คำมั่นสัญญาของคู่แท้ ตาลอบ กับ ยายทอง จนเป็น Happy Birthday


คำมั่นสัญญาของคู่แท้ ตาลอบ กับ ยายทอง จนเป็น Happy Birthday ในวันนี้ ซึ้งที่สุด
ไม่ว่าใครจะนิยามความรักว่าเป็นของคู่กัน ความเหมือน ความพอดี ความลงตัวหากแต่นิยามความรักของตาลอบที่มีต่อยายทองนั้นกลับมองว่าวันวาเลนไทน์ที่จะมาถึงนั้นไม่เคยมีความหมายต่อตาและยายเลยเพราะชีวิตรักที่ตาและยายได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมากว่า 50 ปีนั้นไม่เคยมีวันไหนที่ความรักของตาที่มีต่อยาย และยายมีต่อตานั้นลดน้อยลงไปตามกาลเวลาเลยหากแต่ความรักของทั้งคู่กลับเพิ่มพูนขึ้นสวนทางกับสังขารที่เริ่มจะโรยรา"สำหรับตาวันนี้มันก็เป็นแค่วันธรรมดาๆวันหนึ่ง ไม่มีความหมายอะไรเลยดอกกุหลาบมันจะสู้สิ่งที่เราทำดีให้กันทุกวันได้ยังไง มันเทียบกันไม่ได้หรอกตาไม่เห็นว่ามันจะสำคัญกับชีวิตตรงไหนเพราะถึงไม่มีวันนี้ ยังไงตาก็ยังรักยายเท่ากันทุกวัน” อมรสีสุภเนตร หรือที่ชาวบ้านในอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย รู้จักกันในนามของ “ตาลอบ”ส่วนภรรยาคู่ทุกคู่ยากชาวบ้านเรียกขานกันว่า “ยายทอง” พื้นเพเดิมยายทองเป็นคนอำเภอวังทองจังหวัดพิษณุโลก ส่วนตาลอบเป็นคนเชียงคาน จังหวัดเลย
ปัจจุบันสองตายายอาศัยอยู่ที่บ้านหลังเล็กๆสภาพเก่าๆหลังหนึ่งตามลำพังสองคนโดยมีลูกๆคอยดูแลอยู่ห่างๆเมื่อมองเข้าไปในบ้านจะสังเกตุเห็นว่าบ้านของตาเสมือนเป็นโรงพยาบาลขนาดย่อมๆ เพราะอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆในการดูแลยายนั้น ตาได้ดัดแปลงให้เหมือนกับทางโรงพยาบาลทั้งนี้ก็เพื่อจะได้ดูแลยายได้อย่างเต็มที่ ย้อนไปเมื่อ 50 ปีที่แล้วตาลอบซึ่งเป็นช่างตัดผมหนุ่มฐานะยากจนได้พบรักกับยายทอง
แม่ค้าขายอาหารที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวงามประจำหมู่บ้านในงานรำวงสร้างโบสถ์ที่วัดป่ากลาง อำเภอเชียงคานหลังจากที่ทั้งคู่คบหาดูใจกันมา 5-6 ปีจนมั่นใจในความรักที่มีให้ต่อกันชายหนุ่มจึงเอ่ยปากขอหญิงสาวที่เขารักแต่งงาน เป็นงานแต่งงานที่เรียบง่าย ไม่มีพิธีกรรมใหญ่โตอะไรไม่มีเงินสินสอดทองหมั้นมากมาย หากแต่มีเพียงคำมั่นสัญญาที่ชายหนุ่มมอบไว้ให้กับหญิงสาวที่เขารักว่าจะครองรักและดูแลกันตลอดไป ทั้งในยามทุกข์และยามสุขจนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิตจะเดินทางมาถึงเวลาผ่านมา 50 ปี ทั้งคู่ครองรักกันจนกระทั่งแก่เฒ่า และตลอดเวลาที่ผ่านมาความรักของคนทั้งคู่ที่มีให้กับกันก็มากพอและสม่ำเสมอพอที่จะทำให้ชีวิตรักของคนคู่นี้กลายเป็นตำนานรักแท้ที่น่าจดจำ แต่จะเป็นเพราะสวรรค์บัญชาหรือฟ้ากำหนด จู่ๆปี 2538 ยายทองก็ล้มป่วยลงด้วยการเป็นอัมพฤกษ์ทางด้านซ้าย ซึ่งก็พอจะช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง แต่เมื่อ 6
