ยังไม่หมดแค่นี้เมื่อยามค่ำคืนยังมีการโชว์เทคนิค 3D Mapping ด้วยการฉายภาพเคลื่อนไหวบนเพดาน และประตูทางเข้าด้านหน้าร้าน ซึ่งถือว่าเป็นการเพิ่มสีสันและความมีชีวิตชีวาให้กับมื้อดินเนอร์ได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ
มาดูเรื่องอาหารกันบ้างดีกว่าครับ ที่บอกว่าที่นี่แม้จะดูทันสมัย หรูหรา แต่ว่ารสชาติอาหารนั้นถือว่าจัดจ้านแบบไทยๆ อาหารของที่นี่จึงอยู่ภายใต้คอนเซ็ปท์ The Best Authentic Thai Taste with Modern Twist เพราะว่าได้รับการรังสรรค์จาก เชฟปู ปูริดา ธีระพงษ์ สุดยอดเชฟหญิงระดับแนวหน้าของเมืองไทย ที่มีประสบการณ์ด้านอาหารไทยมานานกว่า 15 ปี กับภัตตาคารชั้นนำทั้งต่างประเทศและในบ้านเรา นอกจากนี้ยังการันตีด้วยตำแหน่งแชมป์ผู้ท้าชิงจากร้านการเชฟกระทะเหล็กแห่งประเทศไทย ซึ่งชนะด้วยเมนูที่ใช้วัตถุดิบหลักอย่างดอกไม้ได้อย่างสมศักดิ์ศรีทีเดียวครับ และแน่นอนว่าค่ำคืนนี้จะต้องมีเมนูสวยๆ รสชาติดีที่ทำจากดอกไม้แน่นอนครับ
ก่อนอื่นขอเริ่มที่เครื่องดื่ม Signature ของทางร้านนั่นก็คือ OSHA Chada (โอชา ชฎา) เครื่องดื่มที่เลือกได้ว่าจะสั่งแบบ Cocktail หรือ Mocktail เครื่องดื่มที่มีน้ำเสาวรสเป็นตัวชูโรง ทำให้มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน สดชื่น เสิร์ฟมาแบบไทยๆ ด้วยการเพิ่มเติมชฏาทรงสูงเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของร้าน
แล้วก็เริ่มต้นด้วยเมนู Garden Talk Crispy & Berry Sauce (250 บาท) หรือ ดอกไม้กรอบซอสลูกหม่อน เป็นเมนูทานเล่นที่นำเอาแผ่นแป้งปอเปี๊ยะคลุกเคล้ากับกลีบดอกไม้ที่ทานได้นำไปอบแทนการทอด ทำให้ได้แป้งที่กรอบแต่ไม่แตกง่าย ทานกับซอสลูกหม่อนที่มีให้เลือกทั้งแบบร้อนและเย็น รสชาติอร่อยเข้ากันอย่างลงตัวครับ เป็นเมนูที่ถือว่าทานง่ายไม่อ้วนด้วยนะครับ
ต่อด้วยอีกหนึ่งเมนูที่สวยงามและถือว่าเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของเชฟปูเลยก็ว่าได้นั่นก็คือ OSHA Ocean & Flora Salad (490 บาท) ยำหอยเชลล์น้ำฟักข้าว เป็นเมนูที่ผมชอบมากเพราะน้ำยำที่ทำจากฟักข้าวนั้นรสชาติจัดจ้าน แถมสีสันก็สวยงาม นอกจากนี้ดอกไม้ที่ประดับอยู่รอบๆ จานก็สามารถนำมาทานคู่กับน้ำยำทำให้อร่อยจัดจ้าน ไม่แพ้ความสวยงามเลยครับ
ถัดไปก็เป็นเมนู Nam Prik Goong (350 บาท) ที่นี่เรียกเมนูนี้ว่าน้ำพริกกุ้งสะเออะ เป็นน้ำพริกที่ชื่อแปลกหู แต่รสชาติรับรองว่าอร่อยถูกใจ เพราะเป็นน้ำพริกที่ปรุงจากการคั้นเนื้อกุ้งกับน้ำมะนาวและเพิ่มรสชาติด้วยไข่เค็มกับพริกสด ทานคู่กับผักสดที่เสิร์ฟมาพร้อมกันได้อย่างอร่อยแบบไทยๆ แน่นอนครับ
