รักไม่รู้จบ รบไม่รู้จัก
<<
กรกฏาคม 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
25 กรกฏาคม 2550

วิธีง่าย ๆ ในการลืมความหลัง

ถาม : ทำอย่างไรจะลืมเรื่องการทำบาปในอดีตที่ผ่านมาได้ค่ะ

ความหลังก็คงไม่ต่างอะไรกับทากตัวน้อย ๆ หมายความว่า ทากมันจะเกาะและกัดใครคนใดคนหนึ่งอย่างยาวนาน ก็ต่อเมือคนคนนั้นยัง “ไม่รู้สึกตัว” ต่อเมื่อเรารู้สึกตัวนั่นแหละ วันเวลาของทากตัวนั้นก็ย่อมจะหมดลง

คนที่ยังปล่อยให้อดีตอันปวดปร่ามาทำร้ายชีวิตในปัจจุบันได้ คือคนที่ “ยังไม่รู้สึกตัว” เท่านั้น สำหรับคนที่ “รู้สึกตัว” อยู่เสมอไม่มีทางหรือเป็นไปไม่ได้เลยที่คมมีดแห่งอดีตจะกรีดใจให้เจ็บปวด

คำว่า “รู้สึกตัว” ไม่ได้หมายความตื้น ๆ แค่การรู้สึกตัวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันของคนที่ยังไม่หลับ ไม่เมา ไม่สมประกอบ แต่หมายถึงการ “มีสติ” อยู่ตลอดเวลาที่คิด พูด ทำ คนที่คิดก็รู้ว่า กำลังคิด พูดก็รู้ว่ากำลังพูด วิ่ง เดิน กิน ก็รู้ว่ากำลังทำสิ่งนั้น ๆ อยู่ สติคมชัดอยู่ตลอดเวลาที่ตาตื่น กายเคลื่อนไหว ใจครุ่นคิด จนกระทั่งสามารถคิด ทำ พูดได้อย่างประณีตโดยอัตโนมัติ ถึงขั้นที่ใจไม่ลอยออกไปจากเรื่องที่คิด กิจที่ทำ คำที่พูด หากแต่มีสติเต็มอยู่ตลอดเวลาในลักษณะ “ตัวอยู่ไหน ในอยู่นั่น” ทำได้อย่างนี้จึงจะเรียกว่าคน “รู้สึกตัว” คนที่มีความรู้สึกตัวอย่างนี้อาจเรียกอีกอย่างว่าคนที่ “ตื่นรู้” ก็ได้ เมื่อตื่นรู้ อดีตก็ล่วงเข้ามาสู่ความครุ่นคิดไม่ได้ ในใจจึงมีแต่ความ “รู้สึกตัว” อยู่ใจปัจจุบันขณะเท่านั้น การทำเช่นนี้คือวิธีความหลังไม่มีทางจะเกาะแกะกับจิตใจได้อีกเลย อย่าลืมว่า
ความขาดสติคือยาชุบชีวิตชั้นดีของความผิดบาปในอดีต และความรู้สึกตัวก็คือมีดผ่าตัดที่สามารถหยุดอดีตเอาไว้ให้ไม่มีตัวตน แต่หากทำเช่นนี้ไม่ได้ ก็ขอแนะนำด้วยวิธีง่าย ๆ ดังนี้
1. หาอะไรทำอยู่เสมอ

การทำงานอยู่เสมอคือวิธีแยกจิตออกมาจากความหลังเมื่อพรากจิตจากความหลังมาอยู่กัลการทำงานจนชิน จิตก็ไม่ฟุ้งไม่ย้อนกลับไปในอดีตอีก เมือจิตจดจ่ออยู่กับงานที่ทำอยู่ตรงหน้า จิตก็ผ่องใสหากทำได้บ่อย ๆ ความเข้มข้นของบาปในอดีตก็จะเจือจางลงไปโดยอัตโนมัติ
2. ฝึกสมถะสมาธิ

