Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
16 พฤศจิกายน 2554
 
All Blogs
 

Republic of 2PM ภาคปฐมวัย








Republic of 2PM แต่เดิมถือเป็นราชอาณาจักร แต่ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกลแห่งปฐมจักรพรรดิ์(ซึ่งนับขึ้นไปได้เพียงสาแหรกเดียวแค่นั้นเอ๊ง) จึงทำการเปลี่ยนแปลงราชอาณาจักรแห่งพระองค์เป็นสาธารณรัฐโดยยังคงซึ่งอำนาจแห่งราชวงศ์ไว้คานอำนาจของระบบรัฐสภา



ฉะนั้นความวุ่นวายในสาธารณรัฐแห่งนี้จึงเป็นดั่งเงาในน้ำ ราวกับจะเห็นแต่จับต้องไม่ได้ให้เป็นที่กังวลของฝ่ายปกครองเสมอมา เพราะแม้ในหมู่พสกนิกรก็ยังคงไว้ซึ่งความจงรักในราชวงศ์อย่างไม่เคยแปรเปลี่ยน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเหล่าเจ้าชายพระองค์น้อยกำลังเติบโตงดงามให้ชวนหลงใหลมากยิ่งขึ้นทุกวัน



พระไอยกาหรือที่มักถูกคนในวังเรียกขานว่า ‘ท่านปู่น้อย แห่ง แดกู’ นั้น ความเป็นมานั้นชวนสับสนไม่น้อย

ความเป็นมาที่พอจะได้รับคำยืนยันมีเพียง...


เด็กน้อยตัวป้อม เดินลากขาสั้นๆส่ายอาดๆขึ้นไปยังเนินดอกท้อนั้นกลายเป็นภาพชินตาของชาวเมืองแดกู

ต้นท้ออายุนับร้อยปีนั้นถูกคุณหนูซูหรือหนูจุนดยูของคนในหมู่บ้านโมเมว่าเป็นของตัวเองมาตั้งแต่รู้ความว่าก่อนที่ตนจะถือกำเนิดนั้น คุณย่าได้ฝันไปว่าขึ้นไปเก็บลูกท้อบนเขา เพราะฉะนั้นต้นท้อของหมู่บ้านจึงถูกคุณหนูซูอ้างความเป็นเจ้าของมานับตั้งแต่นั้น(เรียกว่ารู้จักโกงมาตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยก)

จนมาถึงวันที่หนูซูอายุได้สามขวบพอดิบพอดี ขณะที่กำลังเดินไปยังเนินดอกท้อตามปกติ ทันใดนั้นตัวอ้วนป้อมของซูก็ถูกหิ้วปีกดิ้นกระแด่วๆไปวางแหมะตรงหลังอาชาด้วยฝีพระหัตถ์แห่งพระจักรพรรดิผักผู้เป็นพี่ชายโลดแล่นสู่วังหลวง

มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงประวัติความเป็นมาของเจ้าชายพระองค์น้อยองค์นี้มากมาย แต่ก็ไม่มีเรื่องใดได้รับการยืนยัน ผู้ที่รู้ประวัติแน่ชัดของซูนั้นมีเพียงเสด็จพ่อของพระจักรพรรดิผักเพียงองค์เดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้นแม้แต่ตัวเจ้าชายน้อยเองก็ยังงุนงงกับประวัติความเป็นมาของตัวเองไม่น้อย



สมัยยังเด็ก เจ้าชายน้อยแห่งแดกูนั้นค่อนข้างเงียบขรึม ไม่ค่อยเล่นหัวกับใคร จนมาวันหนึ่ง ณ โรงเรียนอนุบาลแพนด้าน้อย เจ้าชายซูก๋าเดินล้วงกระเป๋าอย่างเหงาๆไปจนถึงเนินลูกท้อหลังโรงเรียน แต่กลับไปเจอเด็กผู้ชายคนหนึ่งนอนหลับปุ๋ยตัวงออยู่ใต้ต้นท้อที่ประจำของตัวเอง แถมยังเป็นเจ้าแทคเด็กทโมนข้างห้องที่ทรง(แอบ)ไม่ถูกชะตาอีกต่างหาก

ซูรู้สึกโกรธขึ้นมาทันทีที่เห็นว่าเจ้าแทคบังอาจมาแย่งสถานที่พิเศษของตัวเอง จึงคว้าเศษไม้เขี่ยไปที่พุงแทค แต่แทคก็แค่ขยับอย่างรำคาญเพียงแค่นิดเดียว ซูก็เลยยิ่งโมโหหนักขึ้นมาอีกหน่อยจึงใช้เท้าป้อมๆเตะก้นแทคด้วยแรงเท่าที่ตัวเอง(จะพอ)มี แต่เด็กผู้ชายคนนั้นก็ช่างขี้เซาเหลือกำลัง เอาแต่เกาก้นตัวเองยิกๆ ไม่ยอมลืมตาตื่นสักที

“ฉันเหนื่อยแล้วนะ!!!” ซูหอบแฮกเพิ่มเสียงเอคโค่ตามความโกรธที่ตามมาเป็นริ้วๆ

ออกแรงเพียงแค่นี้ก็ถือว่ามากโขแล้วสำหรับเด็กจอมอู้อย่างเจ้าชายน้อยแห่งแดกู


ซูเริ่มรู้สึกจนปัญญาแถมยังเหนื่อยซะขนาดนี้จึงทรุดตัวนั่งข้างๆอย่างไม่รู้จะทำอะไรต่อ ขณะกำลังพักหอบอยู่นั้น เสียงกรนเป็นจังหวะแรพก็ดังขึ้นให้ต้องหันไปมอง

“ขาใครมันจะยาวแบบนี้” ซูเริ่มพาลด้วยความอิจฉาเมื่อลองยื่นขาป้อมๆของตัวเองไปทาบดู ก็พบว่าขาตัวเองยาวแค่ครึ่งเดียวของไอ้เด็กขี้เซาคนนี้ หัวใจดวงน้อยเริ่มปั่นป่วนด้วยความไม่พอใจที่เพิ่มมากขึ้นทุกวินาที จึงตัดสินใจคิดใช้มาตรการขั้นสุดท้าย

“เฮ้! เย่ห์! เฮ้!!! เฮ้!!!!!...นายน่ะ...เฮ้!!!!” ซูกะใช้ไม้เด็ดของตัวเองคือเสียงดังฟังชัดระดับทะลวงเขาสามลูกที่เคยตะโกนเล่นเป็นประจำสมัยอยู่แดกู แต่เจ้าเด็กขี้เซาก็ทำเพียงแค่กลิ้งหนีสามตลบไปซบกับโคนต้นท้อซะงั้น

