|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
Knight At Night ... สงครามรัตติกาล Ch.7
7/0
หยาง กุลนววงศ์ขยับมือพลางจับแต่งเสื้อผ้าของเขาให้เรียบร้อย แม้ความจริงการใส่เครื่องแบบของผู้ฝึกสอนนักวิจัยในสถานศึกษาจะเป็นอะไรที่ขัดกับบุคลิกและนิสัยของเขา แต่หยางรู้ดีกว่ากฎก็ต้องเป็นกฎ
แม้ว่าเขาจะเลือกหันหลังความภักดีให้กับมนุษย์ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะละเลยกฎระเบียบที่มนุษย์ตราขึ้น
และในความเป็นจริง หยางไม่ค่อยเห็นข้อแตกต่างในเรื่องนี้นัก ถ้าไม่นับความแตกต่างที่เขาเองก็เรียกไม่ถูกว่าเป็นเพราะกายวิภาค พันธุกรรม หรืออะไรก็ตามแต่ที่ทำให้พวกเขาแตกต่างกับมนุษย์แต่ก็มีบางส่วนที่ใกล้เคียงได้ถึงเพียงนั้น
มันแทบไม่แตกต่างกันเลย
เสียงเคาะประตูดังขึ้น และเมื่อเหลือบมองเวลากับตารางนัดหมายอันว่างเปล่าแล้ว หยางก็รู้ได้ไม่ยากว่าผู้มาคือใคร
"คุณร็อคเวล" เขาเรียก "เชิญเข้ามาได้เลย"
ผู้มาเยือนเปิดประตู และหยางเคยเห็นขัน เพราะเขารู้ดีว่าแทบทุกคนของ'พวกเขา'สามารถเข้ามาภายในได้โดยไม่ต้องสัมผัสประตูด้วยซ้ำ
ไม่แม้แต่จะต้องขออนุญาตเขาก่อน....ในบางกรณี
แต่การตรากฎของอีกฝ่ายก็เข้มงวดไม่แพ้กัน ในฐานะการปฏิบัติงาน....การปฏิบัติต่อกันและกันต้องมีขอบเขต ไม่ได้มีแค่ความเชื่อใจหรือความภักดี...สิ่งที่ต้องตามมาหลังจากนั้นในการทำงานคือความเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน ซึ่งมีแต่แบบนั้นเท่านั้นที่พวกเขาจะทำงานร่วมกันได้
หยางมองตรงไป และไร้ความแปลกใจผิดกับในภาวะแรกๆ
ร็อคเวลไม่เพียงก้าวเข้ามาเงียบๆ เขายังปิดประตูตามหลังให้เงียบๆและยืนอย่างรักษามารยาทเมื่อยังไม่ได้รับคำเชิญให้นั่ง
และสง่างาม
ในเครื่องหน้าที่มีเพียงความสมบูรณ์แบบอันน่าดู ของผิวที่ราวกับเครื่องกระเบื้องเคลือบเก่าแก่ล้ำค่าประจำแอเรียที่ 2 แห่งภูมิภาคบูรพา
สถานที่อันเป็นบ้านเกิดของเพื่อนสนิทเขา จิงเมิ่งโหยว
มันหลอมรวมกันและกลายเป็นเสน่ห์ดึงดูดใจที่มักทำให้หลายคนมองตามจนเหลียวหลัง
เว้นแต่คนบางประเภท
หยางเป็นคนบางประเภทนั้น แต่ไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนโชคดี ผู้ที่เขาทำงานให้ในยามนี้เคยอธิบายว่าการทำงานก็มีส่วนช่วยเช่นกัน มีแนวโน้มที่พวกทำงานเฉพาะทาง ไม่ว่าจะเป็นนักวิจัยหรือสายอื่นๆจะมีความหมกมุ่นและคลื่นสมองที่ตอบรับต่อสิ่งที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดใจเหล่านี้น้อยกว่าหรือแทบไม่มีผลเลย เพราะคลื่นสมองของพวกเขาใช้งานไปกับการตอบรับสิ่งที่พวกเขาสนใจหมดแล้ว
หยางคิดว่านั่นเป็นเรื่องจริงอย่างถึงที่สุด ให้เลือกระหว่างมองร็อคเวลกับมองวัตถุโบราณ เขาคงเดินตรงไปหาอย่างหลังแน่ๆ
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ทำหน้าที่ที่ดี ทั้งในฐานะผู้ร่วมงานและเจ้าของสถานที่
"เชิญนั่ง...คุณร็อคเวล" เขาผายมือ ขณะเดินไปทางเครื่องทำเครื่องดื่มที่เพิ่งกดโปรแกรมไปเมื่อสักครู่ "คุณจะดื่มอะไรหน่อยไหม"
ร็อคเวลเอียงคอ และแปรเปลี่ยนกริยาสง่างามให้กลายเป็นความน่าดูของความพิศวง ก่อนที่เขาจะเอ่ยปาก
"ตามแต่คุณจะสะดวก กุลนววงศ์ ผมไม่ค่อยได้มาที่แอเรียนี้บ่อยนัก เลยไม่ค่อยทราบว่าของขึ้นชื่อของที่นี่คืออะไร"
หยางหันกลับมาที่เครื่องทำเครื่องดื่มของเขา เนื่องจากยังมีของที่เขาไม่กินเหลือ และเป็นโปรแกรมที่เพิ่งตั้งให้ทำงานไปเมื่อไม่นานมานี่ เขาจึงเลือกกดชาจากแอเรียที่เพื่อนสนิทของเขาชอบมาเป็นเครื่องดื่มต้อนรับอีกฝ่าย
เพราะความที่ไม่ได้คิดอะไร...มากมายนักในการกดสั่งเครื่องดื่มชนิดนี้ เขาจึงชะงักไปเล็กน้อย เมื่อเห็นร่องรอยที่ดูละม้ายคล้ายกับความแปลกใจในแววตาของร็อคเวลเมื่อมองมา
"คุณรู้ไหม" ผู้มาเยือนชิงเอ่ยก่อนที่หยางจะทันอ้าปาก "มีไม่กี่คนนักหรอกในหมู่พวกเรา ที่ชอบเครื่องดื่มชนิดนี้"
แม้ปากจะพูดแบบนั้น แต่ร็อคเวลก็ยื่นมือไปรับถ้วยน้ำชา...ที่มีควันและกลิ่นหอมกรุ่นขึ้นมา สูดดมชั่ววูบก่อนขยับรอยยิ้ม
"ซึ่งผมไม่ได้รังเกียจมันเช่นกัน" เขายกขึ้น จิบน้ำชาร้อนจัดนั้นโดยไม่แม้แต่จะเป่าสักนิด ก่อนพึมพำแผ่วเบา "หลงจิ่งแห่งซีหู "
"ผมเคยได้ยินชื่อนั้น" หยางทรุดกายลงนั่งหลังโต๊ะทำงานของตนเอง ในตำแหน่งเดิมกับที่เขารับแขกทุคน "เหมือนจะเป็นชื่อสถานที่ไหนสักแห่ง"
"เคยเป็น" ร็อคเวลแก้ให้ เขาประคองแก้วเครื่องดื่มไว้ในมือ ก่อนมองก้มลงไปด้วยแววตาที่ลึกพอๆกับสีสันของเครื่องดื่มนั่น
สีเหลืองที่อ่อนใสและเจือจางจนเกือบคล้ายไม่มี แต่ก็แฝงเร้นจนกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน
พร้อมเอ่ยคำ
"เป็นสิ่งที่น่าคิดถึงมาก"
7/0 P.1
ไอเด็นเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยกับคำพูดนั้น
ในร่างของเด็กหนุ่ม อิริยาบถของเขาแลดูคล้ายกับเด็กชายที่กำลังสงสัยต่อบทเรียนที่ไม่เป็นไปตามที่คิด
หากในฐานะของเขาเอง ในฐานะของเผ่าพันธุ์ที่มีอีกร่างเป็นนกสีดำที่ข้องเกี่ยวกับความตายอย่างเรเวน ความสงสัยนั้นคือความกังขา คือความพิศวง และคือความสนใจ
ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเห็นมนุษย์ที่ไม่เอ่ยถึงเผ่าพันธุ์ตนเอง หากเลือกเผ่าพันธุ์อื่น ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเห็นเล่ห์อุบายของการบอกว่ามอบให้ แต่แท้จริง สิ่งที่จะตามมาหลังจากนั้นคือการเรียกคืนที่ไม่อาจหลีกหนี ไม่อาจปฏิเสธ และหนักหนากว่าหลายเท่า
ในฐานะที่มีชีวิตอยู่มาพร้อมการเกิดและการล่มสลาย ทั้งสองสิ่งที่แสดงต่อหน้าเขา ทำให้ไอเด็นรู้มาตลอดว่ามันคือแก่นแท้ของทุกสิ่งเสมอเช่นกัน
แก่นแท้ที่จะมีสองเสมอ
จุดจบ จุดเริ่มต้น การถือกำเนิด ความตาย
ความซื่อตรง กับคำโกหก
และเมื่อมองไปที่มนุษย์ตรงหน้า ที่ออกปากคล้ายอธิบายทุกสิ่งทุกอย่าง ไอเด็นเห็นทั้งความซื่อตรง และทั้งคำโกหก
เขาเห็นความซื่อตรง เมื่อหล่อนบอกให้มนุษย์อีกคน "เลือก"
และเขาเห็นคำลวง เมื่อมองไปในสีหน้าของหล่อนที่พูดคำนั้น คำลวงของความรู้สึกบางอย่างที่ถูกเร้นไว้เกือบจะมิดชิด แต่ก็คล้ายจะปะทุในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง
มันทำให้ไอเด็นออกปากถาม
"แปลว่า....คุณไม่ได้ภักดีกับฝ่ายมนุษย์อย่างนั้นสินะ ?"
หญิงสาวคนนั้นเลื่อนสายตา ขณะที่หญิงสาวอีกคนนิ่งงัน ระหว่างปล่อยให้คำตอบกังวานออกจากปากหนักแน่น
"ความภักดีของฉัน...ไม่ได้ให้กับฝ่าย แต่ให้เฉพาะ "บุคคล" เท่านั้น"
7/0 P.1.5
อรอินทุได้แต่ทอดตามองไปอย่างงงงัน ไม่อาจบอกได้ถูกแม้กระทั่งว่าหล่อนกำลังมองไปที่ใดกันแน่ ขณะปล่อยให้ทุกคำพูดโต้ตอบซึมซับเข้ามาในสมอง
ทว่าในคำพูดที่แทรกซึมนั้น กลับผลักดันบางอย่างออกมาด้วย
เธอกะพริบดวงตาปริบ ขับไล่ความพร่าเลือนที่เลือนมาครอบคลุม
และได้รับอีกภาพหนึ่งเป็นการตอบแทน
เบื้องหน้าไม่ใช่อาคารที่คุ้นตาด้วยรูปลักษณ์ของสถาปัตยกรรมสำหรับสถานศึกษา แต่กลายเป็นทุ่งกว้างร้างสุดลูกหูลูกตา
สถานที่ที่แผ่นผืนที่ควรจะใช้ยืนอยู่กลับกลายเป็นคล้ายระลอกคลื่นสูงต่ำสลับลับเหลี่ยมไปมา ขับเน้นความอ้างว้างและความว่างเปล่าของดินแดน
แต่เธอรู้ว่ามี
มีใครบางคน.... มีอะไรบางอย่างยืนอยู่ที่นั่น
เธอคิดว่าเธอมองไม่เห็น แต่เธอกลับรู้ว่าเขามีดวงตาสีแดง ดวงตาที่ลึกราวกับก้นบึ้งของอะไรสักอย่างที่เธอคลับคล้ายจะรู้จัก
และเขากำลังจะยื่นมือมาสัมผัส
"คุณหลง !!!"
พร้อมเสียงเรียกที่เฉียบขาด คือสัมผัสของผืนผ้าเนื้อหนาที่เอื้อมมารวบข้อมือของเธอไว้และบีบเบาๆ
จากผู้หญิงที่ปราดมาอยู่ข้างหน้าแต่เมื่อไรก็สุดรู้
อรอินทุ หลง กะพริบตาปริบอย่างงุนงง
"....ฉัน ?"
เธอได้ยินเสียงตัวเองทวนคำ เสียงที่พบว่ามันแหบพร่าราวกับเธอกำลังกระหายน้ำ
ราวกับเธอเพิ่งไปเยือนในแดนดินอันแห้งแล้งยากจะหาน้ำได้จริงๆ
เธอมองผู้หญิงที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า เห็นหล่อนหันไปหาเด็กหนุ่มที่ก้าวยาวๆเข้ามาพร้อมแก้วเครื่องดื่มในมือส่งผ่านมาให้
ชวนให้เธอพิศวงเล็กน้อย ว่าทั้งคู่เลิกจ้องตากันและกันอย่างประเมินตั้งแต่เมื่อใด ?
หรือไม่.... ความคิดต่อมาหลังจากที่ลำคอแห้งผากได้รับน้ำและกระตุ้นกระบวนความคิดใหม่อีกครั้ง ทำให้อรอินทุรู้สึกประหลาด เมื่อเธอเพิ่งตระหนักได้ว่า หรือไม่ก็เป็นเธอเสียเองที่ไม่ได้อยู่กับบทสนทนาตรงหน้า !
เธอมองไปยังดวงตาสองคู่ที่มองมานิ่งๆ ไม่มีแววห่วงใยหรือกังวลใจในดวงตาของทั้งคู่ แต่ผู้มองก็ยังสัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่ทอดสงบอยู่หลังความนิ่งงัน
อรอินทุ เลือกที่จะมองเข้าไปในแววตาของผู้หญิงคนนั้นก่อน
มองเข้าไปในก้นบ่อสีดำสนิทนั่น
"ไม่มีประโยชน์หรอก คุณหลง" คำเรียกในตอนท้ายเน้นหนัก "ถึงแม้สัญชาตญาณของคุณจะฉับไวจนน่าทึ่งแค่ไหน แต่ฉัน....ถูกฝึกมาให้รับมือเรื่องแบบนี้จากคนที่เก่งกาจในเรื่องนี้กว่าคุณ ดังนั้นคุณยัง 'มอง' ฉันไม่ได้หรอก"
อรอินทุ 'หลง' ได้แต่ชะงักงัน
7/0 P.2
จิงเมิ่ง โหยว รู้ว่าผู้ที่อยู่ต่างเผ่าพันธุ์ตรงหน้ากำลังจ้องมองเธออย่างไตร่ตรอง ทว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องกังวลใจ
แต่เธอก็ยังหันไปเผชิญหน้าเขา
และเห็นเขาค้อมหัวรับอย่างสง่างาม ให้เกียรติ...ทั้งตัวเขาและเธอเอง
"เข้าใจล่ะ" น้ำคำของเขาเป็นดั่งท่วงท่า "แปลว่าคุณไม่ใช่ตัวแทนของฝ่ายมนุษย์ที่ควรจะมายืนอยู่ตรงนี้ด้วยอย่างนั้นใช่ไหม ?"
"ฉันเป็น" เธอแก้ "ฉันมาในฐานะเดียวกับคุณ คือเพื่อมาเป็น ผู้คุ้มครอง แต่ในสถานการณ์นี้ มีบางอย่าง...ที่ซับซ้อนอยู่เล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ถือว่าฉันปฏิบัติงานในฐานะผู้คุ้มครองของฝ่ายมนุษย์ เพียงแต่จุดยืนและความคิดของฉัน ก็คือการที่ทำให้เธอแน่ใจว่าเธอจะเลือกในสิ่งที่เธอ...."
ท้ายประโยคจิงเมิ่งชะงักไป เมื่อสายตาที่เลื่อนหันไปมองผู้ที่ถูกกล่าวถึงและเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้กำลังฟังที่เธอเอ่ย
อรอินทุ หลง ดูเหมือนไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ เมื่อดวงตาทั้งคู่ของเจ้าหล่อนแลเลื่อนลอย และคล้ายกำลังสะท้อนภาพสถานที่อีกแห่ง
สถานที่อีกแห่งที่ไม่มีทางเป็นที่นี่ จิงเมิ่งแน่ใจในข้อนั้น แม้จะไม่สามารถรู้ได้ว่าเจ้าหล่อนกำลังมองเห็นภาพอะไรก็ตาม
หากเธอก็ยื่นมือออกไป และค่อยรวบปลายนิ้วกำข้อมืออีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา ก่อนจะบีบเบาๆเช่นเดียวกับน้ำเสียงเฉียบขาด
"คุณหลง"
ตอนนั้นเอง ที่อรอินทุ หลงถึงค่อยมายังที่ๆพวกหล่อนอยู่
ไอเด็นไม่ได้เข้าแทรกแซงอะไร เด็กหนุ่มเพียงจ้องอยู่ชั่วครู่ ครั้นเห็นว่าหล่อนจัดการได้เรียบร้อย เขาก็หันไปสั่งเครื่องดื่มอีกแก้วและถือส่งมาให้หล่อนมอบต่อให้อรอินทุเงียบๆ
เธอเห็นริมฝีปากที่แห้งผากของหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้า เห็นหล่อนค่อยๆจิบน้ำและกล้ำกลืนลงไป ก่อนที่แววแห่งความรับรู้กับครุ่นคิดจะกลับมา
และนั่นบอกจิงเมิ่งว่า อรอินทุยังไม่ 'กลับ' มาเสียทีเดียว
แทบจะพร้อมกับความคิดนั้น คนที่อยู่ในห้วงความคิดหล่อนก็หันกลับมาและมองสบเข้าไปในดวงตาของหล่อน
ลักษณะที่หล่อนทั้งเคยเห็น ทั้งรู้จัก ทั้งรู้สึกทอดถอนใจไปพร้อมๆกันยามถูกมองเช่นนี้
หากความรู้สึกนั้นเป็นความรู้สึกเมื่อหล่อนถูกจ้องด้วยอีกคน ...อีกคนที่สูงวัยกว่านี้ ดังนั้น หนนี้เมื่อฝ่ายจ้องมองเป็นหญิงสาวที่มีวัยไล่เลี่ยกัน หล่อนจึงเพียงแค่เอ่ยปาก
"ไม่มีประโยชน์หรอก คุณหลง" เธอเจตนาเน้นคำเรียกตอนท้าย คำที่เป็นหนึ่งในชนวนของเหตุทั้งหมด "ถึงแม้สัญชาตญาณของคุณจะฉับไวจนน่าทึ่งแค่ไหน แต่ฉัน....ถูกฝึกมาให้รับมือเรื่องแบบนี้จากคนที่เก่งกาจในเรื่องนี้กว่าคุณ ดังนั้นคุณยัง 'มอง' ฉันไม่ได้หรอก"
คนพูดมองฝ่ายตรงข้ามที่นิ่งไปเล็กน้อย ก่อนหล่อนจะสะบัดศีรษะไปมาคล้ายพยายามขับไล่บางสิ่ง และหนนี้เมื่อมองมายังทั้งหล่อนและเด็กหนุ่มเบื้องหลัง แววตาของหญิงสาวเปี่ยมด้วยความงุนงนแกมเสียใจ
"ฉัน... ฉันไม่ได้ตั้งใจ ไม่ ไม่" หล่อนแก้คำพูด และความสับสน "ฉัน...ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำอะไร หรือคุณกำลังหมายถึงอะไร มันหมายความว่ายังไงกันที่คุณพูด"
จิงเมิ่งใช้ความเงียบแทนคำตอบ และแทนการปลอบประโลมให้อีกฝ่ายค่อยๆสงบใจ
และเตรียมตัว
เธอตวัดนัยน์ตาไปเบื้องหลัง พริบตาเดียวกับที่เสียงแหวกอากาศอันแผ่วเบาพัดผ่านมาในสายลม ทว่าเด็กหนุ่มที่ยืนนิ่งมาตลอดยกมือขึ้นเล็กน้อยคล้ายให้สัญญาณบางอย่าง
นั่นเป็นเหตุผลเดียว ที่จิงเมิ่งยังไม่ขยับจากเบื้องหน้าหญิงสาวที่พยายามนั่งนิ่งและใช้ความคิดทั้งหมดของหล่อน
และปล่อยให้ไอเด็นก้าวออกไป
เขาแหงนเงยหน้าขึ้น และผิวปากอย่างปราศจากเสียง...เสียงที่มนุษย์ไม่ได้ยิน แต่จิงเมิ่งก็พอเดาได้ ว่ามีการสื่อสารเกิดขึ้น
หนนี้หล่อนไม่ได้ยินเสียงอะไรตอบกลับมา แต่เห็นไอเด็นขยับริมฝีปากอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะหันมา
ตอนนั้นเองที่อรอินทุสะดุ้งสุดตัว และกรีดร้องเสียงแหลม
7/0 P.3
"ก่อนที่จะพูดถึงเรื่องนกเรเวน ผมมีสิ่งหนึ่งที่ต้องแจ้งให้คุณรู้ก่อน" ร็อคเวลพูดในขณะที่รับน้ำชาถ้วยที่สองจากหยาง พลางก้มลงสูดกลิ่นหอมที่อ่อนจางจากเครื่องดื่มในฝ่ามือ
สิ่งที่เขาไม่ได้บอกเจ้าของห้องก็คือ กลิ่นหอมนี้ไม่เพียงน่าคิดถึง แต่ยังนำความคิดถึงอีกหลายสิ่งให้ตามติดมาอีกด้วย
ทว่านั่นไม่ใช่เรื่องที่ต้องเอ่ย
"ในเหตุการณ์นี้.... 'การเลือก' ครั้งนี้" เขาเอ่ยเสริมด้วยคำที่รู้กันชัดเจน "ฝ่ายเราตัดสินใจแล้ว ว่าจะไม่แทรกแซง"
เขามองดูมนุษย์ ... ที่บัดนี้เป็นผู้ร่วมงานค่อยๆเอนหลังลงพิงพนักเก้าอี้ของตนด้วยความครุ่นคิด และทำให้เขายอมรับอีกฝ่ายมากขึ้น...อีกเล็กน้อย กับการที่ไม่ถามกลับในทันที หรือแสดงท่าทางใดออกมา นอกจากการใช้ความคิด
ใช้ความคิดของตนเองก่อน แล้วจึงค่อยถามหาจากผู้อื่น
นั่นเป็นเรื่องง่ายๆที่ธรรมดาสามัญ แต่ในกาลเวลาที่ยาวนาน เขาย่อมรู้ดีว่าเมื่อมีคนที่เป็นเช่นนี้ ก็ย่อมมีคนที่ไม่ใช่เช่นกัน
ความแตกต่างเป็นเรื่องปกติ และมันคือเรื่องดี แต่ถึงกระนั้น มันก็ย่อมมาพร้อมความรู้สึกที่เป็นได้ทั้งบวกและลบเช่นกัน
เขาสงสัยว่าบางที...ผู้ที่ส่งให้เขามาประสานงานกับชายหนุ่มผู้นี้คงรู้ถึงลักษณะนิสัย...ทั้งของเขา และของหยาง กุลนววงศ์จนเกินพอ
ร็อคเวลเกือบจะทอดถอนใจให้ความคิดที่ออกนอกเรื่องราวนั่น ลงท้ายเขาก็ได้แต่ปล่อยให้รสชาติอันหอมหวานของเครื่องดื่มที่โปรดปรานชะล้างทุกความคิดออกไปเสีย
ในขณะเดียวกับที่มนุษย์ผู้ร่วมงานเพิ่งเอ่ยปาก
"ตัวผมเอง ไม่มีข้อคิด หรือคัดค้านใดๆในเรื่องนี้อยู่แล้ว คุณร็อคเวล" เขาเปลี่ยนอิริยาบถเล็กน้อย และทำให้ดวงตาคมเข้มที่หรี่ลงเล็กน้อยหันไปมองยังคู่สนทนาตรงๆ "เพียงแต่ผมคิดว่า เมื่อคุณแจ้งเรื่องนี้ก่อนที่เราจะคุยเรื่องเรเวน ผมจึงคิดว่า....มันอาจจะมีสาเหตุหรืออะไรสักอย่างที่ผมต้องรู้ มากกว่าจะแค่รับทราบและปฏิบัติตามเฉยๆใช่ไหม ?"
ร็อคเวลค้อมศีรษะแสดงความเคารพและนับถือ...อันเท่าเทียมให้ 'เพื่อน' ร่วมงานเบื้องหน้า
"ผมกำลังจะเล่ารายละเอียดของเรื่องนี้ให้คุณทราบ" เขาวางถ้วยใส่ชาลง และเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึม "ความจริงเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ออกจะพูดลำบากอยู่เล็กน้อย เพราะส่วนหนึ่งของปัจจัย...ที่ทำให้ตัดสินใจไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเลือกครั้งนี้ มาจากความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างจะส่วนตัวอยู่สักเล็กน้อย"
หยาง กุลนววงศ์ยังคงนิ่งฟังอย่างสงบ
ร็อคเวลมองชายหนุ่มตรงหน้า อดไม่ได้ที่จะประเมินเขาอีกครั้ง ด้วยคำถาม
"คุณเชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิดใหม่ไหม คุณกุลนววงศ์"
7/0 P.2.5
มิคาเงะ ฟรองทีชาร์ส แหงนเงยวงหน้าของหล่อนขึ้น ในขณะที่สองตาพริ้มลงคล้ายอยู่ในห้วงของความฝัน
ทว่าหล่อนไม่ได้หลับ เพราะวินาทีต่อมาหล่อนก็ปรือตาขึ้น และเปล่งเสียงเรียกแผ่วเบา
"....อินทุ...."
เสียงเรียกนั้นแผ่วเบายิ่งกว่าเสียงกระซิบ แต่กลับเสียดแหลมเข้าไปในความรู้สึกผู้ฟัง ยิ่งเมื่อในวินาทีต่อมา ในความมืดเบื้องหลังนั้นกลับปรากฎความเคลื่อนไหว
มันคล้ายวงกระเพื่อมของผืนน้ำเมื่อเม็ดฝนตกลงไป สั่นไหว และแผ่ขยาย หากมันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เมื่ออะไรบางอย่างกำลังเอื้อมออกมาจากความมืดนั่น
และเอื้อมมาแตะต้องหญิงสาวที่ยืนอยู่
"....อิน...ทุ...." คำเรียกสุดท้ายคล้ายวิงวอน ก่อนที่สิ่งที่เอื้อมออกมาจะกลืนกินหล่อนหายไป
เหลือทิ้งไว้แต่ดวงตาสีแดงเข้มคู่หนึ่งที่มองตอบกลับมา
และทำให้อรอินทุงอตัวลง กรีดร้องสุดเสียง
7/0 P.4
"ทำไมถึงเป็นแบบนี้" ไอเด็นถามเสียงเครียด เมื่อหญิงสาวที่เขาต้อง 'ปกป้อง' เกิดอาการอะไรสักอย่างที่น่าจะเป็นปัญหาอีกครั้ง
และหนนี้ เขาเห็นได้ชัดว่าหญิงสาวอีกคน...ของอีกฝ่าย ก็มีท่าทางเคร่งเครียดขึ้นมาเช่นกัน
"เธอถูกใช้" หล่อนตอบ ขณะที่มือล้วงกระเป๋าเสื้อคลุมที่ใส่มา "มีใครบางคนรู้ว่าเธอเป็น...อะไรและยังไง แล้วก็น่าจะหาช่องโหว่สักทางแทรกเข้ามาในความคิดของเธอ ....น่าจะใช้สัญชาตญาณของเธอ"
นั่นไม่ใช่สิ่งที่ไอเด็นถนัดเลยแม้แต่น้อย เขาจึงปล่อยให้คนพูดจัดการ และฟังที่หล่อนเอ่ยคล้ายอธิบายต่อ
หล่อนอธิบายโดยไม่มีความ 'หวงแหนวิชา' สักนิด
"เวลาที่...เหมือนกับระบบประสาทถูกกระตุ้น" แม้มือจะขยับคล้ายควานหาบางอย่าง แต่สติและสมาธิของหล่อนก็แน่วแน่พอที่จะใส่ใจเลือกคำที่อธิบายได้ง่ายที่สุดให้เขาฟัง "คุณลองนึกภาพว่าเหมือนคนที่เจออะไรสักอย่างที่น่าตกใจและเพิ่งตื่นตัวกับสิ่งนั้น พอมีอะไรสักอย่างที่เหมือนกับสิ่งนั้น หรือต่อให้เป็นเพียงแค่ใกล้เคียงก็ตาม คุณจะรู้สึกไวกับมันมากจนตัวคุณเองยังตกใจ"
"ระแวง" ไอเด็นสรุปคำที่ง่ายกว่าให้
"ใช่ มันเหมือนกับการที่เราระแวงอยู่ก่อนแล้ว" หล่อนพยักหน้า "วันนี้คุณหลงเพิ่งเจอ...เหตุการณ์ที่กระตุ้นสัญชาตญาณระแวงภัยอย่างร้ายกาจ ดังนั้น ถ้ามีอะไรสักอย่างที่ใช้ช่องโหว่นี้ เขาก็จะ....ใช้ประโยชน์จากความสามารถของเธอได้"
คำอธิบายตอนท้ายรวบรัดไปเล็กน้อย ทว่าไอเด็นไม่โทษเจ้าหล่อน เพราะหล่อนชักมือออกจากกระเป๋า บ่งชัดว่าได้ของที่ต้องการแล้ว
และแม้หล่อนจะไม่ได้หวงแหนวิชา แต่ไอเด็นก็ถอยห่างเล็กน้อย และให้แผ่นหลังของหล่อนบดบังขั้นตอนการทำงานที่จะเกิดขึ้นถัดไป
ทว่าหญิงสาวกลับเอ่ยโดยไม่แม้จะหันหน้ากลับมา
"ถ้าเป็นไปได้ ให้พรรคพวกของคุณที่ลาดตระเวณแถวนี้ดูแลความปลอดภัยรอบๆ และคุณมาช่วยฉันทางนี้สักนิดได้ไหม ?"
นั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่ไอเด็นได้รับคำร้องขอจากเพื่อนร่วมงานที่เป็นมนุษย์ แต่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับคำร้องขอจากมนุษย์ที่ไม่ได้เป็นเพื่อนร่วมงานของเขาให้ช่วยในงานของหล่อน
และเป็นครั้งแรกที่ไอเด็นตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
เขาก้าวไปข้างหน้า พร้อมคำตอบ
"ตกลง"
7/0 P.3.5
"เป็นทฤษฏีเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตในโลกที่เก่าแก่และน่าสนใจมาก แต่ยากต่อการวิจัย" หยางตอบอย่างตรงไปตรงมา...กับความคิดของตนเองที่สุด
การกลับชาติมาเกิด...เป็นหนึ่งในสมมติฐาน หรือทฤษฏีที่นักวิจัยหลายต่อหลายคนพยายามใช้มันเป็นคำตอบที่มากกว่ากรรมพันธุ์ การผ่าเหล่า หรือกรณีอื่นๆที่ยังไม่สามารถแม้แต่จะค้นหาคำตอบได้ใกล้เคียง
มันเป็นเรื่องที่มีนักวิจัยหลายคนให้ความสนใจ และการวิจัยที่เป็นที่รู้จักคือการทดลองเกี่ยวกับคลื่นสมอง กับปฏิกิริยาไฟฟ้าและไฟฟ้าสถิตอีกหลายต่อหลายอย่าง
แต่หยางไม่ใช่นักวิจัยที่สนใจเรื่องนี้เท่าไรนัก แม้เขาจะคิดว่ามันน่าสนใจตามแบบฉบับของมันก็ตาม
ทว่าร็อคเวลก็ดูจะไม่เป็นปัญหากับคำตอบของเขานัก เพราะฝ่ายตรงข้ามเอ่ยต่อแทบจะทันที
"ความจริง...แม้กระทั่ง...เผ่าพันธุ์เราที่มีอายุยืนยาวเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของอายุมนุษย์ ก็มีความคิดที่ไม่ค่อยต่างไปจากคุณนัก คุณกุลนววงศ์" เขาเว้นช่วงไปเล็กน้อย "มันเป็นสิ่งที่เก่าแก่ น่าสนใจ ทว่ายากต่อการพิสูจน์ได้ ...เป็นความลับที่โลกไม่ยอมแบ่งให้เผ่าพันธุ์ไหนได้ไปง่ายนัก"
"แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทาง...เสียทีเดียว" คำพูดของร็อคเวลตรงกับความคิดของหยาง นับแต่ที่ได้ยินคำว่า "ไม่ง่าย" จากปากอีกฝ่าย
เพราะนั่นแปลถึงความ 'เป็นไปได้'
ทว่าก่อนหน้านั้น ร็อคเวลกลับทอดถอนใจ
"คุณกุลนววงศ์" เสียงเรียกนั้นทำให้หยางต้องหันไปพินิจผู้เรียกด้วยความพิศวงเล็กน้อย กับบางกังวานในถ้อยคำนั้น "นี่เป็น...คำถามนอกเรื่อง ไม่ได้เกี่ยวกับงานเท่าไรนัก แต่ผมอยากถามคุณในฐานะเพื่อนร่วมงาน รังเกียจไหม ?"
หยางแปลกใจ ทว่าไม่ได้รู้สึกประหลาด เพราะครั้งหนึ่งก็เคยมีผู้ที่ถามเขาด้วยคำถามที่ใกล้เคียงกันนี้เช่นกัน
คำถามที่ส่งผลต่อการเลือกของเขาในเวลาถัดมา
"ผมยินดี คุณร็อคเวล" เขาผงกศีรษะให้เป็นการยืนยัน ก่อนระบายรอยยิ้มน้อยๆ "และโปรดเรียกผมว่าหยาง"
ร็อคเวลตอบกลับด้วยสิ่งเดียวกัน
"เรียกผมว่าร็อคเวลก็ดูจะเป็นการดีกว่าเช่นกัน หยาง" เขายิ้ม "เอาล่ะ ทีนี้คำถามของผมคือ คุณคิดว่าทำไม เราถึง....ยินดีที่จะให้มนุษย์ก้าวเข้ามาสู่การทำงานร่วมกับเราในเรื่องที่จะเกิดขึ้นและดำเนินต่อไปหลังจากนี้ ไม่เอาเรื่อง...ความสามารถที่ทำให้เกิด 'การเลือก' นั่นนะ" เขาเสริมในตอนท้าย
"คุณก็รู้ ว่านอกจากนั้นแล้ว เรายังมีบุคลากรที่ทรงคุณค่าไม่แพ้บุคคลที่ต้องทำ 'การเลือก' อย่างจริงจังหลายต่อหลายครั้งเลย"
"ข้อนี้...ผมตอบตรงๆนะ ว่าผมลำบาก ทั้งลำบากใจที่จะตอบและลำบากใจแม้กระทั่งจะคิดทีเดียว" หยางคลายอิริยาบถของตนเองลง "ผมคิดว่าถ้าเป็นกรณีนั้น มัน...ขึ้นอยู่กับแต่ละคนมากกว่า อย่างสำหรับผม บางทีผมก็แค่คิดว่า...เจ้านาย.....คุยถูกคอกับผมและคุยรู้เรื่องล่ะมั้ง ?"
"ใช่" ร็อคเวลกลับพยักหน้าให้คำตอบนั้น "คุณรู้ไหม มีหลายคนที่คิดเหมือนกัน ว่าเราจำเป็นจริงๆที่จะต้องมีเพื่อนร่วมงาน...ที่ต่างกับเราอย่างเช่นมนุษย์ โดยเฉพาะส่วนสำคัญที่ต่างที่สุดอย่างอายุขัย"
ร็อคเวลนิ่งไป และในชั่วพริบตา หยางคล้ายจะมองเห็นริ้วรอยของกาลเวลาที่ปรากฏอยู่ชั่วแล่น ก่อนที่เขาจะเอ่ยคำ
"เราต้องการสิ่งที่เตือนเราได้ หยาง" เสียงของร็อคเวลแผ่วเบา ราวเสียงกระซิบที่เพียงแทรกผ่านมาในสายลม "เราต้องการขอบเขต และต้องระลึกถึงมันตลอดเวลา ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีขีดจำกัด มีเส้นที่ไม่ควรก้าวข้ามอยู่เสมอ มีบางสิ่งที่สุดท้ายแล้วเราก็ทำได้เพียงปล่อยให้กลืนหายไปกับกาลเวลาไม่ว่าจะยาวหรือสั้น"
"ยิ่งอายุขัยของเรายืนยาว เราก็มักจะลืมเรื่องพวกนั้นไปได้ง่ายๆเสมอ ยิ่งผ่านการคงอยู่ที่ข้ามกาลเวลา เราก็จะคิดว่าเราสามารถจับต้องได้ทุกสิ่งทุกอย่าง สามารถเข้าใจ สามารถรู้ได้ในทุกเรื่อง สามารถที่จะแตะต้อง สัมผัสถึงบางสิ่งได้...แม้จะเป็นสิ่งที่เสียไปแล้ว หรือจบสิ้นไปแล้วก็ตาม แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป...."
ถ้อยคำที่ยืดยาวของร็อคเวลชะงักด้วยการทอดถอนยืดยาวอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนคำพูดใหม่
"คุณเป็นนักประวัติศาสตร์คนหนึ่ง หยาง เคยได้ยินคำพูดที่ว่าประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอยเสมอใช่ไหม ?"
หยางพยักหน้า "เป็นคำพูดที่โบราณ และเก่าแก่มาก.... มาจากตั้งแต่...ประวัติศาสตร์ยุคโบราณ"
"มันเป็นคำพูดที่บ่งบอกอะไรได้หลายๆอย่าง" ร็อคเวลเพิ่มเติม "ความจริงแล้ว ในช่วงเวลาที่เรียกว่าประวัติศาสตร์ยุคโบราณของพวกคุณ มีคำ...ที่กล่าวคล้ายๆอย่างนี้เยอะ และมันเป็นคำเตือนใจที่ใช้กับ...ผู้ที่มีอายุยืนยาวได้ดีเช่นกัน เพราะหลายสิ่งหลายอย่างมักจะทับซ้อนกัน เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วอาจเกิดขึ้นอีกได้ การตัดสินใจที่แม้จะเลือกไปแล้วเลวร้าย บางครั้งก็ยังมีคนที่ทั้งต้องเลือกและจำเป็นที่จะเลือกเสมอ"
หยาง กุลนววงศ์คิดถึงเหตุการณ์เมื่อ 3 ปีก่อน และรู้ดีว่าเขาไม่มีวันเห็นด้วยกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดได้มากเท่านี้อีกแล้ว
"เพราะเหตุนั้น บางครั้ง...เมื่อบางคนที่มีอายุยืนยาว พบเห็นอะไรบางอย่างที่ก่อกำเนิดขึ้นมาอีกครั้งด้วยรูปร่าง หรือด้วยอะไรสักอย่างที่เขาจดจำได้ว่าเขาเคยพบมาก่อน เมื่อตอนนั้นเองที่ถ้าหากเขาลืม...ขีดจำกัด ลืมเส้นที่ไม่ควรข้าม ไม่ควรแตะต้องพวกนั้น...."
เสียงของร็อคเวลช่วงท้ายกลืนไปในเสียงถอนหายใจ แต่หยางก็พอจะคาดเดาได้
"เมื่อตอนนั้น" เขาใช้คำของอีกฝ่าย "เขาก็จะยึดถือเอาว่า ของสิ่งนั้นกลับมาหาเขาแล้ว"
ร็อคเวลยิ้ม...อย่างปราศจากความยินดีใดๆให้กับผู้ฟัง และพยักหน้า
"เขาจะเชื่อว่าคนที่เคยตายไปแล้ว ได้กลับมาพบเขาอีกครั้ง ... กลับชาติมาเกิดใหม่" ผู้พูดวนกลับไปหาทฤษฏีในตอนแรกอีกครั้ง และนั่นเองที่ทำให้หยางรู้ว่าเวลาของการขอความคิดเห็นส่วนตัวกำลังจะถูกซ้อนทับด้วยเรื่องงานอีกครั้ง
และเขาคิดถูก
"เขาจึงเชื่อว่า 'เธอ' ควรเป็นของเขา โดยไม่จำเป็นต้องมีแม้แต่ 'การเลือก' "
7/0 P.4.5
"คุณพร้อมไหม ?" จิงเมิ่ง โหยวเอ่ยถามเด็กหนุ่มที่ทรุดตัวอยู่อีกฟากข้าง โดยมีอรอินทุ หลง คั่นกลาง
หญิงสาวที่แม้ตอนนี้จะเงียบเสียงแล้ว ทว่ายังหอบจนตัวโยนและ 'ไม่ได้อยู่ที่นี่'
จิงเมิ่งจึงไม่เหลือเวลาอีกแล้ว หล่อนแทบไม่รอให้เด็กหนุ่มพยักหน้าเสร็จ ก็หันขวับกลับมาหาอรอินทุ หลงที่อยู่เบื้องหน้าและยืดตัวขึ้นแนบหน้าผากลงแตะกับหน้าผากของอีกฝ่าย
อุณหภูมิร่างกายของอรอินทุสูงกว่าอุณหภูมิปกติอย่างที่เธอรู้ได้แม้ไม่ต้องพึ่งเครื่องวัด จิงเมิ่งขยับตัวห่างเล็กน้อย และยื่นมือซ้ายไปจุดไฟในเตา...ที่ความจริงก็เป็นแค่จานกระเบื้องเล็กๆที่เธอพกไว้และปล่อยให้ไฟลามเลียธูปหอมอันเล็กพอๆกับปลายนิ้วก้อยจนหมด ก่อนจะยกสิ่งนั้นจดจ่อที่ใต้จมูกของผู้ที่นั่งอยู่
นับเป็นเคราะห์ดีที่อรอินทุกำลังหอบหายใจพอดี เธอจึงไม่ต้องใช้ความพยายามมากเท่าไร นอกจากปล่อยให้อีกฝ่ายสูดลมหายใจลึกๆไปสองสามครั้ง จนลมหายใจผ่อนลงเกือบเป็นปกติ
ตอนนั้นเอง ที่หล่อนค่อยๆใช้เข็มทองเล่มบาง ปักลงไปเสริม
หนนี้ ลมหายใจของอรอินทุ หลง ค่อยๆแผ่วลง...จนเกือบเป็นนิ่งสนิท
จิงเมิ่ง โหยวยังทำงานของหล่อนต่อไปอย่างคล่องแคล่ว กระทั่งกำลังจะถึงเข็มสุดท้าย หล่อนจึงหันไปมองผู้ร่วมภารกิจที่อยู่อีกฟาก
ไอเด็นจับมือข้างหนึ่งของอรอินทุไว้มั่น ใบหน้าของเขาไม่เหลือเค้าความเป็นเด็กหนุ่มอีกต่อไป เมื่อดวงตาคู่นั้นหรี่ลงอย่างดุดัน และเคร่งเครียด
"เข็มสุดท้ายแล้ว" จิงเมิ่งประกาศ กึ่งเอ่ยเตือนไปพร้อมกัน ก่อนจะลงมือ
"เจอแล้ว !" ไอเด็นร้องกึ่งคำรามแทบจะวินาทีเดียวกับที่จิงเมิ่งปักเข็ม
และอรอินทุ หลง ร้องด้วยน้ำเสียงตื่นตกใจ
"นี่มันอะไรกัน"
จิงเมิ่งไม่ตอบคำพูดของทั้งสอง นอกจากลงมือถอนเข็มออกอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเล่มสุดท้ายนั่นแหละ หล่อนถึงหันไปพูดกับหญิงสาวที่มองเข็มในมือหล่อนด้วยสายตาตื่นๆกึ่งยอกแสยงเรียบๆ
"เอาล่ะ คุณหลง ยินดีที่คุณกลับมา...อย่างครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว"
7/1 P.1
มิคาเงะ ฟรองทีชาร์สทรุดลงกับพื้นเหมือนตุ๊กตาหมดลาน ในความคิดของหล่อน
ทว่าในความเป็นจริง หล่อนเพิ่งจะลืมตาโพลงขึ้นมาในห้องของฝ่ายดูแลสุขภาพ ของสาขาวิชาหล่อน
พร้อมกับที่คาเรนชะโงกหน้ามามองอย่างกังวล
"เธอเป็นอะไรหรือเปล่า มิคาเงะ ?"
"ไม่..." มิคาเงะตอบ แต่หล่อนยังไม่อาจพูดได้หมดเพราะคาเรนหันไปร้องเรียกผู้รับผิดชอบสถานที่กลบเสียงของหล่อน
เสียงของหล่อนที่กำลังจะเตือนคาเรนให้ถอยออกไป เมื่อหล่อนเห็นความเคลื่อนไหวบางอย่าง
ความเคลื่อนไหวที่ควบคุมหล่อนนับตั้งแต่เมื่อคืนเป็นต้นมา
แต่ทว่าคาเรนไม่ได้ยิน
มิคาเงะรู้ดีว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่จะได้ยินจริงๆ
เพื่อนสนิทของหล่อน อรอินทุ หลง
หากนั่นเป็นคนที่หล่อนไม่อยากให้ได้ยินที่สุดเช่นกัน
+ + + + + +
ฟู่....การปั่นตอนนี้เป็นอะไรที่แอบ...ยากลำบากอยู่เล็กน้อยค่ะ เพราะต้องเฉลยเรื่องบางส่วนเพื่อไม่ให้งง แต่ในขณะเดียวกันก็จะเชื่อมปมใหม่
ทว่าที่พูดมาทั้งหมด ยังทำไม่สำเร็จเลยค่ะ (เศร้านัก) กลายเป็นการสนทนาระหว่างหยางกับร็อคเวลไปเสียนี่ ไม่ได้ตั้งใจจะใส่บทนี้ลงไปเลยค่ะ แต่สองหนุ่มนี่เขาพูดไปเอง พาบทไหลไปเอง จริงๆจะว่าไม่ได้ตั้งใจจะใส่บทนี้ลงไปเลยก็ว่าได้
ถึงงั้น เราก็ชอบนะคะ แม้จะรู้สึก(กังวลนิดๆด้วย)ว่ายังสื่ออะไรได้ไม่ชัด ผู้อ่านจะคิดว่าพูดอะไรกันก็ไม่รู้หรือเปล่า แต่ก็เป็นตอนที่ชอบอยู่ดีค่ะ
ตอนหน้าก็จะได้เฉลยอีกนิด และขยับเข้าสู่...เรียกว่าอีกองก์(?)ของเรื่องนี้แล้วค่ะ (.....ในความคิดของคนเขียนนะคะ)
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์ของทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
อนึ่ง สำหรับคอมเม้นต์ เราตอบไว้ในตอนที่คอมเม้นต์แล้วนะคะ ><
Create Date : 04 พฤศจิกายน 2555 |
|
1 comments |
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2555 17:40:19 น. |
Counter : 6340 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
ครั้งหนึ่ง.....เคยนั่งอยู่
วันหนึ่ง.......เคยลุกมาก้าวเดิน
และอีกวัน...อาจหยุดนิ่งไม่ขยับไปไหน
-- -- -- -- -- -- -- -- -- --
"คนเรามักจดจำความเจ็บปวดของตนเอง
แต่หลงลืมความเจ็บปวดของผู้อื่น"
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
อวยพรปีใหม่ล่วงหน้าเลยนะครับ
เจริญ สุขแสนผ่องแผ้ว เปี่ยมหทัย
ขวัญ ชื่นรื่นทรวงใน ดั่งแก้ว
วัน แห่งสุขสมใจ วันใหม่ เวียนเฮย
ใหม่ ยิ่งทุกสิ่งแพร้ว ยิ่งพร้อมปรารถนาฯ
สุข + สมหวัง ทุกประการนะครับ