r u ready to GO CRAZY? เราเดินไปหยิบอัลบั้ม Grown มาดูตอนถามตัวเองว่าอัลบั้ม GO CRAZY นี่มันอัลบั้มเต็มที่เท่าไรนะ ห่างกันหนึ่งอัลบั้มกับเวลาปีกว่าๆที่เปลี่ยนจากหนุ่มเต็มตัวมาโดนถามว่าเป็นบ้ารึไง นับว่าเป็นการเติบโตที่นับเป็นเรื่องราวดีๆ ตอนแรกกะว่าไว้รอได้อัลบั้มมาแล้วอยากจะเขียนถึงอัลบั้มนี้ดู แต่พอฟังครบหมดทั้งอัลบั้มอยู่พักก็อดไม่ไหวละ ขอเขียนถึงสักหน่อยดีกว่าก่อนจะลืมความรู้สึกไป GO CRAZY เพลงไตเติ้ล นับเป็นเพลงแนว EDM - Electronic Dance Music EDMเป็นแนวแบบไหน ก็อธิบายง่ายๆว่าเพลงที่ใส่อิเลคโทนิคเข้าไปแล้วทำให้ตัวเผลอขยับเต้นก็ถือเป็นEDM แม้จะมีซับเซ็ทอีกหลายแบบอย่างพวก electro , disco , house แม้แต่ Dubstep ก็ยังถูกนับเป็นEDM แล้วเลย (แม้มีบางพวกไม่ยอมรับว่ามันนับรวมก็เถอะ แต่คนที่นับรวมก็บอกกูจะนับแล้วมึงจะทำไม! ) เพลง GO CRAZY ก็อยู่แนวๆอิเลคโทร เฮาส์อะไรประมาณนั้น บีทมาตรฐานเลยประมาณ 128 - 132 BPM โยกตามกำลังมันส์ สิ่งที่เพลงบ่ายหายไปนานก็เพลงติดหู catchy ติดหูแบบฟังครั้งเดียวนะ ไม่ใช่้ต้องเปิดหลายๆหนจนหลอนแล้วค่อยติดหูแบบนั้น GO CRAZY ถือเป็นเพลงติดหู ทั้งบีท เมโลดี้ แล้วรวมภาษาที่เราฟังไม่ออกด้วยแต่ก็พอรับรู้ได้ถึงสัมผัสของภาษา ฟังถึงคำพ้องรูปพ้องเสียงพวกอานียา ไอ้สระอาพวกนั้นล่ะ แล้วการย้ำแล้วย้ำอีกให้หลอนกันไปข้างกับคำว่า GO CRAZY จนจำขึ้นใจ ยิ่งตบท้ายไอ้Slow กับ Down นั่นยิ่งก็บ่งบอกความเชี่ยวของความเป็นปาร์ตี้แมน พี่ขั้นโปรแล้วพี่คิม มันคือเกมไอ้ขี้เมาที่เล่นกันในวงเหล้าอย่างไม่ต้องสงสัย พี่ปิดท้ายปาร์ติ้อย่างสมบูรณ์แบบ เพลงไตเติ้ลเพลงนี้ที่เราชอบที่สุดก็คือท่อนของชานกับคุณ ปกติแล้วเพลงของบ่ายที่ทำให้เราสะดุดตอนฟังที่สุดก็คือท่อนของชานนี่ล่ะ คือด้วยเสียงขึ้นจมูกของชานกับการร้องแบบที่ลุงผักใหชานร้องมันออกจะทำให้เพลงที่ฟังมาเพลินๆเจอหลังเต่าเข้า คือเรายอมรับวิธีการยัดเยียดให้ชานร้องเพลงมันเข้าไปของลุงผักนะเพราะมันทำให้ชานร้องเพลงดีขึ้นมากแม้จะไม่ไปถึงนักร้องขั้นเทพอะไรแต่ก็ไม่มีเพี้ยนให้คอยลุ้นใจหายเวลาฟังสด แต่มีอยู่อย่างที่ลุงผักดูจะจัดการไม่ได้สักทีคือการร้องแบบขึ้นจมูกชัดๆจนชวนอึดอัดของชานนี่ล่ะ แต่อัลบั้มGrown กับเพลง game over