เจอแบบนี้เข้าไปเจ้าชายน้อยแห่งแดกูก็ได้แต่หันซ้ายหันขวาไม่รู้จะทำอะไรถูก ทันใดนั้นเองก็เผอิญหันไปสบตากับเจ้าแมวอันธพาลตัวดำที่กำลังย่องเข้ามาขโมยปลาทอดอาหารกลางวันของตัวเองเข้าพอดี ความโกรธยิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณ

“แม้แต่แมวยังแกล้งฉันหรือเนี่ย!!!” ซูคำรามพร้อมกระโจนตัวลอยเข้าล็อคคอเจ้าแมวขโมยไว้อย่างเหมาะเหม็งเต็มมือ

พลังแฝงเจ้าชายแพนด้าช่างน่ากลัวไม่น้อย


เจ้าแมวดำห้อยต่องแต่งอยู่ในกำมือ ซูหัวเราะเย้ยแมวซะจนลูกท้อยังต้องร่วงตกจากต้น แต่กลับไม่สะเทือนเจ้าเด็กขี้เซาคนนั้นอยู่ดี

ซูมองแทค แล้วหันกลับมามองเจ้าแมวในกำมือ แล้วหันไปมองแทคอีกที เมื่อหันกลับมามองเจ้าแมวดำอีกครั้ง มุมปากเด็กน้อยก็เริ่มขยับ ตาเรียวยาวดั่งรูปทรงปลาโทโร่ก็ฉายแววเจ้าเล่ห์

ซูจัดการขยุ้มอกแมวอย่างแรงจนมันร้องแง้ววววววว แล้วโยนเจ้าแมวที่เริ่มโกรธจนหนวดกระดิกลอยตัวปลิวตกไปเกาะปุ๊บลงแหมะที่หน้าแทค
ทั้งโกรธทั้งตกใจ เจ้าแมวเหมียวกางกรงเล็บข่วนไม่ยั้งไปรอบดวงตาของแทค

แทคสะดุ้งโหยงกระโจนพรวดลุกขึ้นพลางร้องลั่น พยายามแกะเจ้าแมวขี้โมโหออกมาจากหน้าตัวเองให้ได้แต่ก็ไม่ได้ผลแม้แต่น้อย แม้จะพยายามสะบัดหมุนไปหมุนมาเพื่อเหวี่ยงให้หลุดแต่เจ้าแมวกลับยิ่งตกใจจนเกาะแน่นยิ่งขึ้น


ส่วนซูเองก็ตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าไม่น้อย ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้นมา โดยไม่ต้องคิดซูถลาเข้าไปขยำก้นจนเจ้าแมวเหมียวร้องแง้ววววอีกที แล้วจัดการกระชากเหวี่ยงแมวกระเด็นวิ่งหนีจู๊ดไป

ซูหอบแฮก แฮก ในใจคิดว่าตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยต้องใช้แรงเยอะขนาดนี้มาก่อนเลยสักครั้งนะเนี่ย จึงหันไปค้อนขวับตัวต้นเหตุแต่กลับต้องสะดุ้งเฮือก

แทคยืนยิ้มแฉ่ง โดยรอบดวงตาเต็มไปด้วยรอยข่วนแมวอันชวนสยองอย่างที่สุดโดยเจ้าตัวไม่รู้ตัวเล้ย


“ขอบใจนะที่นายช่วยเราไว้” แทคเข้ามาตบบ่าซูดังป้าบ

ทำเอาเจ้าชายน้อยได้แต่ยิ้มเจื่อนๆทำตัวไม่ถูก ทั้งๆที่เป็นคนลงมือแกล้งแท้ๆแต่ไอ้นี่ไม่เฉลียวใจเลยรึ แถมยังมีหน้ามาขอบใจอีกต่างหาก ทำให้ซูชักรู้สึกว่าแทคช่างเป็นคนใสซื่อ ไม่เอาเรื่องเอาราวกับใคร เมื่อคิดได้ดังนั้นหัวใจเจ้าเล่ห์ดวงน้อยๆของพระองค์จึงตกลงปลงใจมอบความเป็นเพื่อนสนิทให้แก่แทคโดยจำเป็นต้องร้องขอความยินยอมจากเจ้าตัว


และจนถึงทุกวันนี้แทคก็ยังไม่เคยรู้ความจริงในเรื่องนี้ ยามเมื่อเห็นรอยแมวข่วนรอบดวงตาทุกครั้งที่ยิ้มก็มักสำนึกในบุญคุณของซูในวันนั้นไม่เคยจางหาย

ส่วนเจ้าชายน้อยก็ปิดปากเงียบ เก็บความลับนี้ไว้อย่างดีเยี่ยมเพื่อเอาไว้เป็นไพ่เหนือกว่าเพื่อคอยทวงบุญคุณให้แทคคอยตามใจตัวเองมาโดยตลอด(ทรงเหลือร้าย และร้ายเหลือ)



สรุปก็คือทั้งคู่กลายเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่วันนั้นด้วยความร้ายกาจของเจ้าชายน้อยแห่งแดกูและความซื่อจน...เฮ้อ!ของแทค


และนี่เองคือสาเหตุที่ทำให้แทคกลัวแมวและสัตว์มีขนจนขึ้นขมอง แถมอดีตฝังใจนี้เองนำพาจิตใต้สำนึกของแทคให้เอาแต่วาดรูปแมวไว้แทนตัวเอง จนคิดจะเอามาทำเป็นการใหญ่เพื่ออนาคตของตัวเองและชาติบ้านเมือง



ตระกูลอ๊คนั้นถือว่าเป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยยังเป็นราชอาณาจักร ปู่ทวดของแทคนั้นเคยดำรงตำแหน่งมหาอำมาตย์ชั้นเอก จนมาถึงคุณปู่ก็ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐ 2pm มาตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองและตำแหน่งอันทรงซึ่งเกียรติและอำนาจนี้ก็สืบทอดตกเป็นของคนในตระกูลอ๊คมาจนถึงทุกวันนี้


แทคนั้นเป็นเด็กร่าเริงแจ่มใส เป็นที่รักและเป็นจุดศูนย์กลางของเพื่อนๆ แม้จะชอบเล่นสนุกแต่ก็ฉลาดเฉลียวสอบได้ที่หนึ่งเป็นประจำไม่เคยขาด

เจ้าชายน้อยแห่งแดกูในฐานะปวารณาตัวเองเป็นเพื่อนรักที่สุดของแทคจึงขอเอาเปรียบโดยขอลอกการบ้านแทคอยู่เป็นประจำซึ่งแทคก็ยอมแต่โดยดี


ก่อนเวลาเข้าเรียนยามเช้า...
เจ้าชายแพนด้าจะแว่บเข้าไปที่ห้องเรียนของแทค ช่วงแรกๆยังพอมีความขัดเขิน(บ้าง)จึงทรงรีๆรอๆเดินไปรอบตัวแทคที่ฟุบหลบอยู่บนโต๊ะเรียนอยู่เป็นประจำ

