ครั้งหนึ่งแมวถูกยกขึ้นเป็นเทพเจ้า และบัดนี้มันก็ยังไม่ลืมเรื่องนั้น (หึหึ //เลียอุ้งเท้า)
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
19 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
เรื่องของคุณหมอดูลิตเติ้ล (5)

บทที่เจ็ด
สะพานวานร

พระราชินีเออร์มินทรูดไม่เคยเห็นพระสวามีน่ากลัวอย่างในคืนนั้นมาก่อนเลยในชีวิต พระองค์ขบฟันด้วยความโกรธ ด่าทุกคนว่าไอ้โง่ โยนแปรงสีฟันใส่แมวประจำพระราชวัง ทรงวิ่งวุ่นในชุดนอนและปลุกคนทั้งกองทัพขึ้นมาให้เข้าไปในป่าตามจับคุณหมอ จากนั้นก็สั่งให้คนใช้ทั้งหมดไปด้วย ทั้งคนครัว คนสวน ช่างตัดผม และอาจารย์ของเจ้าชายบัมโป แม้แต่พระราชินีที่ทรงเหนื่อยจากการเต้นรำในรองเท้าคู่คับ ก็ยังถูกส่งไปช่วยพวกทหารค้นหา

ตลอดเวลาที่ว่ามานี้คุณหมอและสัตว์ทั้งหลายก็วิ่งทะลุป่าไปยังดินแดนวานรอย่างเร็วสุดฝีเท้า

ไม่ช้ากั๊บกั๊บที่ขาสั้นก็เริ่มเหนื่อย คุณหมอก็เลยต้องอุ้มมัน ซึ่งเป็นเรื่องลำบากมาก เพราะพวกเขามีหีบของและกระเป๋าถือไปด้วย

พระราชาแห่งจอลลิกิงกิทรงคิดว่ากองทัพของพระองค์จะหาคุณหมอและพวกสัตว์พบง่ายๆ เพราะหมออยุ่ในดินแดนที่ไม่คุ้นเคยและไม่รู้เส้นทาง แต่พระองค์คิดผิด เพราะเจ้าลิงชีชีรู้เส้นทางในป่าทั้งหมด รู้ดีกว่าคนของพระราชาเสียอีก และมันก็นำคุณหมอและสัตว์เลี้ยงทั้งหมดเข้าไปในส่วนที่หนาทึบที่สุดของป่า ที่ที่ไม่มีคนไหนเคยเหยียบย่างเข้าไปมาก่อน และซ่อนทุกคนไว้ในโพรงต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ระหว่างหินสูงสองก้อน

“เราควรจะรออยู่ที่นี่” ชีชีพูด “จนกว่าพวกทหารจะกลับไปนอน จากนั้นเราก็ไปดินแดนวานรได้”

ดังนั้นทั้งหมดจึงอยู่ที่นั่นตลอดคืน

หลายครั้งที่พวกเขาได้ยินคนของพระราชาค้นหาและพูดคุยกันในป่ารอบๆ แต่ทุกคนก็ปลอดภัยดี เพราะไม่มีใครรู้เรื่องที่ซ่อนนั้นนอกจากชีชี แม้แต่ลิงตัวอื่นก็ยังไม่รู้

ในที่สุด เมื่อแสงอาทิตย์เริ่มส่องลอดใบไม้หนาทึบเหนือหัวลงมา พวกเขาก็ได้ยินราชินีเออร์มินทรูดตรัสด้วยเสียงเหนื่อยๆ ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะหาต่อไปแล้ว และพวกเขาน่าจะกลับไปนอนเสียหน่อย

ทันทีที่พวกทหารกลับไปกันหมด ชีชีก็พาคุณหมอและพวกสัตว์ออกมาจากที่ซ่อน และเริ่มออกเดินทางไปยังดินแดนวานร

เป็นระยะทางที่แสนยาวไกล และทุกคนก็เหนื่อยกันมากอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะกั๊บกั๊บ แต่พอมันเริ่มร้องทุกคนก็เอาน้ำมะพร้าวให้มันกิน ซึ่งมันชอบมาก

