Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2555
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
8 ตุลาคม 2555
 
All Blogs
 
Knight At Night ... สงครามรัตติกาล Ch.6

6/0


ไอเด็นหันสายตาไปมองหญิงสาวอย่างอดไม่ได้ พร้อมกับที่นึกขัน....กับคำเรียกที่พวกมนุษย์ตั้งขึ้นมาเอง

"มันเป็นเรื่องของอำนาจ" เขาอธิบาย "และความพอใจ... มันมาคู่กันเสมอ เพราะงั้นเรื่องที่ว่าเป็นกลางวันหรือกลางคืนน่ะ มันก็แค่บทปลีกย่อยข้อหนึ่ง"

ดวงตาสีดำสนิท...ที่ชวนให้พิศวงอย่างประหลาดมองกลับมา มันเป็นสีดำเกินไป...

ดำ....อย่างที่ทำให้ผู้มองต้องหวนไปถึงเจ้าสัตว์หน้ารังเกียจที่มีปีกเป็นพังพืดสีดำแบบนี้เช่นกันอีกครั้ง

ขณะที่หล่อนตอบคำของเขา

"แต่มันก็เป็นสงคราม"

และไอเด็นยิ้มให้กับถ้อยคำนั้น

"ใช่" เขาตอบรับด้วยเสียงที่รื่นรมย์อันไม่อาจหักห้าม "มันเป็นสงครามอยู่ดี"



6/0 P.0.5


มิคาเงะ ฟรอสทีชาร์สสะดุ้งตื่นขึ้นพร้อมกับเหงื่อที่ไหลชโลมไปแทบจะทั้งทั่วร่างกาย

ทั้งที่เธออยู่ในห้องบรรยายของภาควิชาดาราศาสตร์ ทั้งที่เธออยู่ในสถานที่อันเปี่ยมไปด้วยผู้คน

มันควรจะเย็นเฉียบและอึกทึก แต่สิ่งที่มิคาเงะรู้สึกมีเพียงแต่ความร้อนที่แผดเผาอยู่ในร่างเธอกับเสียงๆเดียวที่ดังกังวานผ่านความเงียบงัน

และเข้ามาควบคุมเธอ

เธอหันสายตามองไปรอบๆ.... น่าแปลกที่เธอยังเห็นว่ามีคนอื่นๆอยู่ในที่นี้

แต่เธอไม่รู้สึกเลยสักนิด

และเพราะเหตุนั้นเอง ที่ทำให้เธอผุดลุกขึ้น และแทบจะวิ่งออกจากห้องบรรยายโดยไม่แม้แต่จะรู้สึกถึงสายตาที่มองตามอย่างประหลาดใจของคนที่ถูกบอกให้แจ้งหล่อนถึงการกลับมาของเพื่อนสาว

ในหัวของมิคาเงะมีเพียงสิ่งเดียว

มีเพียงเสียงเดียว....จากริมฝีปากและคมเขี้ยว



6/0 P.1


อรอินทุขมวดคิ้วให้กับคำพูดของพวกเขา มันไม่ได้ทำให้อะไรกระจ่างขึ้นสักนิด หรือถ้าเอาจริงๆก็คือมันกำลังทำให้ทุกอย่างคลุมเครือกว่าเดิม

"ก่อนหน้านั้น ฉันคิดว่าเราควรจะเปลี่ยนที่ก่อนดีกว่านะ"

อรอินทุแปลกใจเล็กน้อย ที่เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของหล่อน แต่ออกมาจากปากผู้หญิงอีกคน แต่อย่างน้อยการที่หล่อนมองไปทาง....คราบเปรอะเปื้อนบนพื้นแล้วถอนหายใจ ก็ทำให้เธอรู้สึกดีอย่างประหลาด

อย่างน้อยคนเป็นผู้หญิงก็ควรจะมีอะไรที่ไม่ชอบบ้าง ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นผู้หญิง

"ในความเป็นจริง" เด็กหนุ่มผู้นั้นเสนอความคิดเห็นบ้าง "ผมก็อยากจะบอกว่าที่นี่มันไม่น่ายืนอยู่สักพักหนึ่งแล้วเหมือนกันนะ ถ้าไม่มีใครบางคนชวนผมคุย"

"เอาล่ะ" เธอตัดสินใจเลือกคำได้ เมื่อพวกเขาหันกลับไปสบตากันอย่างประเมินกันและกันอีกครั้ง "ฉัน...ฉัน....อยากออกไปจากที่นี่แล้วจริงๆ แต่.....แต่....."