“แทค...แทคคุ นายทำการบ้านมาหรือเปล่า” ซูก๋ากระซิบเบาๆที่ข้างหู แต่แทคก็ตอบสนองเพียงเสียงอื้ออ้า เจ้าชายจึงทรงเอื้อมไปเขย่าตัวแต่มันก็เปล่าประโยชน์อยู่ดี


ซูก๋าเริ่มรับรู้ถึงความขี้เซาของแทคมากขึ้นทุกวัน
จึงทรง...
มือน้อยๆพยายามดึงกระเป๋านักเรียนที่แทคนอนทับอยู่บนโต๊ะออกมาทีละนิด จนถึงแรงสุดท้ายก็เผลอดึงเต็มเหนี่ยวทำเอาหน้าแทคลอยขึ้นมาตามแรงแล้วตกลงฟาดกับพื้นโต๊ะดังพลั่ก

ซูมองตาโต อ้าปากค้างด้วยความตกใจที่ครานี้ขอรับรองด้วยเกียรติแห่งแดกูว่าไร้ซึ่งเจตนาหรือมีความจงใจแม้สักนิดที่จะทำร้ายเพื่อนรักคนนี้อย่างแน่นอน

ฟันซี่หน้าของแทคเจาะเข้าไปกับพื้นโต๊ะไม้ จากนั้นดวงตาก็ค่อยลืมตื่นขึ้นอย่างง่วงงุนงงโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย

เจ้าชายน้อยมือไม้อ่อนปล่อยกระเป๋านักเรียนแทคหล่นตุ้บไปกับพื้น รีบผวากระโดดตุ้บขึ้นไปบนโต๊ะ พร้อมสองเท้าอ้วนป้อมถีบเข้าที่สองไหล่ของแทคเต็มแรงจนแทคลอยตัวปลิวหน้าหงายล้มกลิ้งไปกับพื้น งัดฟันแทคหลุดออกมาจนได้

เจ้าชายน้อยพับไปทั้งตัว หายใจหอบ ‘ตั้งแต่เกิดมานายทำให้ฉันต้องใช้แรงเยอะที่สุดในชีวิตเป็นครั้งที่สองแล้วนะเฟ้ย’

แต่เมื่อหันไปค้อนขวับตัวต้นเหตุก็ต้องสะดุ้งโหยงด้วยความสยอง
ฟันบนทั้งแถบของแทคยื่นออกมาเป็นแผงพร้อมรอยยิ้มกว้างตามเคย


“นายช่วยฉันไว้อีกแล้วนะ” แทคเข้ามาตบบ่าซูด้งป้าบ โดยไม่เฉลียวใจเลยว่าความซวยที่ผลุดขึ้นกับตัวเองไม่หยุดหย่อนนั้นล้วนแล้วแต่เกิดด้วยฝีมือซูก๋าน้อยแห่งแดกูแต่เพียงผู้เดียว

คราวนี้เจ้าชายน้อยไม่ทรงอิดออดละอายใจ(อีกแล้ว)รีบแอบอ้างบุญคุณ(ที่ไหน)

“นายนี่ไม่ไหวเลยนะ ถ้าไม่มีฉันนายจะมีชีวิตแบบไหนกันเนี่ย” เจ้าชายทรงบ่นเสียงระอา พร้อมตบท้ายเอาดื้อๆ “งั้นเอาสมุดการบ้านนายมาทีสิ”

และจากวันนั้นทุกเช้า
เจ้าชายน้อยจะเข้ามานั่งลอกการบ้านโดยมีแทคนอนกรนอยู่ข้างๆจนกลายเป็นความเคยตัว เอ๋ย เคยชิน



แทคนั้นมีสายตากว้างไกลมาตั้งแต่เด็กและสำนึกเสมอมาตั้งแต่ยังเด็กว่าสักวันตนต้องก้าวขึ้นมารับหน้าที่ต่อจากพ่อในตำแหน่งประธานาธิบดีคนต่อไป ทำให้ยิ่งต้องขวนขวายหาความรู้อย่างไม่หยุดหย่อน


ความฝันยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตที่แทคคาดหวังว่าจะต้องทำให้สำเร็จในมือตัวเองก็คือ การเปลี่ยน Republic of 2PM ให้กลายเป็น Republic of OKCat

โดยมีตรารูปเหมียวอ๊คที่ตนเองออกแบบไว้ผงาดไปทั่วโลกที่ทุกผู้ทุกคนต่างต้องหลงใหลคลั่งไคล้

‘ไม่ใช่ความฝัน แต่คืออุดมการณ์ที่ต้องก้าวไปให้ถึง’ นี่คือความมุ่งมั่นไม่เคยแปรเปลี่ยนของประธานาธิบดีอ๊คแทค


ดังนั้นเมื่อจบชั้นอนุบาล แทคจึงคิดเปลี่ยนไปเรียนยังโรงเรียนประถมอินเตอร์คิทแคทแทน

เมื่อซูรู้เข้าก็ไม่ยินยอมและหาทางขัดขวางเพราะกลัวเพื่อนจะเปลี่ยนไป(หรือก็คือหวงเพื่อนนั่นเอง) แถมแล้วใครจะให้ลอกการบ้านอีกล่ะ

แม้จะใช้บุญคุณ(ที่ไหน)เข้ากดดัน แต่คราวนี้แทคกลับไม่ยอมใจอ่อน
ทำให้ซูต้องเป็นฝ่ายยอมอ่อนข้อเอง ด้วยการจะขอย้ายตามแทคไป
แต่ทว่า...ความหลงใหลในแพนด้าของเจ้าชายน้อยนั้นมากเกินจะจินตนาการไปได้ ทำให้ทรงไม่อาจตัดใจไปจากอนุบาลแพนด้าได้

เจ้าชายน้อยแห่งแดกูร้องไห้โฮไปยอมปล่อยมือแทค แทคทำได้แต่ปลอบว่าจะกลับมาเยี่ยมบ่อยๆ

“สัญญานะ นายสัญญาแล้วนะ อย่าผิดคำพูดล่ะ” ซูเช็ดน้ำตาป้อยๆ สะอึกสะอื้นทวงสัญญา “แล้วฉันก็จะไปหานายนะ”

เพื่อนรักสั่งเสียกันยืดยาว แต่ปรากฏว่าโรงเรียนอินเตอร์คิทแคทนั้นอยู่ห่างจากโรงเรียนอนุบาลแพนด้าแค่เพียงหายใจเฮือกเดียว(ฮ่วย)


ดังนั้นทุกเย็นตอนเลิกเรียน เจ้าชายน้อยจะมายื่นสมุดการบ้านให้แทคเอากลับไปทำที่บ้าน

แทคทำหน้างงๆแต่ก็รับมาโดยอัตโนมัติ

“ฉันคงลอกการบ้านแทคไม่ได้อีกแล้ว เพราะเราคงเรียนไม่เหมือนกันแล้วสินะ” ซูก๋าทรงฉลาดเฉลียวเป็นที่สุดกับเรื่องขื้โกงแบบนี้ “เพราะฉะนั้นนายก็กลับเอาไปทำให้ด้วยละกัน พรุ่งนี้เช้าฉันจะมารอเอานะ”

