|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
พะนอขวัญ บทที่ ๑๒
พะนอขวัญ บทที่ ๑๒
...
ถามเนื้อคู่ชู้ชื่นจะชมชิด จะสมคิดสมรักสมศักดิ์ศรี หากผู้ใหญ่ได้เห็นหน้าจะปราณี ใครเสี่ยงได้ใบนี้ดีนักเอย
พะนอขวัญจ้องตัวอักษรในกระดาษใบเล็กด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก คำนายจากการเสี่ยงเซียมซีทำให้เธออึ้งไปครู่ เธอเสี่ยงเซียมซีที่นี่มาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยได้ใบนี้เลยสักครั้ง
“ไหนๆ ดูซิ” เสียงเพื่อนสาวที่มาด้วยกันดังใกล้ๆ ก่อนกระดาษใบเล็กในมือจะถูกฉกไป
พะนอขวัญส่ายหน้ามองเพื่อนสาวสองคนก้มลงอ่านคำทำนายของเธอ
เนื่องจากวันหยุดยาวจึงมีเพื่อนที่กลับมาบ้านกันหลายคน เพื่อนในสมัยที่เรียนมัธยมด้วยกัน บางคนเรียนด้วยกันมาตั้งแต่ประถมยังติดต่อกันอยู่เสมอ
สองเพื่อนสาวอ่านกระดาษที่ฉกไปก่อนจะร้องออกมา
“เจ้าพ่อให้คู่แกด้วย...โห อิจฉาว่ะแพง” จันทร์กระพ้อพยายามไม่ส่งเสียงดังเกินไป เพราะพวกเธอยังอยู่ในบริเวณด้านในศาลของอดีตเจ้าเมืองซึ่งเป็นที่เคารพของคนในจังหวัด นอกจากพวกเธอแล้วยังมีผู้คนมาไหว้ท่านอยู่อีกหลายคน
“นั่นสิ...ของฉันอะไรก็ดี แต่เรื่องคู่ไม่มีสักที” เนตราพยักหน้าหงึกหงัก เสี่ยงเซียมซีที่นี่มานานแต่ไม่เคยได้เกี่ยวกับเรื่องคู่ดีๆ เลยสักครั้ง
“แกไม่มี หรือไม่เอากันแน่วะไอ้หมอเนตร” พะนอขวัญฉวยกระดาษจากมือเพื่อนสาวมา คำทำนายเป็นเรื่องดีๆ ทั้งใบ เธอจึงต้องเก็บไว้ และแอบแขวะเพื่อนสาวสักนิด
“ไม่มีหรอกย่ะ” เนตรายักไหล่ หากที่ไม่เอ่ยต่อก็คือ
ไม่มีที่ถูกใจต่างหาก
พะนอขวัญสบตากับจันทร์กระพ้อแล้วส่ายหน้าไม่เชื่อเพื่อนสาวแม้แต่น้อย ถึงเนตราจะเป็นว่าที่คุณหมอแต่โยนภาพพจน์คุณหมอใส่แว่นเป็นเด็กเรียนทิ้งไปได้เลย เนตราตรงกันข้ามแทบทุกอย่าง
“ว่าแต่แกแถอะไอ้แพง เนื้อคู่แกมาหรือยัง” จันทร์กระพ้อเปลี่ยนกลับมายังประเด็นร้อนที่น่าสนใจกว่า เธอเองก็ไม่ได้เจอเพื่อนคนนี้มาสักพักใหญ่แล้ว เพราะว่าทำงานอยู่กันคนละทิศ จะเจอกันก็เมื่อกลับบ้านเท่านั้น
“จะมาได้ยังไง...” พะนอขวัญตอบ แต่ไม่ยอมสบตาเพื่อนสาวทั้งสอง พยายามไม่คิดถึงใครบางคน แต่ก็ทำได้ไม่ดีนัก เธอรู้สึกเหมือนว่าใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา
“หืม... ท่าทางมีพิรุธนะ” จันทร์กระพ้อจ้องหน้าเพื่อนสาว