ผู้หญิงผมดำคนนั้นพยักหน้าให้ ขณะที่เด็กหนุ่มยักไหล่ ด้วยท่าทางที่เหมือนเข้าใจบางอย่างตรงกันโดยไม่ต้องเอ่ยคำ

แล้วฝ่ายหญิงก็เป็นคนพูด

"ส่วนหลังจากนี้ไม่ใช่ธุระของฉัน... เขา หรือคุณอีกแล้ว ไปกันเถอะ คุณหลง"

อรอินทุไม่รู้จะรู้สึกแปลกๆในสิ่งใดกว่ากัน....ระหว่างการที่ผู้หญิงคนนั้นเรียกหล่อนถูก หรือการที่หล่อนไม่รู้สึกแปลกที่ฝ่ายตรงข้ามรู้

แต่หล่อนไม่มีเวลาหาคำตอบ เมื่อไอเด็นก้าวยาวๆนำทางหญิงสาวทั้งสองพลางร้องเรียก

"ทางนี้"

และหล่อนไม่เหลือทางอื่นนอกจากก้าวเท้าตามเด็กหนุ่มไป โดยมีหญิงสาวผู้นั้นปิดท้าย

หญิงสาวที่หันไปมองเบื้องหลังอีกเล็กน้อย ก่อนทอดถอนใจเหยียดยาว

ก่อนที่จะก้าวเดินไปพร้อมๆกัน



6/0 P.1.5


หล่อนไม่รู้ว่าสบตากับเขา แต่หล่อนก็มองสบมา

เขาชะงักนิ่งไปด้วยความคิดไม่ถึง เมื่อดวงตาคู่นั้นเหลือบมองมา ทั้งๆที่หล่อนกำลังจะก้าวจากไปอยู่แล้ว โดยไม่ตระหนักรู้ถึงดวงตาอีกคู่ที่เขาซ่อนเร้นไว้ในที่แห่งนั้นด้วย และเพิ่งเชื่อมต่อกับมัน

และภาพแรกที่เขาจับจ้องมองไป ก็คือดวงตาที่กำลังมองมาที่เขาพอดี

มันเป็นแววว่างเปล่า

ว่างเปล่าเสียจนหัวใจของเขากระตุก กระตุ้นความทรงจำที่ควรกลายเป็นสิ่งคลับคล้ายคลับคลาแต่กลับยิ่งกว่าแจ่มชัดในความทรงจำ

ยิ่งกว่าชัดเจนในความรู้สึก

หากพริบตาต่อมา เขาก็ทอดถอนใจ

เธอหันหลังเดินจากไปแล้ว เดินจากไปพร้อมกับอีกเผ่าพันธุ์และอีกหนึ่งผู้ที่กำลังจะกลายเป็นน้ำหนักในสงครามครั้งนี้

มีการติดต่อเข้ามาอีกครั้ง และเขาส่งเสียงตอบรับโดยไม่ขยับก้าวจากระเบียงที่ออกมาทอดตาแลดูแสงสุดท้ายของวันตั้งแต่เมื่อครู่

หยาง กุลนววงศ์คือผู้ที่ติดต่อเข้ามาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงห้วนจัด เช่นเดียวกับวงหน้าที่บึ้งตึง

"คุณต้องการจะให้ทางเราจัดการที่เหลือหรือเปล่า"

เขาไม่ใส่ใจน้ำเสียงเช่นนั้น เพราะที่นี่มีเพียงเขาที่ได้ยิน ไม่อย่างนั้นแล้วคงจะมีคนอื่นที่ได้ยินและจ้องหยางอย่างก้าวร้าวยิ่งกว่าน้ำเสียงที่อีกฝ่ายแสดงหลายเท่า

"ไม่หรอก" เสียงที่ตอบกลับของเขาจึงราบเรียบ...และเรื่อยเฉื่อย "ผมคิดว่าคงมีทางอื่นจัดการ เราไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องนี้หรอก"

เขาละสายตาจากท้องฟ้าตามที่หยางควรจะเห็นว่าเขามอง หากสำหรับเขาแล้ว....เขาเพิ่งผละสายตาจากทางเดินที่ว่างเปล่าหลงเหลือเพียงรูปเงาในดวงตาที่มองมาเท่านั้น

และหันมาจ้องมองผู้ติดต่อเข้ามาอย่างเป็นงานเป็นการขึ้น

"คุณรู้จัก "นกเรเวน" หรือเปล่า หยาง ?"