เราเห็นช่องเสียงของชานที่ผ่านการกำกับของจุนเค เราว่านั่นใช่ล่ะ ช่องเสียงที่ถูกของชาน เป็นเสียงชานแต่ฟังไม่อึดอัดเลย มันกำลังได้เลย แล้วพอมาเพลง GO CRAZY มาเจอกับเสียงชานตอนฟังร้องต่อจากด้ง ฟังครั้งแรกเราร้องโฮะ! เฮ้ย! ใช่แล้วเว้ย! เสียงนี่ล่ะใช่ไม่รู้จะใช่ยังไงเลย ช่องเสียงนี่ล่ะ ถึงจะมีติดจมูกแต่เสียงที่พอใช่มันก็ใช่เลย เราประทับใจกรูฟของชานมาตลอด เคยพูดเรื่องนี้มาแล้ว ร้องเพลงมีจังหวะจะโคนได้เยี่ยมมากคนหนึ่ง เป็นคนที่มีเนื้อเสียงเต็มที่รู้จักใช้การเน้นว่าคำไหนควรจะหนักคำไหนควรจะเบาเลยเหมาะกับการร้องเพลงหนักๆ บีทแน่นๆ ฟังแล้วสะใจตาม แต่ก็แอบบ่นเรื่องช่องเสียงชานมาตลอดเหมือนกัน แล้วนอกจากเพลง GO CRAZY แล้วต้องฟังเพลง Mine เพลงออกแนวนีโอโซล ชานร้องเพลงนี้ไว้สุดยอด คือถ้าเราเป็นหมีนะ เราจะขอให้เพลงนี้เป็นเพลงโปรโมตอีกเพลงแทน im your man มันซะเลย แล้วอย่าว่าเลยแม้แต่โฮเองก็ปล่อยของเต็มที่กับเสียงหลบในเพลงMine เทคนิคดีโคตรแบบไม่แค่ใช่แค่โคตรเดียวด้วยนะ โฮเล่นร้องขยี้ทีละเม็ดรับกับการวางเสียงนุ่มๆของชานที่ร้องท่อนต่อตามมา อารมณ์ตอนฟังโคตรวาบหวิว เครื่องเสียงที่ใชัเข้ากับเมโลดี้ชวนระทวยกับบีทย้ำแทบทำคนฟังละลาย ช่องเสียงแบบนี้เราไม่คิดว่าจะเจอกับการร้องของชานมาก่อน เพลงนี้ฟังเสียงโฮกับชานแล้วเซ็กซี่สุดๆจนอยากเห็นเพิร์ฟขึ้นมาทันที ให้ตายเหอะ! เพลงนี้น่าโปรโมตแทน im your man จริง เพลงmineเพลงนี้บ่ายร้องไว้ดีจริงอะไรจริง เราประทับใจการร้องและอารมณ์ที่ใช้ของทุกคนกับเพลงนี้มากจริงๆ คำว่าeverythingของคุณทำเราแทบกัดลิ้นตาม แรพของแทคกับบีทนี้มันคือกรูฟที่ลงตัวสุดๆ เสียงกึ่งลมของด้งดึงใจสั่นตามทุกคำ แล้วด้วยเสียงคำรามบวกกับการอิมโพรไวส์แบบไว้ลายของจุนเคอุ้มเพลงเพลงนี้จนทุกอย่างสมบูรณ์แบบ ให้ตายอีกสักครั้งเฮอะ! เพลงแบบนี้โคตรเหมาะกับเสน่ห์ผู้ชายของบ่ายเลย คิมทำเพลง Go CRAZY แบบซาวด์ละเอียดมากตามสไตล์เจ้าตัว สมกับไอ้เครื่องที่อิปู่หอบหิ้วติดตัวไว้นั่นล่ะ ใช้งานได้คุ้มจริงๆ มีซาวด์เล็กๆน้อยๆแทรกเข้ามาชนิดถ้าไม่เงี่ยหูฟังจะผ่านเลยไปง่ายๆ ทั้งเสียงกีต้าร์แล้วดรัมแอนด์เบสที่หุ้มเพลงเอาไว้ก็ลงตัวสุดๆ ซึ่งถือเป็นการมิกซ์ได้อย่างเจ๋งและกลมกล่อมมาก