“นั่นสิ... เดี๋ยวนี้หัดมีเรื่องปิดบังเพื่อนฝูงเหรอ” เนตราช่วยจับผิดอีกคน
“พวกแกก็...จะสงสัยอะไร” พะนอขวัญพยายามหาทางเลี่ยง แต่ไม่รู้ว่าจะรอดไหม เพราะทั้งคู่เป็นเพื่อนเธอมานาน จันทร์กระพ้อนั้นเรียนห้องเดียวกันมาตั้งแต่ประถม สนิทกันเพราะชื่อที่คล้องจองกันนี่แหละ ส่วนเนตราเพิ่งมาเรียนด้วยกันตอนมัธยม แต่ก็สนิทสนมไม่แพ้กัน
“แกไม่รอดแน่ไอ้แพง...คายออกมาซะดีๆ” จันทร์กระพ้อกอดคอเพื่อนสนิท ลากออกไปข้างนอกตัวศาลซึ่งเป็นสวนสาธารณะและบึงน้ำขนาดใหญ่ มีต้นไม้รายรอบร่มครึ้ม เหมาะกับการสอบสวน
“ถูกของไอ้อ้าย... อย่าให้ใช้กำลังเลยเพื่อน” เนตราหัวเราะในลำคอ หากนัยน์ตาเป็นประกายวิบวับอย่างชอบใจ ไม่เคยเห็นเพื่อนสาวออกอาการอย่างนี้มาก่อน แบบนี้มันต้องซักให้สะอาดเอี่ยม
“เออ...อย่าให้ถึงทีฉันบ้าง” พะนอขวัญได้ถอนหายใจ เชื่อได้เลยว่าสองเพื่อนสาวจะต้องเซ้าซี้ไม่เลิกจนเธอต้องยอมพูดอะไรอออกมาบ้าง
พูดอะไรดีล่ะ...
น่านฟ้าเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ คงต้องใช้เวลาอีกสักพักจึงจะสามารถปลีกตัวออกจากงานได้โดยไม่เป็นการเสีย มารยาทต่อเจ้าภาพซึ่งเป็นบริษัทที่ติดต่องานกันมานาน เขาเป็นตัวแทนของอังสนามาร่วมยินดี
ลานจัดกิจกรรมภายในศูนย์การค้าขนาดใหญ่ตอนนี้คลาคล่ำไปด้วยคนจากหลายวงการ เพราะเป็นการเปิดตัวสินค้าใหม่ซึ่งมีพรีเซนเตอร์เป็นพระเอกนางเองคู่ขวัญของยุคนี้ จึงมีทั้งบรรดานักธุรกิจ แวดวงสังคม วงการบันเทิง และบรรดานักข่าวจากหลายสำนัก
หลังจากกล่าวทักทายและแสดงความยินดีกับเจ้าภาพแล้วเขาก็เลี่ยงออกมา เพราะยังมีแขกอีกมากที่เจ้าภาพต้องดูแล เขารับแก้วน้ำจากบริกรมายืนปักหลักอยู่มุมหนึ่ง แต่ไม่ได้อยู่เพียงลำพังสักเท่าไรเพราะมีคนเข้ามาทักทายและพูดคุยด้วยตลอด นักธุรกิจที่มาต่างก็คุ้นหน้าคุ้นตากันดี
งานแบบนี้เขาจะไม่ได้ให้ไตรตามมาด้วย ความจริงเจ้าตัวเองก็บอกว่าจะกลับบ้านต่างจังหวัดในช่วงวันหยุดยาวนี้เช่นกัน
วันหยุดยาว... สิ่งที่ทำให้เห็นใบหน้ามีความสุขของพะนอขวัญอย่างเห็นได้ชัด
ถ้าเขาไม่มีตารางงานอัดแน่นแทบทุกวันหยุดอยู่แล้ว เขาคงไม่ทำแค่ไปส่งเธอขึ้นรถที่สถานีขนส่งเมื่อตอนเช้ามืดเท่านั้นหรอก
