พะนอขวัญ บทที่ ๑๓
พะนอขวัญบทที่ ๑๓ พะนอขวัญมองผ่านกระจกใสของหน้าต่างรถทัวร์สองข้างทางกลายเป็นตึกสูงใหญ่เพราะเข้ามาถึงเขตกรุงเทพแล้วสามวันที่บ้านผ่านไปอย่างรวดเร็ว และต้องรอจนกว่าจะถึงวันหยุดยาวครั้งหน้าจึงจะได้กลับบ้านอีกครั้ง การเลือกสิ่งหนึ่งมักจะต้องแลกด้วยสิ่งหนึ่งเสมอ เมื่อทำงานอยู่กรุงเทพฯแต่ก็ไม่สามารถที่จะอยู่ใกล้ชิดกับครอบครัวได้ กลับบ้านแล้วก็แอบคิดถึงกรุงเทพฯแต่อยู่กรุงเทพฯ นานๆ แล้วก็แอบเบื่อเหมือนกันว่ะเสียงเพื่อนสาวที่นั่งคู่กันทำให้พะนอขวัญหันกลับมา ฉันควรจะเป็นคนพูดมากกว่าไอ้เนตรแกมาแค่วันเดียว เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็กลับไปโรงพยาบาลแล้วนี่พะนอขวัญรู้สึกอิจฉาเพื่อนเล็กน้อยเนตราเข้ามากรุงเทพเพื่อพบอาจารย์ที่ปรึกษาก่อนจะกลับไปฝึกงานต่อที่โรงพยาบาลในจังหวัดที่ไม่ไกลกรุงเทพฯนัก ซึ่งเธอคิดว่าดีกว่าอยู่กรุงเทพฯ มาก เนตราเป็นหนึ่งในเพื่อนไม่กี่คนที่เข้ามาอยู่เรียนอยู่ที่กรุงเทพฯพร้อมกับเธอ หากตอนนี้ทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันไป นานๆ จึงจะนัดเจอกันสักครั้ง แกจะเบื่อเหรอ...เนตราลากเสียงยาว นัยน์ตาเป็นประกายวิบวับ เดี๋ยวนี้ไม่ต้องโดดเดี่ยวเอกาเหว่หว้าเดียวดายแล้วนี่ พูดมากนะแก ยังไม่มีอะไรสักหน่อย พะนอขวัญเสียงสูง รู้สึกเขินๆ เวลาถูกเพื่อนล้อขึ้นมา แต่ก็พยายามทำหน้าเฉยๆเข้าไว้ ไม่มีอะไรเหรอ...ไอ้ที่แกบอกมาฉันว่ามันมีอะไรชัดๆ เนตราหัวเราะถ้าไม่มีอะไรแล้วใครจะบ้ามารับเพื่อนสาวไปส่งที่สถานีขนส่งแต่เช้ามืด พะนอขวัญยักไหล่ ไม่รู้ว่ะ ไม่ค่อยอยากจะคิดเท่าไหร่เลย ทำไมวะ ทำอย่างกับไม่อยากมีแฟน เออ...ก็ไม่ค่อยอยากมีเท่าไร พูดจริงเหรอวะเนตรามองเพื่อนสาว ความจริงก็ไม่ค่อยน่าแปลกใจเท่าไรกับคำตอบพะนอขวัญชอบมีความคิดแปลกๆ อยู่แล้วที่ผ่านมาก็ไม่เคยได้ยินพะนอขวัญบ่นอยากมีแฟนเหมือนเพื่อนคนอื่น พะนอขวัญพยักหน้า ทีคนอยากมีไม่ยักกะจะมีคนมาจีบบ้าง...เซ็งว่ะเนตราบ่นอย่างไม่จริงจังนัก แล้วตกลงแกจะทำไง ไม่รู้เหมือนกันว่ะ พะนอขวัญก็คิดจนเลิกคิดไปแล้ว เพราะไม่ได้ข้อสรุปสักที คิดมากไปก็เท่านั้น.... หึๆ ฉันว่าแกก็ดูไปก่อนเหอะไม่ต้องไปรีบคิดรีบตัดสินใจก็ได้ เนตราเอ่ยเมื่อเห็นเพื่อนเงียบไปเธอเข้าใจว่าผู้ชายคนนี้น่าจะมีอิทธิพลต่อเพื่อนสาวไม่น้อยเพราะดูท่าทางพะนอขวัญใช้ความคิดมากทีเดียว แต่เรื่องหัวใจ...