ก่อนจากไป ซูก๋าหันมาบอกด้วยทีท่าเป็นบุญเป็นคุณใหญ่โต “นายจะได้ยิ่งมีความรู้สองเท่า ฉลาดเพิ่มมากไปกว่าเดิมไงล่ะ เหมือนเรียนทีเดียวพร้อมกันสองโรงเรียนเลยนะ... นี่ฉันยอมเสียสละเพื่อนายขนาดนี้เลยนะเนี่ย” เจ้าชายน้อยทำเสียงเล็กเสียงน้อยสำเนียงแดกูทวงบุญคุณตบท้ายก่อนโบกมือหยอยๆเดินจากไปอย่างสบายอารมณ์

ส่วนแทคได้แต่ยืนมองสมุดการบ้านของเพื่อนรักตัวแสบในมือตัวเอง พร้อมความรู้สึก.......


และจากวันนั้นแม้เจ้าชายน้อยซูก๋าจะขึ้นชื่อว่าเป็นเด็กแพนด้า แต่ก็แอบเข้าไปแฝงตัวที่โรงเรียนอินเตอร์คิทแคทเป็นประจำทุกวันจนเขาต่างพากันคิดไปว่าเป็นเด็กแมวเหมียวไปซะแล้ว


แทคเมื่อก้าวไปสู่โรงเรียนอินเตอร์คิทแคท ก็อยู่ในระดับเด็กหัวกะทิอย่างไม่ยาก ความคร่ำเคร่งทางด้านวิชาการมากขึ้นทุกวัน มีความรู้อีกมากมายที่ต้องขวนขวายเพื่อเป้าหมายดังตั้งหวังไว้

ส่วนเพื่อนจอมวุ่นวายอย่างซูก๋าที่ชอบมาป้วนเปี้ยนตามตอแยไม่ห่างพักนี้ก็มักหายหน้าไปรวมกลุ่มกับเด็กนิวยอร์คเกอร์ คุยเรื่องดนตรีฮิพฮอพแทนซะงั้น


พักเที่ยง แทคเดินง่วงๆกะหาที่เงียบๆงีบสักหน่อย
ประตูโรงพูลนั้นฝืดจนต้องใช้แรงดันไม่น้อย เสียงเอี้ยดดังสะท้อนจนทั่วโถงทางเดิน



แสงแดดส่องสะท้อนจากฝ้าเพดานเป็นสายจับลงยังเด็กน้อยคนหนึ่งที่ยืนอยู่ พร้อมไม้พูลในมือข้างหนึ่ง เด็กน้อยคนนั้นผิวขาวราวกับหิมะแรก ดวงตากลมโตใสแจ๋วจ้องมองนิ่งมา ริมฝีปากแดงจัดไม่ต่างจากลูกเชอร์รี่ ผมสีดำสลวยตกคลุมใบหน้าจนไม่อาจแยกออกว่าเป็นเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชาย

‘น่ารักซะขนาดนี้ ก็ต้องเป็นผู้หญิงสิ จะเป็นผู้ชายได้ไง’ แทคคิด แล้วก็ยิ้มขัดเขินจนรอยข่วนแมวรอบดวงตาเป็นรอยชัดขึ้น

“เธอเล่นพูลเป็นด้วยเหรอ” แทคถามพร้อมเดินเข้าไปใกล้
เด็กคนนั้นขมวดคิ้ว หน้าบึ้งขึ้น ทำตาดุดุ
“ทำไมจะไม่เป็น” คุณขยับไม้แทงลูกแดงลงหลุม เงยหน้าขึ้นมอง “อ้อ! และฉันไม่ใช่ผู้หญิง”
แทคถึงกับสะดุ้ง พูดอะไรออกมาฟังไม่เป็นศัพท์
คุณเห็นทีท่าหันรีหันขวางทำตัวไม่ถูกของแทคก็ยิ้มขำๆปลอบขึ้น
“ไม่ต้องคิดมากหรอก ไม่ใช่นายคนแรกที่คิดว่าฉันเป็นเด็กผู้หญิง” คุณพูดหน้าตาเฉย “สวยซะขนาดนี้ไม่คิดว่าเป็นผู้หญิงก็แปลกละ”
แทคสะดุ้งอีกรอบ จ้องแบบไม่เชื่อหูตัวเอง
“ฉันแค่พูดความจริง ไม่ได้หลงตัวเอง” คุณดักคอแทค
คราวนี้แทคระเบิดเสียงหัวเราะ ชี้ไปที่คุณ
“นายแน่มาก...แน่จริงให้ตายสิ” แทคหัวเราะจนตัวงอ “จากนี้ให้ตายชั้นก็ไม่มองว่านายเป็นผู้หญิง นายมันร้ายว่ะ”


เด็กผู้ชายสองคนสีผิวตัดกันราวกับโกโก้กับวานิลลายืนมองกันด้วยความรู้สึกดีๆที่มีต่อกันทั้งที่เพิ่งแรกเจอ
ความรู้สึกสนิทสนมก่อตัวมาอย่างเงียบเชียบโดยไม่ต้องการคำพูดอะไรมากมาย
แทคส่งยิ้มกว้าง ดวงตาเรียวเฉียงฉายแววซุกซนก่อนยื่นมือส่งไป
เจ้าชายรัชทายาทที่ปกติทรงถือพระองค์ไม่น้อย ครานี้กลับส่งพระหัตถ์กลับไปให้จับอย่างไม่รีรอ


เด็กน้อยสองคนจึงกลายเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่วินาทีนั้น
และแม้แทคจะให้คำมั่นว่าจะไม่มองคุณเป็นผู้หญิงอีก แต่ทว่า...บางครั้งยามเผลอไผลมันก็อดเผลอใจไว้ไม่ได้(อย่างช่วยไม่ได้จริงๆ) แต่ก็ต้องแอบเก็บเงียบไว้กับตัวอย่างมิดชิดไม่เช่นนั้นต้องโดนด้านมืดของเจ้าชายน้อยรัชทายาทแผลงฤทธิ์ใส่จนน่วมแน่นอน


ซูแม้เผลอใจไปสนิทกับพวกนิวยอร์คเกอร์ไปพักใหญ่ แต่พอนึกได้ก็มักจะเดินลากขาป้อมๆคอยเรียกหาแทค
จนมาได้ยินข่าวว่าแทคไปสนิทสนมกับเด็กใหม่ที่เพิ่งย้ายมาจากแคลิฟอร์เนีย จึงกระวนกระวายด้วยกลัวว่าจะถูกแย่งเพื่อนรักไป