พวกเขามีของกินและดื่มมากมายเสมอ เพราะชีชีและโพลินีเชียรู้จักผลไม้และผักชนิดต่างๆ ที่ขึ้นอยู่ในป่าทั้งหมด และรู้ด้วยว่าจะหาได้ที่ไหน ทั้งอินทผาลัม มะเดื่อ ถั่ว ขิง และมันเทศ พวกเขาทำน้ำมะนาวจากน้ำของส้มป่า เติมรสหวานด้วยน้ำผึ้งที่เอามาจากรังผึ้งในโพรงไม้ ไม่ว่าพวกเขาจะเรียกหาอะไร ชีชีกับโพลินีเชียก็ดูจะสามารถหามาให้ได้เสมอ หรืออย่างน้อยก็เป็นอะไรที่คล้ายๆ กัน พวกมันถึงกับหายาสูบมาให้คุณหมอในวันหนึ่ง เมื่อยาที่นำมาหมดและเขาอยากจะสูบกล้อง

ตอนกลางคืนพวกเขานอนในเต็นท์ที่ทำจากใบปาล์ม ปูด้วยหญ้าแห้งหนานุ่ม และหลังจากพักหนึ่งผ่านไปทุกคนก็เริ่มชินกับการเดินมากๆ จนไม่เหนื่อยมาก และมีความสุขกับการเดินทางไม่น้อยทีเดียว

แต่ทุกคนก็ยินดีเสมอเมื่อเวลากลางคืนมาถึง และได้หยุดพัก ตอนนั้นคุณหมอจะก่อไฟกองเล็กๆ ด้วยเศษไม้ และหลังจากกินอาหารเย็นกันแล้ว ทุกคนก็จะนั่งล้อมเป็นวงกลม ฟังโพลินีเชียร้องเพลงเกี่ยวกับทะเล หรือฟังชีชีเล่าเรื่องป่า

และเรื่องราวมากมายที่ชีชีเล่านั้นก็สนุกมา เพราะถึงแม้พวกลิงจะไม่มีหนังสือประวัติศาสตร์ของตัวเองก่อนที่คุณหมอดูลิตเติ้ลจะมาเขียนให้ แต่พวกมันก็จดจำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นได้โดยการเล่าเรื่องให้ลูกหลานฟัง และชีชีก็พูดถึงเรื่องราวมากมายที่ย่าของมันเคยเล่าให้ฟัง เรื่องราวจากวันเวลาที่นานแสนนานมาแล้ว ก่อนโนอาห์และน้ำท่วมโลกเสียอีก เรื่องราวจากวันที่ผู้คนนุ่งห่มหนังหมีและอาศัยอยู่ในรูในก้อนหินและกินเนื้อสัตว์ดิบๆ เพราะไม่รู้ว่าการหุงต้มเคยอะไร และไม่เคยเห็นไฟ และมันยังเล่าถึงช้างโบราณและกิ้งก่าตัวใหญ่ยักษ์ที่ยาวเท่ารถไฟ ซึ่งเคยเดินท่องไปตามภูเขาและเล็มยอดไม้กินในสมัยก่อนโน้น หลายครั้งทีเดียวที่พวกเขาสนใจฟังอย่างมากจนเมื่อมันเล่าจบลงก็พบว่ากองไฟดับลงแล้ว และต้องรีบหากิ่งไม้เพิ่มเพื่อก่อไฟกองใหม่

แต่เมื่อกองทัพของพระราชากลับไปทูลพระองค์ว่าหาคุณหมอไม่พบ พระราชาก็ส่งพวกทหารออกมาอีกครั้ง และบอกว่าทุกคนต้องอยู่ในป่าไปจนกว่าจะจับเขาได้ ดังนั้นตลอดเวลาที่คุณหมอและพวกสัตว์กำลังเดินทางเข้าไปใกล้ดินแดนวานร และคิดว่าตัวเองปลอดภัยอยู่นี้ พวกเขาก็ถูกคนของพระราชาตามมาโดยตลอด ถ้าชีชีรู้เรื่องนี้ มันก็คงจะซ่อนพวกเขาไว้อีกครั้ง แต่มันไม่รู้เลย

วันหนึ่งชีชีปีนขึ้นไปบนหินก้อนใหญ่และมองข้ามยอดไม้ออกไป พอลงมามันก็บอกว่าตอนนี้พวกเขาเข้าไปใกล้ดินแดนวานรมากแล้ว และจะไปถึงในไม่ช้า