ปีที่ผ่านมา อาการของยายทองก็กำเริบทรุดหนักลงไปอีก จากอัมพฤกษ์กลายเป็นอัมพาตไม่สามารถพูดคุยกับตาลอบได้อีก นอกจากส่งเสียงร้องไห้ซึ่งบางครั้งก็มีแต่เสียงร้อง บางครั้งก็มีแต่น้ำตาซึ่งดูเหมือนจะเป็นการสื่อสารเพียงอย่างเดียวที่ตาลอบรับรู้และเข้าใจเสมอว่ายายต้องการอะไรยายเขาร้องไห้ เพราะว่าเขาอยากจะพูดกับเรา แต่เขาพูดไม่ได้ เขาจึงบอกเราด้วยการร้องไห้ออกมาพอตาได้ยินเสียงไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ตาก็จะเดินไปพูดกับเขา หรือไม่ก็ต้องส่งสียงตอบกลับไปส่วนใหญ่ตาจะบอกเขาว่า “ อย่าร้องเลย เราอยู่ตรงนี้แล้ว ” บางทีก็บอกยายว่า “ เราจะอยู่กับเธอจะดูแลเธอไปจนกว่าจะตายจากกัน” ที่บอกอย่างนี้เพื่อให้ยายรู้ว่าตาอยู่ใกล้เขาไม่ได้หนีไปไหน”
ปฏิเสธไม่ได้ว่า น้อยครั้งนักที่เราจะได้เห็นภาพฝ่ายชายดูแล ปรนนิบัติฝ่ายหญิง
หากแต่สิ่งที่ตาทำนั้นได้พิสูจน์ให้โลกรู้ว่าความรักของตาที่มีต่อยายนั้นเป็นตำนานความรักอันยิ่งใหญ่ที่ใครๆต่างก็แสวงหา ตาอยากใช้ชีวิตอยู่กับยายจนวินาทีสุดท้าย เราจะต้องไม่ทอดทิ้งกัน เราต้องมั่นคงต่อกันตาสัญญากับยายว่าจะดูแลยายให้ดีที่สุดจนวินาทีสุดท้าย ตาตั้งใจรักษายายให้ดีที่สุดตาทุ่มเทชีวิตให้ยายทั้งหมดเลยเพราะว่ายายมีความหมายกับตาสุดชีวิตเลยทุกวันนี้ตายังมีความหวังอยู่ว่ายายจะอาการดีขึ้นและกลับมาพูดกับตาได้เหมือนเคยเราต้องอยู่แบบมีความหวังเพราะความหวังนี่แหละที่จะทำให้เรามีกำลังใจดูแลยายต่อไปจนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง “หากก่อนที่จะจากกันไปในชาตินี้ใจลึกๆตาลอบก็อยากให้ปาฎิหารย์นั้นมีจริงเพราะอยากให้ยายฟื้นขึ้นมาอีกซักครั้งเพื่อที่จะถามข้อข้องใจที่ชายคนหนึ่งเก็บไว้มาหลายปีว่าที่ผ่านมาเขาทำดีพอที่สามีคนหนึ่งจะทำให้ภรรยาที่เขารักที่สุดได้หรือไม่” ถึงแม้ว่าบั้นปลายชีวิตอันแสนสุขจะถูกพรากไปและแทนที่ด้วยความทุกข์ทรมานจากอาการเจ็บป่วยของอีกฝ่ายหนึ่งคำมั่นสัญญาทุกคำที่ตาลอบเคยมอบไว้ให้กับยายทองก็ยังไม่มีคำใดหรือตัวอักษรตัวใดเปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อยตลอดระยะเวลา 12 ปีที่ยายทองล้มป่วยแทบจะทุกนาทีของชีวิตตาลอบได้มอบให้กับการเฝ้าดูแลประคบประหงมยายทองอย่างใกล้ชิดไม่เว้นแต่ยามหลับหรือยามตื่น ตาดูแลยายไม่เคยห่าง ตาต้องดูแลทุกอย่างไม่ว่าจะเรื่อง อาบน้ำ เช็ดตัวไปจนถึงเรื่องการเช็ดอึ เช็ดฉี่ อาหารการกิน อาการเจ็บป่วยต่างๆเราต้องคอยสังเกตุตลอดเวลาเวลาทำอะไรตาก็จะนึกถึงยายก่อนเสมอ ถ้ายายยังไม่นอนตาก็ยังไม่นอนหรือถ้ายายยังไม่ได้กินข้าวตาก็จะยังไม่กิน