เขาเพิ่งเคยไปที่สถานีขนส่งเป็นครั้งแรก รู้สึกแปลกใจที่มีผู้คนมากมายเดินขวักไขว่เต็มทั้งตัวอาคารตั้งแต่เช้า พะนอขวัญบอกว่าเป็นธรรมดาของวันหยุดยาว คนต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงานหรือเรียนในกรุงเทพต่างต้องการกลับบ้าน ถ้าหากเป็นวันหยุดอยู่ปีใหม่หรือสงกรานต์คนจะมากขึ้นอีกหลายเท่า
หากส่วนที่ดีที่สุดของเมื่อเช้านั้นก็คงจะเป็น...นัยน์ตาโตและใบหน้าระเรื่อเวลามองเขา
“คุณใหญ่คะ”
น่านฟ้าหันไปตามเสียงหวานๆ ก็พบกับรอยยิ้มของอดีตผู้ช่วยเลขานุการ หากนัยน์ตาคมนิ่งนั้นทำให้ดาริกาชะงักไปชั่วอึดใจ ก่อนจะขยายรอยยิ้มเพิ่มขึ้นอีก
ถ้าถอดใจง่ายๆ ก็ไม่ใช่เธอแล้ว
“สวัสดีครับคุณดา” น่านฟ้าเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“น้องดาดีใจจังเลยค่ะที่เจอคุณใหญ่ น้องดานึกว่างานนี้จะน่าเบื่อเสียอีก”
“ไม่หรอกครับ น่าจะมีกิจกรรมให้ดูสนุก”
“ก็คงจะเป็นอย่างนั้นถ้ามีเพื่อนมาด้วยค่ะ แต่น้องดามาคนเดียว แล้วคุณใหญ่ละคะมาคนเดียวเหมือนกันหรือเปล่า” ดาริการู้ว่าเขามาคนเดียว เพราะเธอจับตามองตั้งแต่เขาเข้ามาในงานแล้ว มีผู้คนแวะเวียนเข้าไปทักทายเขาไม่ขาด
ร่างสูงโดดเด่นเป็นที่จับตามองของทุกคน
เธอต้องรอจังหวะที่เขาอยู่เพียงลำพังจึงเข้ามา
“มาคนเดียวครับ” น่านฟ้าตอบ พอจะเดาสิ่งที่ดาริกาจะทำได้ เพราะเธอมักจะใช้ลูกไม้เดิมๆ อ่านได้ง่าย
ผู้หญิงอย่างดาริกาไม่น่ากลัว...แต่น่ารำคาญเสียมากกว่า
ถ้าไม่มากนัก เขาก็พอทนได้...บ้าง
ดาริกายิ้มน้อยๆ ไม่ต้องเอ่ยขออยู่กับเขาหรอก แค่ยืนอยู่ข้างๆ ชวนเขาคุยไปเรื่อยๆ เธอรู้ว่าน่านฟ้าไม่มีทางเมินหรือหนีเธอได้ เพราะเขาจะต้องอยู่ในงานนี้ไปอีกสักพัก
แค่นี้...ก็จะทำให้ใครๆ จับตามองเธอกับน่านฟ้า โดยเฉพาะบรรดาผู้หญิงทั้งหลายต่างก็หมายตาน่านฟ้าทั้งนั้น
แน่นอนว่า...เธอไม่ได้ต้องการเพียงแค่นี้
ดาริกายิ้มน้อยๆ
น่านฟ้าเหลือบมองหญิงสาวที่ตีเนียนอยู่ข้างๆ เขา เกาะติดเขาไม่ห่าง แม้จะมีเพื่อนนักธุรกิจหรือคนรู้จักเข้ามาทักทาย ดาริกาก็ไม่ถอยห่าง
เหมือนเธอเป็นคู่ควงของเขาในวันนี้
ความจริงเขาไม่ใช่คนใจเย็นสักเท่าไร...หากระเบียบวินัยและการควบคุมตัวเองที่ฝึกฝนมานานทำให้เขาไม่ค่อยได้แสดงอารมณ์อะไร
ความอดทนของน่านฟ้าสิ้นสุดลงเมื่อการแสดงบนเวทีจบลง พิธีกรกำลังเชิญผู้บริหารและผู้ร่วมงานให้ร่วมถ่ายภาพกับพรีเซนเตอร์ กล้องทุกตัวหันไปทางเวที รวมทั้งความสนใจของผู้คนและดาริกา
เขาอาศัยจังหวะที่ดาริกาหันไปให้ความสนใจทางเวที ก้าวถอยห่างจากหญิงสาวอย่างรวดเร็ว และออกจากบริเวณงานทันที