และแน่นอนว่าในคืนนั้นเองพวกเขาก็เห้นญาติของชีชีและลิงตัวอื่นๆ อีกมากที่ยังไม่ป่วยนั่งอยู่บนต้นไม้ตรงริมบึง กำลังมองหาและรอพวกเขาอยู่ และเมื่อพวกมันเห็นว่าคุณหมอผู้โด่งดังมาจริงๆ ลิงพวกนี้ก็ทำเสียงดังกันเป็นการใหญ่ ทั้งส่งเสียงโห่ร้อง เขย่าใบไม้และเหวี่ยงตัวไปมาบนกิ่งไม้เพื่อทักทายเขา

พวกมันอยากจะถือกระเป๋าและหีบของและทุกอย่างที่เขามีให้ และลิงตัวใหญ่ตัวหนึ่งถึงกับอุ้มกั๊บกั๊บที่เหนื่อยอีกแล้วไว้ด้วย จากนั้นลิงสองตัวก็รีบวิ่งนำไปเพื่อบอกพวกลิงที่ป่วยว่าคุณหมอผู้ยิ่งใหญ่มาถึงแล้วในที่สุด

แต่คนของพระราชาที่ยังคงตามมาอยู่ก็ได้ยินเสียงพวกลิงโห่ร้องกัน และสุดท้ายก็รู้ว่าคุณหมออยู่ที่ไหน จึงรีบมาจับเขาในทันที

ลิงตัวใหญ่ที่อุ้มกั๊บกั๊บอยู่เดินตามหลังมาช้าๆ และมันก็เห็นนายกองของกองทัพนั้นแฝงตัวลัดเลาะต้นไม้เข้ามาช้าๆ มันก็เลยรีบวิ่งไปหาคุณหมอและบอกให้เขาวิ่ง

แล้วทุกตัวก็วิ่งกันอย่างสุดฝีเท้ากว่าที่เคยวิ่งมาครั้งไหนในชีวิต และคนของพระราชาที่ตามมาก็เริ่มออกวิ่งด้วย และตัวนายกองวิ่งเร็วกว่าใครเพื่อน

แต่แล้วคุณหมอก็สะดุดล่วมยาล้มลงในโคลน นายกองจึงคิดว่าต้องจับเขาได้แน่คราวนี้

แต่ตัวนายกองนั้นมีหูที่ยาวมาก ถึงแม้ผมจะสั้นมากก็ตาม และในตอนที่เขากระโจนออกมาคว้าตัวคุณหมอนั่นเอง หูข้างหนึ่งก็ไปเกี่ยวติดอยู่กับต้นไม้ และทหารทั้งกองทัพที่เหลือก้ต้องหยุดช่วยเขา

ถึงตอนนั้นคุณหมอก็ลุกขึ้นได้ และพากันออกวิ่งและวิ่งไปอีกครั้งแล้ว ชีชีตะโกนว่า

“ไม่เป็นไร! เราเหลืออีกไม่ไกลแล้ว!”

แต่ก่อนที่พวกเขาจะเข้าไปในดินแดนวานรได้ ก็ต้องพบกับหน้าผาชันที่มีแม่น้ำไหลอยู่ข้างใต้เสียก่อน ที่นี่เป็นจุดสิ้นสุดอาณาจักรจอลลิกิงกิ และดินแดนวานรก็อยู่อีกฟากแม่น้ำ

แล้วเจ้าหมาจิพก็มองลงไปจากขอบหน้าผาที่ชันแสนชัน และพูดว่า

“หวาย! เราจะข้ามไปได้ยังไงกัน”

“โอ๊ย ตายแล้ว!” กั๊บกั๊บพูด “คนของพระราชาก็เข้ามาใกล้แล้ว ดูพวกเขาสิ! ฉันกลัวว่าเราจะต้องถูกเอาไปใส่คุกอีกครั้งแน่เลย” แล้วมันก็เริ่มร้องไห้

แต่ลิงตัวใหญ่ที่อุ้มเจ้าหมูมาวางมันลงบนพื้นและร้องบอกลิงตัวอื่นๆ

“เด็กๆ สะพาน! เร็วเข้า! สร้างสะพาน! เรามีเวลาแค่นาทีเดียว พวกนั้นกำลังเอานายกองออกมาได้แล้ว แล้วเขาก็กำลังพุ่งมาอย่างกับกวาง แข็งขันหน่อย! สะพาน! สะพาน!”