เพราะต้องป้อนยายก่อน” การดูแลปรนนิบัติยายตาลอบจะทำเพียงคนดียวทุกครั้ง และตาจะใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อยป็นอย่างดีแม้แต่แพมเพอร์สตาก็จะไม่ใส่ให้ยายเพราะเกรงว่าจะอับชื้นและทำให้เป็นแผลกดทับได้ตาจึงไม่เคยเบื่อกับการที่ต้องคอยเช็ดอึ เช็ดฉี่อยู่ตลอดทั้งวันเสิ้อผ้าของยายตาก็จะไม่ซักผงซักฟอกเพราะกลัวยายจะแพ้และเป็นผื่น ฯลฯทุกวันนี้ตากลัวว่ายายจะทิ้งตาไปไม่อยากให้ยายตายเลย อยากให้อยู่เป็นเพื่อนกัน อยู่เป็นคู่รักกันตลอดไปตาไม่เคยคิดอย่างคนอื่นเลยว่าตายไปภาระจะได้หมดลง ไม่คิดเลย”
ภาพที่ชาวเชียงคานเห็นจนชินตาคือภาพชายชราวัย 73 ปี ปั่นรถจักรยานที่มีเตียงพยาบาลพ่วงติดอยู่ด้านหน้าโดยมียายนอนลืมตาแน่นิ่งอยู่บนเตียงเคลื่อนที่ไปตามถนนหนทางต่างๆรถคันนี้เป็นรถที่ตาลอบประดิษฐ์ขึ้นมาเองกับมือเพราะถ้าจะซื้อเตียงแบบโรงพยาบาลนั้นก็เกินกำลังที่ตาจะมีได้ด้วยความที่ตาเคยมีความรู้ทางช่างจึงต่อเตียงพยาบาลขึ้นมาและดัดแปลงต่อเติมให้เตียงนั้นเคลื่อนที่ได้และมีหลังคาคอยคุ้มแดดคุ้มฝนและมีมุ้งคอยกันยุงและแมลงต่างๆที่ตาทำเช่นนี้หวังเพื่อให้ยายอยู่ใกล้กับตาตลอดเวลาเพราะเกิดอะไรฉุกเฉินขึ้นมาตาจะได้ช่วยเหลือยายได้ทัน ดังนั้นเวลาตาจะไปไหนก็จะพายายไปด้วยเสมอ ใครที่เห็นรถของตาต่างก็อดไม่ได้ที่จะไม่เหลียวหลังและต่างก็ตั้งข้อสงสัยไปต่างๆนานา บ้างก็นึกว่าเป็นรถซาเล้ง รถขายของ รถเก็บของเก่า บ้างก็ว่ารถขนศพแต่ถึงอย่างไรตาลอบก็ไม่สนใจคำครหาเหล่านั้นเพราะสิ่งสำคัญที่ตาพายายออกมาอย่างนี้ก็เพื่อให้ยายออกมารับอากาศข้างนอก ให้ยายได้รับการทักทาย พูดคุยจากผู้คนต่างๆเพื่อกระตุ้นให้ยายรู้สึกตัวมากขึ้น นอกจากนี้ตายังรู้ใจยายดีว่ายายชอบให้ตาพาเที่ยวไปตามที่ต่างๆตาจึงมักปั่นเตียงเคลื่อนที่คู่ใจคันนี้พายายไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆที่มีความสำคัญๆในอดีตไม่ว่าจะเป็นสถานที่พบรักกัน สถานที่ๆทำมาหากินด้วยกันทั้งนี้ตาทำเพื่อพายายไประลึกถึงความหลังอันงดงามเพื่อกระตุ้นความจำความรู้สึกของยายและอย่างน้อยความหลังเหล่านี้เสมือนเป็นน้ำหล่อเลี้ยงความเศร้าหมองของชะตากรรมที่ทั้งคู่ต้องเผชิญอยู่ได้ไม่มากก็น้อย บ่อยครั้งเวลายายมีอาการป่วยมาก ตาต้องพายายไปรักษาที่โรงพยาบาลเชียงคานโดยมากตาจะปั่นเตียงพยาบาลเคลื่อนที่พายายไปที่โรงพาบาลทันทีที่ไปถึงจะเป็นอันรู้กันกับเจ้าหน้าที่ว่าเตียงประดิษฐ์ของตาคันนี้สามารถใช้แทนเตียงของโรงพยาบาลได้เป็นอย่างดี และเมื่อพยาบาลเห็นคนไข้รายนี้ทีไรก็อุ่นใจได้ว่าไม่ต้องมาดูแลยายทองอะไรมากนัก
เพราะตาลอบจะเป็นคนดูแลยายเองทุกอย่างโดยที่ไม่ต้องให้พยาบาลเข้ามายุ่งเลย
