ตุลาคม 2553

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
(◕‿◕✿) เรื่องผีๆ ก็มีในโลก อีป้าเจอแร้วที่แทนซาเนีย
อีป้ากลับออกจากป่ารอบสองเรียบร้อยแร้ว และข่าวดีคือ ลุงแคนเซิลซาฟารีเจ้าที่ 3 ทำให้อีป้าได้กลับบ้านก่อนเวลา ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคติดเน็ทกำเริบอีกต่อไป ไม่ได้ใช้เน็ท 21 วัน อีป้าแทบจะลงแดงตายอยู่แร้ว


อีป้าไม่พูดพร่ำทำเพลงละนะ ขอเล่าเรื่องเลยแร้วกัน บล๊อกนี้จะเป็นบล๊อกแรกที่เกี่ยวกับผีสางนางไม้เลยทีเดียวนะเนี่ย เพราะว่าตั้งแต่อีป้าเกิดมาเป็นผู้เป็นคน (บร้าๆ) ก็ไม่เคยจะมีสักครั้ง ที่อีป้าสัมผัสกับวิญญาณได้เลย (ไม่เคยสักครั้งที่จะเป็น “คนเห็นผี” กับเค้าในชีวิต เป็น “คนเห็นหมี” ก็อาจจะมีบ้างบางครั้ง 5555 ) แต่ครั้งนี้คงจะแบบว่า “ของเค้าแรงจริงๆ “

แค้มป์นี้เป็นแค้มป์ที่ 2 ที่อีป้ามาอยู่ ปีก่อนอีป้าอยู่อีกแค้มป์ชื่อลิวิตี ไม่เคยจะมีประสบการณ์ขนหัวลุกอะไร แต่แค้มป์นี้ชื่อนาคิว ตั้งอยู่บนสิ่งที่เขาเรียกว่า “river bed” คือ ด้านล่างจะเป็นน้ำ ใช้ขุดเจาะน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ได้ สภาพป่าโดยรอบออกจะแห้งแล้ง มีแต่พื้นที่แถว river bed นี่แหละ ที่ยังเขียวชะอุ่มพุ่มไสว เป็นที่พำนักของทั้งคน สัตว์ และ อื่นๆ !!!

วันแรกที่อีป้าเดินทางมาถึงแค้มป์ประมาณห้าโมงเย็น ผจก.แค้มป์ชื่อสตีเฟ่น จัดให้อีป้าพักเต๊นท์หลังที่ 3 เนื่องจากมีลูกค้าสองคน พักหลังที่หนึ่งกับสอง อีป้ามากับลุงสองผัวเมีย ไกด์อีกคนชื่อแพทริคมาคนเดียว แพทริคเลยได้อยู่เต๊นท์เล็กหลังที่ 4

พวกเราขนของเข้าเต๊นท์ อีป้ากับลุงรู้สึกชื่นชอบเต๊นท์มาก ถึงกับชื่นชมออกมาว่า “เต๊นท์น่าอยู่จังเลยเนอะ ร่มรื่นเป็นส่วนตัว” เต๊นท์นี้มีต้นบาบับใหญ่อยู่หน้าเต๊นท์ ใหญ่ขนาดที่คนสี่คนโอบยังไม่รอบ เต๊นท์เป็นส่วนตัวเพราะมีรั้วหญ้าคากั้นระหว่างเต๊นท์จึงทำให้มองไม่เห็นกัน อีป้ามาถึงด้วยความที่ช่างจินตนาการ อีป้าก็เลยตั้งชื่อเต๊นท์นี้ว่า “บาบับ สวีท” เพื่อความเจริญและเป็นสิริมงคล อิๆ

ก่อนจะนอนหลับ อีป้าไม่ลืมที่จะสวดมนต์ตามธรรมเนียม อีป้าสวดมนต์พุทธคุณ พาหุง มหากาฯ พุทธคุณเท่าอายุบวกหนึ่ง ตามสูตรวัดอัมพวัน และอุทิศส่วนกุศลตามสเต็ป คืนแรกหลับสบายเพราะความเหนื่อยอ่อน ไม่ได้ทุกข์ร้อนอันใด

ทุกๆ วัน ลุงจะตื่นประมาณตี 4 ออกจากแค้มป์เพื่อไปล่าสัตว์ตอนตีห้าบ้าง ตีห้าครึ่งบ้าง ทุกวันที่ลุงตื่นอีป้าก็จะตื่นไปด้วย แต่แค่ไปฉี่ที่ห้องน้ำหลังเต๊นท์ เสร็จแล้วก็จะกลับมานอนต่อจนเก้าโมงเช้า สิบโมงเช้าบ้าง