มีสิ่งที่คล้ายความรำคาญปรากฏขึ้นบนใบหน้าหยาง ขณะที่เขาเอ่ย

"สิ่งมีชีวิตใน Kingdom Animalia ไฟลัม Chordata ชั้น Aves ...." ถ้อยคำชะงัก เมื่อเขามองตรงไปด้วยนัยน์ตาสีแดง....ที่เป็นมากกว่าทั้งการปฏิเสธและอื่นๆ

หยางโคลงหัวเล็กน้อย

"คุณหมายถึง....ในอีกแง่หนึ่ง ถ้าอย่างนั้นผมก็ต้องตอบว่า ผมแค่พอจะรู้บางแง่มุมจากเอกสารบันทึกประวัติศาสตร์ที่พอมีเหลืออยู่เท่านั้น"

เขาขยับรอยยิ้มให้คำตอบนั้น....เช่นกัน

"งานวิจัยจากแอเรียที่ 2 ประจำภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือ โดยกีรติ เบอาทรี มองตาร์น เล่าถึงเรื่องการเลี้ยงสัตว์ในสายพันธุ์เรเวนไว้ที่ภูมิภาคนั้นในอดีต โดยเป็นสัญลักษณ์ทางจิตวิทยาน่ะหรือ ?"

"ใช่" คำตอบรับมาพร้อมอาการทอดถอน "คุณดูท่าทางจะรู้จักทุกงานวิจัยในแง่นี้และพร้อมจะขำขันกับมันสินะ ?"

เขาไม่ตอบคำถามนั้น เพราะบางที...เขาก็ไม่แน่ใจว่าควรขำขันกับมันดีหรือไม่เช่นกัน กับอีกอย่างก็คือ แสงจากดวงจันทร์ที่เริ่มทอแสงนวลตาเบื้องหลัง ได้เตือนให้เขาเตรียมตัวแล้ว

"คุณควรไปศึกษา" เขาบอก "ร็อคเวลจะบอกเรื่องเกี่ยวกับพวกเขาให้คุณได้ เขาเป็นทูตที่คอยทำหน้าที่ติดต่อกับพวกเรเวน ถึงแม้....เราจะไม่ค่อยมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันเท่าไรนักก็ตาม"

"ผมพอจะนึกออก" หยางตอบ....อย่างแผ่วเบา "เมื่อดูจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อน....."


6/0 P.2


"ผู้คนสมัยก่อนชอบจำเราสับสนกับอีกา แต่ผู้คนสมัยนี้ชอบนึกว่าเราเป็นเครื่องร่อน นึกๆดูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะกลุ้มใจกับอันไหนมากกว่ากันดี"

ประโยคที่เกือบเป็นเหมือนการเปิดเรื่องนั้นทำให้อรอินทุทำหน้าปุเลี่ยนๆ และไม่อาจเอ่ยคำใดต่อไปได้

ในขณะที่ผู้ฟังอีกคนกลับไม่มีทีท่าแปลกใจ หล่อนสั่งเครื่องดื่มจากตู้และยกขึ้นจิบโดยไม่เอ่ยอะไรเช่นกัน

ไอเด็น...เด็กหนุ่มผู้เดียวท่ามกลางหญิงท่ามกลางหญิงสาวสองคนจึงกล่าวต่อ

"ถึงอย่างนั้น.... พวกเราก็ไม่ได้นิสัยไม่ดีขนาดอีกาหรอกนะ"

อรอินทุสั่งเครื่องดื่มบ้าง ในขณะที่พยายามสรรหาคำพูดที่จะบอกให้พวกเขากลับเข้าเรื่อง...ที่เธอยังไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร

หากแล้วผู้หญิงคนนั้น...ก็โยนแก้วของหล่อนลงเครื่องรีไซเคิลของมัน แล้วเป็นฝ่ายขัดคอเขาซะเอง

ด้วยคำพูดที่อรอินทุไม่เข้าใจเช่นกัน

"คุณไม่เคยเป็นผู้คุ้มครองมาก่อนใช่ไหม"

"ไม่" เขาตอบอย่างรวดเร็ว "ที่จริงไม่ใช่งานของผมด้วย"

หญิงสาวหันหน้ามาทางอรอินทุ....ด้วยดวงตาสีดำ....สีที่อรอินทุเพิ่งสังเกตว่าเข้มจัดกว่าดวงตาของหล่อนอย่างที่เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีสีดำที่เข้มสนิทได้ขนาดนั้น

"ในยุคสมัยหนึ่ง....ก่อนที่จะเกิดภัยพิบัติขนานใหญ่จนมนุษย์สูญเสียอารยธรรม และทำให้ความก้าวหน้าทั้งหมดชะงักไป หรือที่คุณจะเรียกในสมัยศึกษาขั้นพื้นฐานว่าสมัยประวัติศาสตร์โบราณ... พวกเขามาจากยุคนั้น"

"ขอบคุณสำหรับคำอธิบายที่แสนสั้น รวดเร็ว และได้ใจความครบถ้วน" ไอเด็นว่า ขณะที่ชูเครื่องดื่มในมือให้คนพูดคล้ายแทนคำขอบใจ ก่อนยกดื่มอีกอึดใหญ่

ในขณะที่อรอินทุกำลังพยายามซึมซับข้อความเหล่านั้นลงไปช้าๆ

สมัยประวัติศาสตร์โบราณ.... ก่อนภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่จะล่มสลายอารยธรรม

สองพันกว่าปีก่อนนั่น !!!