เจ้าชายน้อยแห่งแดกูออกเดินตามหาแทค ไล่ไปทีละห้องก็ไม่เจอสักทีก็ยิ่งกระวนกระวายใจ ในเมื่อหาเท่าไรก็ไม่เจอจึงคิดเปลี่ยนใจไปฉะไอ้เด็กแคลิฟอร์เนียโทษฐานที่บังอาจคิดแย่งเพื่อนรักของพระองค์ไป

หลังจากเดินเตาะแตะไปอีก 5 นาที ก็กะล้มเลิกไปก่อนเพราะคิดว่ามันชักจะเหนื่อยเกินตัว คิดจะขอพักสักครู่โดยเผลอพิงไปกับประตูบานใหญ่จนเลื่อนเปิดพร้อมเสียงเปียโนที่ดังขึ้นมานั้นทั้งเศร้าและเหงาเหลือเกิน พาให้ทรงนิ่งฟังเงียบ

จนเมื่อเสียงเปียโนจางหาย

แสงลอดผ่านกระจกแสตนกราสตกกระทบตัวเด็กน้อยในชุดขาวกรุยกรายเป็นประกายวิบวับ ทว่าดวงหน้านั้นก้มต่ำลงจนเห็นเป็นเพียงภาพเงาเลือนลาง

เจ้าชายน้อยแห่งแดกูเดินตรงเข้าไปหาอย่างช้าๆ

“ไม่ต้องร้องไห้นะ” ซูก๋าเอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงที่เจ้าตัวคัดสรรมาแล้วว่าหล่อสุดชีวิต เก็บสำเนียงแดกูไว้อย่างมิดชิด
“ใครร้อง” เจ้าชายน้อยรัชทายาททรงตวัดเสียงเข้ม “นายคิดไปเอง ฉันไม่ใช่เด็กขี้แย”
“อ่ะ...ไม่ร้องก็ไม่ร้อง” ซูตามใจ ล้วงลูกอมสี่ห้าเม็ดจากกระเป๋าออกมายื่นให้ “อมสิ อร่อยนะ เด็กไม่ขี้แย”
คุณมีทีท่าลังเล แต่ท่าทางสบายๆชวนให้วางใจของซูทำให้เอื้อมไปเลือกลูกอมสีแดงมาเม็ดหนึ่ง
ซูพยักหน้า
“ฉันก็คิดว่าเธอเหมาะกับสีแดง”
คุณตาเขียวปั๊ด แกะลูกอมเข้าปาก
“ฉันไม่ใช้ผู้หญิง” ประโยคทักทายติดปากของเจ้าชายรัชทายาทมาอีกแล้ว
“อ้าว~! ไม่ใช่ผู้หญิงเรอะ” เสียงเจ้าชายน้อยแห่งแดกูสูงปี้ด “น่ารักขนาดนี้น่าเสียดายแฮะ”


เจ้าชายน้อยรัชทายาทได้ยินแล้วกลับต้องเป็นฝ่ายอึ้งแทนในความไม่รู้สึกรู้สาของคนตรงหน้า
“นายไม่ตกใจเลยเหรอ เป็นคนแรกเลยนะเนี่ย”
“มีอะไรให้ต้องตกใจล่ะ” เจ้าชายน้อยแห่งแดกูยังไปได้เรื่อยๆตามประสา “ในเมื่อไม่ใช่ผู้หญิงก็ต้องผู้ชาย...ก็มีแค่นี้” และโดยไม่ลังเล พระองค์ก็ทรงเอื้อมพระหัตถ์ไปวางบนมือน้อยๆบนแป้นเปียโน “คนจริงๆด้วย ดูไกลๆนึกว่าเทวดาซะอีก เฮ้อ~อันนี้น่าเสียดายกว่าอีกนะ” พระพักตร์เรียวแหลมส่ายยิกประกอบความเสียดายอย่างจริงจัง


เจ้าชายรัชทายาทเริ่มคิดว่าเด็กขาสั้นๆคนนี้แม้จะดูแปลกๆแต่พออยู่ด้วยกลับสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ถ้าจะเก็บเอามาเป็นของเล่นส่วนพระองค์ก็ท่าจะไม่เลว คิดได้ดังนั้นก็เผลอยิ้มออกมา

รอยยิ้มอ่อนโยนที่เก็บงำความนัยยมิดชิดนั้นหลอกล่อให้เจ้าชายน้อยแห่งแดกูหลวมตัวตกหลุมพรางไปโดยไม่รู้พระองค์

แล้วทั้งสองจึงเริ่มความสัมพันธ์ด้วยเหตุพบเจอกันแบบไม่ธรรมดานี้จนกลายเป็นเพื่อนรักกัน(หรือเปล่า)ไปอีกคู่



แม้เจ้าชายน้อยแห่งแดกูจะมารู้ทีหลังว่าคุณคือเจ้าเด็กแคลิฟอร์เนียที่ตนกำลังตามหามันก็สายไป เพราะหลงรักเพื่อนรักคนนี้ไปซะแล้ว ก็เลยตกลงเองเออเองว่าตัวเองมีเพื่อนรักสองคน และเป็นเพื่อนรักที่สุดของแต่ละคนโดยไม่คิดจะขอความยินยอมจากทั้งแทคและคุณด้วยซ้ำ

และยิ่งเมื่อมารู้ภายหลังว่าแท้จริงแล้วตัวเองมีฐานะเป็นพี่น้องต่างพระมารดาของเด็กผู้ชายหน้าสวยคนนี้ ทำเอาเจ้าชายน้อยแห่งแดกูยิ่งเพิ่มความกระหยิ่มยิ้มย่องด้วยคาดฝันว่าตนจะมีลูกสมุนในกำมือมาอีกคนนอกจากแทค โดยหารู้ไม่ว่าอนาคตข้างหน้าเหตุการณ์กลับกลายอย่างที่ไม่อาจจะคิดฝันถึง



เจ้าชายคุณนี่ผู้ทรงงดงามดั่งเทวดาตัวน้อยถูกนำตัวกลับมาจากแคลิฟอร์เนียโดยพระจักรพรรดิผักไปรับมาด้วยพระองค์เอง(ตามเคย) และได้ถูกวางตัวเป็น “เจ้าชายรัชทายาท” มาตั้งแต่ประสูติ

แต่เพราะความวุ่นวายทางการเมือง ความขัดง้างของเหล่าขุนนางเก่า ทำให้เจ้าชายพระองค์น้อยก็ยังทรงดำรงตำแหน่งเพียงเจ้าชายรัชทายาทเมื่อพระจักรพรรดิผักประกาศสละราชสมบัติ


ฝ่ายขุนนางเก่าหัวอนุรักษ์นิยมใช้ข้ออ้างการพิจารณาตามสายสาแหรก หนุนเจ้าชายน้อยโฮนูนอด้วยศักดิ์แห่งทางราชมารดา ทำให้ฝ่ายรัฐสภาหัวก้าวหน้าที่หนุนเจ้าชายรัชทายาทต้องเป็นฝ่ายถอย ยอมแพ้ในการต่อสู้ครั้งนี้


เจ้าชายรัชทายาทที่ถูกอบรมเลี้ยงดูเพื่อรับภาระหน้าที่ในบัลลังก์มาตั้งแต่จำความได้นั้นได้แต่นิ่งเงียบเมื่อรับรู้เหตุการณ์ที่กลับกลาย
ความในใจของพระองค์ถูกเก็บงำไว้อย่างมิดชิด
มีเพียงคำอวยพรที่จะจงรักภักดีและปกป้องพระจักรพรรดินูนอด้วยชีวิตออกมาจากปากเท่านั้น


ทุกคนต่างมองเจ้าชายรัชทายาทเพียงแค่หนุ่มน้อยรูปงาม นิสัยดี จริยาวัตรงดงาม เป็นที่รักและหลงใหลของผู้คนทั่วทั้งแผ่นดิน

แต่มีเพียงคนใกล้ชิด โดยเฉพาะเพื่อนรักสองคนอย่างแทคกับซูเท่านั้นที่รู้ดีว่า ด้านมืดของเจ้าชายคุณนี่ผู้งดงามดั่งเทวดาตัวน้อยๆนั้นน่ากลัวแค่ไหน(เพราะเจอมากับตัวเองทุกวันตั้งแต่เด็กยันโต)

และไม่มีใครได้ล่วงรู้ถึงความในพระหฤทัยยามที่พระองค์จำต้องก้มหัวให้กับหลานชายที่ขึ้นมาดำรงตำแหน่งพระจักรพรรดินูนอทุกครั้งที่สบพระพักตร์




จักรพรรดิหนุ่มแห่งสาธารณรัฐ 2PMนั้นขึ้นชื่อเป็นอย่างยิ่งเรื่องความใจร้อนวู่วาม หัวดื้อมาแต่ไหนแต่ไร ในขณะที่เจ้าชายรัชทายาทนั้นทรงสุขุมเยือกเย็นทั้งยังนุ่มนวลอ่อนหวาน ทำให้ภาพของทั้งสองพระองค์ต่างกันราวน้ำกับไฟ

เจ้าชายโฮนูนอเมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ทรงเติบโตมาอย่างมีอิสระและเสรี มักวิ่งเล่นซุกซนไปทั่วให้ทหารมหาดเล็กคอยหัวหมุนตามหา แล้วจึงค่อยย่องกลับมาพร้อมแอบซุกสัตว์บาดเจ็บกลับมารักษาอยู่เป็นประจำ สวนสนดำหลังวังจึงแทบจะเปลี่ยนเป็นสวนสัตว์ย่อมๆส่วนพระองค์

ความอิสระยามวัยเยาว์นั้นกำลังจะเป็นเพียงแค่อดีตอันงดงามให้โหยหา




เช้าวันที่ฟ้ากระจ่างสดใส อากาศอุ่นจนดอกไม้ต่างทยอยเบ่งบานส่งกลิ่นหอมไปทั่ว ฝูงนกบินเรียงตัวไปจนไกลลิบ

เจ้าชายน้อยโฮนูนอเหม่อมองตามไป ก่อนตัดสินใจค่อยๆย่องออกจากห้องเรียนไปอย่างเงียบๆ



ป่าหลังโรงเรียนคือที่วิ่งเล่นประจำ เจ้าชายน้อยทรงสำรวจจนรู้จักทุกซอกทุกมุม สัตว์ป่าทุกตัวต่างก็คือเพื่อนเล่นของพระองค์

แล้วจู่ๆเสียงหนึ่งก็คำรามดังลั่นไปทั่วทั้งป่า

เจ้าชายน้อยวิ่งปรู๊ดตามเสียงไปโดยไม่มีความเกรงกลัวแม้แต่น้อย
เสียงนั้นยังเหลือดังแผ่วๆให้จับได้ เมื่อเดินไปไกล้ขึ้น ทรงยอบตัวลง ค่อยๆย่องทีละนิด

เสียงครางนั้นดังออกมาจากหลุมกับดักตรงหน้า

โฮคลานไปจนถึงปากหลุม ชะโงกตัวลงไปมอง

ภาพที่เห็นนั้นดูแปลกประหลาด ลูกหมีขนยาวสีดำพันยุ่งไปกับใบไม้แห้ง หน้าตานั้นขะมุกขะมอมเปรอะเปื้อนดิน แต่ที่ทำให้เกิดไว้วางใจคือดวงตาดำสนิทใสซื่อที่กำลังจ้องกลับมา

เมื่อเจ้าชายทรงยิ้มให้ เจ้าลูกหมีก็ยิ้มตอบกลับมาอย่างว่าง่าย จึงทรงยื่นมือให้ ลูกหมีก็พยายามยื่นมือมาจับแต่ก็ไม่ถึง แขนทั้งสองต่างก็สั้นจนเกินไป โฮจังยิ้มเขินๆแล้วจึงถอดเข็มขัดส่งให้ลูกหมีแล้วช่วยดึงขึ้นมาจากหลุมจนได้

ลูกหมีนั่งแหมะตาแป๋วอยู่ตรงหน้า

โฮจังยื่นมือป้อมๆไปปัดเศษใบไม้ออกอย่างนิ่มนวล ใช้นิ้วหัวแม่มือค่อยๆเช็ดรอยเปื้อนที่แก้มออกอย่างตั้งใจ
ลูกหมีทำตาปริบๆ แล้วจึงทำแบบเดียวกลับคืนมา นิ้วมือลูกหมีกดลูบไล้ไปทั่วแก้มโฮราวกับเป็นการตอบแทน

โฮจังตกใจนิ่งไปแล้วจึงค่อยๆยิ้มจนตาหยี ด้วยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอ่อนโยนของลูกหมี

“เจ้าใจดีจังนะ” โฮพูดแบบขำๆแล้วถาม “ไม่เจ็บใช่ไหม ทำไมถึงซุ่มซ่ามตกลงไปได้ล่ะ”

ลูกหมีส่ายหน้าไม่ยอมตอบอะไร แล้วจู่ๆท้องก็ร้องดังโครกขึ้นมาให้ขายหน้า ลูกหมีอายจนหน้าแดงกร่ำไปหมด และยิ่งเด็กผู้ชายใจดีตรงหน้าระเบิดหัวเราะจนดังลั่นก็ยิ่งอายปนฉุน

ลูกหมีเริ่มงอน หันหนีไป
โฮเอื้อมมือรั้งไว้ทั้งที่ยังขำไม่หยุด
ลูกหมีหันมาทำหน้าโกรธๆ

“ขอโทษ ขอโทษ” โฮจังยกมือยกไม้ส่ายปฏิเศษวุ่นวายไปหมด “ฉันไม่ได้หัวเราะเยาะนะ ก็แค่...แค่มันดังมากเท่านั้น ดังกว่าตอนที่เจ้าร้องตอนตกหลุมพรางนี่ซะอีกนะ”