คุณหมอเริ่มสงสัยว่าพวกมันจะเอาอะไรมาสร้างสะพาน แล้วเขาก็มองไปรอบๆ หาดูว่ามีแผ่นไม้ซ่อนอยู่ที่ไหนบ้างหรือเปล่า

แต่พอเขามองกลับไปที่หน้าผา ที่นั่นก็มีสะพานที่สร้างเสร็จเรียบร้อยแกว่งไกวข้ามแม่น้ำรอเขาอยู่ ทำจากลิงเป็นๆ ทั้งนั้น! เพราะในตอนที่เขาหันหลังไปนั่นเอง พวกลิงก็ต่อตัวกันเข้าเป้นสะพานอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบด้วยการจับมือและเท้าเข้าด้วยกันเท่านั้นเอง

แล้วลิงตัวใหญ่ก็ร้องตะโกนบอกคุณหมอว่า “เดินมาเลยครับ! เดินมาเลย ทุกคนเลย เร็วเข้า!”

กั๊บกั๊บรู้สึกกลัวนิดหน่อยที่ต้องเดินอยุ่บนสะพานแคบๆ ที่สูงจากแม่น้ำอย่างน่าวิงเวียนเช่นนั้น แต่มันก็ข้ามไปได้ และทุกตัวก็เช่นกัน

จอห์น ดูลิตเติ้ลข้ามไปเป็นคนสุดท้าย และพอดีกับที่เขาไปถึงอีกฝั่ง คนของพระราชาก็วิ่งมาถึงขอบหน้าผา

ซึ่งพวกเขาก็กวัดแกว่งกำปั้นและร้องตะโกนด้วยความโกรธ เพราะเห็นแล้วว่าตัวเองมาช้าไป คุณหมอและสัตว์ทั้งหมดของเขาปลอดภัยอยู่ในดินแดนวานรแล้ว และสะพานก็ถูกชักกลับไปที่อีกฝั่งหนึ่ง

จากนั้นชีชีก็หันไปหาคุณหมอและพูดว่า

“นักสำรวจผู้ยิ่งใหญ่และนักธรรมชาติวิทยาเคราหงอกมากมายที่นอนซ่อนตัวอยู่ในป่าเป็นเดือนๆ เพื่อรอดูพวกลิงทำอย่างนั้น แต่เราไม่เคยยอมให้คนขาวได้เห็นมันมาก่อนเลยสักแวบเดียว หมอเป็นคนแรกที่ได้เห็น ‘สะพานวานร’ ที่โด่งดัง”

และคุณหมอก็รู้สึกปลาบปลื้มมาก


บทที่แปด
จ่าฝูงสิงโต

แล้วตอนนี้จอห์น ดูลิตเติ้ลก็มีงานยุ่งมากเป็นที่สุด เขาพบลิงเป็นร้อยๆ พันๆ ตัวป่วย ทั้งกอริลล่า อุรังอุตัง ชิมแปนซี บาบูน มาร์โมเซ็ท ลิงสีเทา ลิงสีแดง ทุกชนิดเลย และหลายตัวก็ตายไปแล้วด้วย

สิ่งแรกที่เขาทำคือแยกลิงที่ป่วยออกจากลิงที่ยังไม่ป่วย จากนั้นเขาก็ให้ชีชีและญาติๆ ช่วยกันสร้างบ้านจากหญ้าหลังเล็กๆ ให้เขา อย่างต่อมาก็คือจัดการให้ลิงทั้งหมดที่ยังไม่ป่วยมาฉีดวัคซีน

และตลอดสามวันสามคืนพวกลิงทั้งหลายก็ออกมากันจากป่าและหุบเขาและทิวเขา มายังบ้านที่ทำจากหญ้าหลังเล็กๆ นั้น ที่นั่นคุณหมอนั่งอยู่ตลอดทั้งวันทั้งคืน เอาแต่ฉีดยาและฉีดยา

จากนั้นเขาก็สั่งให้สร้างบ้านขึ้นอีกหลัง เป็นหลังใหญ่ที่มีเตียงตั้งอยู่มากมาย แล้วเขาก็ให้ลิงที่ป่วยทั้งหมดเข้าไปอยู่ในบ้านนั้น

แต่มีลิงป่วยมากมายเหลือเกิน ลิงที่แข็งแรงดีอยู่จึงมีไม่พอพยาบาล ดังนั้นเขาก็เลยส่งข่าวไปยังสัตว์อื่นๆ อย่างเช่นสิงโตและเสือดาวและแอนทีโลป เพื่อให้มาช่วยกันพยาบาลลิงด้วย