กล่าวคือ ฝึกสมาธิด้วยการบริกรรม หรือการเพ่งอะไรก็ได้ที่ทำให้จิตใจมีที่พัก ที่เกาะ ที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยว วิธีทีนิยมใช้คือ การบริกรรม “พุท” เวลาหายใจเข้า และ “โธ” เวลาหายใจออก หรือการใช้คำอื่นใดก็ได้ที่บริกรรมในใจแล้ทำให้หายฟุ้งซ่าน แน่วแน่ เป็นหนึ่ง ผ่องใส เมื่อฝึกจนจิตนิ่งแลผ่องแล้ว ย่อมมีอิ่มเอมอยู่ปีติสุข มีความแช่มชื่นเบิกบาน ผ่อนคลาย เมื่อจิตได้กำซาบ ความสุขชนิดใหม่ที่เกิดจากสมาธิภาวนาอยู่เสมอแล้ว ความผิดบาปในใจก็ไม่ลอยฟุ้งซ่านมากัดกร่อนปัจจุบันได้อย่างเดิมอีก
3.
ฝึกวิปัสสนาสมาธิ
ได้แก่ การหาโอกาสพาตัวเองไป “เข้าเงียบ” กับครูบาอาจารย์ทางด้านวิปัสสนาอย่างเข้มข้น เมื่อฝึก “ดูใจ” ตัวเองจนรู้เท่าทันอาการทางจิต เช่น คิดก็รู้ ฟุ้งซ่านก็รู้ กลัวก็รู้ มัวหมองก็รู้ ผ่องใสก็รู้ ฯลฯ เมื่อเราสามารถอ่านความเป็นไปของจิตได้อย่างละเอียด ลออ ลึกซึ้งถึงขั้นพอจิตกระเพื่อม ใจก็ตัดฉับ รู้เท่าทัน จนเหลือตัว “สติ”ล้วน ๆ อยู่ตลอดเวลา หากทำได้ดังว่านี้ คุณก็เหมือนคนที่ “ตื่นแล้ว”จากความหลังอันทุกข์ตรมขมไหม้ โดยสิ้นเชิง

ในสังคมไทยทุกวันนี้ มีคนจำนวนมากที่ได้พรากตัวเองออกจากอดีตอันแสนเจ็บปวดด้วยการฝึกวิปัสสนากรรมฐาน แล้วต่างก็ค้นพบว่า

คนเราสามารถเป็นอิสระได้ ไม่ใช่แค่จากอดีตที่ไม่อยากจำเท่านั้น ทว่ารังสามรถเป็นอิสระได้ แม้จากความทุกข์ทุกชนิดที่คอยบั่นทอนชีวิตให้ขาดชีวาได้อีกด้วย

ทั้งนี้โดยวิธีง่าย ๆ ที่เรียกว่าการดูใจตัวเอง (วิปัสสนาสมาธิ) ให้เป็นเท่านั้น

ที่มา คอลัมน์ คลายใจ โดย ท่าน ว.วชิรเมธี ในนิตยสารแพรวปีที่ 28 ฉบับที่ 660 ประจำวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2550



Create Date : 25 กรกฎาคม 2550
Last Update : 25 กรกฎาคม 2550 9:07:47 น. 4 comments
Counter : 891 Pageviews.  

 
แวะมาทักค่ะ


โดย: Aui_haui วันที่: 25 กรกฎาคม 2550 เวลา:12:30:53 น.  

 
มาเยี่ยมคะ

เป็นวิธีที่ดีมากเลยคะ



โดย: JellyBlue วันที่: 26 กรกฎาคม 2550 เวลา:15:16:39 น.  

 
ดีค่ะ
เอาไปใช้กับเรื่องอื่นๆในชีวิตประจำวันได้ด้วย

ขอบคุณที่ไปเยี่ยมนะคะ


โดย: mrs.postman วันที่: 27 กรกฎาคม 2550 เวลา:10:02:05 น.  

 
แวะมาอ่าน ผ่านมาเยี่ยม ครับ


โดย: naigod วันที่: 28 กรกฎาคม 2550 เวลา:13:08:21 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Logetus
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Free Hit Counter
[Add Logetus's blog to your web]