 2552 22:21:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: veerar 13 เมษายน 2552 0:18:00 น. |
|
|
|
|
|
|
|