แต่จ่าฝูงสิงโตเป็นสัตว์ที่เย่อหยิ่งมาก และเมื่อมันมาที่บ้านหลังใหญ่ที่มีเตียงเต็มของคุณหมอ มันก็ทำท่าโกรธและดูถูก

“ท่านกล้ามาขอข้าอย่างนั้นรึ” มันพูดพลางจ้องหน้าคุณหมอ “ท่านกล้ามาขอให้ข้า ราชาแห่งสัตว์ทั้งปวง มาคอยรับใช้ฝูงลิงสกปรกอย่างนั้นรึ อะไรกัน ข้าไม่ยอมแม้แต่จะกินพวกมันเป็นของว่างเสียด้วยซ้ำ!”

ถึงแม้สิงโตจะดูร้ายกาจมาก แต่คุณหมอก็พยายามอย่างยิ่งที่จะทำเป็นไม่กลัวมัน

“ผมไม่ได้ขอให้คุณกินพวกเขา” เขาพูดเบาๆ “แล้วนอกจากนั้น พวกเขาก็ไม่ได้สกปรกด้วย ทุกตัวเพิ่งจะอาบน้ำเมื่อเช้านี้ แต่ขนของคุณดูเหมือนจะต้องได้แปรงสักหน่อยอย่างยิ่งเลย ทีนี้ฟังนะครับ ผมจะบอกอะไรคุณสักหน่อย มันอาจจะมีสักวันที่สิงโตเกิดป่วยขึ้นมาบ้าง แล้วถ้าคุณไม่ช่วยสัตว์อื่นตอนนี้ สิงโตก็อาจจะพบว่าตัวเองไม่มีใครเลยเมื่อถึงเวลาที่พวกคุณเดือดร้อนขึ้นมาบ้าง เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นกับคนที่มีทิฐิบ่อยๆ”

“สิงโตไม่เคยเดือดร้อน พวกเรามีแต่สร้างความเดือดร้อนเท่านั้น” หัวหน้าพูดพลางเชิดจมูก แล้วมันก็เดินอาดๆ เข้าป่าไป รู้สึกว่าตัวเองฉลาดปราดเปรื่องเป็นยิ่งนัก

จากนั้นพวกเสือดาวก็เกิดเย่อหยิ่งขึ้นมาบ้าง และพูดว่าพวกมันช่วยไม่ได้ และแน่นอนว่าจากนั้นก็เป็นพวกแอนทีโลป ถึงแม้มันจะขี้อายและไม่กล้าพอจะหยาบคายกับคุณหมอเหมือนพวกสิงโต พวกมันตะกุยพื้น ยิ้มโง่ๆ แล้วก็พูดว่าไม่เคยพยาบาลใครมาก่อน

ทีนี้คุณหมอผู้น่าสงสารก็กังวลจนแทบคลั่ง คิดไม่ออกว่าจะหาความช่วยเหลือจากที่ไหนมาดูแลลิงเป็นพันๆ ตัวที่ต้องนอนอยู่บนเตียงอย่างนี้

แต่ทางฝ่ายจ่าฝูงสิงโตเมื่อกลับไปยังถ้ำ ก็พบราชินีสิงโตผู้เป็นภรรยาวิ่งขนเป็นกระเซิงออกมาพบ

“ลูกของเราตัวหนึ่งไม่ยอมกินอะไรเลย” มันกล่าว “ข้าไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี แกไม่ยอมกินอะไรมาตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว”

และมันก็เริ่มร้องไห้ตัวสั่นด้วยความเป็นกังวล เพราะมันเป็นแม่ที่ดี ถึงแม้จะเป็นนางสิงโตก็ตาม

ดังนั้นจ่าฝูงจึงเข้าไปในถ้ำดูลูกๆ ซึ่งเป็นลูกสิงโตตัวเล็กๆ แสนฉลาดสองตัวที่นอนอยู่บนพื้น และหนึ่งในนั้นดูไม่ค่อยสบายเลย

แล้วสิงโตก็บอกภรรยาอย่างยโสทีเดียวว่าได้พูดอะไรกับคุณหมอไปบ้าง มันได้ฟังก็โกรธจนแทบจะไล่สามีออกไปจากถ้ำ