หมียิ่งทำหน้าบึ้งที่ถูกล้อ
โฮจังยื่นหน้ามาจนใกล้ ดวงตาหยียิบพราวไปด้วยรอยงอนง้อ
“อย่าโกรธเลยนะ” มือสองข้างจับแขนลูกหมีไว้แน่น “เจ้าคงหิวแย่แล้ว ถ้าเจ้าเลิกโกรธ ฉันมีอะไรให้ด้วยนะ”

ลูกหมีหลงกลเจ้าชายน้อยจอมเจ้าเล่ห์จนได้ ดวงตาดำสนิทคู่นั้นวาบด้วยความหวัง
“ไม่โกรธแล้วใช่ไหม” โฮจังก็ยังหลอกล่อลูกหมีหัวอ่อนไม่ยอมเลิก “บอกสิว่าไม่โกรธกันแล้ว”
“ไม่ได้โกรธนี่” ลูกหมีตอบอย่างสิ้นลาย หิวจะตายอยู่แล้วใครจะมัววางท่าอยู่ได้ล่ะ
“เอ๋...ตกลงเจ้าฟังฉันรู้เรื่อง” โฮจังพูดอย่างแปลกใจแกมตื่นเต้น “แถมฉันก็ฟังเจ้ารู้เรื่องอีกต่างหากนะ”

ลูกหมีกระพริบตาถื่ยิบ เหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรกับสิ่งที่เด็กตาหยีคนนี้เพิ่งพูดออกมานะเนี่ย
...เอ~หรือจะเราที่ฟังอะไรผิดไป...ลูกหมีชักสับสน


“เจ้าน่ะเป็นหมีตัวแรกที่ฉันเคยคุยด้วยเลยนะรู้ไหม” โฮก้มเปิดกระเป๋าเป้หาของวุ่นไปหมด “อ่า...แย่จริง มีแต่กล้วย” โฮยื่นกล้วยลูกหนึ่งมาให้ “เจ้าจะกินได้ไหมนะ ฉันก็นึกว่าจะมีน้ำผึ้งติดมาด้วย แย่จริง”

ลูกหมีหยุดความคิดทั้งหมดทั้งมวลในบัดดล...คว้าหมับไม่พูดไม่จา ปอกกล้วยแล้วกลืนคำเดียวหมด

“เจ้านี่ช่างเป็นหมีที่แปลกจริงๆ ฉันก็เพิ่งเคยเห็นหมีกินกล้วยก็ครั้งนี้” เจ้าชายน้อยยังพูดจาชวนสับสนต่อไป
ลูกหมีมองตาปรอยกับกล้วยที่เหลือในมือโฮ
“อ่ะ!” โฮจังยื่นกล้วยให้ลูกหมีหิวโหยไปจนถึงลูกสุดท้าย “กินจุขนาดนี้แล้วฉันจะเลี้ยงเจ้าไหวไหมเนี่ย”

ลูกหมีเคี้ยวตุ้ยๆจนหมดไปหนึ่งหวี ท้องรู้สึกอิ่มขึ้นมานิด(นิดเดียวเองนะจ๊ะ)

“ขอบใจนะ กล้วยอร่อยมาก” ลูกหมีอยากพูดอะไรที่มากกว่านี้แต่ก็พูดไม่ออก สายใยบางอย่างเริ่มผูกพันเด็กสองคนไว้อย่างเงียบเชียบ

“เจ้าต้องขอบใจเจ้าลิงพวกนี้ด้วยนะ” โฮชี้ไปยังลูกลิงที่กำลังห้อยต่องแต่งโหนต้นไม้อยู่ไม่ห่าง “ฉันเอากล้วยมาให้พวกมันนี้แต่ก็ให้เจ้ากินไปหมด วันนี้พวกมันเลยต้องหิวแทนเจ้า”

ลูกหมีลุกขึ้นยืนและโค้งขอบคุณไปจนทั่วอย่างว่าง่าย
โฮจังหัวเราะคิกคักกับความใสซื่อของลูกหมี
“เจ้านี่ช่างเป็นหมีที่น่ารักจริงๆ ฉันเลี้ยงสัตว์มาตั้งเยอะ แต่เจ้าน่ะว่าง่ายที่สุดเลย”


ท้องที่เริ่มอิ่มขึ้นมานิดหน่อยทำให้ลูกหมีเริ่มเข้าใจอะไรขึ้นมาลางๆ หลังจากประมวลคำพูดทั้งหมดทั้งมวลของโฮแล้ว แสดงว่า...


“นี่...นี่นายเห็นฉันเป็นหมี หมีจริงๆงั้นเหรอ” ลูกหมีถามด้วยความแปลกใจ
“หมีจริงๆอะไรกัน มันมีหมีจริงหมีปลอมด้วยเหรอ” โฮจังก็ยังไม่เข้าใจ
ทำเอาลูกหมีเกิดลูกเหวอเล็กๆ ไม่รู้จะอธิบายอะไรต่อดี

“นายพูดกับฉันอยู่นี่...” หมีพยายามแจงแต่ก็เกิดสะกิดใจสงสัยบางอย่างขึ้นมาจึงถามขึ้น “นี่แสดงว่านายคุยกับสัตว์ได้อย่างงั้นเหรอ”
“ทำไมจะคุยกันไม่ได้ล่ะ” โฮจังชักรำคาญ “ฉันน่ะคุยกับหมาบ่อยที่สุดเลยนะ รองไปก็แมว พอฉันพูด มันก็ฟัง พอมันพูด ฉันก็ฟัง...แค่นี้ก็คุยกันรู้เรื่องละ อย่างที่เจ้ากับฉันคุยกันอยู่นี่ไง เจ้าก็ฟังฉันรู้เรื่องไม่ใช่เหรอ"

ลูกหมีอ้าปากค้างก่อนระเบิดอารมณ์
“แต่ฉันเป็นคนนะไม่ใช่หมี!!!” หมีตะโกนลั่นจนเมล็ดสนร่วงลงมา “ตรงไหนที่มองว่าฉันเป็นหมี”

โฮสะดุ้งจนสุดตัวกับเสียงตะโกนนั่นแต่ตกใจยิ่งกว่าเมื่อรับรู้ว่าเจ้าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือคนไม่ใช่หมีอย่างที่คิด ความเก้อเขินประดังประเดขึ้นมาจนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความพาลพาโลด้วยไม่อยากเสียหน้า

“ก็...นี่ นี่ และก็...นี่!!!” เจ้าชายน้อยหัวดื้อไล่ชี้ไปที่หัวยุ่งๆของลูกหมี หน้าตามอมแมมมองเห็นตาลูกกะตาดำๆนั่นอีก แถมขนรุงรังตามตัว