เพราะตาลอบคิดว่าเจ้าหน้าที่คงจะดูแลไม่ดีเท่ากับตัวเองซึ่งนั่นเป็นเพราะตาลอบทำด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตาลอบได้พิสูจน์ให้เราเห็นว่าสัญญาที่ชายหนุ่มมอบไว้กับหญิงสาวอันเป็นที่รักเมื่อกว่าปีที่แล้วนั้น ไม่ใช่แค่ลมปาก หรือถ้อยคำหวานหู ตามแรงปราถนาหากแต่เป็นถ้อยคำที่ออกมาจากความรู้สึกข้างในหัวใจ ที่มีที่ว่างให้เพียงแค่หญิงสาวที่เขารักเพียงคนเดียวคำมั่นสัญญาที่ตาลอบมอบให้จึงเป็นพันธะสัญญาที่ถูกจารึกลงบนหินผา ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร
ก็ไม่มีวันลบเลือนและยังทำอย่างซื่อตรงสม่ำเสมอ ไม่ต่างอะไรกับการขึ้นลงของดวงตะวันที่จะเป็นอยู่เช่นนั้นชั่วนิรันดร์

จนเป็นต้นกำเนิดของหนัง Happy Birthday
//www.nazaclub.com/video.php?id=657
//www.nazaclub.com/video.php?id=658

รายการ คนค้นฅน นำเสนอเรื่องราวของตาลอบกับยายทอง 2 ตอน เมื่อวันอังคาร ที่ 13 และ 20 กุมภาพันธ์ 2550
คนค้นฅน ตอนคำมั่นสัญญา
นับถอยหลังไปอีกเพียงไม่กี่วัน ก็จะถึงวันวาเลนไทน์ วันซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการแสดงออกถึงความรัก ที่ใครหลายคนให้ความสำคัญกับวันนี้ ไม่ว่าใครจะนิยามความรักว่าเป็นของคู่กัน ความเหมือน ความพอดี ความลงตัว หากแต่นิยามความรักของตาลอบ ที่มีต่อยายทองนั้น กลับมองว่าวันวาเลนไทน์ที่จะมาถึงนั้น ไม่เคยมีความหมายต่อตาและยายเลย เพราะชีวิตรักที่ตาและยายได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมากว่า 50 ปี นั้นไม่เคยมีวันไหนที่ความรักของตาที่มีต่อยาย และยายมีต่อตานั้นลดน้อยลงไปตามกาลเวลาเลย หากแต่ความรักของทั้งคู่กลับเพิ่มพูนขึ้น สวนทางกับสังขารที่เริ่มจะโรยรา
"สำหรับ ตาวันนี้มันก็เป็นแค่วันธรรมดาๆ วันหนึ่ง ไม่มีความหมายอะไรเลย ดอกกุหลาบมันจะสู้สิ่งที่เราทำดีให้กันทุกวันได้ยังไง มันเทียบกันไม่ได้หรอก ตาไม่เห็นว่ามันจะสำคัญกับชีวิตตรงไหน เพราะถึงไม่มีวันนี้ ยังไงตาก็ยังรักยายเท่ากันทุกวัน"
อมร สีสุภเนตร หรือที่ชาวบ้านในอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย รู้จักกันในนามของ "ตาลอบ" ส่วนภรรยาคู่ทุกคู่ยากชาวบ้านเรียกขานกันว่า "ยายทอง" พื้นเพเดิมยายทองเป็นคนอำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ส่วนตาลอบเป็นคนเชียงคาน จังหวัดเลย ปัจจุบันสองตายายอาศัยอยู่ที่บ้านหลังเล็กๆ สภาพเก่าๆ หลังหนึ่งตามลำพังสองคนโดยมีลูกๆ คอยดูแลอยู่ห่างๆ เมื่อมองเข้าไปในบ้าน จะสังเกตุเห็นว่าบ้านของตา เสมือนเป็นโรงพยาบาลขนาดย่อมๆ เพราะอุปกรณ์ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ในการดูแลยายนั้น ตาได้ดัดแปลงให้เหมือนกับทางโรงพยาบาล ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้ดูแลยายได้อย่างเต็มที่