“สงสัยว่าต่อไปคงจะมางานแบบนี้คนเดียวไม่ได้แล้วล่ะสิ...หึ” น่านฟ้านึกในใจ ขณะก้าวเร็วๆ ให้ห่างจากบริเวณจัดงาน
แต่ดูท่าทางแล้ว ‘เธอ’ ไม่น่าจะชอบงานแบบนี้
ก็คงต้องหาทางหลอกล่อ...เอ๊ย...เกลี้ยกล่อมดีๆ ‘เธอ’ ถึงจะยอมมาด้วยล่ะมั้ง
น่านฟ้าเดินห่างจากบริเวณงานมาเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่หน้าโชว์รูมของสินค้าแบรนด์เนมยี่ห้อหนึ่ง ศูนย์การค้าแห่งนี้ขึ้นชื่อว่ารวบรวมสินค้าแบรนด์เนมยอดนิยมจากทั่วโลกมาให้บริการ การตกแต่งหรูหราขึ้นชื่อ หากสิ่งเดียวที่เขาชอบในที่นี่ก็คือร้านหนังสือขนาดใหญ่ที่สามารถสั่งหนังสือจากต่างประเทศมาให้บริการด้วย
เขาเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ ยังมีเวลาอีกพอสมควรก่อนที่จะถึงเวลานัด การพบปะสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนนักธุรกิจรุ่นราวคราวเดียวกัน
มันเป็น ‘งาน’ อีกอย่างหนึ่ง
ไปดูหนังสือฆ่าเวลาก็แล้วกัน
เขามองหาป้ายบอกทาง เพื่อจะไปยังลิฟต์เพราะร้านหนังสือที่เขาต้องการจะไปนั้นอยู่ชั้นบนสุด เพราะคงจะง่ายกว่าการไปเดินวนหาบันไดเลื่อน
“อุ๊ย...คุณน่านฟ้า สวัสดีค่ะ” หญิงสาวที่ออกมาจากด้านในร้านเอ่ยทักพร้อมกับไหว้เขาอย่างอ่อนช้อย
น่านฟ้ารับไหว้โดยอัตโนมัติ ก่อนจะนึกออกว่าหญิงสาวตรงหน้าคือพนักงานฝ่ายการตลาดของบริษัท และที่ทำให้จำแม่นขึ้นก็คือเธอเป็นเพื่อนของพะนอขวัญ
เขามองหญิงสาวด้วยแววตานิ่งเรียบ สำหรับการเป็นพนักงานของอังสนาเขาไม่ได้สนใจเรื่องอื่นนอกจากประสิทธิภาพในการทำงาน ณัฐนนทยาเป็นคนเก่งและขยันทุ่มเท หัวหน้าของเธอเคยชมให้เขาฟัง
ผู้หญิงที่สวยและเก่ง
แต่...บรรยากาศรอบตัวเธอดูไม่เหมือนกับพะนอขวัญเลย
“อ้อ...คุณนีน่า” เขาพยักหน้านิดๆ
ณัฐนนทยายิ้มหวาน ช่างบังเอิญจริงๆ ที่เธอเหลือบเห็นคุณน่านฟ้าเดินมาทางนี้ จึงออกจากร้านได้ทัน เขาดูหล่อมากในชุดสูทลำลอง ไม่ผูกเนกไทด์เช่นที่คุ้นตา
เธอชอบผู้ชายแต่งตัวดี...และคุณน่านฟ้าก็ดูดีทุกครั้งที่เห็น เสื้อผ้าพอเหมาะกับรูปร่างจากห้องเสื้อชั้นสูงของโลก รองเท้าหนังชั้นเยี่ยม เขาไม่ใส่เครื่องประดับอย่างที่ผู้ชายบางคนนิยมกัน มีเพียงนาฬิกาแบบเรียบๆ หากมองปราดเดียวก็รู้ว่าแพงระยับเท่านั้น
หญิงสาวยิ้ม...มองสบนัยน์ตาคมนั่น เธอมั่นใจในความสวยเสมอ วันนี้เธอสวมเดรสสั้นผ้าชีฟองสีเทา ดีไซน์ไม่หวือหวาแต่เน้นรายละเอียดเล็กๆ เป็นคอคเลกชั่นล่าสุดของแบรนด์จากฝรั่งเศสที่เธอชื่นชอบ รองเท้าส้นสูงราวสองนิ้วก็ทำให้รูปรางเธอเพรียวขึ้นอย่างพอเหมาะ กระเป๋าราคาแพงแบรนด์โปรดของเธอก็ทำให้ผู้หญิงหลายคนหันมามองด้วยความอิจฉา
“มาช็อปปิ้งสินะ...ตามสบายนะครับ” น่านฟ้าเหลือบมองถุงกระดาษอาบมันสวยงามสกรีนตราสินค้าของร้านที่เธอเพิ่งออกมา เขาตัดบทอย่างไม่ได้ใส่ใจหญิงสาวนัก
“เอ่อ...ค่ะ” ณัฐนนทยาแทบไปไม่เป็นเมื่อถูกเขาตัดบทอย่างไม่ได้ใส่ใจ และร่างสูงเดินจากไปโดยที่เธอไม่ทันได้เอ่ยอะไรอีก
“บ้าจริง...ทำไมไม่สนใจฉันบ้างนะ ทียายแพง...ฮึ้ย!” หญิงสาวกำมือแน่นอย่างขัดใจ เมื่อนึกถึงแววตาและรอยยิ้มที่เห็นเขามองพะนอขวัญในวันนั้น
เธอมั่นใจว่าเธอสวยกว่าเพื่อนเก่า น่าดึงดูดกว่าเป็นไหนๆ
หรือว่าเธอเป็นเพียงพนักงานของอังสนากรุ๊ป เขาก็เลยไม่สนใจเธอ
พะนอขวัญนอนคว่ำ เหยียดขาอย่างสบายบนแคร่ไม้ไผ่ใต้ร่มต้นมะม่วงข้างบ้าน มองหนึ่งรองคาง อีกมือจับดินสอร่างภาพบนกระดาษ เธอจับจองที่ตรงนี้มาตั้งแต่เช้าแล้ว เพาะเป็นจุดที่เย็นสบาย สมาชิกในบ้านมักจะมานั่งเล่นนอนเล่นหรือทำกิจกรรมครอบครัวอยู่ตรงนี้
“บ่ออกไปข้างนอกติ...”
พะนอขวัญเงยหน้า มองเจ้าของคำถามที่เดินเข้ามาพร้อมกับถือหมอนสองใบมาด้วย พี่ชายคนรองของเธอถามว่าไม่ออกไปข้างนอกเหรอ คงเพราะเมื่อวานนี้เธอออกไปกับเพื่อนแทบทั้งวัน
“บ่...อยู่บ้านดีกว่า รอกินขนมเส่นน้ำยาไก่ของแม่” เธอตอบขำๆ ตอนเที่ยงวันนี้มารดาทำอาหารโปรดก็คือขนมจีนน้ำแกงกะทิไก่ซึ่งอยู่กรุงเทพไม่เคยได้กินเลย ต้องกลับมาบ้านเท่านั้น
หากวันนี้เธอเองก็ไม่อยากออกจากบ้าน เพราะพรุ่งนี้ก็ต้องกลับกรุงเทพแล้ว...อยากอยู่บ้านให้นานๆ
ร่างสูงทรุดนั่งบนแค่ข้างๆ เธอ ส่งหมอนในมือให้น้องสาวใบหนึ่ง ส่วนตัวเองกอดไว้อีกใบ มองภาพในกระดาษของน้องสาว
พะนอขวัญชอบวาดรูปมาตั้งแต่เด็ก หากก็เรียนวิชาอื่นๆ อยู่ในเกณฑ์ดี บิดามารดาอยากให้พะนอขวัญเป็นหมอหรือพยาบาลตามค่านิยมมากกว่า แต่ก็ไม่คัดค้านเมื่อพะนอขวัญขอเลือกเรียนคณะศิลปกรรม ทั้งๆ ที่ท่านทั้งสองก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าเรียนจบออกมาแล้วจะทำยังไง
แต่ที่น่าลำบากใจกว่าสิ่งที่น้องสาวเรียนก็คือ พะนอขวัญสอบติดมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ
การไปใช้ชีวิตตามลำพังในกรุงเทพ ทำให้พ่อแม่เป็นห่วงอย่างมาก แม้จะพอวางใจบ้างเมื่อพะนอขวัญพักอยู่ในหอพักของมหาวิทยาลัย หากความกังวลเกี่ยวกับสังคมเมืองใหญ่จะทำให้พะนอขวัญเปลี่ยนไปก็ยังคงอยู่ เพราะมีตัวอย่างของลูกคนรู้จักที่เข้าไปเรียนในกรุงเทพฯ แล้วหลงแสงสี ติดฟุ้งเฟ้อ
แต่น้องสาวเขาก็ทำให้พ่อแม่สบายใจ ไม่เปลี่ยนไปอย่างที่หวั่นเกรง
“แล้วจิตล่ะ...บ่ออกไปไส” พะนอขวัญถามบ้างว่าเขาไม่ออกไปไหนหรือ ปกติแล้วสามพี่น้องมักจะเรียกชื่อกันเฉยๆ ไม่มีคำนำหน้า
พี่ชายคนรองอายุมากกว่าเธอสามปีและเขาห่างจากมิ่งมิตรพี่ชายคนโตปีเดียว แม้จะเป็นน้องสาวคนเดียวแต่ทั้งคู่ไม่ได้เป็นพี่ชายที่อ่อนโยนทะนุถนอมน้องสาว หากปฏิบัติเหมือนเธอเป็นน้องชายของพวกเขา พวกเธอจึงสนิทกันเหมือนเพื่อนมากกว่า
“ตอนแลงค่อยไป”
“ตาเวนบ่ตก...ออกจากบ้านบ่ได้เนอะ” พะนอขวัญอดแซวไม่ได้ว่าถ้าพระอาทิตย์ไม่ตกก็ออกจากบ้านไม่ได้ เพราะพี่ชายตอบว่าจะตอนเย็นค่อยออกไป
จิตประภัสร์หัวเราะพลางเอาหมอนทุบศีรษะน้องสาวอย่างหมั่นไส้ พะนอขวัญร้องโวยวายหากก็แพ้กำลังพี่ชาย ก่อนที่เขาจะล้มตัวลงนอนข้างๆ เธอจึงต้องขยับที่ให้เพราะจิตประภัสร์สูงใหญ่กว่าเธอมาก เบียดลงมากินพื้นที่แทบเต็มแคร่ รูปร่างหน้าตาไม่ได้เข้ากับชื่อของเขาเลย
หากพะนอขวัญก็รู้สึกยินดีที่ไม่ใช่มีแค่เธอคนเดียวในครอบครัวที่พ่อกับแม่ตั้งชื่อให้แบบนี้
“แล้วนี้จะขยันไปไหน กลับบ้านยังหอบงานมาทำอยู่ได้” จิตประภัสร์ถาม เพราะน้องสาวยังคงขยับมือลากเส้นไปเรื่อยๆ
“ก็กำลังคิดออก...” พะนอขวัญตอบ ปกติแล้วกระดานรองกับกระดาษและดินสอมักอยู่ไม่ห่างมือเธอ เพราะเมื่อคิดอะไรได้เธอจะลงมือได้ทันที ไม่ว่าจะงานในส่วนของบริษัทหรือว่างานเพนต์เสื้อ เพราะเวลาที่ไม่มีอารมณ์ต่อให้นั่งจ้องกระดาษแทบตายก็ทำอะไรไม่ได้
เสียงถอนหายใจเบาๆ ทำให้พะนอขวัญตะแคงตัวหันไปมองพี่ชายอย่างแปลกใจ เขาเองก็มองเธออยู่แล้ว
“เป็นหยัง...” พะนอขวัญเอ่ยถามว่าเขาเป็นอะไร
จิตประภัสร์เอื้อมมือไปจับผมเปียของน้องสาวมาแกว่งเล่น
“อยู่บ้านเงียบดี...สบายใจดี”
พะนอขวัญรู้สึกได้ว่าเขามีเรื่องกังวล
“อืม...แพงก็มักอยู่บ้าน อยากกลับมาอยู่ไวๆ กะว่าเก็บเงินอีกหน่อย ก็จะกลับมาอยู่บ้านเฮาแล้ว”
“อืม...ดีแล้ว” จิตประภัสร์วางหางเปียลงแล้วลูบศีรษะน้องสาวเบาๆ
ไม่ใช่แค่พะนอขวัญหรอกที่คิดอย่างนั้น...
พวกเขาสามคนพี่น้องต่างทำงานอยู่ไกลบ้านกันหมด แม้จะผลัดกันกลับมาเยี่ยมบ้านบ่อยๆ แต่ก็ไม่เหมือนอยู่ที่บ้านเลยหรอก
เมื่อพี่ชายเงียบไป พะนอขวัญก็หันไปเพื่อจะทำงานต่อ หากคราวนี้มือกลับหยุดนิ่ง เพราะความคิดอื่นเข้ามาแทนที่
ถ้าเธอกลับมาอยู่บ้านตามที่ตั้งใจ
ก็แปลว่า...
ไม่ควรสร้างสายสัมพันธ์ใด...
ที่กรุงเทพฯ สินะ
...
ลมเย็นพัดมาเป็นระยะ เสียงเสียดสีของใบมะม่วงที่แสนเพลินเพลิน กลับไม่ได้ทำให้พะนอขวัญใจสงบเหมือนเช่นเคย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ปล... ตอนนี้มาแบบสั้นๆ เนอะ เง้ออออ
ปล... ศัพท์และำสำเนียงอีสานในเรื่องนี้เป็นของบ้านเกิดคำแพงค่ะ อย่างขนมจีน..เรียกว่าขนมเส่น ไม่ได้เรียกข้าวปุ้น ^^
ปล... อีกครั้ง
Create Date : 13 ตุลาคม 2555 |
|
24 comments |
Last Update : 13 ตุลาคม 2555 20:04:19 น. |
Counter : 7367 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: Nateethip IP: 184.56.150.138 13 ตุลาคม 2555 12:33:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: Green-ant IP: 27.130.7.224 13 ตุลาคม 2555 12:36:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลูกหมู IP: 202.29.54.58 13 ตุลาคม 2555 13:24:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: mooda IP: 223.206.136.150 13 ตุลาคม 2555 13:52:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: ฟ้าใส IP: 113.53.205.152 13 ตุลาคม 2555 14:28:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: ฟ้าใส IP: 113.53.205.152 13 ตุลาคม 2555 14:28:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปูจ้า IP: 49.144.29.69 13 ตุลาคม 2555 14:37:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: chicky IP: 125.25.24.7 13 ตุลาคม 2555 14:38:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: OhHohAe IP: 171.6.187.47 13 ตุลาคม 2555 14:57:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: pimpagee IP: 223.204.75.248 13 ตุลาคม 2555 18:29:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: bijin-k IP: 101.109.208.212 13 ตุลาคม 2555 19:25:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: ณัฏฐ์ IP: 49.49.217.132 13 ตุลาคม 2555 19:51:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: nasa IP: 202.28.78.180 14 ตุลาคม 2555 16:15:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: yao chan IP: 125.27.86.195 14 ตุลาคม 2555 18:26:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: ของขวัญ...^=A=^... IP: 171.99.19.235 14 ตุลาคม 2555 21:23:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: นก IP: 115.67.132.46 15 ตุลาคม 2555 1:39:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: panon IP: 203.158.141.9 15 ตุลาคม 2555 11:11:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: Final_P IP: 171.4.126.153 16 ตุลาคม 2555 23:01:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: รพิชา 17 ตุลาคม 2555 4:40:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: รมณ IP: 171.101.162.20 17 ตุลาคม 2555 19:12:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: wow IP: 118.173.208.85 18 ตุลาคม 2555 9:07:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: เล็ก siricharee IP: 58.64.50.205 19 ตุลาคม 2555 16:46:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: ณัฏฐ์ IP: 49.48.243.17 19 ตุลาคม 2555 23:48:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: มู๋อ้วน IP: 118.174.138.117 21 ตุลาคม 2555 20:27:01 น. |
|
|
|
|
|
|
|