มันก็ต้องให้เจ้าของหัวใจเป็นคนตัดสิน อือ...พะนอขวัญเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วหลับตาลง หากแล้วก็ต้องลืมตาเมื่อได้ยินเสียงเพลงโปรดดังขึ้นเธอหยิบโทรศัพท์มือในกระเป๋าขึ้นมาดู หมายเลขที่ไม่ได้ถูกบันทึกไว้นั้นทำให้แปลกใจเล็กน้อยแต่ก็รับสาย สวัสดีค่ะ... พี่เองนะครับน้องแพง เสียงนุ่มๆ ดังมา พะนอขวัญรู้สึกร้อนวูบที่ใบหน้าและหัวใจเต้นระรัวขึ้นมาอย่างระงับไม่ได้ พะนอขวัญพยายามไม่แสดงพิรุธให้เนตรารู้สึกฝ่ายนั้นก็กำลังให้ความสนใจโทรศัพท์มือถือตัวเองอยู่เช่นกัน เพราะเนตราห่างจากโลกโซเชียลเนตเวิร์กไม่ค่อยได้เจ้าตัวยังชอบบ่นเธอบ่อยๆ ที่ไม่ค่อยเข้าร่วมสังคมนี้สักเท่าไร ก็เธอไม่ค่อยชอบก้มหน้าดูโทรศัพท์นี่นา แล้วพี่จะมารับนะครับ คำพูดก่อนที่เธอจะขึ้นรถขากลับบ้านหากการหายเงียบไปของเขาทำให้เธอไม่คิดว่าเขาจะพูดจริง ค่ะ... ใกล้ถึงหรือยังครับ เอ่อ...กะ ใกล้แล้วค่ะ พะนอขวัญตอบตะกุกตะกัก ขบริมฝีปากไม่ให้สั่น หากก็ไม่ได้ช่วยอะไรนักเธอไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน ดีจริง...นึกว่าพี่จะมาไม่ทันซะแล้ว ถ้าอย่างนั้นพี่รออยู่แถวๆนี้ เดี๋ยวเจอกันนะครับ เอ่อ...พะนอขวัญไม่ทันได้เอ่ยอะไรอีกฝ่ายก็วางสายไปแล้ว เธอลดมือที่ถือโทรศัพท์ลงวางบนตักมองมันอย่างไม่อยากเชื่อ ใจเย็นไว้...คำแพง ไอ้แพง...ไม่ต้องดูแล้วเพื่อน แบบนี้ไม่มีให้หาเก็บเอาตามข้างทางนะแก พะนอขวัญหัวเราะแห้งๆขณะถูกเพื่อนเขย่าแขนอย่างตื่นเต้นเสียงกระซิบของเนตราฟังดูเหมือนอยากตะโกนเสียมากกว่า หล่อกว่าดาราอีกแก หามาจากไหนวะเนี่ย สงบสติอารมณ์หน่อยเพื่อนเนตร พะนอขวัญเอ่ยทั้งๆ ที่เธอเองก็รู้สึกว่าหัวใจเต้นออกมาแทบทะลุอกผู้ชายคนนี้ทำให้หัวใจของเธอทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา แหม...ใครจะใจเย็นได้อย่างแก เนตราแขวะเพื่อนสาวเล็กๆ ที่ทำหน้านิ่งอยู่ได้เธออยากจะกรีดร้องให้ลั่นหมอชิตเลยด้วยซ้ำเมื่อเห็น เขาที่เพื่อนเผยอย่างไม่ค่อยจะยอมบอกรายละเอียดนัก ไอ้แพงมันไม่บอกว่าเขาคนนั้นหน้าตาหล่อขนาดนี้! แหม....