6/0 P.3


หญิงสาวก้าวเท้ายาวๆผ่านระเบียงทางเดินที่มีผู้คนสวนทางผ่านไปมา ทว่าเธอกลับไม่สามารถรู้สึกได้

ยังไม่สามารถรู้สึกได้... ทว่าอีกนิดเดียว....

"มิคาเงะ ?"

เสียงเรียกตามหลังทะลุผ่านยิ่งกว่าสายลมที่ชโลมสัมผัสแผ่วเบา หญิงสาวเชื้อสายญี่ปุ่นคงจะยังสืบเท้าต่อไป หากไม่ใช่ในสายลมที่พัดแผ่วนั้นพาเอาเสียงเพรียกอีกอย่างมาด้วย

เสียงเดียว...ที่ทะลุผ่านทุกสิ่งรอบด้าน และเป็นสิ่งเดียวที่สัมผัสเธอ

เสียงที่....ควบคุมเธอนับตั้งแต่เมื่อคืน

นับตั้งแต่ที่เธอหันหลังกลับไปเจอ

เสียงที่ออกคำสั่งแผ่วเบา....หากกดลึก

"....มา...."



6/0 P.2.5


"ราวๆสองพันปีก่อน ที่ถ้าตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ มีการเรียกช่วงเวลานั้นว่า "คริสต์ศตวรรษ" หรือคุณอาจคุ้นหูกว่าในชื่อที่เรียกว่า "ยุคพลังงานนิวเคลียร์" ก่อนการเกิดภัยพิบัติ...."

"ใช่" อรอินทุหลุดปากคำแรกที่นึกออก "ฉันรู้จัก.... ฉันเพิ่งได้ยินมาเหมือนกัน"

ใช่....มันราวกับเป็นเรื่องตลก เมื่อไม่กี่นาที... ไม่น่าจะถึงหนึ่งชั่วโมงดี เธอเพิ่งจะถูกถามหาความรู้ในยุคสมัยนี้จนคิดจะไปหาตำรามาอ่าน

และ....

"ไอ้เจ้าตัวนั้น" อรอินทุเบิกตากว้าง สองมือกำกระป๋องเครื่องดื่มที่ผู้หญิงคนนั้นส่งมาให้แน่น ขณะที่ความทรงจำกำลังเริ่มจัดเรียงตัวเองใหม่อีกครั้งต่อข้อมูลที่ได้รับ "มัน....ใช่.... มันอยู่ในหลักฐานทางประวัติศาสตร์อะไรสักอย่าง ....ที่เขาเรียกว่า...หมา..."

"เพื่อความจำง่าย" ไอเด็นเอ่ยเสียงนุ่มและร่าเริง "คุณอาจเรียกมันว่าไอ้ขี้เรื้อนหรือไม่ก็...."

"เพื่อความจำง่าย" ผู้หญิงที่ยืนอยู่ล้วงกระเป๋าก่อนหยิบบางสิ่งออกมา "คุณอาจจะอยากได้แฟ้มข้อมูลสารานุกรมสิ่งมีชีวิตที่จำเป็นไว้ในอุปกรณ์พกพาอะไรสักอย่างของคุณ เพื่อจะได้ดูได้ตลอดเวลา"

อรอินทุมองตาม และเห็นว่าที่อยู่ในมือของอีกฝ่ายคืออุปกรณ์ขนาดเท่าฝ่ามือที่นิยมไว้บรรจุข้อมูลหลากหลาย ทั้งพวกสารานุกรม หรืองานวิจัยต่างๆ หล่อนเองก็มีไว้เก็บข้อมูลทางดาราศาสตร์อยู่เครื่องหนึ่งเช่นกัน

เธอหยิบอุปกรณ์ของตัวเองออกมา พวกที่ศึกษาภาควิชาดาราศาสตร์อย่างเธอชอบทำรูปดวงดาวหรืออะไรสักอย่างเป็นกรอบหุ้มตัวเครื่องไว้ อรอินทุก็มีเช่นกัน แต่วันนี้เธอไม่ได้ใส่มาเพราะลืมหยิบ และหญิงสาวก็นึกขอบคุณความลืมนั้น เพราะเธอเพิ่งรู้สึกเป็นครั้งแรก ว่ามันน่าเขินๆพิกล ที่จะต้องยื่นเจ้าเครื่องรูปดาวนี้ให้คนที่มีเครื่องมือรูปร่างหน้าตามาตรฐาน

ผู้หญิงแปลกๆ....ที่ใช้เครื่องมือได้มาตรฐานโดยไม่ตกแต่งอะไรเลย

หญิงสาวตัดสินใจก้มหน้าจิบเครื่องดื่ม ระหว่างที่อีกฝ่ายส่งแฟ้มข้อมูล พร้อมกดตั้งค่าด้วยความรวดเร็วไม่แพ้กับตอนที่เจ้าหล่อนลั่นกระสุนหรือจัดการกับเจ้าตัว....ที่เธอกำลังพิจารณาจะเรียกว่าเจ้าขี้เรื้อนนั่น ก่อนจะกดสั่งให้เครื่องแสดงสัญญาณภาพเป็นหน้าจอมาตรฐานต่อหน้าเธอ

สมองที่กำลังเรียบเรียงข้อมูลของอรอินทุจดจำไว้อีกอย่างว่า .....เจ้าหล่อนทำได้โดยไม่ต้องใช้คำสั่งเสียงแม้แต่นิดเดียว...

"หมาป่า...หรือเป็นที่รู้จักดีที่สุดในนามของหมาป่าเทาหรือ Gray wolf สิ่งมีชีวิตใน Kingdom Animalia ไฟลัม Chordata .....คุณหาอ่านได้ทั้งหมด หรือถ้าไม่รู้ว่าจะอ่านยังไง ก็ลองกดถ่ายภาพเอาก็ได้ แล้วมันจะขึ้นมาให้ว่าตัวที่คุณเผชิญเป็นตัวอะไร"

ฝ่ายตรงข้ามอธิบายง่ายๆ

หากอรอินทุกลับรู้สึกหนาวเยือก....

"เผื่อว่า ?"

เธอทวนคำออกไป เพราะไม่รู้จะเอ่ยอะไรมากกว่านั้น ทว่าเด็กหนุ่มที่ท่าทางสนุกกับการกดซื้อเครื่องดื่มกระป๋องใหม่หันมาส่งรอยยิ้มให้

"ไม่เป็นไรหรอก ผมรับรองเลยว่า ภายใต้การดูแลของเรา คุณจะไม่ต้องใช้ไอ้คำนี้แน่นอน"

อรอินทุหันสายตาไปยังเด็กหนุ่มคนนั้น หากต้องยอมรับอย่างน่าเสียดายว่า.... ถ้อยคำของเขาไม่ได้ทำให้เธออบอุ่นขึ้นสักนิด

เธอจึงหันสายตากลับมาทางหญิงสาวอีกคนแทน.... หญิงสาวที่แม้จะพูดแต่เรื่องที่ไม่อาจเข้าใจ หากมันก็ยังพอมีน้ำมีเนื้ออะไรสักอย่างให้เธอได้จับต้องบ้าง

จิงเมิ่งเข้าใจสายตานั้น เธอจึงถอนใจก่อนเลือกคำใหม่

"มันฟังเหมือนจะเป็นเรื่องยาก แต่มันก็......ใช่ว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นจะต้องเข้าใจ คุณคิดซะว่าบันทึกหลักฐานใดๆก็ตามที่ตกทอดมาถึงผู้คนที่มีชีวิตอยู่ในเวลานี้อย่างพวกเรามันอยู่ไม่ครบ เลยยังมีอะไรอีกหลายๆอย่างที่พวกเราไม่รู้และไม่สามารถทำความเข้าใจได้ ....อย่างดีที่สุดที่เราทำได้ก็คือ เราแค่รู้ว่ามีมันอยู่ และใช้ชีวิตต่อไปตามปกติก็พอ"

"ฟังดูใช้ได้" เด็กหนุ่มส่งเสียงกลั้วหัวเราะ....ที่เป็นทำนองประหลาดมาให้

ทว่าอรอินทุรู้ดีว่ามันไม่ได้มีแค่นั้น มีบางสิ่งที่มากกว่านั้น

และเธอกำลังรอ

หญิงสาวถอนหายใจอีกครั้ง หากคราวนี้....ยืดยาว....

