ครูบ้านนอก #1 จุดเริ่มต้นของการเป็นครู
ตั้งแต่เป็นเด็กมา...อาชีพครูไม่เคยอยู่ในสายตาเลย บอกตรงๆ

ตอนจะสอบเข้าเรียนต่อระดับอุดมศึกษา สอบวิชาความถนัดทุกวิชา ยกเว้น...วัดแววครู เพราะชาตินี้อีอังจะไม่เป็นครูเด็ดขาด...เนื่องจากกลัวกรรมตามสนอง...เพราะ...ตอนสมัยเป็นนักเรียน กวน...ครูไว้เยอะ ด้วยความที่เป็นคนร่าเริงเกินพิกัด ช่างพูดช่างคุย เฮฮาบ้าบอไปวันๆ

แล้ววันนี้...อีอังมาเป็นครูได้ไงก็ยังสงสัยตัวเอง...

ชีวิตมันต้องมีจุดเปลี่ยน....

หลังจากเรียนจบ บัณฑิตตัวน้อยๆ(?) ก็ก้าวออกจากโลกวัยเรียน ไปสู่โลกแห่งการทำงาน...ที่โหดร้ายจริง เจ็บจริง ไม่ใช่สแตนด์อิน ไม่ใช่สลิง เรื่องจริงล้วนๆ 

มันเริ่มจากบัณฑิตดีกรีเกียรตินิยม(แม้จะแค่อันดับสองก็เถอะ) ภาษาไทยโอเคมาก ภาษาอังกฤษพอใช้ได้ (เพิ่งไปสอบIELTSแบบงงๆ คือแทบไม่ได้นอน หนังสือแทบไม่ได้อ่าน ทำงานให้นาย เช้าปุ๊บไปสอบปั๊บ ได้มา 5.0แบบเฉียดฉิว ฟู่!) แถมได้ภาษาเกาหลีนิดหน่อย (อันนี้เกิดจากการสนองตัณหา อยากเรียนเอง อีอังมันบ้าเกาหลี!) ระดับที่ไปอยู่โน่นแล้วไม่อดตาย (เยี่ยม!) ตกงาน

ตกงาน

ใช่แล้ว อ่านไม่ผิดหรอก ตกงาน...ดังนั้นจึงไล่ส่งจดหมายสมัครงานไปเรื่อยๆ แล้วไปได้งานที่บริษัที่เพื่อนทำอยู่ เลยเข้าไปทำก่อน เอาวะ อย่างน้อยก็ได้ทำงานกับเพื่อน....ปรากฏ เพื่อนทำงานกับเราได้เกือบๆสองสัปดาห์ เพื่อนลาออก...

โลกนี้มันช่างเฟ้งฟ้าง....สิ้นดี 

ขณะที่กำลังเคว้งอยู่นั้น เราก็ไปดึงเพื่อนอีกคนมาทำงานด้วย แต่ทำงานไปแล้ว เราสองคนเริ่มรู้สึกไม่โอเคกับงานที่ทำ...ความห่างไกลบ้าน ความโดดเดี่ยว ความเครียด ผสานกันเป็นมวลสารที่หนักอึ้ง...ทำงานบางทีก็โอฟรี บางทีก็โอที...เพื่อนเราชิงลาออกไปตอนบริษัทปิดปีใหม่...

เราเองก็คิดเรื่องลาออกอยู่หลายครั้ง อะไรหลายๆอย่างที่เราเจอมันไม่โอเคอ่ะ มันไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ แต่ก็ต้องขอบคุณที่ทำงานเก่า ที่ทำให้เราค้นพบตัวเองว่า...เรามีความสุขมาก ที่ได้พูด ได้ถ่ายทอดข้อมูลความรู้ที่เรามี ให้กับคนอื่น อยากพูดทุกวัน พูดตลอดเวลา (คนบ้าแล้วแบบนั้น - -)

และแล้ว เช้าวันหนึ่ง หลังจากนอยด์งานมาทั้งสัปดาห์ โหยหาบ้านเป็นที่สุด ชีวิตช่วงทำงานทำให้ได้ซึ้งถึงคำว่า "บ้านคือวิมาณของเรา" รุ่งขึ้นจึงโทรไปหาแม่

"แม่...หนูอยากเป็นครู" ประโยคนี้แหละที่เปลี่ยนชีวิตอีอัง

แม่จ๋าจัดการหาข้อมูลมา พบว่า ทางพื้นที่การศึกษากำลังเปิดรับสมัครบุคลากรทางวิทยาศาสตร์ ถ้าเป็นตามโรงเรียนใหญ่ๆ ก็ไปเป็นนักวิทยาศาสตร์นั่นแหละ แต่ถ้าโรงเรียนเล็กๆ...ก็เป็นครูอัตราจ้างดีๆนี่เอง

แม่จ๋าบอกเขารับสมัครกันที่หนองแขม ให้กลับบ้านมาเลย...อีอังก็นึกว่าต้องไปเอาทะเบียนบ้านที่บ้านก่อน แล้วก็ถ่อตีรถกลับมาที่หนองแขม ที่กรุงเทพฯ หนองแขม ช่องสามอะไรตรงนั้นนั่นแหละ....