ตอนลงจากรถทำท่าอึกอักเมื่อเธอจะเดินตรงไปยังจุดให้บริการแท็กซี่เพราะเธอกับพะนอขวัญก็ต้องไปทางเดียวกันซ้ำเพื่อนสาวยังมีกล่องกระดาษกล่องใหญ่พอสมควรที่เป็นอุปสรรคต่อการหอบหิ้วขึ้นรถเมล์ไปต่อรถไฟฟ้า ที่แท้ก็มีคนมารอรับนี่เอง พะนอขวัญวางกล่องลงที่พื้นเมื่อร่างสูงใกล้เข้ามาใครๆ ก็หันมามองเขาเป็นตาเดียวเพราะทั้งรูปรางหน้าตาและการแต่งกายทำให้น่านฟ้าดูไม่เข้ากับสิ่งรอบตัวตอนนี้นัก เธอได้ยินเสียงแว่วมาทำนองว่ามีการถ่ายหนังถ่ายละครที่นี่หรือเปล่า ก็คุณพระเอก...เดินหล่อมาขนาดนั้น จนเขาเข้ามาใกล้เธอจึงไหว้เขาเหมือนเช่นทุกครั้ง เนตราจึงไหว้ตามบ้าง น่านฟ้ารับไหว้ และยิ้มบางๆให้กับหญิงสาวทั้งสอง สวัสดีครับน้องแพง... เขาหยุดอยู่ตรงหน้าสองสาว และมองไปยังหญิงสาวอีกคนที่มองเขาตาไม่กะพริบตั้งแต่แรก เนตร...เพื่อนแพงเองค่ะ ไอ้เนตร...นี่พี่ใหญ่ พะนอขวัญแนะนำเสียงเบาๆ และแอบถองข้อศอกใส่เพื่อนสาวเพราะเนตราเอาแต่มองน่านฟ้าตาค้าง ยินดีที่ได้รู้จักครับ น่านฟ้ามองเพื่อนของพะนอขวัญ ฝ่ายนั้นยิ้มตอบมา นัยน์ตาเป็นประกายมีเลศนัยอะไรบางอย่าง เนตรก็ยินดี...มากๆ เลยค่ะ เนตราหัวเราะคิกคัก ตอนนี้อยากยกโทรศัพท์ขึ้นมากระจายข่าวให้เพื่อนคนอื่นรู้เรื่องเหลือเกิน พะนอขวัญกลอกตารู้ว่าเนตราหลุดออกจากสายตาเมื่อไร เธอถูกเผาไม่มีชิ้นดีแน่ ไปกันเลยดีไหมครับ รถพี่จอดอยู่ทางนี้ น่านฟ้าสบตาพะนอขวัญและก้มลงหยิบกล่องที่เธออยู่เมื่อสักครู่ขึ้นมาถือเอง และเหลือบมองกระเป๋าเป้ที่ห้อยอยู่ด้านหลังเธอพี่ช่วยถือกระเป๋านะ ไม่เป็นไรค่ะ...เป้เบาๆ เอง พะนอขวัญปฏิเสธเสียงเบา ปกติกลับบ้านเธอก็ใช้กระเป๋าเป้ใบเล็กๆ ใบเดียววันนี้เยอะหน่อยก็คือกล่อง ของฝาก ที่พวกทโมนสี่คนโทรศัพท์ไปกำชับกำชานั่นแหละ อืม...น้องเนตรละครับมีคนมารับหรือเปล่า น่านฟ้าหันมาถามคนที่มองเขาตาแป๋วเนตราแทบสะดุ้ง เพราะมัวแต่พินิจพิเคราะห์ เขา อยู่เพลินๆ ไม่มีค่ะ เมื่อกี้กำลังจะไปขึ้นแท็กซี่พอดี อืม...แล้วบ้านน้องเนตรอยู่ที่ไหนครับ ไม่ได้ไปบ้านหรอกค่ะ...เนตรจะไปโรงพยาบาล... เธอบอกชื่อโรงพยาบาลที่เรียนอยู่ งั้นก็เดี๋ยวพี่แวะไปส่งไม่ได้ไกลจากอพาร์ทเมนต์ของน้องแพงเท่าไร น่านฟ้าบอกทันทีหากสงสัยเล็กน้อยว่าทำไมเนตราต้องไปโรงพยาบาลตอนเย็นขนาดนี้ แหม...ขอบคุณมากค่ะ พะนอขวัญอยากเอามือก่ายหน้าผากทั้งแววตาและน้ำเสียงของเพื่อนสาวเต็มไปด้วยความสนุกหากเมื่อหันกลับมาสบตาคมที่เจือรอยยิ้ม เรื่องเพื่อนดูจะเป็นเรื่องเล็กเพราะผู้ชายตรงหน้าดูจะเป็นเรื่องใหญ่มากกว่า เธอต้องตั้งสิ...รับมือกับคนนี้ให้ดีๆ น่านฟ้ามองหญิงสาวโบกไม้โบกมือให้เพื่อนสาวที่เปิดประตูรถลงไปเมื่อเขาจอดเทียบทางเท้าริมประตูรั้วของโรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งก่อนที่เขาจะเคลื่อนรถออกเพราะไม่สามารถจอดนานได้แม้จะค่ำแล้วหากปริมาณรถก็ไม่ได้ลดลงเลย คุณหมอสมัยนี้เปลี่ยนไปเยอะนะครับ น่านฟ้าเอ่ยกลั้วหัวเราะเขาแปลกใจไม่น้อยที่เพื่อนของพะนอขวัญเป็นว่าที่คุณหมอเนตราดูท่าทางขี้เล่นและสนุกสนานเฮฮา เธอทำให้รถแทบไม่มีความเงียบเลยผิดไปจากนักศึกษาแพทย์ที่เขาคิดไว้มากทีเดียว สมัยนี้คุณหมอมีแต่คนสวยๆ ค่ะ หืม...พี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องความสวยเลยนะน้องแพงหึงเหรอ... พะนอขวัญหันขวับ เบิกตาโตสบตาคมเจือยิ้มก่อนที่เขาจะหันไปมองถนนตรงหน้าอย่างเดิม หากหัวเราะเบาๆอย่างพอใจกับปฏิกิริยาของหญิงสาว แพง...ไม่ได้...พะนอขวัญหันกลับมามองตรงไปข้างหน้า ขบริมฝีปากเบาๆ กลั้นความขัดเขินหากใบหน้าร้อนวูบอยู่ตลอดเวลา หึงได้นะ...พี่ชอบ พะนอขวัญได้แต่เงียบ ไม่รู้จะตอบกลับไปอย่างไรคำพูดของเขาเพียงแค่หยอกเย้าหรือว่าหมายความอย่างนั้นจริงๆ ถ้าเขาให้เธอ...หึง...ได้ ก็หมายความว่า... จริงๆ นะเหรอ ใจเย็น...คำแพง น่านฟ้าเหลือบมองหญิงสาวที่เอาแต่นั่งเงียบๆมองออกนอกรถด้านหน้าบ้าง ด้านข้างบ้าง ยกเว้นทางด้านเขาไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ หากที่ค่อนข้างแน่ใจ เธอไม่ได้ไม่ชอบเขาอย่างแน่นอน พะนอขวัญเลิกคิ้วเมื่อรถเลี้ยวลงจากถนนหลักเข้าซอยก่อนจะถึงทางเข้าอพาร์ทเมนต์ของเธอจึงอดหันไปมองคนที่กำลังกุมพวงมาลัยอยู่ไม่ได้ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้เช่นกัน ค่ำแล้ว ทานอะไรก่อนนะครับ แต่...พะนอขวัญอยากจะปฏิเสธ แค่นี้เธอก็คิดมากคิดเยอะไปอยู่แล้ว น่า...พี่เองก็ยังไม่ได้ทานอะไรเลยชักปวดท้องแล้ว พะนอขวัญปรายตาค้อนนิดๆท่าทางคนพูดไม่ได้ออกอาการหรอก หากก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รับคำปฏิเสธของเธอแน่ ก็ได้ค่ะ น่านฟ้ายิ้มบางๆ เดี๋ยวก็ถึงแล้วครับ น่านฟ้าเปิดประตูร้านอาหารให้หญิงสาวก้าวเข้าไปก่อนเสียงกรุ๋งกริ๋งของระฆังใบเล็กที่แขวนอยู่หน้าเป็นสัญญาณเวลามีลูกค้าเข้ามาพะนอขวัญกวาดตามองภายในห้องขนาดสองคูหาอย่างสนใจ ผนังอิฐสีส้มตัดกับเฟอร์นิเจอร์ไม้สีน้ำตาลเข้ม ตกแต่งด้วยผ้าฝ้ายและดอกไม้สีสันสดใสให้ความรู้สึกเหมือนก้าวเข้ามาในบ้านชนบทแถบอิตาลี จำนวนโต๊ะอาหารไม่เกินสิบโต๊ะทำให้ดูไม่แน่นเกินไป และยังจัดได้มีความเป็นส่วนตัวของแต่ละโต๊ะให้ความรู้สึกเหมือนมารับประทานอาหารบ้านเพื่อนมากกว่าร้านอาหารตอนนี้มีโต๊ะว่างอยู่เพียงโต๊ะเดียว ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ไฮ...น่านฟ้าชายหนุ่มร่างสูงเดินออกมาจากเคาน์เตอร์ตรงเข้ามากอดทักทายน่านฟ้าพร้อมกับพูดภาษาอังกฤษรัวเร็วจนพะนอขวัญแทบจับคำไม่ได้ เธอคิดว่าน่านฟ้าเป็นคนสูงมากแล้ว แต่ฝรั่งผมดำนั้นสูงกว่าน่านฟ้าอีก โอ๊ะ...นี่สินะ แขกพิเศษของนาย พะนอขวัญแทบสะดุ้ง เมื่อจู่ๆทั้งคู่ก็หันมายังเธอ นัยน์ตาสีฟ้าจ้องมองเธอย่างสนใจ หญิงสาวยิ้มแหยๆเพราะไม่สันทัดภาษาอังกฤษสักเท่าไร อืม...นี่น้องแพงน้องแพงครับนี่คริสเพื่อนพี่ แล้วก็เป็นเจ้าของร้านนี้น่านฟ้าแนะนำทั้งสอง เปลี่ยนกลับมาใช้ภาษาไทย สวัสดีครับ...นองแพง สวัสดีค่ะ...ร้านสวยมากเลยค่ะ พะนอขวัญไหว้ฝรั่งหนุ่ม เขาเป็นเพื่อนของน่านฟ้ายังไงก็ต้องอายุมากกว่าเธออยู่แล้ว และแอบโล่งใจเมื่อดูท่าทางเขาจะพูดไทยได้แม้ว่าจะไม่ค่อยชัดนักก็ตาม เธอชักสงสัยว่าคนหน้าตาดีเขาจะคบหาแต่คนหน้าตาดีด้วยกันหรือเปล่าเพราะนอกจากจะรูปร่างสูง แต่ไม่ได้สูงใหญ่เทอะทะ เขาดูปราดเปรียวแบบนักกีฬาโครงหน้าแบบยุโรปที่เหมาะกับเป็นแบบปั้นหุ่นที่ดูสะดุดตามากก็คงจะเป็นนัยน์ตาสีฟ้าใสกับผมสีดำ ถ้าบอกว่าเขาเป็นนายแบบอินเตอร์เธอคงเชื่ออย่างสนิทใจ ขอบคุณครับ...คริสยิ้มกว้าง คริสเขาเป็นคนแต่งร้านนี้เอง น่านฟ้าบอกหญิงสาว แล้วตบไหล่เพื่อนสนิท น้องแพงเป็นนักออกแบบเฟอร์นิเจอร์มีรางวัลการันตีเพียบ อะไรที่ชมแปลว่าดีจริงๆ โอ...