"เอาล่ะ.... ทีนี้ปัญหาคือ มันมีส่วนที่ "เกี่ยวข้อง" กับคุณอยู่....... คุณหลง"



6/0 P.4


คีธ เจี๋ย สแตนด์ลีย์เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ของเขาช้าๆ ขณะที่สองตายังจ้องภาพเหตุการณ์ซึ่งถูกส่งตรงมาให้เขาในฐานะผู้ควบคุมของสถานที่แห่งนี้

ภาพการต่อสู้ระหว่างสามเผ่าพันธุ์

มนุษย์ เรเวน...นกแห่งความตาย และหมาป่าที่บ้าคลั่งกระหายเลือด

มันเกือบจะเป็นเรื่องตลก เมื่อมองในแง่ที่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกหนแห่งและทุกๆเวลา

การแย่งชิงกำลังจะรุนแรงขึ้น เช่นเดียวกับที่การปกปิดต้องแน่นหนาขึ้น

บัดนี้บนระเบียงทางเดินที่เกิดเหตุการณ์จะไม่มีร่องรอยใดๆเหลืออีกแล้ว ภาพทุกภาพที่ถูกบันทึกไว้ก็จะถูกส่งตรงมาที่นี่ และแทนที่ด้วยภาพที่เหมือนกับไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น

และเนื่องเพราะครั้งนี้ไม่มีผู้เสียชีวิต...ซึ่งนับเป็นเรื่องดีอย่างที่สุด การจัดการจึงเป็นไปด้วยความรวดเร็วชนิดที่ว่าร่างทั้งสามยังไม่ทันจะหลุดพ้นจากการจับตามองของกล้องรักษาความปลอดภัยในอาคารนั้นด้วยซ้ำ พวกเขาก็จัดการทุกสิ่งทุกอย่างจบแล้ว

แต่ในอีกมุม การเจรจาครั้งสำคัญจะเพิ่งเริ่มเช่นกัน

เขาเคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะ ขณะที่ภาพเบื้องหน้าฉายชัดให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวอันปราดเปรียวของมนุษย์หนึ่งในสองในที่นั้น และเป็นมนุษย์คนเดียวที่ต่อสู้

อย่างเยือกเย็น

เขาไม่แปลกใจเลยที่สหายต่างวัยอย่างหลงมอบหมายงานชิ้นนี้ให้หล่อน ทั้งทักษะการต่อสู้ ทั้งการตัดสินใจของเจ้าหล่อน เขาแน่ใจว่าหากได้รับการจัด 'ลำดับ' จิงเมิ่ง โหยวจะได้อยู่ในอันดับต้นๆเป็นแน่

ปัญหาคือ.....หล่อนไม่ได้รับการจัดลำดับ

และนั่นมันทำให้ปัญหาใหญ่ที่สุดอีกอย่างตามมา

ไม่มีใครตอบได้....ว่าความภักดีของหล่อนอยู่ที่ไหนกันแน่

"คุณเสี่ยงเกินไปจริงๆนะ" เขาพึมพำกับตัวเอง และกับสหายที่น่าจะรู้ดีในข้อนี้ "คุณเสี่ยงเกินไป หลง ทั้งๆที่ 'เธอ' มีค่ามากเกินกว่าจะยอมเสียไปได้แท้ๆ แต่คุณก็ยึดติด....."

เขาสั่นศีรษะ

ในฐานะเพื่อน คีธจะยอมให้โอกาสหลงได้ทำในสิ่งที่เขาต้องการ แต่มันมีกำหนดระยะเวลาของมัน ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้น เขาต้องตัดสินใจใจอีกฐานะ

ไม่อย่างนั้น....เขาก็ไม่มีสิทธิ์พูดเรื่อง 'ความภักดี' เช่นกัน



6/0 P.4.5


"สิ่งเดียวที่คุณต้องตัดสินใจ ก็คือความภักดีของคุณ" จิงเมิ่ง โหยวเอ่ยในที่สุด

ขณะที่อรอินทุได้แต่นิ่งงัน กับแววตาที่บอกว่าไม่เข้าใจอะไรเลย

ยังไม่เข้าใจ กระทั่งเมื่อผู้เอ่ยปากย่อตัวลงและนั่งลงตรงข้ามอรอินทุพร้อมคลึงกระป๋องเครื่องดื่มในมือ ก่อนมองมาด้วยนัยน์ตาสีดำล้ำลึกไม่บ่งบอกอารมณ์นั่น

อาการบางอย่างคล้ายจะกลับมาหาอรอินทุอีกครั้ง แต่หล่อนยังข่มมันเอาไว้แปรเปลี่ยนเป็นคำถามแทน

"คุณหมายความว่ายังไง เรื่องความภักดีนั่น"

ผู้ถูกถามกลับถอนหายใจและเหลือบไปมองเด็กหนุ่มที่ดูมีความสุขกับการเพิ่มกระป๋องน้ำเปล่าๆไว้รอบตัวเขา และเมื่อเห็นหญิงสาวมองไป ก็ได้แต่ยักไหล่ให้ เธอจึงหันมามองอรอินทุอีกครั้ง

มองผู้ที่กำลังจะถูกผลักเข้าสู่วังวนนี้ และไม่มีทางหนีไปได้

แม้ว่าจะเลือกแล้วก็ตาม

"ความ....จงรักภักดี สิ่งที่เป็นมากกว่าแค่ความซื่อสัตย์" เธอขยายคำให้ฟัง "....คุณเข้าใจความหมายของคำว่าซื่อสัตย์ไหม ?"