ย้อนไปเมื่อ 50 ปีที่แล้วตาลอบ ซึ่งเป็นช่างตัดผมหนุ่มฐานะยากจน ได้พบรักกับยายทอง แม่ค้าขายอาหารที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวงามประจำหมู่บ้าน ในงานรำวงสร้างโบสถ์ที่วัดป่ากลาง อำเภอเชียงคาน หลังจากที่ทั้งคู่คบหาดูใจกันมา 5-6 ปีจนมั่นใจในความรักที่มีให้ต่อกัน ชายหนุ่มจึงเอ่ยปากขอหญิงสาวที่เขารักแต่งงาน เป็นงานแต่งงานที่เรียบง่าย ไม่มีพิธีกรรมใหญ่โตอะไร ไม่มีเงินสินสอดทองหมั้นมากมาย หากแต่มีเพียงคำมั่นสัญญา ที่ชายหนุ่มมอบไว้ให้กับหญิงสาวที่เขารักว่า จะครองรักและดูแลกันตลอดไป ทั้งในยามทุกข์และยามสุขจนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิตจะเดินทางมาถึง
เวลา ผ่านมา 50 ปี ทั้งคู่ครองรักกันจนกระทั่งแก่เฒ่า และตลอดเวลาที่ผ่านมา ความรักของคนทั้งคู่ที่มีให้กันก็มากพอ และสม่ำเสมอพอที่จะทำให้ชีวิตรักของคนคู่นี้กลายเป็นตำนานรักแท้ที่น่าจดจำ แต่จะเป็นเพราะสวรรค์บัญชา หรือฟ้ากำหนด จู่ๆ ปี 2538 ยายทองก็ล้มป่วยลงด้วยการเป็นอัมพฤกษ์ทางด้านซ้าย ซึ่งก็พอจะช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง แต่เมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา อาการของยายทองก็กำเริบทรุดหนักลงไปอีก จากอัมพฤกษ์กลายเป็นอัมพาต ไม่สามารถพูดคุยกับตาลอบได้อีก นอกจากส่งเสียงร้องไห้ ซึ่งบางครั้งก็มีแต่เสียงร้อง บางครั้งก็มีแต่น้ำตา ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการสื่อสารเพียงอย่างเดียว ที่ตาลอบรับรู้และเข้าใจเสมอว่ายายต้องการอะไร
"ยายเขาร้องไห้ เพราะว่าเขาอยากจะพูดกับเรา แต่เขาพูดไม่ได้ เขาจึงบอกเราด้วยการร้องไห้ออกมา พอตาได้ยินเสียงไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ ตาก็จะเดินไปพูดกับเขา หรือไม่ก็ต้องส่งสียงตอบกลับไป ส่วนใหญ่ตาจะบอกเขาว่า "อย่าร้องเลย เราอยู่ตรงนี้แล้ว " บางทีก็บอกยายว่า "เราจะอยู่กับเธอ จะดูแลเธอไปจนกว่าจะตายจากกัน" ที่บอกอย่างนี้เพื่อให้ยายรู้ว่าตาอยู่ใกล้เขาไม่ได้หนีไปไหน"
ปฏิเสธไม่ได้ว่า น้อยครั้งนักที่เราจะได้เห็นภาพฝ่ายชายดูแล ปรนนิบัติฝ่ายหญิง หากแต่สิ่งที่ตาทำนั้น ได้พิสูจน์ให้โลกรู้ว่าความรักของตาที่มีต่อยายนั้นเป็นตำนานความรักอันยิ่ง ใหญ่ที่ใครๆ ต่างก็แสวงหา