ตอนนั้นเป็นเวลา เก้าโมงแล้ว...เวรแล้วไง ขับรถกลับบ้าน 2 ชั่วโมง ต้องขอใบรับรองแพทย์อีก เดี๋ยวต้องตีรถกลับกรุงเทพฯอีก 2 ชั่วโมง...แล้วที่ที่รับสมัคร (ตอนแรกยังไม่รู้ว่าเป็นเขตพื้นที่การศึกษาแถวบ้าน จำได้แต่หนองแขมอย่างเดียว) ปิดสี่โมงเย็น....แม่ก็โทรมาเร่งว่าออกมาหรือยัง...

เราจะลาไปโดยเคลียร์งานยังไม่เสร็จไม่ได้ รีบเคลียร์งานสุดชีวิต เสร็จตอนสิบโมงกว่าๆ สภาพการแต่งตัว (แต่งไปทำงานปกติน่ะ) คือกางเกงยีนส์ เชิ้ตขาว รองเท้าแตะ เดชะบุญว่าติดส้นสูงสีดำไว้ในรถหนึ่่งคู่ รีบบึ่งรถกลับหอ คว้ากระเป๋าเอกสาร แล้วขับรถเร็วสุดในชีวิต ถึงโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัด จากปกติขับสองชั่วโมงกว่าถึงสามชั่วโมง...แต่วันนั้นจำได้ว่า ชั่วโมงกว่าๆถึงแล้ว

ปกติเราเป็นคนขับรถช้า เพราะกลัวน้ำมันหมด ขับแค่ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเอง วันที่รีบที่สุดคือ ต้องไปงานตัดสินรางวัล...เขานัดนำเสนอตอนสิบโมงครึ่ง ที่งามวงศ์วาน แต่ตอนสิบโมง อีอังยังอยู่บริษัทแถวๆบางนา-ตราดอยู่เลยจ้า ขับวีออส(แม่ให้ แม่ขับมาสี่ปีไม่มีรอย อีอังขับสี่เดือน รอยรอบคัน) เหยียบเร็วสุดนชีวิต ปกติ120 km/hก็หัวใจจะวายแล้ว แต่วันนั้นขับไป 130 km/h เพื่อนนั่งตัวเกร็ง...แต่อีอังเกร็งกว่า สัญญากับตัวเองเลยว่า หนูจะไม่ขับรถเร็วเกินนี้อีกแล้วค่าาาา T T 

แต่วันที่กลับไปสมัคร ก่อนออกจากหอก้กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอให้ไปทันและปลอดภัย... ความเร็วตลอดทางไม่ต่ำกว่า 130 km/h บางช่วง 160 km/h แต่ ณ ขณะนั้น ไม่กลัวเลย กลัวไม่ทันอย่างเดียว (เพราะคิดว่าต้องกลับกรุงเทพไง) ในใจคิดว่า เอาวะ ตายเป็นตาย พลาด...ก็ตาย ถ้าฉันยังมีชีวิตรอด ฉันต้องได้เป็นครู!!

ตั้งแต่วันนั้น ไม่เคยทำความเร็วได้แตะ 160อีกเลยนะ เพราะมันไม่มีแรงขับดันมั้ง ไม่มีแรงปรารถนาอันแรงกล้าให้กล้าทำแบบนั้นอีก (ยกเว้นตอนไปแต่งหน้ารับปริญญา ตื่นสาย เหยียบไป 150 น้องเอาไปฟ้องแม่ โดนว่าเลยจ้าาาาา -o-")  

พอได้ใบรับรองแพทย์เสร็จ ไปถึงจุดนัดหมาย...ก็ได้นั่งพักกินข้าวมื้อแรก ตอนประมาณเกือบๆบ่ายโมง... แล้วแม่ก็ขับรถนำไปยังที่รับสมัคร...

มันคือหนองแขมแถวบ้านดิฉันเอง.... (คือเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ นอกจากบ้านแล้วไม่รู้จักที่อื่นเลย - -) ห่างจากจุดนัดพบไม่เกิน 10 กิโลเมตร....