แต่ก็อดแปลกใจนิดๆไม่ได้ที่ว่าถึงเป็นเพลงฝีมือจุนเคแต่ก็ยังให้อารมณ์เพลงของค่ายเจวายพีอยู่นะ มันให้ความรู้สึกของยุคสมัย(อารมณ์คนแก่หวนอดีตชัดๆ ) พอฟังแล้วยังรู้สึกล่ะนี่เป็นเจวายพี มันมีความย้อนยุคในความฮิพของเพลงอยู่ กับท่อนบริดจ์ที่ให้โฮรับผิดชอบที่ขอบอกว่าเป็นบริดจ์ที่สมเป็นบริดจ์จริงๆ จุนเคเล่นวางเมโลดี้ไว้สวยพริ้งรับกับการวางเสียงสวยกิ๊กของโฮ มันเสริมให้ท่อนนี้สวยสุดๆส่งให้แตกต่างจากท่อนอื่นอย่างชัดเจน แล้วตัวโฮเองก็รับผิดชอบอย่างดีสุดคือไม่หลุดความบ้าเลยยิ่งทำให้ท่อนนี้ยิ่งโดดเด่นขึ้น ไม่รู้คนอื่นจะรู้สึกเหมือนเราไหม ตลอดท่อนบริดจ์ เรารับรู้ถึงความเหงาของเมโลดี้จนใจปวดจางๆ อย่างหาที่มาที่ไปไม่เจอ สำหรับเราแล้วคนที่ครบเครื่องที่สุดของบ่ายก็คือโฮ มีครบหมดผู้ชายคนนี้ ทั้งเสียงที่เพราะและเทคนิคที่เยี่ยม ทุกอย่างลงตัวไปหมด อย่างจุนเคก็ด้อยเรื่องเสียง ถือเป็นคนเสียงมีเอกลักษณ์ที่คนชอบก็คือชอบ แต่คนไม่ชอบก็ไม่ชอบไปเลย แล้วยิ่งพักหลังๆที่พุ่อคุณร้องเพลงตามอำเภอใจ(จังหวัดแดกู)ของพ่อยิ่งกู่ไม่กลับ เพราะแบบนี้เราถึงไม่ชอบอัลบั้มที่แล้ว เคยคุยกับน้องคนหนึ่งตอนเพลงCBWYHTSออกมาว่าผิดหวังกับเพลงนี้ ไม่ใช่เพราะเพลงนี้ไม่เพราะนะ ด้วยตัวเพลงมันเพราะอยู่แล้วล่ะ แต่เราไม่คิดว่าเพลงแบบนี้เหมาะกับบ่าย คือเพลงแบบนี้ถ้าให้ตีสองร้อง รับรองว่าเพราะจับใจ ขอพูดอย่างไร้เกรงใจว่าบ่ายทั้งวงศักยภาพไม่ถึง ยังมีข้อจำกัดอยู่ แล้วโดยส่วนตัวเราไม่ชอบเนื้อเพลงที่มันออกส่วนตัวมากๆแบบนี้ด้วย มันเป็นเพลงที่สื่อเฉพาะกลุ่มแบบที่คนฟังเพลงฟังแล้วสะดุดไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมตาม เพลงCBWYHTSสำหรับเรามันก็เลยสองเด้ง แถมทำMVได้เชยย้อนยุคไปยุค 80 โน่น ยิ่งที่จบด้วยไฟเย็นพุ่งพวยให้บ่ายค่อยๆเยื้องย่างออกมา ขนาดเด็กยุค70-80แบบเราเห็นแล้วได้แต่กลืนน้ำลายเอื้อก มากกว่านี้ก็เอลวิสแล้วล่ะพี่ คราวนี้ครบสามเด้งเลย ตอนที่เราได้ฟังเพลงgame overในอัลบั้มที่แล้ว ก็ยังอดเสียดายไม่ได้ว่าทำไมไม่เอาเพลงนี้เป็นเพลงโปรโมตคู่ฮานีปุนนะ มันเป็นเพลงที่เสริมศักยภาพในตัวบ่ายออกมาได้เหมาะเจาะแล้ว ทำให้อดคิดไปถึงบทสัมภาษณ์หนึ่งของลุงผักอีกครั้งไม่ได้ ลุงแกตอบสัมภาษณ์เกี่ยวกับการแต่งเพลงเอาไว้ประมาณว่าแกอยากได้รับการจารึกว่าเป็นนักแต่งเพลงที่แต่งเพลงฮิตติดชาร์ตมาตลอดแม้จะอายุ 60 ไปแล้ว (ไม่เป๊ะแต่ประมาณนี้ล่ะ) เท่าที่เราเฝ้าดูลุงผักผ่านบ่าย มันจะมีแวบให้เราคิดคำพูดนี้ของแกขึ้นมาทุกครั้ง แล้วอดไม่ได้ที่จะคิดอีกทีว่าแกทำก็เพื่อสนองอัตตาความต้องการส่วนตัวมากกว่าที่จะนึกถึงศิลปินก่อน ซึ่งการคิดถึงตัวเองก่อนไม่ใช้เรื่องผิดอะไร มันคือความทะเยอทะยานธรรมดาของมนุษย์เรานี่ล่ะ คนที่ประสบความสำเร็จก้าวสู่จุดสูงสุดในหน้าที่การงานก็ล้วนแล้วแต่ต้องมีความทะเยอทะยานในการดำเนินชีวิตกันทั้งนั้น ต่างต้องมีบันไดไว้ให้เหยียบขึ้น ที่เหลือก็เป็นจริยธรรมส่วนตัวซึ่งดูแล้วลุงผักแกมีไม่น้อยเลย แต่ด้วยแนวความคิดอัตตาแบบนี้มันก็ทำให้ค่ายเพลงเจวายพีไปไม่ถึงไหน เราอยากขอยกค่ายวายจีมาเทียบละกัน วายจีเป็นค่ายที่นำเสนอความเป็นคนดนตรีของเด็กในค่ายมาก่อนอย่างชัดเจน เรียลลิตี้ของวายจีแม้ว่าแฟนคลับจะชอบตัวศิลปินด้วยสาเหตุใดไม่ว่าจะเป็นที่ตัวตนหรือตัวเพลงก็ตามก็จะมีกรอบของความเป็นคนดนตรีที่ป๋ายางวางครอบเอาไว้อยู่ดี เพราะแบบนี้มันเลยเป็นการสร้างภาพลักษณ์ของบริษัทให้คนทั่วไปที่ไม่ใช่แฟนคลับมองผ่านวายจีว่าเป็นค่ายเพลงที่เน้นความเป็นศิลปินคนดนตรี ที่เกินกว่าความเป็นไอดอลไปแล้ว ป๋ายางใช้เด็กในค่ายสร้างงานเพลงของตัวเองก่อความเป็นตัวตนของความเป็นวายจี แสดงภาพลักษณ์ของความเป็นคนดนตรีผลักดันให้ไอดอลกลายเป็นศิลปินสร้างเป็นภาพลักษณ์ของบริษัทขึ้นมาอีกที ต่างจากเจวายพี ลุงผักใช้งานของตัวเองสร้างเด็กขึ้นมาเพื่อแสดงเพลงของตัวลุงผักเอง ลุงย้ำตลอดเรื่องการเลือกเด็กของตัวเองที่ตัวตนก่อนอย่างอื่น คือเลือกเด็กที่เหมาะกับ(เพลง , การใช้ชีวิต , นิสัย)ของตัวเอง ก่อนเรื่องอื่น...และไอัเรื่องอื่นที่ว่าที่คนนอกมองก็คือก่อนความสามารถทางด้านดนตรีนั่นล่ะ แล้วย้ำด้วยการทำเรียลลิตี้ก็แสดงให้เห็นตัวตนของเด็กที่แทบไม่เน้นเรื่องดนตรีเลย ไม่ว่าเด็กของเจวายพีจะมีศักยภาพทางดนตรีแค่ไหนก็ตามก็ถูกนำเสนอตามหลัง(อย่างห่าง)จากการแสดงความเป็นตัวตน เพราะแบบนี้ในสายตาคนนอกที่มองผ่านบริษัทของลุงผัก จึงเห็นแต่เพลงของลุงผัก เห็นความเป็นเด็กดีที่น่าคบหาแบบด็กข้างบ้านของเด็กในค่ายแล้วมองผ่านอย่างน่าเจ็บใจกับความเป็นคนดนตรีของเด็กค่ายนี้ เพลงของศิลปินเจวายพีจึงถูก...