"ตาอยากใช้ชีวิตอยู่กับยายจนวินาทีสุด ท้าย เราจะต้องไม่ทอดทิ้งกัน เราต้องมั่นคงต่อกัน ตาสัญญากับยายว่า จะดูแลยายให้ดีที่สุดจนวินาทีสุดท้าย ตาตั้งใจรักษายายให้ดีที่สุด ตาทุ่มเทชีวิตให้ยายทั้งหมดเลย เพราะว่ายายมีความหมายกับตาสุดชีวิตเลย ทุกวันนี้ตายังมีความหวังอยู่ว่า ยายจะอาการดีขึ้นและกลับมาพูดกับตาได้เหมือนเคย เราต้องอยู่แบบมีความหวัง เพราะความหวังนี่แหละ ที่จะทำให้เรามีกำลังใจดูแลยายต่อไป จนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง"
หากก่อนที่จะจากกันไปในชาตินี้ใจลึกๆ ตาลอบก็อยากให้ปาฏิหาริย์นั้นมีจริง เพราะอยากให้ยายฟื้นขึ้นมาอีกซักครั้ง เพื่อที่จะถามข้อข้องใจ ที่ชายคนหนึ่งเก็บไว้มาหลายปี ว่าที่ผ่านมาเขาทำดีพอที่สามีคนหนึ่ง จะทำให้ภรรยาที่เขารักที่สุดได้หรือไม่
ถึงแม้ว่าบั้นปลายชีวิตอัน แสนสุข จะถูกพรากไป และแทนที่ด้วยความทุกข์ทรมาน จากอาการเจ็บป่วยของอีกฝ่ายหนึ่ง คำมั่นสัญญาทุกคำ ที่ตาลอบเคยมอบไว้ให้กับยายทองก็ยังไม่มีคำใด หรือตัวอักษรตัวใดเปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย ตลอดระยะเวลา 12 ปีที่ยายทองล้มป่วย แทบจะทุกนาทีของชีวิต ตาลอบได้มอบให้กับการเฝ้าดูแล ประคบประหงมยายทองอย่างใกล้ชิด ไม่เว้นแต่ยามหลับหรือยามตื่น
"ตาดูแลยายไม่เคยห่าง ตาต้องดูแลทุกอย่างไม่ว่าจะเรื่อง อาบน้ำ เช็ดตัว ไปจนถึงเรื่องการเช็ดอึ เช็ดฉี่ อาหารการกิน อาการเจ็บป่วยต่างๆ เราต้องคอยสังเกตุตลอดเวลา เวลาทำอะไรตาก็จะนึกถึงยายก่อนเสมอ ถ้ายายยังไม่นอนตาก็ยังไม่นอน หรือถ้ายายยังไม่ได้กินข้าวตาก็จะยังไม่กิน เพราะต้องป้อนยายก่อน"
"การดูแลปรนนิบัติยาย ตาลอบจะทำเพียงคนดียวทุกครั้ง และตาจะใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อยป็นอย่างดี แม้แต่แพมเพอร์สตาก็จะไม่ใส่ให้ยายเพราะเกรงว่าจะอับชื้น และทำให้เป็นแผลกดทับได้ ตาจึงไม่เคยเบื่อกับการที่ต้องคอยเช็ดอึ เช็ดฉี่อยู่ตลอดทั้งวัน เสื้อผ้าของยาย ตาก็จะไม่ซักผงซักฟอก เพราะกลัวยายจะแพ้และเป็นผื่น ฯลฯ ทุกวันนี้ตากลัวว่ายายจะทิ้งตาไป ไม่อยากให้ยายตายเลย อยากให้อยู่เป็นเพื่อนกัน อยู่เป็นคู่รักกันตลอดไป ตาไม่เคยคิดอย่างคนอื่นเลยว่า ตายไปภาระจะได้หมดลงไม่คิดเลย"
ภาพที่ชาวเชียงคานเห็นจนชินตา คือภาพชายชราวัย 73 ปี ปั่นรถจักรยานที่มีเตียงพยาบาลพ่วงติดอยู่ด้านหน้า โดยมียายนอนลืมตาแน่นิ่งอยู่บนเตียงเ คลื่อนที่ไปตามถนนหนทางต่างๆ รถคันนี้เป็นรถที่ตาลอบประดิษฐ์ขึ้นมาเองกับมือ เพราะถ้าจะซื้อเตียงแบบโรงพยาบาลนั้น ก็เกินกำลังที่ตาจะมีได้ ด้วยความที่ตาเคยมีความรู้ทางช่าง จึงต่อเตียงพยาบาลขึ้นมาและดัดแปลงต่อเติมให้เตียงนั้นเคลื่อนที่ได้ และมีหลังคาคอยคุ้มแดดคุ้มฝน และมีมุ้งคอยกันยุงและแมลงต่างๆ ที่ตาทำเช่นนี้หวังเพื่อให้ยายอยู่ใกล้กับตาตลอดเวลา เพราะเกิดอะไรฉุกเฉินขึ้นมา ตาจะได้ช่วยเหลือยายได้ทัน ดังนั้นเวลาตาจะไปไหนก็จะพายายไปด้วยเสมอ ใครที่เห็นรถของตาต่างก็อดไม่ได้ที่จะไม่เหลียวหลัง และต่างก็ตั้งข้อสงสัยไปต่างๆนานา บ้างก็นึกว่าเป็นรถซาเล้ง รถขายของ รถเก็บของเก่า บ้างก็ว่ารถขนศพ แต่ถึงอย่างไรตาลอบก็ไม่สนใจคำครหาเหล่านั้น เพราะสิ่งสำคัญที่ตาพายายออกมาอย่างนี้ ก็เพื่อให้ยายออกมารับอากาศข้างนอก ให้ยายได้รับการทักทาย พูดคุยจากผู้คนต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้ยายรู้สึกตัวมากขึ้น นอกจากนี้ ตายังรู้ใจยายดีว่ายายชอบให้ตาพาเที่ยวไปตามที่ต่างๆ ตาจึงมักปั่นเตียงเคลื่อนที่คู่ใจคันนี้ พายายไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ที่มีความสำคัญๆ ในอดีต ไม่ว่าจะเป็นสถานที่พบรักกัน สถานที่ๆ ทำมาหากินด้วยกัน ทั้งนี้ตาทำเพื่อพายายไประลึกถึงความหลังอันงดงาม เพื่อกระตุ้นความจำ ความรู้สึกของยาย และอย่างน้อยความหลังเหล่านี้ เสมือนเป็นน้ำหล่อเลี้ยงความเศร้าหมองของชะตากรรม ที่ทั้งคู่ต้องเผชิญอยู่ได้ไม่มากก็น้อย
บ่อยครั้งเวลายายมีอาการ ป่วยมาก ตาต้องพายายไปรักษาที่โรงพยาบาลเชียงคาน โดยมากตาจะปั่นเตียงพยาบาลเคลื่อนที่ พายายไปที่โรงพาบาล ทันทีที่ไปถึงจะเป็นอันรู้กันกับเจ้าหน้าที่ว่าเตียงประดิษฐ์ของตาคันนี้ สามารถใช้แทนเตียงของโรงพยาบาลได้เป็นอย่างดี และเมื่อพยาบาลเห็นคนไข้รายนี้ทีไรก็อุ่นใจได้ว่า ไม่ต้องมาดูแลยายทองอะไรมากนัก เพราะตาลอบจะเป็นคนดูแลยายเองทุกอย่าง โดยที่ไม่ต้องให้พยาบาลเข้ามายุ่งเลย เพราะตาลอบคิดว่าเจ้าหน้าที่คงจะดูแลไม่ดีเท่ากับตัวเอง ซึ่งนั่นเป็นเพราะตาลอบทำด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก
ตลอด ระยะเวลาที่ผ่านมา ตาลอบได้พิสูจน์ให้เราเห็นว่าสัญญาที่ชายหนุ่มมอบไว้กับหญิงสาวอันเป็นที่ รัก เมื่อ 50 กว่าปีที่แล้วนั้น ไม่ใช่แค่ลมปาก หรือถ้อยคำหวานหู ตามแรงปราถนา หากแต่เป็นถ้อยคำที่ออกมาจากความรู้สึกข้างในหัวใจ ที่มีที่ว่างให้เพียงแค่หญิงสาวที่เขารักเพียงคนเดียว คำมั่นสัญญาที่ตาลอบมอบให้ จึงเป็นพันธะสัญญาที่ถูกจารึกลงบนหินผา ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร ก็ไม่มีวันลบเลือน และยังทำอย่างซื่อตรงสม่ำเสมอ ไม่ต่างอะไรกับการขึ้นลงของดวงตะวัน ที่จะเป็นอยู่เช่นนั้นชั่วนิรันดร์

อ้างอิงจาก
//www.tvburabha.com/tvb/home/program_list.asp?search=&id=&cate=1&PageIndex=12



Create Date : 03 กันยายน 2553
Last Update : 3 กันยายน 2553 8:53:25 น.
Counter : 888 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

โฟมน่ารัก
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



Group Blog
กันยายน 2553

 
 
 
4
5
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog