Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2553
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
30 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 

นาคปักษา (มนตรานาคาครุฑ ฉบับรีไรท์) บทที่ ๔ เวริญา (๑)


บทที่ ๔ เวริญา (๑)

แวบแรกหญิงสาวเกือบหลุดปากอุทาน หากอนุสติที่ยังหลงเหลือก็รีบเตือนให้ยกมือขึ้นมาตะครุบปิดปากก่อนจะเผลอหลุดคำใดออกไปจริงๆ

เบื้องหน้าของหล่อน...คือวงหน้าที่เปี่ยมไปด้วยริ้วรอยแห่งกาลเวลาของหญิงชรา ความเหี่ยวย่นบนผืนผิวหนังนั้นทำให้หล่อนผวาคิดไปถึงปีศาจรากษส ผนวกกับดวงตายาวใหญ่ที่ทอประกายเจิดจ้าผิดแผกจากคนชราทั่วไป ยิ่งทำให้เขรัณตาหนาวๆร้อนๆอย่างบอกไม่ถูก

ประกายบางอย่าง.... ที่อยู่เบื้องหลังความเจิดจ้า ซึ่งแม้หล่อนจะไม่อาจบอกได้แน่ชัดว่าหมายถึงสิ่งใด หากมันทำให้เขรัณตาปริวิตกเสียยิ่งกว่าเผชิญหน้ากับชายฉกรรจ์ถืออาวุธเสียอีก!

หญิงสาวก้าวถอยหลัง หมายใจจะหาผู้ร่วมชะตากรรมมาปรึกษาหารือด้วยปฏิกิริยาทางกาย แต่ก่อนที่หล่อนจะส่งสัญญาณอะไรออกไป อนันตญากลับชิงลงมือตัดหน้าเสียก่อน

น้องสาวของหล่อนขยับกาย....เอนโคลงเคลงอย่างที่ทำให้เขรัณตาใจหายวูบจำต้องเหลียวขวับผละจากภาพเขย่าขวัญเบื้องหน้าหันไปหาอีกฝ่ายทันใด

ร่างโปร่ง...ที่เขรัณตาไม่เห็นสักนิดว่ามันจะระหงสมส่วนอย่างที่เจ้าของชอบประกาศปาวๆตรงไหน ทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นต่อหน้าต่อตาของหล่อน!

“อัน!” เขรัณตากรีดร้อง...ด้วยเสียงที่แผ่วเบายิ่งกว่าเสียงกระซิบของสายลม สั่นพลิ้วยิ่งกว่าใบอ้อยามต้องลมไหววูบ

พร้อมๆกับเสียงกระซิบนั้น ร่างของหญิงชราก็ขยับปราดด้วยความไวที่ตรงข้ามกับรูปร่างหน้าตาอย่างที่เขรัณตาแทบไม่อยากเชื่อและเกือบขยับตัวตามไม่ทันเชนกัน เมื่อฝ่ายนั้นกำลังจะเอื้อมมือลงไปหาร่างของน้องสาวหล่อน

เขรัณตาไม่ถามคำถามพื้นๆว่าฝ่ายนั้นจะทำอะไร เพราะไม่แน่ใจนักว่าตนเองจะอยากได้คำตอบ หรือตะโกนบอกอย่างที่ตำรวจชอบพูดกับผู้ร้ายว่าหยุดเดี๋ยวนี้ หล่อนก็เห็นตัวอย่างร้อยละเก้าสิบเก้าจากในทีวีว่ามันไม่เคยเป็นผล หญิงสาวจึงตัดสินใจทำอย่างที่ตนเองเคยทำมาทั้งชีวิต คือแก้ปัญหาที่เจ้าตัวต้นเหตุ

หญิงสาวอธิษฐาน...กึ่งๆภาวนาผสมสาปแช่งเล็กน้อยว่า

‘เจ้าประคู้นนนน ขอให้ไอ้อันมันได้สติหน่อยเถิด ไม่งั้นพี่รัณจะทิ้งให้มันเป็นอาหารแร้งกางูอยู่จริงๆด้วย’

พร้อมกันนั้น หล่อนก็ไม่ลืมที่จะกดส้นเท้าลงไปยังฝ่ามือคนที่นอนสิ้นสติอยู่ด้วยความรุนแรงที่กะไว้อย่างพอเหมาะว่าไม่เบาและไม่ถึงตาย

“............” อนันตญาสะดุ้งสุดตัว ดวงตาอันเบิกโพลงเต็มเปี่ยมไปด้วยหยาดน้ำใสคลอคลอง มองมไปยังงพี่สาวด้วยสายตาของคำถาม การตัดพ้อและความเจ็บปวดที่ไม่อาจบรรยายและไม่กล้าอ้าปากเนื่องจากสายตาที่มองตอบกลับมา

เขรัณตาลอบผ่อนลมหายใจโล่งอกแล้วเบือนสายตาที่ยังคงความคมกล้ากลับไปยังหญิงชราที่ชะงักมือก่อนหน้าที่อนันตญาจะฟื้นขึ้นมาเพียงเสี้ยววินาที แล้วถอยหลังกลับไปยืนจุดเดิมด้วยความไวที่น่าพิศวงไม่เปลี่ยนแปลง

คนเป็นพี่....ที่ปกป้องน้องสำเร็จคลี่ยิ้มอ่อน ไม่ใส่ใจแม้จะรู้ดีว่ารอยยิ้มนั้นคงเลยไปไม่ถึงดวงตาเช่นเดียวกับน้ำเสียงราบเรียบที่ค่อนข้างเยือกเย็นและสงวนท่าที

“ขอบคุณที่ช่วยเหลือนะคะ”

ข้างกายหล่อน เขรัณตาได้ยินเสียงกรอบแกรบของใบไม้แห้งเบาๆ ก่อนที่อนันตญาจะยันตัวลุกมายืนอยู่เคียงข้าง ทำให้หล่อนหายใจคล่องขึ้นเล็กน้อยก่อนสะดุดกึกไปอีกรอบเมื่อเจ้าตัวดีอุทานเสียงดัง

“เอ๊ะ”

สุ้มเสียงนั้น....เป็นเสียงที่คนคุ้นเคยอย่างเขรัณตารู้ดีว่ามันแฝงด้วยความตกใจแกมกังขามากเพียงใด และโดยมากพอสิ้นเสียงทำนองนี้ของอนันตญาคราวไร หลังจากนั้นสิ่งที่ตามมาก็มักจะเป็นอะไรที่เขรัณตาไม่ค่อยอยากจะนึกภาพตามเท่าไร

คนเป็นพี่สาวจึงจ้องมองหญิงชราตรงหน้าอีกครั้งอย่างชั่งใจว่าหล่อนพอจะละสายตาหันไปหาเจ้าตัวดีได้หรือไม่ ทว่ายังไม่ทันได้ตัดสินใจ ร่างเล็กของผู้สูงวัยก็ขยับเปิดทาง...ที่ทำให้เขรัณตาเข้าใจคำอุทานของน้องสาวทันที

เพียงแค่หญิงชราก้าวหลบไปด้านข้างเล็กน้อยเท่านั้น ร่างอ้อนแอ้นอรชรของสตรีสาวรุ่น...ที่น่าจะอ่อนเยาว์ยิ่งกว่าอนันตญาก็ปรากฏเด่นชัดอย่างน่าพิศวง

ไม่ใช่เพราะเรือนร่างแบบบางแฝงส่วนสัดกลมกลืนอย่างงดงามราวรูปปั้นประติมากรรม หรือวงหน้ารูปไข่กับดวงตาสีนิล จมูกโด่งและเรียวปากรูปกระจับบางเฉียบที่พอเหมาะพอเจาะกันอย่างยิ่ง....

หากเป็นเพราะหญิงสาวจำได้ดีต่างหาก ว่าสตรีเบื้องหน้าเป็นคนๆเดียวกับเจ้าของเสียงกรีดร้องที่วิ่งเอาเถิดเจ้าล่อกับอสรพิษยักษ์ก่อนหน้าพวกหล่อน!

เขรัณตาหรี่ตาลง...ทบทวนความจำในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ที่ดูจะเป็นเวลาอันยุ่งยากที่สุดในชีวิตของหล่อนเกี่ยวกับสาวน้อยตรงหน้า

สาวน้อยที่อยู่ๆก็เงียบเสียงไป....จนพวกเธอสองพี่น้องคิดว่าไม่น่ามีชีวิตอยู่ได้?

“สวัสดีค่ะ...” ระหว่างที่พี่สาวกำลังประมวลสถานการณ์ น้องสาวแสนดีอย่างอนันตญาก็ขยับมาใช้พี่สาวเป็นโล่และยื่นหน้าส่งรอยยิ้มอ่อนหวานกับคำทักทายไปให้อย่างมารยาทดี “เอ่อ...ขอบคุณที่ช่วยนะคะ”

ความจริงอนันตญาจำไม่ค่อยได้นัก ว่าหญิงชราที่ดูน่าตื่นตระหนกกับหญิงสาวที่ดูน่าอิจฉาในความสวยนี้มาเกี่ยวข้องกับเธอได้อย่างไร ทว่าหล่อนก็ยังได้ยินแว่วๆอยู่เมื่อครู่ว่าเขรัณตาเพิ่งกล่าวคำขอบคุณกับอีกฝ่ายไป น้องที่รู้จักพี่สาวดีอย่างหล่อนก็จัดแจงพยายามผูกเรื่องราวและขโมยคำมาใช้ได้อย่างรวดเร็ว

หากสิ่งที่ฝ่ายตรงข้าม...คนที่เป็นสาวรุ่นตอบกลับมาคือดวงตาอันเปล่งประกายของความครุ่นคิดผสมกับความกังขาอย่างแปลกๆ

อนันตญาเอียงคอ...ให้ศีรษะไปอยู่ใกล้ๆกับพี่สาวพอที่ถ้อยความกระซิบแผ่วเบาจะไปถึงหูอีกฝ่ายได้อย่างครบถ้วนถูกต้อง

“อันพูดอะไรผิดหรือเปล่า พี่รัณ”

“แกผิดทุกอย่างมาตั้งแต่ต้น!”

เสียงเค้นตอบลอดไรฟันทำให้น้องสาวทำหน้าเจียมเนื้อเจือตนอย่างไม่จริงใจขึ้นมาเล็กน้อย ขณะที่สายตาก็กวาดดูฝ่ายตรงข้ามที่ยังคงมองมาที่ตนเองคล้ายสำรวจตรวจตราไปพลางๆเช่นกัน

“....เขาแต่งตัวสวยดีเนอะ พี่รัณ”

ไม่มีเสียงตอบจากเขรัณตา และอนันตญาก็ไม่ใส่ใจ เพราะหล่อนมัวพยายามกวาดสายตาขึ้นลงอย่างไม่ให้ดูน่าเกลียดนักก่อนกระซิบต่อ

“เครื่องประดับก็ง๊ามงาม...พี่รัณว่าของจริงไหม?”

ความเงียบยังคงเป็นคำตอบเดิม...จนอนันตญาหรี่ตาลง.... เนื่องจากแสงแดดที่สาดลงมากระทบเครื่องประดับล้ำค่าชิ้นเดียวบนตัวอีกฝ่ายสะท้อนเข้านัยน์ตา

“....ถ้าของจริงแล้วเราดักปล้นไปขายนี่คงรวยเนอะพี่?”

ประโยคนั้นเป็นคำถามเล่นๆไร้สาระตามประสาของหล่อน ทว่าเขรัณตากลับมีคำตอบกลับมาให้

“.....ถ้าเรา.... ยังได้กลับไปขายนะ”

คำตอบนั้นแผ่วหวิว... จนอนันตญาเกือบไม่แน่ใจในถ้อยความที่ได้ยิน จนหล่อนต้องหันกลับไปมองคนเอ่ย เพื่อจะพบกับวงหน้าที่ขาวซีดแทบจะปราศจากสีเลือดของพี่สาว

“พี่...รัณ?”

พร้อมคำเรียกนั้น...อนันตญาก็สัมผัสความเย็นเฉียบราวน้ำแข็งจากท่อนแขนของเขรัณตาที่หล่อนเอื้อมไปเกาะกุม จนต้องจิกปลายเล็บลงบนเนื้อนวลหมายจะเรียกสติอีกฝ่ายให้คืนมา

การกระทำนั้นได้ผลเกินคาด... หรืออีกบางที อนันตญาก็เกือบเชื่อสนิทใจว่าไม่มีอะไรในโลกนี้จะทำให้พี่สาวของหล่อนสะทกสะท้านได้นาน เพราะเพียงปลายเล็บเพิ่งจะกดลงไปไม่ทันสาแก่ใจ ท่อนแขนเรียว...ตึงแน่นด้วยกล้ามเนื้ออันแข็งแรงก็กระตุกวูบส่งศอกเข้าเฉียดลิ้นปี่หล่อนด้วยความรุนแรงกว่าปลายเล็บหลายเท่า

กระนั้น วงหน้าที่เคยขาวซีดในไม่กี่นาทีก่อน ก็มีสีเลือดเปล่งปลั่งกับความมั่นใจที่ทำให้อนันตญาพอทนรับอาการบาดเจ็บของตนเองได้

“คุณคะ...” เขรัณตาเอ่ย น้ำเสียงราบเรียบ ระแวดระวัง “คุณ...หลงทางหรือเปล่าคะ?”

คนฟัง...ที่ยืนอยู่ข้างๆกันชำเลืองมองคนถามอย่างนึกทึ่ง เนื่องจากร่างกายยังจดจำรสสัมผัสฝ่ามือพี่สาวที่ลงทัณฑ์หล่อนข้อหาเป็นต้นเหตุให้กลิ้งฝ่าฝนมาวัดพื้นได้

ตอนนั้น...พวกหล่อนเพิ่งจะสรุปกันเองอยู่แหม็บๆว่าพวกตนคงหลงทางเป็นแม่นมั่น และในเวลาถัดมาไม่ช้าไม่นาน พี่สาวหล่อนก็ช่างหาเพื่อนร่วมชะตากรรมได้เร็วรี่ดีแท้

มุมปากบางของอนันตญาขยับยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างอดไม่อยู่ นัยน์ตาที่เริ่มเปล่งประกายพราวระยับหันกลับไปแลฝ่ายตรงข้ามที่ยังคงมองมาด้วยทีท่าไม่แน่ใจนัก

เอาล่ะ...ในฐานะน้องที่ดี...

“Do you understand what did she say?”

แม้ภาษาของหล่อนจะไม่ได้ดีเทียบเท่าเจ้าของภาษา แต่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ เพราะสาขาการเรียนของอนันตญาทำให้หล่อนต้องคร่ำเคร่งเกี่ยวกับการใช้ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ ผนวกกับประโยคนี้ถือเป็นประโยคเอาตัวรอดคลาสสิคเวลาพูดไม่ออกตอบไม่ถูกมาแต่ไหนแต่ไร อนันตญาจึงมั่นใจว่าไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็ต้องฟังออกแน่ๆ

แต่รู้ความหมายหรือเปล่านั้น.....

อนันตญา...รวมถึงเขรัณตาพร้อมใจกันมองคนฟังคำถามของพวกหล่อนโดยไม่ต้องเอ่ยปากนัดกันให้เสียเวลา และสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำให้สองพี่น้องแอบกระทุ้งแขนกับข้อศอกใส่กันเองโดยไม่ให้อีกฝ่ายผิดสังเกตด้วยความยินดี

มันเป็นสีหน้า...ที่เริ่มปรากฏเค้ายุ่งยากใจ และงงงันรางๆ

“คุณคะ...” เขรัณตารับหน้าที่ถามต่อ สีหน้าเริ่มอ่อนโยนลง ความเป็นห่วงเริ่มเข้ามาแทนที่ “หลงทางใช่หรือเปล่าคะ?”

แน่นอน อนันตญาก็ไม่ลืมเช่นกันที่จะถามต่อว่า “Are you O.K.?”

คำถามของสองพี่น้องยังไม่มีคำตอบ หญิงสาวร่างแบบบางเบื้องหน้าเพียงแต่หรี่ตาลงคล้ายจะเก็บซ่อนประกายบางอย่างไว้ให้เร้นลับกว่าเดิม

อนันตญาจุดรอยยิ้มกว้างกว่าเดิม เขี่ยปลายเท้าเหยียบบนใบไม้กรอบแกรบทำอากัปการคล้ายจะก้าวไปเบื้องหน้าหาอีกฝ่าย ทั้งที่ความจริงหล่อนเพียงแต่แอบใช้เท้าเขี่ยใบไม้ไปเบื้องหน้าเล็กน้อยเท่านั้น

คราวนี้ได้ผลกว่าคำถาม... เพราะฝ่ายตรงข้ามไหวตัวขยับไปเบื้องหลังเล็กน้อยเช่นเดียวกัน ขณะที่หญิงชรากลับตวัดดวงตาที่ทอประกายจัดจ้ามาวูบ

ประกายตาที่ทำให้อนันตญาเย็นสันหลังวาบ....

เคราะห์ดีที่ฝ่ายนั้นเพียงปรายตามาชั่วแล่น ก่อนจะหันกลับไปหาสตรีที่ยืนอยู่ใกล้กับตนเอง

“บางทีพวกนาง....”

สุ้มเสียงนั้นเยือกเย็น แหบพร่า ละม้ายคนแก่ทั่วไป หากก็มีกระแสบางอย่างที่ทำให้คนฟังทั้งคู่รู้สึกหนาวๆร้อนๆขึ้นมาอีกครั้ง

แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะทันได้หาทางกำจัดความรู้สึกคุกคาม สุ้มเสียงงหวานไพเราะ ก็กังวานทำลายมนต์ของเสียงแหบพร่านั้นไปหมดสิ้น

เสียงเสนาะใสจากเรียวปากบางสีเรื่อ....ของร่างอรชรที่มองมายังสองพี่น้องด้วยความกังขากับอีกหลากความรู้สึก

“พวกเจ้าเป็นใคร?”

คำถามนั้นเอง....ที่ทั้งอนันตญาและเขรัณตารอคอย!

+ + + + +


คุณTREE AND LOVE - สวัสดีและฝันดีนะคะ ^^

คุณดาริน - มาแล้วค่ะ ขอโทษที่ทำให้รอนานด้วยนะคะ T^T

คุณหยกสีน้ำผึ้ง - ยินดีมากๆเลยค่ะที่ยังติดตามอยู่ คนเขียนนึกว่าคนอ่านจะจากไป..เอ่อ ไม่ใช่ค่ะ ขอโทษที นึกว่าคนอ่านเบื่อกันแล้วเสียอีก มีคนอ่านอยู่ดีใจมากค่ะ จะพยายามไม่ให้สถิติมันยาวมากนักนะคะ T^T



มาลงต่อให้อ่านแล้วค่ะ งวดนี้ห่างหายไปนานนิด(จริงๆนะคะ....T^T) เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาติดงานลอยกระทงค่ะ ยุ่งๆไปหน่อย แถมต่อจากลอยกระทงก็ต้องจัดการเรื่องลงทะเบียนเรียนให้เรียบร้อยด้วย แล้วก็ต้องเช็คโน่นนี่อีก หัวหมุนไปหมดเลยค่ะ

ดังนั้น ยกโทษให้อมฯอีกสักนิดเถอะนะคะ

เอาล่ะค่ะ ตอนใหม่นี้ทางในด้านการเขียนมีติดๆขัดๆไปบ้าง แต่ก็ถือว่ายังทำได้เร็ว(กว่าอีกเรื่อง)อยู่ดีค่ะ ต้องยกความดีให้สองศรีพี่น้องเลยค่ะ อมฯก็แอบนับถือเหมือนกัน...อะไรฟะ ถามเขาเฉยๆว่าหลงทางหรือเปล่า ทั้งที่ตัวเองแหละ...

รอดูกันต่อไปแล้วกันค่ะ ว่าสองพี่น้องเขาจะทำอะไรกันต่อ (อย่าบีบคอคนเขียนนะคะ เพราะ....คนเขียนก็ไม่รู้ค่ะ - -) และแน่นอนค่ะ ว่ารอมีเวลาก่อน เจ้าอันโดนเฉ่งเนื่องจากคดีตอนที่แล้วแน่ๆค่ะ (ฮา)

แล้วพบกับส่วนที่ ๒ ในเร็วๆนี้ค่ะ (น่าจะได้อาทิตย์นี้นะคะ....พยายามอยู่ค่ะ) และตอนนี้น่าจะ ๓ เสี้ยวจริงๆนั่นแหละค่ะ ^^

ปล.เผื่อมีคนอยากรู้(ถึงไม่มีก็อยากเม้าท์ค่ะ) สตรีร่างอรชรคนนั้น...สวยกว่าสองพี่น้องค่ะ ฮา (แค่หุ่นก็ดีกว่าแล้วนี่นา)




 

Create Date : 30 พฤศจิกายน 2553
5 comments
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2553 1:46:49 น.
Counter : 1529 Pageviews.

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

 

โดย: Junenaka1 30 พฤศจิกายน 2553 9:34:02 น.  

 

มาอ่านครับ

 

โดย: ผีเสื้อสีดำ 7 ธันวาคม 2553 9:44:03 น.  

 

ดีใจจังได้อ่านเรื่องนี้อีกครั้ง

 

โดย: mimny 10 ธันวาคม 2553 2:17:33 น.  

 

ส่งความสุข ปีใหม่ ให้สดชื่น
ระเริงรื่น สุขสันต์ ในวันใหม่
คิดใดหวัง สมหวัง ดังหทัย
ตลอดไป ตลอดปี ใหม่นี้เอย
สุขสันต์ปีใหม่ครับ

 

โดย: สามปอยหลวง 30 ธันวาคม 2553 10:12:22 น.  

 

ดีใจจังที่ได้อ่านเรื่องนี้ต่อ
นานมากๆแล้วสำหรับเรื่องนี้ เกือบหมดหวังแน่ะ
ยังไงก็อย่าหายไปอีกเลยนะคะ

 

โดย: giffy IP: 124.120.70.252 26 กุมภาพันธ์ 2554 21:24:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


อมราวตี
Location :
กำแพงเพชร Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]





ครั้งหนึ่ง.....เคยนั่งอยู่
วันหนึ่ง.......เคยลุกมาก้าวเดิน
และอีกวัน...อาจหยุดนิ่งไม่ขยับไปไหน
-- -- -- -- -- -- -- -- -- --
"คนเรามักจดจำความเจ็บปวดของตนเอง แต่หลงลืมความเจ็บปวดของผู้อื่น"




New Comments
Friends' blogs
[Add อมราวตี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.