ยอดมากๆ เป็นสาวน้อยที่เก่งและน่ารักมากนายโชคดีจริงๆ คริสตบไหล่เพื่อนสนิทหนักๆยิ้มกว้างอย่างชอบใจ แม้จะแปลกใจที่รูปลักษณ์ของหญิงสาวจะต่างไปจากที่เขาคิดทีเดียว หญิงสาวที่ดูเหมือนจะเป็นสาวน้อยเสียมากกว่าในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์แสนจะธรรมดาไม่ใช่สาวสวยจัดและดูหรูหราราวกับกุหลาบอังกฤษแบบที่น่าจะเหมาะสมกับน่านฟ้า แต่ก็นั่นแหละ...โยนความเหมาะสมทิ้งไปเสีย ขอบใจ...น่านฟ้าหัวเราะเบาๆ เขากับคริสเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนโรงเรียนประจำที่อังกฤษ แม้จะคนละเชื้อชาติแต่เป็นเพื่อนที่รู้ใจมากกว่าใคร คริสชอบทำอาหารและชอบเมืองไทยจึงตัดสินใจเปิดร้านอาหารที่นี่ มา...ฉันจัดโต๊ะไว้แล้ว เชิญครับนองแพง คริสผายมือ เดินนำทั้งคู่ไปยังโต๊ะตัวที่ว่างเพราะน่านฟ้าโทรศัพท์มาว่าจะพาคนพิเศษมาที่ร้าน เขาจึงรีบจัดโต๊ะไว้ให้ พะนอขวัญอดยิ้มไม่ได้ไปกับการเรียกชื่อเธอเมื่อถึงโต๊ะเธอก็ชะงักนิดๆ เมื่อน่านฟ้าเลื่อนเก้าอี้ให้ เธอพึมพำขอบคุณอย่างขัดเขินเพราะไม่ชินกับมารยาทแบบนี้ก็เจอรอยยิ้มในดวงตาคมนั้น เขาทำสิ่งเหล่านี้ได้ดูเป็นธรรมชาติมาก คริสพยักหน้าให้บริกรเป็นคนนำเมนูมาแต่เขาเป็นคนแนะนำอาหารเอง คริสเป็นลูกครึ่งอังกฤษอิตาเลียนครับทำอาหารอิตาเลียนเก่งมาก น่านฟ้าเอ่ย พะนอขวัญมองเมนูแล้วยิ้มแห้งๆอาหารอิตาเลียนเธอรู้จักแต่พิซซ่ากับสปาเกตตีเท่านั้นแหละ เอ่อ...สปาเกตตีก็ได้ค่ะ สีหน้ายุ่งๆ ของหญิงสาวทำให้เขายิ้มเขารู้ว่าเธอชอบอาหารไทยแต่ที่พามาที่นี่ก็เพราะต้องการให้เธอได้รู้จักกับเพื่อนของเขา จริงๆ แล้วน้องแพงชอบอาหารไทยน่ะ เขาบอกกับคริส เอ่อ...แพงทานได้ค่ะ พะนอขวัญเหลือบมองฝรั่งหนุ่ม ยิ้มอย่างเกรงใจหากอีกฝ่ายกับยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี ไม่ได้ขุ่นเคือง โอ...ถ้าอย่างนั้นนองแพงจะต้องลองเสน่ห์แห่งอิตาเลียนบ้าง...แล้วจะรู้ว่าเรามีเสน่ห์แค่ไหน คริสขยิบตาให้ พะนอขวัญยิ้มได้เต็มที่ มาดเจ้าชู้นิดๆของคริสดูมีเสน่ห์อย่างที่เจ้าตัวแสดงเพียงแต่...มันไม่ได้ทำให้หัวใจของเธอเต้นผิดปกติหรอก หึ...ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องลองเสน่ห์แห่งอิตาเลียนของนายแล้วละคริส น่านฟ้าปิดเมนู มองเพื่อนสนิทที่แสร้งหว่านเสน่ห์ใส่หญิงสาวอย่างขำๆแทนที่พะนอขวัญจะเขินอาย เจ้าตัวกลับยิ้มขำเสียอย่างนั้น โอเค... รอสักครู่นะนองแพงผมจะปรุงเสน่ห์แห่งอิตาเลียนมาเสิร์ฟ คริสหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะกลับเข้าไปในครัวเพื่อทำอาหารมื้อพิเศษสำหรับทั้งสอง น่านฟ้าหันกลับมา สบตาหญิงสาวก่อนจะเอ่ยยิ้มๆ ความจริงคริสทำอาหารไทยอร่อยนะครับชอบทานอาหารไทยด้วย ร้านที่เราเจอกันวันนั้น คริสเป็นคนแนะนำพี่ไปเองแต่สงสัยว่าวันนี้อยากจะให้น้องแพงหลงเสน่ห์...หนุ่มอิตาเลียนละมัง เอ่อ... พะนอขวัญได้แต่หัวเราะแหะๆ พี่ให้น้องแพงชอบอาหารอิตาเลียนได้...แต่อย่างอื่น...ไม่ได้ น่านฟ้าจ้องตาโตๆ คู่นั้นขณะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ พะนอขวัญพยายามบอกตัวเองให้ใจเย็นๆ เอาไว้ กลับมาเป็นตัวเองได้แล้ว...คำแพง คงจะไม่ได้ล่ะค่ะ... น่านฟ้าเลิกคิ้ว ก่อนจะขยายรอยยิ้มเพิ่มขึ้นเมื่อเห็นประกายท้าทายมาจากนัยน์ตาคู่นั้นรู้สึกเหมือนได้เห็น เด็กดื้อ ที่เคยเห็นมาก่อน อิตาลี...เป็นเมืองแห่งศิลปะนะคะทั้งศิลปะ ทั้งผู้คน...น่าหลงใหลทั้งนั้นถึงเธอจะไม่ถนัดอาหารอิตาเลียนนัก แต่ศิลปะของอิตาลีก็เป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญ พะนอขวัญยิ้มอย่างรู้สึกดีที่เริ่มเรียกตัวตนกลับมาได้ แต่ที่น้องแพงชอบที่สุดก็คงจะเป็นแบบไทยๆใช่ไหมละ น่านฟ้ายิ้มบางๆ นัยน์ตาคมเป็นประกายระยับ ทั้งอาหาร ศิลปะ และ...คน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ปล. ช่วงนี้เป็นงานหนังสือ ฬีไปมาเมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ค่ะ ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่แวะไปทักทาย+ทวงถาม กันอย่างมากมายที่บู้ธ ณ บ้านวรรรณกรรม นะคะ แต่ว่าอาจจะไม่ได้ไปงานอีกนะคะ ต้องขออภัยด้วย แต่ถ้ามีโอกาสให้ได้ไป ก็จะแจ้งที่หน้าบล็อกและเฟซบุ๊ก นะคะ ขอบคุณค่ะ ^^
Create Date : 22 ตุลาคม 2555 |
|
24 comments |
Last Update : 22 ตุลาคม 2555 14:29:34 น. |
Counter : 9787 Pageviews. |
|
|
|