ซาร์ดิเนีย 2006
ซาร์ดิเนีย เป็นเกาะใหญ่ เกาะนึงของอิตาลี นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็คนอิตาลี คนเยอรมัน คนฝรั่งเศสคำถาม เขาไปทำอะไรที่นั่น คำตอบ เขาไปอาบแดดค่ะจริงๆ นะ เพราะฤดูอื่น เงียบมาก จะมีนักท่องเที่ยวก็แค่ตามเมืองท่าใหญ่ๆ เท่านั้นเอง(จากคำตอบของพนักงานเสิร์ฟสาวสวย)แต่ก่อนไปเกาะ ต้องไปเตรียมตัวก่อนที่บ้านต้องเริ่มจากทำความสะอาดค่ะเพราะรถแคมป์ กับเรือจอดทิ้งไว้ 1 ปีล้างเรือที่ร้านล้างรถค่ะ แค่เตรียมเหรียญไปหยอดเราก็ได้ล้างเรือที่แสนเหนื่อยแน่นอนต้องล้างเองล้างเรือแล้วก็ต้องซ่อมบำรุงแต่ไม่มีรูปค่ะเพราะไม่ได้ไปกับเขาแบบว่ามันร้อน แล้วก็ไม่รู้เรื่อง คือพูดไม่รู้เรื่อง 555เอาเป็นว่าตัดตอนไปเลย ข้ามไปวันเดินทางเลยดีกว่าระหว่างเดินทางไปท่าเรือ จากโรม ขึ้นเรือเที่ยว บ่ายๆแต่ว่ามันหิว ทำไงก็ต้องนี่ค่ะ ปั๊มน้ำมัน ไม่ได้กินน้ำมันแต่กินพิซซ่า ที่ราคาเท่ากับ 1 ถาด (ตอนไปสั่งทานในโรม)แต่เข้าใจค่ะ บาร์ยังไงก็แพงเดินทางขั้นต่อไป กับแคมป์หน้าตาเป็นไง รอไปก่อนนะคะ รูปมันย่อขนาดไม่ได้ค่ะโฟโต้ชอบมันไม่ยอมดึงรูปมา(เพราะงั้นรูปจะน้อย เท่าที่เอามาได้มันมีรูปคนด้วย คือย่อไว้นานแล้ว แต่วิวอย่างเดียว เจ๊งไปแล้วคะ)วันที่เดินทางเราไปถึงก็ดึก แล้วต้องจอดรถแคมป์ให้ได้ระดับ ไม่งั้นหัวนอนจะต่ำกว่าเท้าคืนที่ไปถึงจอดรถเสร็จต้องทานอาหารค่ำ อาบน้ำนอนเหนื่อยมาทั้งวัน เช้าก็ต้องเอาเรือลงน้ำอีกแคมป์ที่เราไปคือ Isuledda ค่ะ อยู่เมือง คานิโจเน่ดอกไม้ในแคมป์ ดอกไฮแดนเยีย ปลูกยังไงน๊า ได้เยอะขนาดนี้ส่วนรูปนี้ด้านหลังเป็นที่พักที่ทางแคมป์มีให้ค่ะ กรณีที่เราไม่มีรถแคมป์ไปเองหน้าตาเหมือนเต้นท์ แต่ด้านหลังเป็นรถ(พ่วง)ค่ะเป็นห้องนอน ไม่เคยเข้าไปค่ะ เคยแต่รถแคมป์ที่เป็นรถขับได้แล้วดิฉันก็ไปซื้อทานอาหารในเมืองระหว่างรอก็ถ่ายรูปโบสถ์ประจำเมืองค่ะมีถนนมุ่งหน้าไปท่าเรือ มีนางแบบอ้วนเจ้าเดิมค่ะ เวลายังมีเหลือเลยเดินไปซื้อของติดมือ "Ventaglini" 2.7 ยูโรชื่อเรียกยากเหลือเกิน แต่มันอร่อยยอมได้แล้วไม่ใช่ห่อเดียว ต้องมีเพื่อนด้วยมันคือ คลองแคลงรูปเกลียว อยู่ในน้ำผึ้ง ชื่อของมันยาก เรียกยากเหมือนเจ้าผีเสื้อนั่นหล่ะคะชื่อคือ "Acciuledi" มันมาเต็มกล่อง แต่กว่าจะนึกได้ก็เหลือเท่านี้คว้ามาถ่ายรูปเกือบไม่ทัน