จิงเมิ่งบอกได้จากสีหน้า ว่าอรอินทุคิดว่ามันเป็นคำถามที่พิลึกที่สุด กระนั้นหล่อนก็นิ่งไปก่อนจะค่อยๆยอมตอบ

"คือ....เอาล่ะ" อรอินทุหลับตาลงครู่หนึ่ง ก่อนจะลืมขึ้นพร้อมคำตอบ "คือ...ฉันคิดว่าคุณคงหมายถึงคล้ายๆกับการที่เราจะไม่โกงข้อสอบ ไม่ผิดคำพูด หรืออะไรสักอย่างทำนองนี้ใช่ไหม .... เท่าที่ฉันจะเข้าใจได้นะ ฉันไม่ ....เอ่อ ไม่ค่อยถนัดวิชาปรัชญาเท่าไรนัก"

"มันต้องเป็นปรัชญาเชียวหรือ" เด็กหนุ่มถาม ก่อนผุดรอยยิ้มขบขัน "กระทั่งความซื่อสัตย์ก็ต้องเป็นภูมิความรู้แบบปรัชญาแล้ว....น่าสนดีแฮะ"

จิงเมิ่งทำเป็นเมินเฉยให้กับน้ำเสียงสนุกสนานของเขา แม้ส่วนหนึ่งจะมั่นใจถึงนัยยะแห่งการเสียดสีที่แฝงเร้นอยู่ แต่มันก็เหมือนกับเรื่องประชดยิ่งกว่าที่เธอเห็นด้วยกับเขา

สิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเรื่องที่แม้กระทั่งเด็กตัวเล็กๆยังต้องรู้ ยังกลายไปเป็นการศึกษาเฉพาะทางในระดับสูงไปได้

และบางที....นั่นอาจเป็นเหตุผลให้ตัวเธอเป็นเธอ

เป็นเหตุผลให้เธอยังคงทำงานแบบนี้

"เรียกให้ชัดและง่ายกว่านั้น มันคือความซื่อตรง" จิงเมิ่งเลือกที่จะบอก....ในสิ่งที่เธอเชื่อ แม้ขณะที่หรุบตาลงต่ำชั่ววูบ คำสอนของคนที่สั่งสอนเธอมาก็ยังกึกก้องอยู่ในหูและเธอสามารถถ่ายทอดมันออกมาได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน "ตรงต่อตัวคุณเอง เมื่อเจ็บปวดก็ยอมรับว่ามันเป็นเจ็บปวด ผิดหวังก็ยอมรับว่าผิดหวัง เพราะเมื่อใดก็ตามที่คุณรู้สึกถึงทั้งสองอย่าง...เมื่อใดก็ตามที่คุณรู้สึกเจ็บปวด และผิดหวัง มันแปลว่าคุณได้เคยปรารถนาอะไรบางอย่าง เคยหวังบางอย่าง และเคยทำบางอย่างลงไปด้วยสองมือของคุณเอง ดังนั้น มันจึงเป็นสิ่งที่คุณต้องยอมรับมัน ไม่ว่าจะเป็นยังไง เพราะเมื่อถึงตอนนั้น ไม่ว่าจะออกมาเป็นยังไง ไม่ว่าจะรู้สึกอะไร ในท้ายที่สุด คุณจะไม่มีวันเสียตัวตนของตัวเองไป"

เธอลืมตาขึ้น มองจ้องไปยังผู้ฟัง...หญิงสาวที่ควรจะมีสิทธิ์ ควรจะได้รับรู้ และควรจะได้ 'ตัวตน' ของตนเองไปโดยไม่หลงทาง

นั่นเป็นเหตุผลที่หลงให้เธอมา เหตุผลที่หลงยอมบอกเบาะแสเรื่องที่เขารู้จากดวงดาวให้เธอ

"ถ้าความซื่อตรง...ซื่อสัตย์ คือการรับ .....ความภักดีก็คือการให้ มันคือการที่คุณจะมอบมากกว่าความซื่อตรง...มากกว่าการตัดสินใจและการยอมรับในสิ่งที่คุณเป็น คุณต้องมอบทั้งหมดนั่นให้กับสิ่งที่เรียกว่าความภักดี...ให้กับคนที่คุณจะเลือกภักดีด้วย"

เธอเว้นจังหวะ ปล่อยให้ถ้อยคำนั้นค่อยๆแทรกซึมเข้าไปในความคิดอีกฝ่าย

เธอหวังว่ามันจะ....แทรกซึมเข้าไป

และ 'หลง' ก็หวังเช่นนั้น

"คำถามเดียว...ที่ดึงคุณมาเกี่ยวพันกับเรื่องนี้และมันจะติดตัวคุณไปตลอด เพราะเรื่องนี้ไม่มีวันจบก็คือ คุณ...จะเลือกมอบความภักดีให้กับใคร"

