อหิงสา : จิ๊กโก๋มีกรรม (หนังที่ดูเมื่อชาติที่แล้ว)
พอดีเห็นกระทู้เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ในห้องเฉลิมไทยก็นึกขึ้นได้ว่าเคยเขียนรีวิวกึ่งแนะนำไว้ที่ chch4.com พอกลับไปอ่านที่เคยเขียนไว้ก็คิดว่าใช้ได้นี่หว่า . . . จึงเอามาลงที่หน้านี้(เผื่อจะมีคนหลงเข้ามาอ่าน 55 )
กึ่งๆreviewกึ่งๆแนะนำหนัง ไม่มีสปอยครับ แต่อาจเขียนได้ชวนงงไปนิด ขออภัย
อหิงสา : จิ๊กโก๋มีกรรม (ผลงานเรื่องล่าของ เรียว กิตติกร เลียวศิริกุล ผู้กำกับโกล์คลับ เกมล้มโต๊ะ ฯลฯ) หนังแนวสไตล์แสบมันส์ เนื้อหาแฝงสั่งสอนกระทุ้งเตือนสติคนดู
อหิงสา จิ๊กโก๋ ดีเจหนุ่มแห่งผับปาร์ตี้ย่านพัทยา ผู้มีเวรกรรมต้องมาสับสนในโลกที่หมุนด้วยระบบดิจิตอล โลกที่คอมพิวเตอร์คือคำตอบสำเร็จรูป วิทยาศาตร์และตรรกโดนมนุษย์ปรุงแต่งอย่างบูดเบี้ยวจนสับสนวนไปมา ล้วนสร้างแต่ปัญหาโดยที่คำตอบเรียบง่ายในรูปของธรรมะโดนทิ้งขว้างอย่างดูแคลน และเมื่อ(ตัว)เวรกรรมโดนกระตุ้นให้แผลงฤทธิ์ด้วยแรงขับของเคมีประดิษฐ์ที่เร้าฝันแสนสนุกปนสงบ(แบบปลอมๆ) การรับรู้ของอหิงสาจึงปนเปความจริงลวงวุ่นวาย จนชีวิตต้องวิ่งวุ่น ไม่รู้ว่าอะไรจริงอะไรลวง และไม่รู้ควรจะวิ่งไปทางไหนดี
หากทุกสิ่งคือสมมุติ เช่น สรรพนาม ที่ตัวละครในหนังเรื่องนี้ใช้แตกต่างกันไป อาทิ เรา-นาย ,คุณ-ผม ,ข้าฯ-ท่าน, พี่-น้อง, มึง-กู (ซึ่งคือเสียงที่เราสมมุติขึ้นเองทั้งนั้น) ปรัชญาแบบพาราด็อค(ที่เหตุและผลแย้งกันวนเวียน)ซึ่งถูกพูดขึ้นบ่อยๆในหนัง คือสิ่งย้ำสภาพจริง-ลวงที่หนังพยายามบอกว่า จริงๆแล้วเราไม่อาจจะรู้ชัดได้เลยว่าอะไรคืออะไรกันแน่ หลังจากอหิงสาเสพยา ก็ได้เห็นเหตุการณ์ที่ผิดธรรมชาติ และได้สัมผัสเวรกรรมที่มีร่างเป็นตัวคนพูดคุยด้วยได้ เสมือนคือจุดเริ่มของความเลวร้ายที่ทำท่าจะปานปลายไร้จุดจบสิ้น
ตัวเวรกรรมของแต่ละคนมีลักษณะแตกต่างกัน เหมือนสรรพนาม(สมมุติ)ที่แต่ละคนใช้ก็ต่างกัน สิ่งหนึ่งของแต่ละคนต่างกันไป แล้วแต่ใครจะเอาอะไรมาเป็นหลักเปรียบ ซึ่งหลักเปรียบก็คือตัวตนของคนนั้นๆที่ได้เห็น รับรู้ ซึ่งความถูกต้องของคนหนึ่ง ในความเห็นของอีกคนอาจคือความผิดร้าย การเต้นบ้าบอของคนบ้าคือความผิดปกติ แต่การเต้นโบกรถของจารจรกลับไม่ใช่ความบ้า ?? แล้วอะไรคือมารตฐานที่ใช้ยึดได้ มีคำธรรมกล่าวไว้ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน มองให้ลึกลงในด้านหนึ่งก็อาจเป็นการบอกว่า -ตนคือหลักของตนนั่นเอง
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนอง เป็นสัจธรรมที่นำมาใช้เป็นแกนความคิดของหนังเรื่องนี้ หากใครศึกษาพุทธศาสนาอย่างลงลึกจะพบว่าเรื่องกรรมไม่ใช่สิ่งที่เป็นประเด็นใหญ่นัก เพียงแค่สอนให้รู้ว่ามันมีอยู่ และนั่นไม่ใช่ประเด็นที่จะนำพาไปสู่การหลุดพ้นได้ อหิงสาฯสะท้อนภาพของกรรมในหลายทาง ทั้งรับกรรม สร้างกรรมและตอบกรรมกลับ ซึ่งก็คือการวิ่งวนไล่งับหางตัวเองไม่รู้จักจบ แต่ตอนท้ายของหนัง ก็ได้ให้ทางออกที่มีพลังอย่างเรียบง่ายและสามารถสื่อให้คนดูเข้าใจได้ชัดเจน ความเลวร้ายและกงกรรมจะไม่เกิดขึ้น หากเรามีสติ และรู้อะไรถูกผิด (อย่างนายตำรวจในเรื่อง ถ้าใช้อำนาจตามหน้าที่ ไม่ได้ระเบิดอำนาจด้วยอารมณ์ เรื่องคงไม่จบเลวร้ายขั้นนี้)
อหิงสาฯเล่นเรื่องความจริง-ลวง ตั้งแต่โปสเตอร์หนังที่แสดงภาพคนชุดแดงไว้ผมยาว แต่ในตัวหนังจริงคนชุดแดงนี้กลับผมเกรียน และเพื่อนของอหิงสาที่ตอนแรกผู้ชมเข้าใจว่าขาพิการ แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่(และไม่ได้ผมยาวด้วยแต่หัวโล้นเหมือนพระ! ) หนังมีลูกเล่นและบทสนทนาที่สามารถสื่อกับวัยรุ่น(กลุ่มเป้าหมายของหนัง)ได้อย่างดี มีสาระแทรกสอนอยู่หลายระดับ ซึ่งคนดูสามารถรับได้อย่างไม่รู้สึกว่าโดนยัดเยียด ถือเป็นหนังวัยรุ่นที่ยัดสาระได้เนียนมากเรื่องหนึ่ง แม้การเล่าเรื่องอาจยังเกร็งๆกับสาระก้อนใหญ่นี้ไปสักนิด แต่โดยรวมก็ถือว่าเป็นหนังดูสนุกดีมีสีสันน่าสนใจ แฝงข้อคิดให้เห็นได้ชัดเจนไม่ว่าคนดูจะไอคิวเท่าไรก็ตาม
ความรุนแรงในหนังเรื่องนี้มีอยู่มากทีเดียวครับ จึงไม่เหมาะกับเด็กเป็นอย่างยิ่ง(เด็กๆดู Naruto หรือ wallance and gromit จะดีกว่า) จะว่าไปฉากรุนแรง(บู๊)ในหนังเรื่องนี้ก็ทำได้สมจริงและดูหนักมือหนักตีนกว่าเรื่องต้มยำกุ้งซะอีก ส่วนนักแสดงก็สามารถถ่ายวิญญาณวัยโจ๋ออกมาได้อย่างโดนใจวัยทีนทีเดียว
(ไนกี้ คือเทพีแห่งชัยชนะ สัญลักษณ์ของไนกี้ nike tick ว่ากันว่าคือปีกบนรองเท้าของเฮอร์มีส ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งการเดินทางและสื่อสาร และมีหน้าที่นำวิญญาณของผู้ตายด้วย / สโลแกนของไนกี้คือ Just do it )
โดย : แมวสามตา (16/10/05) //www.chch4.com All rights reserved
Create Date : 14 พฤศจิกายน 2551 |
|
6 comments |
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2551 22:58:04 น. |
Counter : 969 Pageviews. |
|
|
|
แวะมาเยี่ยม