เต๊นท์เป็นเต๊นท์ใหญ่ มีสองเตียงแยก มีซิปรูดเปิดด้านหน้าและหลัง ด้านหลังเป็นห้องน้ำ กับห้องอาบน้ำ กั้นด้วยหญ้าคาบนพื้นซีเมนต์ ด้านหลังเป็นส่วนเปิดจึงทำให้มีสัตว์เลื้อยคลานเข้ามาได้ ดังนั้นจึงต้องระวังเป็นพิเศษ

วันที่หนึ่งและสองของการอยู่เต๊นท์ ช่วงที่อีป้านอนกลางวันคนเดียว อีป้าจะได้ยินเสียงคนเดินรอบๆ เต๊นท์บ่อยมาก มีวันหนึ่งที่ลุงกลับมาตอนกลางวันแล้วเข้าเต๊นท์ลุงก็ได้ยินเสียงคนเดินเช่นกัน ลุงถึงกับทักออกมาว่า “ใครมาทำอะไรนักหนานะ” อีป้าก็เลยบอกไปว่า “คงเป็นรามา คงเอาน้ำมาเติม ทำงานรอบๆ เต๊นท์แหละมั้ง” คืออีป้าคิดว่าแค้มป์นี้เหมือนแค้มป์อีกแค้มป์ที่อีป้าเคยอยู่ คือ เวลาน้ำหมด พนักงานต้องเอาน้ำมาเติมที่ด้านหลัง แต่จริงๆ แล้วไม่เลย แค้มป์นี้มีท่อซัพพลายน้ำ เวลาน้ำหมดจะเติมน้ำ เขาจะปั๊มน้ำจากห้องครัวเข้ามาที่ห้องน้ำ ไม่ต้องให้ใครมาเติมน้ำทีละเต๊นท์

อีป้าไม่ได้สงสัยและรู้สึกไม่ดีอะไร เพราะคิดว่าตัวเองเป็นคนโชคดี พอคืนวันที่ 3 อีป้าเดินกลับมาเต๊นท์คนเดียว เพราะลุงมัวแต่คุยกับแพทริคไกด์อีกคน ก่อนจะรูดซิปเปิดเต๊นท์อีป้าได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง “แซ่กๆๆ” อีป้าก็เลยก้มลงดู ส่วนหน้าเต๊นท์ที่เป็นส่วนต่อระหว่างซีเมนต์กับทราย มองเห็นงูสีดำมะเมื่อม กำลังเลื้อยไปผ่านหน้าอีป้าไป เห็นแค่ส่วนหาง เลื้อยผ่านไปด้านหลังเต๊นท์ !!!

อีป้าตกใจมาก แต่ด้วยความที่เป็นคนมีสติดี (นึกว่าอีป้าสติแตกกันอยู่เรื่อยละซรี้) อีป้าก็ไม่ได้กรี๊ดแตก ทำเสียงอะไรให้ใครๆ ตื่นตกใจ อีป้าได้แต่กลับหลังหัน แล้ววิ่งสุดชีวิต เร็วที่สุดตั้งแต่อีป้าเกิดมาเป็นคน ไม่เคยจะวิ่งอะไรได้เร็วขนาดนี้ วิ่งไปหาลุงกับแพทริค บอกลุงว่า “งูๆ ชั้นเห็นงูหน้าเต๊นท์” ด้วยความที่แพทริคมัวแต่แวะหาไม้มาตีงู กว่าจะหามาได้ก็ปาเข้าไปสิบนาที งูก็เลื้อยไปไหนต่อไหนแล้ว แต่กระนั้นแพทริคก็บอกว่า “เข้าไปเช็คดูในเต๊นท์ตรงหลังห้องน้ำหน่อยเหอะ” เพื่อความแน่ใจ ว่างูไม่ได้เข้าไปซุกซ่อนอยู่ในห้องน้ำ แล้วโผล่มาหลอกหลอกอีป้าตอนขรี้ แต่ก็ปรากฎว่าแม้แต่งูก็ไม่อยากจะอยู่ดมขรี้ดมเยี่ยวอะนะ 5555 ทีมค้นหาก็ไม่เจองูแต่ประการใด

เรื่องงูก็เป็นอันจบไป อีป้านอนหลับสบาย แม้เพิ่งจะได้เจองูมาหมาดๆ แต่หลังจากคืนนั้น อีป้าก็ต้องพกไฟฉายตลอด เข้าเต๊นท์เป็นส่องก่อน ส่องใต้เตียง ข้างตู้ ดูให้ชัวร์ว่าไม่มีงู เข้าส้วมนี่ต้องส่งเสียงดัง เปิดเพลงลั่นทุ่ง ตะโกนออกไปก่อนจะออกไปห้องน้ำว่า “ปวดขรี้ๆๆๆ จะไปขรี้แล้วนะ” เพื่อใช้เสียงข่ม มีงูเงี้ยวอยู่งูจะได้กลัวเสียง และหนีไป