ไม่มองข้ามก็underrated...จะแปลยังไงดีนะ คือถูกมองกดความสามารถต่ำกว่าความเป็นจริง เด็กเจวายพีจึงเป็นได้แค่ไอดอลที่ถึงจะมีฝีมือทางดนตรีแต่ก็ไม่อาจข้ามผ่านแรงอคติที่มีภาพลักษณ์ของความเป็นเจวายพีครอบอยู่ไปเป็นศิลปินได้อย่างง่ายๆ และถ้าคิดจะข้ามจริงๆก็ต้องใช้เวลาพิสูจน์กว่าคนอื่นจนถึงขั้นต้องออกจากเงาของเจวายพีไปด้วยซ้ำแบบนั้น (บางทีเรายังสงสัยอยู่ว่าถึงออกจากค่ายไป แต่เงาของเจวายพีจะหายไปไหม จะยังตามติดจนสลัดไม่หลุดหรือเปล่า) แล้วที่แย่อีกอย่างคือความเป็นไอดอลแบบเจวายพีก็ไม่ใช่ไอดอลพิมพ์นิยมแบบที่เอสเอ็มทำไว้อย่างดีเยี่ยมซะด้วยสิ ไอ้ที่เราว่าแย่น่ะ ไม่ได้หมายความว่าความเป็นไอดอลแบบเจวายพีเลวร้ายอะไรนะ เพราะเราเองที่มาชอบบ่ายเพราะชอบความเป็นไอดอลแบบบ่ายนี่ล่ะ เป็นศิลปินที่(เหมือน)สัมผัสได้ เพียงแต่เมื่อมองในมุมกว้างแล้วเราก็คงต้องยอมรับว่าไอดอลแบบเจวายพีมันไม่แมสพอต่างจากค่ายเอสเอ็มจริงๆ นั่นล่ะ อยากเห็นแผนกพัฒนาทรัพยากรบุคคลของเอสเอ็มสักครั้งจริงๆสิพับผ่า คงต้องบอกว่าเพราะเจวายพีสร้างภาพลักษณ์บริษัทให้คนนอกมองเข้ามาแบบนี้เอง จนกลายเป็นกรอบที่ครอบเด็กในค่ายนี้เอาไว้ แล้วเราคิดว่ามันเป็นกรอบลุงผักไม่คิดจะทะลายเสียด้วยสิ พอคิดแบบนี้แล้วก็อด...มันไม่ใช่ความเสียดาย แต่มันคือความเจ็บใจ...เจ็บใจแทนจุนเคกับการถูกเมินความสามารถและได้การตอบรับจากซิติเซ่น(เกาหลี)แค่นี้ ภาพลักษณ์ของความเป็นเจวายพีมันครอบไว้เกิน จนคนทำเป็นมองเิมินศักยภาพความเป็นคนดนตรีที่เขามี (อยากรู้จริงว่าถ้าเพลง GO CRAZY ติดป้ายวายจีเอาไว้ จะทำชาร์ตเพลงได้สูงแค่ไหนกันนะ) จุนเคในฐานะโปรดิวเซอร์เขาทำให้เราได้ยินเสียงร้องนิชคุณแบบที่เราเฝ้าหวังอยากได้ยินมาตลอด เราน่ะไม่ชอบเสียงร้องเพลงของคุณเลย แต่...แต่เราชอบเสียงพูดของคุณมากกกกกกกกกก คุณเป็นคนพูดเสียงโทนต่ำ เสียงทุ้มที่เพราะมาก ย้ำว่ามาก เป็นคนพูดเสียงต่ำๆแล้วไม่ฟังติดคออึดอัดค้างอยู่ในคอ คือฟังเสียงพูดโดยเฉพาะเวลาพูดโต้ตอบภาษาอังกฤษกับแทคนะ สองคนนี้คุยกันเป็นภาษาอังกฤษแล้วฟังเพลิน คนละสำเนียงแต่เท่พอๆกัน ยิ่งตอนคุณทำเสียงดุๆ กำราบเป็นชื่อแทคนะ โอ้โห~ โทนเสียงนั่นล่ะครับ มันคือความงดงามของมุนษยชาติชัดๆ เพราะงั้นเราถึงสงสัยว่าทำไมลุงผักถึงให้คุณร้องเพลงคีย์สูงเกินไปทุกครั้ง มันทำให้เสียงร้องคุณฟังลอยๆ เบาๆ แล้วแทบไม่มีกรูฟเลย ถ้าจะคิดว่าลุงแกจะขยายเรนจ์เสียงของคุณก็พอคิดได้ เพราะดูลุงแกจะแก้อะไรหลายๆอย่างที่คุณพร่องอยู่ อย่างคุณเป็นคนลมน้อย ลุงผักก็ให้คุณแรพติดกันแบบไม่มีช่องให้หายใจอย่้่าง i'll be back แต่เสียดายคุณยอมแพ้ตั้งแต่ไลฟ์แรกจบลง คือไลฟ์แรกคุณร้องสู้ตายแต่หายใจไม่ทันเพราะด้วยท่าเต้นด้วยล่ะ พอหลังจากนั้นคุณก็เลิกร้องบางท่อนแล้วใช้แบ็คกิ้งแทรคกับแทคช่วยแทน คือเรายังคิดเสียดายอยู่เลยถ้าช่วงนั้นคุณฮึดสู้ตายดู มันจะช่วยเรื่องลมของคุณไว้ได้มากเลยนะ มันเป็นเพลงที่ทำขึ้นเื่พื่อกำจัดจุดอ่อนของคุณแท้ๆเลยนั่น แต่พอมาเจอGO CRAZYเข้า จุนเคมาลดคีย์ลง ท่อนที่คุณร้องต่อจากชาน ตอนฟังครั้งแรกเราก็ร้องว้่าวออกมา ถือเป็นท่อนที่ดีที่สุดของทั้งชานและคุณเลย มันเป็นเสียงร้องที่ลื่นไหลและมีน้ำหนัก มันคือโทนเสียงที่เราอยากได้จากคุณมาโดยตลอด ในที่สุดจุนเคก็เปิดช่องเสียงที่ดีที่สุดของคุณออกมาให้เราฟังจนได้ เราว่าที่เป็นแบบนี้เพราะพวกนี้สนิทกันมากจนรู้จุดอ่อนจุดแข็งของกันและกันได้เคลียร์กว่า เวลาฟังคุณร้องเพลงสดๆแล้วเราต้องถอนหายใจแอบพูดเบาๆตามว่าน้องคุณช่วยเติมกรูฟลงไปหน่อยครับ แต่เพลงเพลงนี้เราไม่ต้องถามหาเลย ขนาดเต้นเหวี่ยงเป็นปลาหมึกซะขนาดนั้นกรูฟยังมาเป็นลูก ฟังแล้วปลื้มสุดๆ มันไม่ใช่ว่าคุณร้องเพลงไม่มีกรูฟแต่แค่คีย์มันทำให้คุณไม่อาจดึงศักยภาพของตัวเองออกมาได้ก็เท่านั้น...ก็แค่นี้เอง ทำให้เราอยากลองฟัง let it rain แบบปรับคีย์ให้ต่ำลงมาอีกสักครึ่งก็ยังดี อยากฟังเสียงแบบปล่อย ร้องอย่างอิสระตามอารมณ์เต็มๆแบบไม่ต้องระวังที่จะวางเสียงให้เพราะอย่างที่คุณมักคุมเสียงตัวเองไว้แบบนั้น เราเชื่อว่าคุณทำได้นะ หาช่องเสียงที่เหมาะเจอแล้วนี่นา ปกติแล้วท่อนแรพมักเป็นหน้าที่ของคนแรพที่จะแต่งเอง(เมกาเป็นแบบนั้น เราเองก็ชินแบบนั้น) คือเราไม่รู้จะพูดถึงแทคยังไงดีเพราะตัวเองฟังภาษาเกาหลีไม่ออก ท่อนแรพคือท่อนที่เราจะฟังเนื้อหา ฟังการเลือกใช้คำว่าเหมาะกับบีืท เหมาะกับอารมณ์เพลงแค่ไหน คำเก๋แค่ไหน พุ่งโดนใจอย่างจังอะไรแบบนั้น คือคงต้องรออัลบั้มแล้วคงรู้ว่าแทคเป็นคนแต่งท่อนแรพเองหรือเปล่า ซึ่งเราว่าก็น่าจะใช่อยู่ อิปู่คงปล่อยให้เป็นหน้าที่แทคมากกว่า นอกเสียจากแทคจะเหนื่อยมากกับการเล่นซีรี่ส์ล่ะ แต่เท่าที่ฟังเสียง "แอ๊วววววววววววววววว" เป็นแมวที่สอดแทรกเข้ามาตลอดเพลงให้หัวเราะนึกถึงหน้าคนร้องออกมาได้แบบนั้นทุกครั้งก็พอแล้วล่ะ เราว่าเสียงนี้น่าจะเป็นไอเดียของอิเหมียวล่ะ ไม่น่าใช่อิปู่หรอก นิสัยแทคผ่านเสียงร้องชัดๆเลย วิธีการแรพของแทคเพลงนี้เราว่ามีการใช้เสียงหลายแบบดี ไม่ใช่้แค่การคำรามดุอย่างเดียวแบบหลายเพลงที่ผ่านมา มีเสียงกวนๆแบบนึกหน้าแทคตามออกทันที เราว่าจุนเคชอบร้องกับแทคนะ สองเพลงแล้วที่ปู่จะร้องสอดรับการแรพของแทค เสียงสองคนนี้เข้ากันอย่างเหลือเชื่อเลยล่ะ ตอนแรกพอคิดคร่าวๆถึงคอนเซ็บเพลง เราก็คิดว่าเพลงนี้น่าจะเหมาะกับแทคที่สุด แต่พอดูเอ็มวีแล้วก็ผิดคาด คิดว่าคงถ่ายทำตอนช่วงแทคเหนื่อยสุดขีดล่ะ แทคมักเป็นแบบนี้พอเหนื่อยเกินขีดจำกัด จะชัตดาวน์ตัวเองอัตโนมัติ แต่พอดูไลฟ์แล้ว...ก็ใช่ล่ะ เพลงนี้เหมาะกับแทคจริงๆ มีอะไรให้พ่อเล่นเยอะเลยล่ะพ่อ เอาตามที่พ่อพอใจเลยจ๊ะ เวลาเจอท่อนร้อนของด้งในเพลงที่จุนเคแต่ง เราก็อดหัวเราะหุ หุ ไม่ได้ ก็เพราะมันจะรู้สึกขึ้นมาเลยว่าด้งนี่มันเป็นน้องรักอิปู่ชัดๆ สังเกตเห็นชัดเลยว่าจุนเคจะไม่ปล่อยให้ด้งหายไปในเพลงของตัวเอง จะต้องเอาเสียงด้งมาหยอดเป็นหย่อมเป็นหย่อม จุดยืนเราก็ยังเหมือนเดิมคือในบ่ายรองจากจุนเคแล้ว เราชอบเสียงด้ง หรือจะพูดให้ตรงกว่าคือไม่ได้ชอบเสียงด้งอะไรขนาดนั้นหรอกนะ แต่ที่ชอบจริงๆก็คืออารมณ์ในการร้องเพลงของด้ง อารมณ์เพลงของด้งเป็นสิ่งที่โดนใจทุกครั้งกับทุกเพลงของบ่ายนะไม่รู้ทำไม เด็กคนนี้เป็นนักร้องที่ใช้เสียงสะืท้อนความรู้สึกออกมา เทคนิคของด้งอาจไม่ดีเท่าโฮ เสียงของด้งอาจไม่เพราะเท่าโฮ แต่สิ่งหนึ่งที่เราคิดว่าด้งเหนือกว่าโฮก็คือการร้องที่เป็นอิสระกว่า เสียงที่อุ้มความรู้สึกเอาไว้แบบนั้นมันทำให้คนฟังเพลงสัมผัสได้ โฮน่ะเป็นประเภทตามตำราไง ทุกอย่างเป๊ะ คม ครบทุกอย่างที่นักร้องฝีมือดีจะมีได้ เพียงแค่คนฟังเพลงแบบเราชอบอีกแบบก็เท่านั้นเอง เป็นคนชอบฟังเพลงที่แม้ฟังไม่ออกสักคำแต่เสียงมันพุ่งเข้าหัวใจได้แบบนั้น เพราะงั้นนักร้องแบบที่เราชอบจึงเป็นแบบพวกร้องเพลงโซล อาร์แอนด์บีเทือกนั้นล่ะ กับเพลงGO CRAZY แล้ว