“เจ้าไม่เคยมีความคิดเลยสักนิดเดียว!” มันร้องลั่น “สัตว์ทุกตัวตั้งแต่ตรงนี้ไปจนถึงมหาสมุทรอินเดียล้วนแต่พูดถึงคนที่แสนวิเศษผู้นี้กันทั้งนั้น ว่าเขาสามารถรักษาโรคได้ทุกโรคอย่างไรบ้าง และเขาเป็นคนใจดีแค่ไหน เป็นคนคนเดียวในโลกนี้ที่พูดภาษาสัตว์ได้! แล้วทีนี้ ทีนี้ ตอนที่ลูกของเรากำลังไม่สบายพอดี เจ้าก็ต้องเกิดไปทำให้เขาไม่พอใจ! เจ้ามันโง่ที่สุด! ไม่มีใครนอกจากพวกปัญญาอ่อนที่จะไปทำหยาบคายกับคุณหมอที่แสนดีนั่น เจ้านี่...” แล้วนางก็เริ่มดึงทึ้งขนสามี

“กลับไปหาคนขาวคนนั้นเดี๋ยวนี้นะ” นางตะโกนลั่น “ไปบอกเขาว่าเจ้าขอโทษ แล้วก็เอาสิงโตสมองกลวงตัวอื่นไปด้วย แล้วก็พวกเสือดาวกับแอนทีโลปโง่เง่านั่น แล้วทีนี้ก็ทำทุกอย่างที่คุณหมอสั่ง ทำงานให้หนัก! เมื่อนั้นเขาอาจจะใจดีพอจะมาดูลูกให้เราทีหลัง ไปได้แล้ว! เร็วเข้า ปัดโธ่เอ๊ย! เจ้านี่ไม่คู่ควรจะเป็นพ่อเลย!”

แล้วนางก็ไปที่ถ้ำข้างๆ ที่แม่สิงโตอีกตัวหนึ่งอยู่ และบอกนางเรื่องนี้ทั้งหมด

ดังนั้นจ่าฝูงสิงโตจึงกลับไปหาคุณหมอและพูดว่า “ข้าบังเอิญผ่านมาทางนี้พอดี เลยคิดว่าจะแวะเข้ามาดูหน่อย ท่านได้คนช่วยหรือยังล่ะ”

“ยังเลย” คุณหมอพูด “ยังไม่ได้ แล้วผมก็กังวลมากเลยล่ะ”

“คนช่วยหายากนะเดี๋ยวนี้” สิงโตพูด “ดูเหมือนพวกสัตว์ไม่ค่อยอยากจะทำงานกันแล้วเดี๋ยวนี้ แต่ว่าไปก็โทษพวกเขาไม่ได้นะ ...ก็...เห็นว่าท่านลำบาก ข้าก็เลยไม่รังเกียจถ้าจะทำอะไรที่พอทำได้ แค่อยากจะช่วยน่ะ ตราบเท่าที่ข้าไม่ต้องอาบน้ำให้พวกนั้นนะ แล้วข้าก็บอกพวกสัตว์ผู้ล่าอื่นไปแล้วด้วยว่าให้มาช่วยกัน เดี๋ยวพวกเสือดาวก็น่าจะมากันแล้ว... อ้อ แล้วก็นะ เรามีลูกสิงโตป่วยอยู่ที่บ้านตัวหนึ่ง ตัวข้าน่ะไม่คิดว่ามันเป็นอะไรมากหรอก แต่เมียข้าไม่สบายใจ ถ้าท่านผ่านไปทางนั้นเย็นนี้ก็อาจจะเข้าไปดูสักหน่อยได้ไหมล่ะ”

แล้วคุณหมอก็มีความสุขมาก เพราะทั้งสิงโต ทั้งเสือดาว และแอนทีโลป กับยีราฟและม้าลาย เรียกว่าสัตว์ทั้งหมดในป่าและภูเขาและที่ราบทีเดียว ต่างก็มาช่วยเขาทำงานกันทั้งนั้น มีสัตว์มากมายเสียจนเขาต้องส่งบางตัวกลับไป และเก็บพวกที่ฉลาดที่สุดไว้เท่านั้น

และในไม่ช้าพวกลิงก็เริ่มอาการดีขึ้น และพอถึงปลายสัปดาห์บ้านหลังใหญ่ที่มีเตียงมากมายก็ว่างไปครึ่งหนึ่ง และพอถึงปลายสัปดาห์ที่สองลิงตัวสุดท้ายก็หายดี

เมื่อนั้นงานของคุณหมอก็เสร็จเรียบร้อย และเขาก็เหนื่อยจนต้องนอนลงและหลับไปสามวันโดยไม่ได้แม้แต่จะพลิกตัวเลย



Create Date : 19 สิงหาคม 2551
Last Update : 19 สิงหาคม 2551 14:48:34 น. 1 comments
Counter : 483 Pageviews.