วันรุ่งขึ้นอีป้ารีบเล่าให้ซาฟาเพื่อนเลิฟฟัง ว่าชั้นเจองูด้วยแหละเมื่อคืนนี้ ยัยซาฟาออกจะเชื่อเรื่องผีๆ สางๆ ก็เลยรีบเล่าออกมาว่า “เต๊นท์ที่สามน่ะ ไม่ดีหรอกนะจะบอกหั้ย มีอะไรบางอย่างอยู่ แล้วเจองูนี่ผัวชั้นบอกจะโชคร้ายนะ ปีที่แล้วผัวชั้นเจองู ผัวชั้นรถคว่ำเลยนะเธอ” เอาเข้าไป อีป้าคนมองโลกแง่ดีก็บอกว่า “จิงดิ ไม่มีไรหรอกมั้ง อาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ” ชีเล่าต่อไปว่า ก่อนเธอมาน่ะ รามาตีงูตายที่เต๊นท์เธอหลังห้องน้ำแหละ ลูกค้าคนอิตาเลียนก็เจองูสีเขียวเหลืองที่เต๊นท์เธอ พอเรียกคนไปดูงูก็หายไป ต้นบาบับหน้าเต๊นท์เธอน่ะแหละมีปัญหา สงสัยเป็นรังงู เอาเข้าไปๆ พูดอะไรให้อีป้ากลัวอีกแระ แต่อีป้าก็ทำใจดีสู้งูไปก่อน (ตอนนั้นยังไม่เจอผี)

เย็นวันนั้นลุงพาลูกค้าไปยิงเซเบิ้ลขนาดใหญ่ ไซส์ประมาณ world recorded ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีเหมือนจะไม่มีเรื่องร้ายๆ อะไร

วันรุ่งขึ้นรุ่งสาง ลุงออกไปตอนตีห้า ฟ้ายังมืด อีป้าตื่นนอนไปห้องน้ำด้านหลังและปิดซิปอย่างดี ล้มตัวนอน ได้ยินเสียงหายใจแรงๆ “ฟืด ฟาด ฟืด ฟาด” อยู่พักนึง อีป้าคิดเอาเองว่าสงสัยอีป้าเป็นหวัด เพราะอากาศตอนเช้าเย็นมาก เลยนึกว่าตัวเองคัดจมูกน้ำมูกไหล หายใจแรงแบบนี้เลยเหรอเนี่ย อีป้าเลยกลั้นหายใจ หูก็เงี่ยฟัง แต่เสียงฟืดฟาดไม่ได้หยุดหรือเบาลงไป มันอยู่หลังหน้าต่างตรงหัวนอนอีป้านี่เอง โชคดีหน้าต่างปิดไว้ อีป้าคิดเอาเองว่า “ซวยแล้วกรู ใครวะเนี่ย?” นอนคิดไปเรื่อยๆ ว่าอาจจะเป็นเสือดาว ซาฟาเคยบอกว่ามีเสือดาวเข้ามาแถวๆ ห้องครัว กับห้องถลกหนังบ่อยๆ เวลาที่ได้สัตว์มาแล้วถลกหนัง เสือดาวได้กลิ่นเลือดจะตามกลิ่นเลือดมา อีป้าเลยคิดว่า ซวยแร้ว ทำไงดีๆ เดี๋ยวเกิดมันได้กลิ่นตัวตุๆ ของอีป้าแล้วกระโดดเข้ามากินอีป้าจะทำไงดีวะ อีกใจก็คิดว่า แล้วถ้ามันไม่ใช่เสือล่ะ แต่ถ้าเป็นคน หรือไม่ใช่คนตรูจะทำไง คิดไปเรื่อยเปื่อย แล้วก็นึกขึ้นได้ว่า คิดมากไปก็รังแต่จะทำให้กลัวและนอนไม่หลับ เสียเวลานอนกรูโม้ด (-_-”) คิดไปก็เปลืองสมอง อีป้าเลยเอาผ้าห่มมาคลุมโปงแล้วหลับต่อไป ไม่ได้สนใจว่าเสียงหายใจนั้นมันจะอยู่หรือมันจะไปเมื่อไหร่

เก้าโมงเช้าอีป้าตื่นนอนออกไปกินข้าว และคุยกับซาฟา เล่าเรื่องเสียงหายใจลึกลับให้ชีฟัง ชีก็เริ่มอีก “เต๊นท์เธอน่ะไม่ดีจริงๆ นะ รามาบอกชั้นว่าอย่าไปอยู่ หลังจากรามาตีงูตาย เสื้อสเวทเตอร์รามาหายไปสามวัน หาจนทั่วไม่เจอ จนวันที่สามไปโผล่ที่เต๊นท์เธอน่ะ มันมีอะไรจริงๆ นะ” อะ อีป้าเริ่มคิดแระ แต่บอกซาฟาไปว่า อาจจะไม่ได้มีไรไม่ดีก็ได้มั้งตัวเอง ก็เนี่ยขนาดเธอบอกเจองูแล้วไม่ดี ผัวชั้นบอกว่าซิมบับเวเชื่อว่าถ้าเจองูสำหรับนักล่าถือว่าโชคดีนะ นี่ก็โชคดีไง เมื่อวานผัวชั้นก็ยิงเซเบิ้ลไซส์ใหญ่ได้เรยนะ ซาฟาอือออ บอกว่า “อ๋อเหรอ?” ชียังคงเล่าต่อไปว่ามีคืนนึงชีอยู่เต๊นท์คนเดียว ผัวชีไม่อยู่ไปนั่งส่องเสือดาว ชีได้ยินเสียงคนเดินรอบเต๊นท์ (เต๊นท์ซาฟาเต๊นท์ที่สี่ ถัดจากอีป้า) ซาฟาบอกว่า ชีนึกว่ารามา ก็ตะโกนเรียกรามาๆ ห้านาทีถัดมา รามามาถึงเต๊นท์ ซาฟาถามว่า “เมื่อกี้เธอมาเดินแถวนี้เหรอ?” รามาบอกเปล่า เพิ่งมาตะกี้นี้เองตอนได้ยินเสียงเรียก อีป้าฟังแล้วก็ได้แต่ครุ่นคิด แต่ก็ยังบอกว่า “อื้มๆ ไม่น่ามีไรไม่ดีกะชั้นหรอกนะ ถ้าเค้าจะมาทำไรชั้นก็ไม่น่ามาแค่เสียง”

ตกกลางคืน อีป้าเล่าให้ลุงฟัง ลุงก็ประมาณว่า ไมเมียกรูมันบร้าเยี่ยงนี้ ไม่เชื่อๆ ลุงบอกทำไมไม่เอาไฟฉายไปส่องดูซะเลยล่ะ? อีป้าบอกถ้าส่องดูแล้วเป็นเสือดาวแล้วมันโดดเข้ามากัดชั้นล่ะ? ลุงบอกมันไม่กัดหรอก พอเอาไฟฉายส่องตาเสือจะตาบอดชั่วคราว มันจะตกใจวิ่งหนีไปเอง อีป้าเลยถามต่อว่า แล้วถ้าเกิดส่องแล้วไม่เห็นไรเลย หรือเห็นเป็นอย่างอื่นละ? จะทำไง ลุงเริ่มคิดและไม่ตอบ ตัดบทว่า “ห้ามพูดเรื่องบ้าๆ แบบนี้อีกนะ” จริงๆ แร้วก็นึกกลัวเหมือนกันละซรี้ ทำเป็นเก๊กแมนอยู่ได้

เช้าวันต่อมา ปกติตอนลุงตื่นตีสี่ครึ่ง อีป้าจะตื่นด้วย เพราะลุงทั้งไอค่อกแค่ก เข้าส้วมก็ตดปรู๊ดปร๊าด (ห้องน้ำมันกั้นด้วยแผงผ้าใบ ต้องทำใจนิดนุง) อีป้าขนาดเป็นคนหลับลึกแล้วก็ยังตื่น พอตื่นแล้วก็อย่าให้เสีย อีป้ามักจะเดินไปเข้าห้องน้ำแล้วกลับมานอนต่อ เนื่องจากเวลาอยู่เต๊นท์คนเดียว กลัวออกไปเจองู เลยไม่อยากจะเข้า ถ้าลุงอยู่แล้วไม่เคยเจองูเลย แต่ถึงเจอก็ไม่มีอันตรายอะไร อยู่กับมือสังหาร ลุงจัดการได้ แต่ถ้าอีป้าเจองูเองก็คงทำได้แค่วิ่งป่าราบ อีป้าเลยตื่นนอนออกไปฉี่ กลับเข้ามานอนต่อ ตื่นอีกทีเก้าโมงเช้า

หลังจากตื่นนอนอีป้าก็เดินออกไปกินข้าวเช้ากับซาฟา ปกติเต๊นท์อีป้าซิปด้านหน้าด้านหลังไม่ค่อยจะดีอยู่แล้ว ยิ่งซิปด้านหน้าถ้ารูดจากด้านนอกซิปแตกทุกครั้ง ตอนบ่ายลุงกลับมากินข้าวกลางวัน อีป้าถามด้วยความห่วงใยหลังจากลุงกลับเข้าเต๊นท์ไปเข้าส้วมว่า “ปิดเต๊นท์ได้ไหมเธอ” ลุงไม่ตอบคำถาม ตะโกนใส่อีป้าราวกับอีป้าเป็นอาชญากรว่า “เธอน่ะลืมปิดเต๊นท์ด้านหลัง ลืมได้ยังไง เดี๋ยวงูก็เข้ามาฉกหัวเอาหรอก” อาไรกันฟระ ตรูอุตส่าห์เป็นห่วงจะไปช่วยปิดเต๊นท์ที่ซิปแตกด้านหน้าให้ กลับมาโดนด่าอีก แต่อีป้าเป็นเมียที่ดีเห็นแก่หน้าผัว เลยไม่สวนออกอากาศ (ต่อหน้าลูกค้าและซาฟา) อีป้าได้แต่บอกว่า “อ๋อเหรอ?” แล้วเฉยๆ ไป

หลังกินข้าวกลางวัน อีป้าเดินกลับเต๊นท์ ในใจครุ่นคริดว่า คนอย่างอีป้าไม่มีวันลืมปิดเต๊นท์ด้านหลังเด็ดขาด เพราะสองคืนก่อนเพิ่งเจองูหมาดๆ ถ้าไม่เจองูอีป้าอาจจะประมาท แต่นี่เจองูแล้วใครจะกล้ามาเปิดเต๊นท์อ้าซ่าให้งูเข้ามาฉกกบาลเล่นๆ วะ พออีป้าเดินกลับเข้าเต๊นท์ก็พบว่า ที่นอนถูกจัดเรียบร้อย แปลว่ารามาคนทำเต๊นท์เข้ามาทำความสะอาดหลังอีป้าออกไปกินข้าวแล้วแน่นอน และถ้ารามาเข้ามาทำความสะอาดและเห็นว่าเต๊นท์เปิดอ้าซ่า เขาก็ต้องปิดให้สิ จะมาเปิดอ้าซ่าไว้ได้ไง นี่ถือเป็นความผิดร้ายแรงนะ อีป้าเลยสวนกับลุง ด่าลุงไปหลายรอบ บังอาจมาด่าเมียต่อหน้าธารกำนัลได้ยังไง ด่าเมียที่เคารพนี่จะให้คบต่อไปได้ยังงาย ลุงเถียงอุบอิบอยู่ไม่กี่คำแล้วเดินเข้าส้วมไปนั่งขรี้ อีป้าบ่นต่อ บอกว่า ชั้นน่ะไม่ประมาทหรอกนะ ลองได้เจองูแล้วใครมันจะกล้าเปิดเต๊นท์อ้าซ่าอีกวะ ชั้นนี่ใช้ชีวิตอยู่ในเต๊นท์มากฝ่าแกอีกนะ ลุงคงจะรำคาญที่อีป้าเอาแต่บ่น เสียสมาธิตอนลุงจะขรี้หมด ลุงตะโกนบอกอีป้าว่า “เออน่า รู้แล้วเลิกบ่นซะที ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้” แน่ะ ดูมันจิ ไปด่าอีป้าหน้าธารกำนัลแล้วยังมาทำเป็นเรื่องเล็ก อีป้าก็เลยกวนตรีนต่อไปไม่หยุดหย่อน บังอาจฉีกหน้าเมีย อย่าหวังได้ขรี้อย่างมีฟามสุขเรย อีป้าเลยกระโดดโลดเต้นบนเตียงว่าแล้วร้องเป็นเพลงว่า “ชั้นนั้นไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นเรื่องใหญ่ แต่เธอน่ะสิมาด่าชั้น มาปรักปรำช้านนนนน” ลุงตะโกนออกจากส้วมมาว่า “หยุดซะทีโว้ยยยย” อิๆๆ ขำฟร่ะ

เรื่องลึกลับเหมือนจะไม่ลึกลับอีกต่อไป เพราะทุกๆ คนต่างลงความเห็นว่ารามาคนทำเต๊นท์คงจะลืมปิดเต๊นท์

แต่แล้ววันต่อมาอีป้าก็พบกับประสบการณ์ขนหัวลุก ที่ทำให้คนบร้าๆ อย่างอีป้าต้องเชื่อว่า ผีมีจริงๆ คร้า

เช้าตรู่วันนั้น ลุงออกไปตั้งแต่ตีห้าครึ่ง อีป้าตื่นไปฉี่แล้วกลับเข้านอนตามปกติ หลังเข้าห้องน้ำ อีป้าจำได้แม่นยำว่าอีป้ายื่นมือออกไปปิดห้องน้ำด้านล่างด้วยตีนตุ๊กแก แล้วรูดซิปด้านบนปิดเต๊นท์เรียบร้อย ด้วยความกลัวว่าถ้าปิดไม่ดี งูจะเข้ามาฉกกบาลเอาได้ แล้วก็นอนต่ออย่างเป็นสุข ไม่ได้คิดถึงผีสางนางไม้อะไรอีก