คนที่ร้องได้ตรงโจทย์ที่สุดก็คือด้ง ความเครซี่ในเสียงมันสื่อออกมาได้อย่างดี คือถ้ามีมาตรวัดความบ้าในเพลงนี้ โฮมีน้อยสุด ด้งก็มีมากสุดล่ะ ขอแซะอิปู่หน่อยเหอะว่าเพลงตัวเองแท้ๆกลับปล่อยความบ้าไม่เท่า คงเพราะต้องวางเสียงอุ้มเพลงนี้เอาไว้ให้กลมกล่อมประมาณนั้น พี่ชายคนโตของกลุ่มที่บอกว่าตัวเองต้องทำงานอย่างหนักเพื่อรับผิดชอบกับคำพูดที่ชักชวนให้น้องๆมาทำงานให้เกาหลีให้มากขึ้นเถอะ พี่ที่อ้อนน้องเล็กจากแดนไกลถึงแอลเอว่า "นายรู้ใช่ไหมว่าพี่เหนื่อยเพื่อพวกเราอยู่" กับจุนเค คงไม่ต้องบอกแล้วว่าเราภูมิใจในตัวผู้ชายคนนี้ของเรามากแค่ไหน ความเป็นคนดนตรีของเขาคือทุกสิ่ง ความหลงใหลในเสียงเพลงของเขาคือทุกอย่าง แสดงออกผ่านการเป็นโปรดิวเซอร์อัลบั้มที่ 4 GO CRAZYของ 2pM อัลบั้มนี้ เหลือก็แค่... เลือกตามชอบเลยพ่อ เวอร์ซาเช่ สปริง-ซัมเมอร์ คอลเลกชั่นเลยด้วยเอ้า! ถ้าบ้าพอ...รู้ใช่ไหมว่าฮอตอยากเห็นใส่ชุดไหนที่สุด เราค่อนข้างพอใจกับอัลบั้มนี้ ไม่ใช่แค่เพราะจุนเคเป็นโปรดิวเซอร์ แต่ด้วยตัวเพลงทุกเพลงมันตอบโจทย์ความชอบของเราได้ อัลบั้มนี่มันให้อารมณ์Big Band ชัดๆ หลายเพลงนี่มันเพลงสวิงเห็นๆ เติมเสียงแซคโซโฟน ทรัมเป็ต คาร์ริเน็ตต์เข้าไปก็พร้อมเอาไปเล่นในผับแถบนิวออร์ลีนส์ได้พอดีเจ๋งเลย อย่างเพลง she's ma girl ที่เปิดด้วยเครื่องเป่าแบบนั้น...ก็...เอ่อเว้ย...55555555555555555555 ซาวด์ในอัลบั้มนี้น่าสนุกค้นหามาก บีทแรงๆตัดกับเมโลดี้เศร้าๆ ซาวด์อาร์แอนด์บีที่แฝงใส่ลงมามีความเหงาและความเดียวดายที่ชวนให้เอาหัวโหม่งเต้าหู้ตายไปซะถ้าเผลอเปิดฟังตอนกำลังหมองได้ที่ GO CRAZY จะเป็นเพลงที่ยิ่งได้แสดงมากเท่าไร ดูแล้วบ่ายจะยิ่งอิสระและจะเติมอะไรบ้าๆลงไปอีกเยอะ ทำเอาเราอดนึกถึง 10/10 ขึ้นมาไม่ได้ เพลงแรกเริ่มที่แสดงตัวตนของกลุ่มเด็กผู้ชายกลุ่มหนึ่งในวันเวลาเก่า เพลงที่แสดงให้เห็นว่าแฟนอย่างเราจะรับมือกับผู้ชายแบบไหน แล้ววันเวลาก็ผ่านมา 6 ปี ผู้ชายกลุ่มนี้ก็ยังไม่เปลี่ยน ยังเป็นผู้ชายกลุ่มเดียวกับที่เราเคยรู้จัก ตัวตนที่ตรงไปตรงมาที่พวกเขาหกคนแสดงให้เห็นมาตลอด ผู้ชายเวลาบ่ายสองที่ร้อนแรงที่สุดของฮอตเทส ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ออกจะเป็นอะโครบาติกชราดีเนอะ i'm already crazy! |