ตลอดทางที่ขับไปยังที่สมัครมีแต่คำถามในหัวดิฉัน...แล้วเอ็งจะรีบทำไมวะ ปริญญาก็ยังไม่ได้รับ แฟนก็ยังไม่มี สามีก็หาไม่ได้ พรหมจรรย์ทางใจและทางกายก็ยังไม่ได้เสีย...โว๊ะ ตายไปเสียดายตายหอง... แต่เอาเถอะ มาถึงแล้ว

สมัครเสร็จสรรพ เลือกอันดับหนึ่งเป็นโรงเรียนวัดแห่งหนึ่ง เลือกเอาใกล้บ้านสุด วิธีการสอบ...เนื่องจากเป็นการสอบรอบสองและรับด่วน จึงใช้การสัมภาษณ์อย่างเดียว โดยนัดสัมภาษณ์วหลังจากนั้นสองวัน...

ผู้เข้าสอบ...สิบเอ็ดท่าน แต่รับเจ็ดคน...มีคนจากโครงการอะไรซักอย่าง ที่ต้องรับอยู่แล้ว สองคน คิดไปคิดมา สรุป ตำแหน่งยังว่างอีกห้าคน กับผู้สมัครเก้าคน.....

อีอังสัมภาษณ์คนสุดท้าย หิ้วเอาแฟ้มสะสมผลงานตอนม.ปลายที่เพิ่งค้นเจอไปด้วย แฟ้มงี้กรอบเชียว.. สัมภาษณ์ประมาณ ห้านาทีได้...ข้อดีของเราอย่างเดียวคือ...จบตรงสาขาที่เขาต้องการ...ประสบการณ์การสอนก็ไม่มี ครูก็ไม่ได้เรียน (แต่หาข้อมูลมาบ้าง)

ในใจคิดว่าไม่ได้แน่ ไปร่ำร้องรำพัน ขับรถไปร้องไห้ไป...ดราม่าเวิ่นเว้อ....

สุดท้าย สอบติดซะงั้น อันดับหกจากเจ็ด...วางแผนเขียนใบลาออกแล้ว กะว่าจะลาออกซักเดือนหน้าแล้วกัน ผลประกาศวันศุกร์ นัดทำสัญญษและเริ่มงานเลยวันจันทร์...ห๊า....

วันเสาร์ต้องเคลียร์งานทั้งหมด แล้วก็ได้พบว่า...นี่ฉันทำงานอะไรนักหนาวะเนี่ย...เขียนใบลาออกพร้อมแนบหนังสือราชการ และทิ้งเบอร์ส่วนตัวไว้ หากขัดข้องอะไร หรืออยากจะโทรมาต่อว่าต่อขานกันก็เชิญ...(อีกเหตุผลที่ลาออกคือ ที่ออฟฟิศชักแปลกๆ มีพี่คนนนึง ทำงานเก่งมาก เซฟผลประโยชน์ของบริษัทโคตรๆ แต่แกพูดจาโผงผาง นายและภรรยาไม่ปลื้ม หัวหน้าก็ไม่ปลื้ม โดนบีบออก เราก็ค่อนข้างสนิทด้วยอ่ะนะ พี่หัวหน้างานของพี่คนที่ลาออกไป พอมือดีออก ก็ทำงานไม่ไหว โดนนายว่าอย่างรุนแรง น้อยใจ หนีหายไปเลย...แล้วตลอดการทำงานของเรา ทำงานพลาดเยอะมาก งานใหญ่ด้วย...อยู่อย่างหวั่นใจ จะถึงคิวดิฉันเมื่อไหร่ พอมีทางไปก็เลยออก ทั้งที่กำลังจะผ่านโปรนี่แหละ ดูเป็นคนแย่ๆ ไม่สิ เป็นคนแย่ๆเลยล่ะ)

ทุกวันนี้ก็ยังมีบ้างที่พี่ที่เค้าดูแลเรื่องต่อโทรมาถามงาน แต่เราก็รับนะ ไม่เปลี่ยนเบอร์หนี ไม่เคยไม่รับ อย่างน้อยที่นี่ก็สอนอะไรหลายอย่างให้เราอยู่ แต่คนอย่างเรามันไม่ดีเองแหละ ใจเสาะเอง

เดี๋ยวค่อยมาเล่าต่อดีกว่าว่า...โรงเรียนเราเป็นอย่างไร และวันๆครูอัตราจ้างบ้านนอกอย่างเราเขาทำอะไรกัน



Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2556 9:43:47 น.
Counter : 789 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แม่นางคำ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เป็นคนปกติ อาการสามสิบสอง หน้าตาไม่ดี รูปร่างไม่ดี อะไรก็ไม่ดี แต่ปากดี ใจดี หัวดี (อ๊ะ หลงตัวเองว่ะ) กวนประสาทดี อืม ตามนั้น
กุมภาพันธ์ 2556

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28