มาต่อกันที่อีกหนึ่งเมนูอาหารไทยที่ไปที่ไหนก็ขาดไม่ได้นั่นก็คือ Tom Yum Goong (400 บาท) แต่ต้มยำกุ้งของที่นี่เสิร์ฟในรูปแบบแปลกตาด้วยเครื่องต้มแบบวิธีไซฟ่อนด้วยการใช้ไฟทำให้หม้อร้อนแล้วทำให้น้ำต้มยำนั้นเดือดขึ้นไปผสมผสานกับเครื่องต้มยำ จากนั้นก็ทำการแยกน้ำต้มยำออกมาจากเครื่องต้มยำต่างๆ ทำให้สามารถซดน้ำต้มยำได้สบายๆ ไม่ต้องกังวลว่าจะติดวัตถุดิบอื่นๆ มาด้วยรึเปล่า นอกจากนี้ยังเพิ่มรสชาติอร่อยๆ และกลิ่นหอมชวนน้ำลายไหลของกุ้งแม่น้ำย่างตัวโต ที่ส่งกลิ่นหอมเย้ายวลให้ชวนชิมสุดๆ แม้ว่ารูปลักษณ์จะแตกต่างออกไป แต่รสชาติรับรองว่าอร่อยจัดจ้านตามแบบฉบับต้มยำกุ้งจริงๆ ครับ
กับข้าวมาเต็มแบบนี้ต้องทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ ถึงจะครบรสอาหารไทยจริงมั้ยครับ แต่ที่พิเศษก็คือข้าวที่ทางร้านนำเสนอเป็น ข้าวกล้องโอชา ซึ่งเป็นการนำข้าวไรซ์เบอร์รี่ไปหุ้งด้วยในลูกมะพร้าวเผา ซึ่งจะทำให้ได้ข้าวที่รสชาติหอมหวาน บอกตรงๆ ว่าทานเปล่าๆ ก็หวานอร่อยสุดๆ แล้วครับ
จากนั้นก็มาต่อกันที่อีกหนึ่งเมนูโปรดของผมนั่นก็คือ Classic Yellow Curry Chicken (650 บาท) แกงกะหรี่ไก่ที่พาเอาความอร่อยนุ่มละมุนลิ้นมาเสิร์ฟแบบจัดเต็ม ด้วยน้ำแกงที่หอมเครื่องเทศเข้มข้นแบบไทย น่องไก่ก็นุ่มอร่อย แถมทานคู่กับโรตีกล้วยทอดรสชาติเข้ากันอย่างลงตัวสุดๆ ครับ
จากนั้นก็ปิดท้ายขอคาวด้วยเมนู Grilled Lamb Cutlet with Herb Crush (750 บาท) ซี่โครงแกะสมุนไพรชิ้นใหญ่ ย่างมาแบบ medium rare ส่งกลิ่นหอมชวนทาน แถมเนื้อนุ่มสุกกำลังดี มาพร้อมกับน้ำจิ้มแจ่วสูตรพิเศษได้บรรยากาศความเป็นไทยขึ้นมาทันที ซึ่งรสชาติอร่อยไม่มีกลิ่นคาวมากวนใจแม้แต่นิด เมนูนี้ถูกใจสุดๆ ครับ
แล้วก็มาถึงเมนูของหวานบ้างครับ เริ่มที่ Fresh Fruits (280 บาท) ผลไม้รวมที่จัดมาได้อย่างสวยงาม เสิร์ฟพร้อมกับไอศกรีมเชอร์เบทแบบโฮมเมด ที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นได้ดี ที่สำคัญโต๊ะข้างๆ สั่งเมนูนี้พร้อมปักเทียนวันเกิดถือเป็นเค้กวันเกิดที่สวยแปลกตาจากที่เคยเห็น เก๋ไก๋ไปอีกแบบครับ
หรือจะเลือกของหวานเบาๆ แต่รสชาติไม่เบาด้วย Ice Cream Sorbet (280 บาท) ไอศกรีมสัปปะรดพริกเกลือ และสตรอเบอร์รี่พริกเกลือ ไอศกรีมเชอร์แบทโฮมเมดที่ผสมผสานรวมเอาผลไม้และพริกเกลือที่ใช้ทานคู่กับผลไม้นำมาทำเป็นไอศกรีมได้ลงตัวสัมผัสได้ถึงรสชาติของพริกเกลือที่แทรกอยู่ในตัวผลไม้ได้ดีทีเดียว
สำหรับมื้อนี้นอกจากจะได้ดื่มดำกับอาหารไทยที่สวยงามแต่ได้รสชาติอร่อยจัดจ้านแบบไทยๆ ยังได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศร้านที่สวยสะดุดตา ทำให้รู้สึกได้ว่า Osha Thai Restaurant & Bar ถือว่าเป็น Fine Thai Dining ที่ดีอีกแห่งหนึ่งสำหรับผมเลยก็ว่าได้ครับ สำหรับใครที่ชื่นชอบอาหารไทยในบรรยากาศสวยๆ แบบนี้แวะมาได้ที่ร้านOsha ปากซอยร่วมฤดีตัดกับถนนวิทยุ แล้วจะหลงรักที่นี่ได้ไม่ยากเลยครับ
ครั้งแรกใช้เวาเชอร์
ครั้งที่สองพาเชฟไปเลี้ยง (ครั้งที่สองยังไม่ได้ทำรีวิวเลย แหะๆ)
ชอบๆๆ