เราซื้อมาแค่ 252 กรัม ราคา 3.85 ยูโร (กก. ละ 15.30 ยูโร) แล้วปกติ ถ้าออกไปทานอาหารข้างนอก ธรรมเนียมปฏิบัติของครอบตรัวอ้วนๆ คือ ต้องตบท้ายด้วยไอศรีม ค่ะเจ้า "Gelato" หลากรส ถูกสุด 1.8 ยูโร (ที่เกาะ แล้วก็แล้วแต่ร้านด้วยค่ะ เลือกได้ค่าใส่ถ้วยกระดาษ หรือโคน)น้องสาวเสริมความอ้วนด้วยการขอ ครีม (panna) ค่ะ2 หนุ่มน้อย อิตาลีค่ะตาฟ้า ผมบรอนด์ หาได้ที่ไหน 555กิจกรรมที่ทำระหว่างไปแคมป์แบบนี้คือ อาบแดดค่ะแต่ดิฉันกลัวแดด เอาเป็นว่าไปหลบแดดดีกว่าจอดแคมป์ติด ชายหาดเล็กๆ ที่เป็นกรวดค่ะหาดอื่นๆ สีขาวก็มี แต่ต้องเดินค่ะ อันที่จริง หาดสีชมพูก็มีนะคะ ที่เกาะนี้ แต่เขาไม่ให้เข้าไปค่ะ กั้นเขตไว้อย่างดี ดูครอบครัวนี้แล้วกันค่ะน้องสาวขุดหาหอย หอยหน้าตาเหมือนหอยดองน้ำปลาบ้านเราเลยค่ะแต่ไม่มีรูปหอยดูเด็กขุดหากันไปก่อนตอนออกเรือไปเกาะของฝรั่งเศสตอน 8-9 โมงเช้าค่ะไม่มีคลื่นเลย นิ่งมากๆ พอบ่ายเท่านั้นหล่ะนั่งเรือกลับมาจุกเลยค่ะอาหารเที่ยง ปกติจะทานอะไรที่เบาๆ ค่ะ ถ้าไม่สลัดผัก หรือ ชีส หรือแซนวิช ก็อย่างเช่นเจ้านี่ค่ะเทใส่จานแล้วค่อยดูได้หน่อยดูหน่อยดิว่ามีอะไรอยู่ในนั้นบ้างแล้วปกติคือ จะไปซื้อไส้กรอกมาใส่เพิ่มค่ะทานได้เลย หรือจะใส่มายองเนสให้ชุ่มฉ่ำหน่อยก็ได้ส่วนตัว ต้องโป๊ะมายองเนสค่ะกลัวอ้วนไม่พอตอนไปอยู่ได้สัก 2-3 อาทิตย์ก็เข้าช่วง (กลางเดือนสิงหา) อากาศไม่เหมาะสำหรับออกเรือซะแล้วลมแรงค่ะ ที่บ้านมีเรือเล็ก ถึงแม้ว่าพ่อจะไปเปลี่ยนเครื่องให้ใหญ่แต่ก็ไม่มีประโยชน์คะที่เที่ยวเลยต้องใช่รถค่ะขับรถข้ามไปอีกฝากของเกาะ เมือง Alghero, Sassariจุดประสงค์คือไปเที่ยวถ้ำ ของเนปจูนค่ะ แล้วก็ดูทะเลฝั่งตะวันตกพอถึงก็ต้องลงบันได้ไปแบบนี้ร้อนมากเพราะย้อนแสงแต่ระหว่างทางเราก็มีให้พักแบบนี้หรือพัก (ด้วยวิว) แบบนี้ถ้าข้างในที่ไหนก็เหมือนกัน หินงอกหินย้อย เมืองไทยมีที่สวยๆ เยอะแยะ(นั่นเป็นสิ่งที่ต้องได้ยินแน่นอน ถ้าโพสลงในห้องบลูฯ 555)แต่ใครหล่ะจะถ่ายรูปออกมาได้สวยเหมือนอยู่ในสวรรค์โดยเฉพาะในมือของดิฉันที่มีกล้อง โกดัค CX6200 ซึ่งมีแค่ 2.0 เมกะพิกเซล เพราะงั้นรูปในถ้ำ ไม่มีค่ะเอาป้ายไปดูแทนราคานี้รวมไกด์ภาษาอังกฤษด้วยนะเออหรือจะเป็นรูปนี้ ตอนรอพ่อจ่ายตังค์ค่าเข้าออกมาแล้วก็อีกรูปก่อนกลับขาลงไปถ้ำนะจิ๊บๆแต่ขากลับนี่ดิ...