ตื่นมาอีกทีเก้าโมงครึ่ง หลับสบ๊ายสบาย ไม่เคยรู้เลยว่าภัยจะมาถึงตัว ตื่นมากำลังจะรูดซิปเปิดเต๊นท์เพื่อเข้าห้องน้ำ กลับพบว่า ซิปไม่ได้รูด กร๊าก ! กรี๊ด ! คือ ซิปที่อีป้ามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ารูดปิดลงมาข้างล่าง มันกลับเปิดอ้าซ่าขึ้นไปข้างบน แต่ทว่า เต๊นท์กลับถูกปิดมิดชิด ด้วยตีนตุ๊กแก ซึ่งวิธีการเดียวที่จะปิดเยี่ยงนี้ได้เรียบแปล้แบบนี้ จะต้องปิดจากด้านนอกเท่านั้น ห้องน้ำด้านหลังกั้นด้วยหญ้าคา ไม่มีทางที่สัตว์หรือคนที่ไหนจะเข้ามาได้ แล้วนี่มันอะไร หรือใครกัน? ที่มาเล่นตลกแบบนี้ อีป้ายิ่งคิดก็ยิ่งงง และขนหัวลุก มองที่แขนสองข้างของตัวเอง เห็นขนแขนสแตนด์อัพ โดยมิได้นัดหมาย รู้สึกทันทีว่าแม้แต่ขนหัวก็ลุกด้วย โอ๊ยกรูจะบร้าโว้ย อีป้าเอามือลูบผมตัวเอง แล้วเดินไปหยิบเอาถุงแพรที่แม่ให้มา ที่มีเบี้ยแก้กับธงพิชัยสงคราม เครื่องรางที่แม่ให้มาก่อนจะย้ายมาจากไทย ยกมือขึ้นประนมแล้วสวดมนต์อาราธนาพระ เอาธงพิชัยสงครามมาใส่คอไว้ สวดมนต์ไปก็รู้สึกว่ามือตัวเองสั่นแหง่กๆๆๆ

จบการอาราธนาพระอีป้าก็แหกตีนตุ๊กแกออกไปฉี่ตามปกติ รีบแปรงฟันแล้ววิ่งไปห้องอาหาร ซาฟานั่งกินข้าวกันอัลทัฟผัวของชี อีป้าคันปากอยากจะเล่าให้ซาฟาฟังซะให้ได้ แต่ต้องรอให้อัลทัฟไปก่อน เพราะอัลทัฟเป็นมุสลิม แถมประเภทเดียวกับลุงคือไม่เชื่อเรื่องผีสาง เล่าไรให้ฟังรังแต่จะถูกด่าหาว่าบ้า

พออัลทัฟเปิดตูดขึ้นรถไป อีป้าก็รีบบอกซาฟาว่า “ชั้นเจอเรื่องลึกลับอีกแร้วละเธอ ที่ชั้นบอกเธอว่าชั้นไม่เชื่อๆ ว่ามีอะไรที่เต๊นท์สามจริงๆ ง่ะ ตอนนี้ชั้นเชื่อแร้วนะ” ซาฟาหน้าตาตื่น สนใจใคร่รู้เต็มที่ อีป้าเริ่มเล่า พลางชูแขนให้ชีดูว่า “ดูนี่สิ ชั้นเล่าไปขนลุกไป ถ้านี่ไม่ใช่เรื่องจริงง่ะ ชั้นคงไม่ขนลุกแบบนี้ อาการนี่มันเฟคกันไม่ได้นะ” ซาฟาบอกว่า “ชั้นเชื่อตั้งนานแล้ว บอกเธอตั้งนานแล้วด้วย เธอแหละทำเป็นไม่เชื่อเอง” อีป้าบอกชีไปว่า “ตอนนี้เชื่อแร้วจ้า” แต่ก็ยังพูดไปว่า “แต่เธอคิดดูจิ เค้าไม่ได้จะทำอันตรายอะไรชั้นเลยนะ ดูจิเข้าแค่อยากให้ชั้นยอมรับว่าเค้ามีตัวตนอยู่จริงๆ จริงๆ คือเข้าออกจะปกป้องชั้นด้วยซ้ำง่ะ ถ้าเค้าจะทำร้ายชั้นเค้าน่าจะเปิดเต๊นท์ให้งูเข้ามากัดชั้นก็ยังได้นะ” ซาฟาฟังแล้วทำหน้าตาเฉย คงคิดว่าอีนี่บ้า ผีมาหลอกแล้วยังจะคิดงี้ดีๆ ได้อีก ก็ไม่รู้จะทำไง กลัวก็กลัวแต่จะคิดร้ายไปให้มันได้อะไรขึ้นมามิทราบ ซาฟาบอกอีป้าว่า “เธอควรจะทำอะไรสักอย่าง เอาช๊อคโกแลตหรือขนมหวานไปไหว้ต้นบาบับดีไหม?” แต่อีป้าเฉยๆ ครุ่นคิดในใจ พอตกบ่ายอีป้ากลับเข้าเต๊นท์ผีสิงอีกรอบ ก็เลยสวดมนต์แล้วอุทิศส่วนกุศลให้กับ “เขา” โดยตรง บอกไปว่าตอนนี้เชื่อแล้วจ้าว่ามีอยู่จริง จะอุทิศส่วนกุศลไปให้โดยตรง และถ้าอยากได้อะไรให้มาบอกกันดีๆ อย่ามาแบบเฟะๆ มาหลอกหลอนให้ตกใจเสียขวัญ มาแบบสวยๆ มาบอกในฝันนะ แล้วถ้ากลับไทยแล้วจะทำบุญไปให้ จะไปบริจาคเลือดที่สภากาชาดไทยแล้วอุทิศส่วนกุศลให้ ตกกลางคืนอีป้าก็โทรไปฟ้องแม่ บอกแม่ว่า “ผีหลอกอ้ะแม่ ช่วยสวดมนต์ให้ทีนะ”

หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา เสียงคนเดินตอนกลางวัน กลางคืน หรือเสียงหายใจ หรือเหตุการณ์ที่พิสูจน์ไม่ได้ ไม่มีเหตุผลอะไร ก็ไม่เคยเกิดขึ้นกับอีป้าอีกเลย

ซาฟาเอาแต่เฝ้าซักถามอีป้าทุกวันว่า “เป็นไงบ้าง? มีไรเกิดขึ้นอีกไหม?” แหมซาฟานี่ คนอะไรฟระจะบร้าและชอบฟังแต่เรื่องผีๆ สางๆ ตลอดเวลา อยากรู้นักเดี๋ยวก็ย้ายไปอยู่เต๊นท์สามเลยไป๊

จบแร้ว เรื่องผีๆ ก็มีในโลก อีป้าไม่รู้ว่าเจอมาได้ไง คิดว่าของเขาแรงจริงๆ ก็เรื่องหนึ่ง ส่วนอีกเรื่องหนึ่งคือ ไม่รู้เพราะอีป้าไปนั่งสมาธิช่วงวันแรกๆ ที่มาหรือเปล่าก็ไม่รู้ จิตใจเลยไวเลยรู้สึกสัมผัสกับเรื่องพวกนี้ได้ อีป้าเพิ่งจะดูหนังฝรั่งเรื่องนึง เป็นเรื่องของเด็กชายที่เห็นคนตายมาเดินไปเดินมา โดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองตายแล้ว และไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นมองเห็น แต่มีผีเด็กผู้หญิงคนนึง รู้ว่าเด็กชายคนนั้นมองเห็นเธอ ผีเด็กก็คอยตามเด็กชายคนนั้น มาในร่างเฟะๆ มาทีก็อ้วกแตกอ้วกแตน เด็กคนนั้นกลัวจนแทบขรี้ราด แต่สุดท้ายก็พบว่าจริงๆ ผีเด็กหญิงไม่ได้จะทำร้ายอะไร เพียงแต่อยากจะบอกอะไรบางอย่าง ให้เด็กชายช่วย ตอนหลังเด็กชายไปงานศพที่บ้านเด็กหญิง แล้วก็เอาวีดีโอเทปให้พ่อเด็กหญิงดู พ่อเด็กหญิงถึงรู้ว่าลูกไม่ได้ป่วยตาย แต่ตายเพราะเมียใหม่วางยาพิษ อีป้ายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่า บางทีการสัมผัสกับวิญญาณอะไรได้ก็ไม่ใช่ว่าเค้าตั้งใจจะมาหลอกหลอนให้เราสติแตกหรอก มันไม่มีเหตุผลอะไร จริงๆ คงเป็นเพราะว่าวิญญาณที่อีป้าเจอเขาอยู่แต่ในป่าเขา และแทนซาเนียเป็นประเทศมุสลิมด้วย ใครจะไปทำบุญทำทานและอุทิศส่วนกุศลให้เขาคงไม่มี พออีป้ามาสวดมนต์ นั่งสมาธิแถวนี้ ผีเลยออกมาบอกว่า “ให้ตรูมั่ง” แต่ตอนแรกอีป้าก็แผ่เมตตาไปรวมๆ ไม่ได้เจาะจง เพราะไม่รู้ว่ามีผีอยู่ที่เต๊นท์นี้ด้วย แถมตอนทำสมาธิที่เป็นบุญใหญ่อีป้าทำเสร็จก็นอนหลับอุตุ ไม่ได้แผ่เมตตาให้ใครเลย เพราะมัวแต่ง่วงนอน ด้วยเหตุนี้แหละมั้ง เลยทำให้ผีออกมาเรียกร้องความสนใจกับอีป้า