 
แง่วววว อ่านถึงคำว่า "เจ้าลิงชีชี"


หนูนึกถึงเพื่อนของขงเบ้ง


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 19 สิงหาคม 2551 เวลา:16:04:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

the grinning cheshire cat
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ปีศาจแมวอายุ 1,700 ปี บำเพ็ญตบะจนแปลงร่างเป็นคนได้ กำลังศึกษาวิถีชีวิตแบบมนุษย์ แต่รู้สึกว่ายากจัง เพราะยังคิดอะไรแบบแมวๆ อยู่เลย
Photobucket LMJ recommends


Photobucket
เต๋าแบบหมีพูห์ (The Tao of Pooh)
Benjamin Hoff เขียน
มนต์สวรรค์ จินดาแสง แปล
มติชน พิมพ์

หนังสือ Tao (หรือ Dao) spin-off ที่ไม่งี่เง่า และคนเขียนรู้จริงจริงๆ ทั้งเรื่องเต๋าและเรื่องหมี

Photobucket
ฅ.คน ฉบับ 41 มี.ค. 52

เจ้าหญิงพอลล่า:
หัวใจเธอมันน่ากราบ
กลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง:
ยังไงปลาทูก็เจ๋งกว่าโรงถลุงเหล็ก
สัมภาษณ์อ. นิธิ เอียวศรีวงศ์:
ฉบับลำแต้ๆ

เมฆาสัญจร
เมฆาสัญจร (Cloud Atlas)
เดวิด มิทเชลล์ เขียน
จุฑามาศ แอนเนียน แปล
มติชน พิมพ์

เหนือคำบรรยาย (เพราะตัดสินใจเลือกคำบรรยายไม่ถูก ฮา)

ยูโทเปีย และ 1984
ยูทเปีย
เซอร์โธมัส มอร์ เขียน
สมบัติ จันทรวงศ์ แปล
1984
จอร์จ ออร์เวลล์ เขียน
รัศมี เผ่าเหลืองทอง
และ
อำนวยชัย ปฏิพัทธเผ่าพงษ์ แปล
สมมติ พิมพ์

หนังสือเปิดหูเปิดตาระดับตัวพ่อ แถมปกสวยระดับตัวแม่อีกต่างหาก โอ๊ว

เทพเจ้าแห่งสิ่งเล็กๆ
เทพเจ้าแห่งสิ่งเล็กๆ
(The God of Small Things)
อรุณธตี รอย เขียน
สดใส แปล
โครงการสรรพสาส์น
ของสำนักพิมพ์มูลนิธิเด็ก พิมพ์

เรื่องเล่าโค-ตะ-ระอัศจรรย์จากอินเดีย

นายธนาคารเพื่อคนจน
นายธนาคารเพื่อคนจน
โมฮัมหมัด ยูนุส เขียน
สฤณี อาชวานันทกุล แปล
มติชน พิมพ์

อัตชีวประวัติฉบับกึ่งสุขกึ่งเศร้า บางครั้งก็เกือบเคล้าน้ำตา ของหนุ่มนักเรียนนอก กับธนาคารหลังคามุงหญ้า (บานประตูก็ไม่มี) ของเขาและลูกศิษย์ ที่หาญกล้าพุ่งชนทุกอย่างเพื่อให้ผู้หญิงจนๆ จำนวนมากในบังคลาเทศยืนหยัดด้วยขาของตัวเองได้

(อันที่จริงเราควรจะแนะนำว่า นี่เป็นหนังสืออัตชีวประวัติของนักเศรษฐศาสตร์ที่แก้ปัญหาความยากจนในบังคลาเทศจนได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2006 แต่ม่ายอ่ะ ทำงั้นแล้วจะได้อะไร คุณจะรู้เหรอว่าหนังสือเล่มนี้ทั้งสนุกเป็นบ้าและ insightful ขนาดไหน กริๆ)



I'm reading




Potjy's currently-reading book recommendations, reviews, favorite quotes, book clubs, book trivia, book lists


100+ TBR 2010



2010 reading goal

Friends' blogs
[Add the grinning cheshire cat's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.