จิงเมิ่ง โหยวก้าวถอยหลัง และปล่อยให้สายตาของอรอินทุ 'หลง' กวาดมองตามมา...อย่างยุติธรรมที่สุด

ให้เธอได้เห็นทั้ง "เธอ" และเด็กหนุ่มอีกผู้

ทั้งมนุษย์ และ อมนุษย์

"คุณจะมอบความภักดีให้กับเผ่าพันธุ์เดียวกัน...อย่างมนุษย์ หรือคุณจะเลือกภักดีกับฝ่ายที่คุณเห็นว่าคู่ควร ไม่ว่าจะเพราะเขาปกป้องคุณหรืออะไรก็ตามแต่อย่างเผ่าพันธุ์อื่นก็ได้"

หนนี้มันไม่ยากเกินเข้าใจ จิงเมิ่งรู้ดี เพราะเธอเห็นแววแห่งความตื่นตะลึงค่อยๆเข้าไปในดวงตาของผู้ฟัง...ทั้งคู่ ไม่ใช่เฉพาะอรอินทุ แต่รวมถึงเผ่าพันธุ์ 'อื่น' อย่างเด็กหนุ่มก็ด้วย

และเธอก็เลือกที่จะย้ำ เพื่อให้แน่ใจว่าทั้งคู่ไม่ได้ยินผิด

"แม้ว่าฝ่ายที่คุณเลือก จะไม่ใช่มนุษย์ก็ตาม"

+ + + + +






รูปของเรเวนค่ะ .....แปะส่งท้าย คล้ายกับกามากอยู่ แต่ก็ต่างกันไม่น้อยค่ะ ที่สำคัญเรเวนแสบกว่าค่ะ (ฮา) แล้วเดี๋ยวจะพยายามหารายละเอียดบอกในเรื่องนะคะ

ตอนนี้ความจริงตั้งใจจะเฉลยเรื่องมากอีกนิดค่ะ แต่เฉลยได้ไม่หมด จังหวะมันให้(?)เลยตัดไว้แค่นี้ก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยเฉลยต่อและเข้าปมใหม่ของเรื่องในตอนหน้านะคะ ^^

ปล.อยากบอกว่าเกือบจะตัดใจกับการอัพฯในนี้ไปแล้ว เจอเวอร์ช้่นใหม่ตัดคำเข้าไป ปวดตับได้อีก

ดีว่าเอะใจกลับไปใช้เวอร์ชั่นเดิม แม้จะต้องจัดหน้าเอง ก็ดีกวาต้องตัดคำแบ่งไม่รู้จบเยอะ


Create Date : 08 ตุลาคม 2555
Last Update : 8 ตุลาคม 2555 5:27:50 น. 3 comments
Counter : 1397 Pageviews.

 
แวะเข้ามาก่อน ชื่อเรื่องน่าสนใจมากๆ เดี๋ยวไปอ่านตั้งแต่บท 1ก่อนนะ


โดย: ริญรภัสร์ วันที่: 8 ตุลาคม 2555 เวลา:15:58:50 น.  

 
ชอบจังค่ะ รีบเอาบทต่อมาเร็วๆนะคะ ระหว่างนี้คงจะไปหารื้ออ่านในนี้ต่อว่ามีอะไรนอกเหนือบ้าง


โดย: สรารัตน์ หลิน IP: 141.0.9.181 วันที่: 19 ตุลาคม 2555 เวลา:6:42:57 น.  

 
คุณ ริญรภัสร์ - ขอบคุณมากค่ะ ที่แวะมาอ่าน ><

คุณ สรารัตน์ หลิน - ยินดีอย่างยิ่งที่ชอบค่ะ ขออภัยด้วยค่ะที่ตอนนี้มาช้า คนเขียนเขียนลำบาก แถม....จมมรสุมงานหนังสือไปด้วย TT-TT


โดย: อมราวตี วันที่: 4 พฤศจิกายน 2555 เวลา:17:41:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อมราวตี
Location :
กำแพงเพชร Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]





ครั้งหนึ่ง.....เคยนั่งอยู่
วันหนึ่ง.......เคยลุกมาก้าวเดิน
และอีกวัน...อาจหยุดนิ่งไม่ขยับไปไหน
-- -- -- -- -- -- -- -- -- --
"คนเรามักจดจำความเจ็บปวดของตนเอง แต่หลงลืมความเจ็บปวดของผู้อื่น"




New Comments
Friends' blogs
[Add อมราวตี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.