เรื่องแบบนี้เมื่อก่อนอีป้าก็ไม่เคยเชื่อนะ จนตอนหลังออกจากป่ามาแล้วโทรคุยกับแม่ แม่เล่าว่าบ้านยายน่ะผีดุมาก น้าอีป้าตื่นตอนเช้ามืดส่งสามีไปทำงานแล้วนอนต่อ เจอผีขึ้นมาขี่บนตัว ต้องสวดมนต์ไล่ผีกันนานทีเดียว อีป้าเลยนึกขึ้นมาได้เล่าให้แม่ฟังว่า ตอนเด็กเคยเจอหนนึงตอนไปนอนบ้านยายน่ะ เป็นมุ้ง แต่ทับมุ้งดีแล้วแท้ๆ ตอนกลางคืนนอนอยู่ดีๆ รู้สึกเหมือนมุ้งหย่อนตกลงมาใส่หัว หรือไม่ก็มีคนเอามือมาจับหัวจากนอกมุ้ง แต่ตื่นมาตอนเช้าก็เห็นมุ้งตึงๆ ดีอยู่ แต่ตอนนั้นเด็กๆ เลยไม่คิดอะไรมาก แต่น้าๆ ที่นอนบ้านยายเจอผีหลอกกันหลายคนแล้ว ผีดุจริงๆ สรุปแล้วในชีวิตอีป้าก็เคยสัมผัสกับเรื่องพวกนี้ครั้งแรกตอนเป็นเด็ก กับครั้งนี้ที่แอฟริกานี่แหละ ถึงจะไม่ได้เจอแบบผีหลอกตาโบ๋ก็เหอะ แต่ก็ขนหัวลุกเรยทีเดียว



Create Date : 21 ตุลาคม 2553
Last Update : 21 ตุลาคม 2553 18:55:43 น.
Counter : 1433 Pageviews.

10 comments
  
แหม ไอ้ชั้นก็ตั้งตารอ คิดว่าจะเห็นเป็นรูปเป็นร่างอ่ะ
โดย: Ying IP: 58.97.37.61 วันที่: 21 ตุลาคม 2553 เวลา:19:12:08 น.
  
อีบร้าแค่นี้ก็กลัวขรี้จะราดแล้ว
โดย: littlebitlittlemore วันที่: 21 ตุลาคม 2553 เวลา:19:17:22 น.
  
สนุกจังค่ะ อ่านเพลินจนลืมกลัวไปเลย
โดย: Nokky IP: 124.121.60.175 วันที่: 21 ตุลาคม 2553 เวลา:20:55:22 น.
  
โห ป้าเีดี๋ยวนี้ก้าวหน้ามีเพื่อนต่างชาติไม่พอ คบเพื่อนต่างภพอีก ไปอยู่ป่า 20 กว่าวัน ต้องมีเรื่องเล่าอีก มาเร็วๆนะจะรอ
โดย: ขมิ้นชันสีสวย IP: 1.47.103.23 วันที่: 22 ตุลาคม 2553 เวลา:7:56:09 น.
  
ลุ้นแทบแย่นึกว่าเจอแบบเป็นตัว แต่โชคดีละค่ะที่ไม่เจอ
โดย: ปุ๊กโอลีฟ IP: 124.120.213.66 วันที่: 30 ตุลาคม 2553 เวลา:21:31:23 น.
  
กว่าจะทำใจอ่าน อิอิ เพราะป้าโอ๋ก็กลัวปี๋ อิอิ ดีแล้วนะป้าเติ้ลสวดมนต์เก่ง แผ่ส่วนกุศลให้เค้าเป็นเรื่องราว

เรื่องนี้บอกตรงๆ ว่าเชื่อจริงๆ
โดย: ชฎาแหลม วันที่: 31 ตุลาคม 2553 เวลา:19:51:05 น.
  
อ่านไป ตื่นเต้นไป แถมขนลุกตามไปด้วย นะจะบอกงัย บรื่อ
โดย: Aana IP: 27.55.97.195 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2553 เวลา:22:21:11 น.
  
โอ้สนุกอ่ะ อ่านแล้วเห็นภาพเลย คุณเติ้ลเล่าเก่งอ่ะ
โดย: Tae (K'runya ) วันที่: 5 ธันวาคม 2553 เวลา:22:12:00 น.
  
อ่านจบแล้วจร้าป้าล่าม
เล่าเรื่องได้สนุกมากๆ

ส่วนเรื่องผี เชื่อค่ะว่ามีอยู่จริง
โดย: Porn IP: 180.183.189.30 วันที่: 8 มกราคม 2554 เวลา:18:30:11 น.
  
ทำไมมันน่ากลัวอย่างนี้
โดย: Be Happy ja วันที่: 22 มกราคม 2554 เวลา:3:21:36 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

littlebitlittlemore
Location :
Sweet Home Alabama  United States

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]



สวัสดีจากอลาบาม่า สหรัฐอเมริกา
Subscibe ช่อง Home of the brave

เพื่อคนไทยในอเมริกา

MY VIP Friend