แต่เอ๊ะ! ทรงเกิดเฉลียวใจบางอย่างจึงขยับเข้าไปจนพระเนตรแทบติดที่อกของลูกหมี และเมื่อยื่นไปจับก็พบว่ามันคือเสื้อขนหมีไม่ใช่ขนของหมีอย่างที่คิดไว้
ทำให้พระองค์โฮนูนอรู้สึกอายจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนีกับความเฟอะฟะของตัวเองจนอยากรีบหนีไปให้พ้น

ลูกหมีรีบคว้าดึงเอาไว้ตอนที่เห็นโฮขยับหนีแต่แรงมหาศาลของลูกหมีก็พาเอาโฮหงายหลังล้มคว่ำไปซบตรงอกหมีพอดี แถมต้องครางโอยขึ้นมาเพราะหัวไปศอกเข้ากับคางของลูกหมีปั้กใหญ่

“โอ๋~ไม่เป็นไรใช่ไหม” ลูกหมีนอนปลอบไปลูบหัวโฮไปโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรที่คางตัวเองแม้แต่น้อย “ฉันว่านายเป็นคนที่แปลกกว่าอีกนะ คุยกันเป็นวักเป็นเวร นายก็ยังคิดว่านายคุยกับหมีจริงๆด้วย”

เจ้าชายน้อยดิ้นดุ๊กดิ๊กเพื่อหลบมืออุ้งมือลูกหมี แล้วใช้แขนป้อมอ้วนพยายามยันตัวเองกับอกหมีขึ้นมาสบตากันเข้าพอดี

“นายนี่น่ารักชะมัด” สายตาลูกหมีฉายแววจริงใจในคำพูดนั้น

โฮจังรู้สึกว่าทำตัวไม่ถูกเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ถูกชมว่าน่ารักต่อหน้าต่อตาแบบนี้ จึงได้แต่ขยับขาดิ้นดุ๊กดิ๊กหนีอีกรอบแต่ก็ลุกไม่ขึ้นสักที

ลูกหมีนอนมองความพยายามของโฮอยู่นานก็เห็นว่าท่าจะไม่รอดจึงใช้แขนอันทรงพลังของตัวเองจับตัวโฮไว้ยันให้ลุกขึ้นมาพร้อมกัน โฮลอยตัวปลิวตามแรงหมีลุกขึ้นยืนจนได้

ตาสองคู่สบกันนิ่ง

ลูกหมีที่ยังคงคุกเข่าอยู่ตรงหน้ารู้สึกเอ็นดูเด็กผู้ชายตาหยีมากขึ้นเรื่อยๆจนอดใจไม่ไหวต้องขอขยี้ผมหยักยุ่งนั่นอีกสักครั้ง

ดวงตาดำเรียวราวเมล็ดสนนั้นแสดงความถือตัวในศักดิ์ เบี่ยงหลบ อกเล็กๆผายตั้ง พระกรสองข้างไขว้ไว้ด้านหลัง เดินถอยหลังช้าๆ

เมื่อหมุนตัวไป พระพักตร์เล็กๆนั้นเริ่มแดงกร่ำขึ้นคิดไปว่านี่เป็นครั้งแรกที่ถูกเด็กผู้ชายด้วยกันอุ้มจนตัวปลิวแถมยังถูกทำราวกับว่าเป็นลูกหมาอีกต่างหาก
คิดได้ดังนั้นเจ้าชายน้อยก็ยิ่งทำตัวไม่ถูกเลยวิ่งปรู๊ดหนีไปดื้อๆ


“เจอกันพรุ่งนี้นะ” ลูกหมีตะโกนไล่หลัง “ฉันชื่อชานแล้วนายล่ะ”
โฮยอมหันกลับมา ตะโกนตอบกลับไป
“ฉันโฮนูนอ”
“ฉันจะรอ เอากล้วยมาด้วย...เยอะๆนะ”
เจ้าชายน้อยโฮนูนอวิ่งไปหัวเราะไปกับความตะกละของเพื่อนคนใหม่









เหลือเด็กอีกสองคน ติดไว้ก่อนนะฮัฟ







 

Create Date : 16 พฤศจิกายน 2554
6 comments
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2554 0:07:49 น.
Counter : 3468 Pageviews.

 

ชานนูนอนี่มันพรหมลิขิตบันดาลชัดๆ~~~~

 

โดย: ฟักทองสยองขวัญ 21 พฤศจิกายน 2554 16:48:58 น.  

 

สนุกจังเลยค่ะ
อ่านไปยิ้มไป
ทำไมจินตนาการได้สนุกขนาดนี้คะ
รออ่านต่อนะคะ
ไม่ต้องรีบค่ะ รอได้
ขอบคุณมากนะคะ

อยากเป็นข้าราชบริภารของสาธารณรัฐ 2PM จังเลยค่ะ

 

โดย: toomski (toomski ) 22 พฤศจิกายน 2554 21:37:05 น.  

 

ขอบคุณค่ะ

สนุกจังเลย ฟิคระดับ Gold เลยค่ะ

 

โดย: blue_garden 27 พฤศจิกายน 2554 2:41:41 น.  

 

เรื่องสนุกมากกกกกกกกกกค่ะ
อ๊ายยยยยยยยยยย หมีกับจักรพรรดิโฮนูนอ
แม่หมีไม่ไหวแล้ว..ขอกรีดร้องดังๆ
เขินๆๆ ทำไมอ่านแล้วเขินอย่างนี้เนี่ย..
วิ่งตามตูดโฮนูนอไป ก๊ากกกก

ว่าแล้วก็ไปอ่านต่อต่อไปเลยดีกว่าค่ะ..

ปล. คุณ Quaver แต่งฟิคบ้างหรือเปล่าคะ ? จะได้ตามไปอ่าน แฮะๆๆ

 

โดย: fon_wanan 2 ธันวาคม 2554 8:20:21 น.  

 

สนุกจังเลยค่ะ

ฮาพี่ซู เจ้าเล่ห์จริงๆ
ถ้าสมมุติว่าอยู่กับแทคแค่สองคนตามเนื้อเรื่อง คงจะ เตลิดกันไปไหน(ประเทศวอดวายแน่พวกเจ้า)ดีที่เจอพี่คุณมาช่วยฉุดไว้(ในอนาคต)

ชานนูนอ อ่านแล้วเขินอ่ะ น่ารักจังเลยค่ะ!

 

โดย: plawan001 (ปลาวาฬ001 ) 8 ธันวาคม 2554 0:37:23 น.  

 

Directory ค่ำนี้อากาศเริ่มเย็นๆ ระวังเป็นหวัดนะครับ Directory

 

โดย: nooblue88 9 ธันวาคม 2554 1:32:16 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Quaver
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]




เป็นคนหัวแข็งที่มาพร้อมรอยยิ้มอ่อนๆ
เป็นคนหัวอ่อนที่มาพร้อมท่าทางแข็งๆ




Friends' blogs
[Add Quaver's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.